การกระจายกลิ่นของน้ำหอมที่มาจากสมุนไพร
กลิ่นของสมุนไพรที่สกัดออกมาเป็นน้ำหอมบางชนิด ไม่ว่าจะเป็น มะกรูด มาร์จอแรม ลาเวนเดอร์ และไม้จันทน์ จะช่วยเปลี่ยนคลื่นสมอง ในเรื่องของการช่วยให้ผ่อนคลายและนอนหลับอย่างยาวนาน หากฉีดน้ำหอมหรือได้สูดดมกลิ่น จะช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ซึ่งในน้ำหอมจะมีน้ำมันหอมระเหยเป็นสารที่ได้จากการสกัดและกลั่นอย่างเข้มข้นจากใบหรือดอกทำให้ระเหยง่ายและไม่ทิ้งความมันบนผิวบวกกับการกระจายกลิ่นของแอลกอฮอล์ที่จะช่วยให้น้ำหอมมีความฟุ้ง หอมกระจายไปรอบๆ บริเวณ ยิ่งหากเลือกกลิ่นที่ถูกใจคนรอบข้าง ก็จะทำให้คุณมีความโดดเด่นในบุคลิกมากขึ้น
การสัมผัสน้ำหอมกลิ่นสมุนไพร
สิ่งควรรู้เกี่ยวกับน้ำหอมที่สกัดจากสมุนไพรคือ เมื่อสัมผัสจากการสูดดมจะทำให้ได้รับกลิ่นไอเข้มข้น ที่มุ่งตรงเข้าสู่ศูนย์กลางประสาทในสมอง ทำให้เกิดความรู้สึกและปฏิกิริยาตอบสนองอันหลากหลาย น้ำหอมที่สกัดจากสมุนไพรต่างๆ จะได้มาทั้งกลิ่นและสารเคมีเชิงซ้อนที่มีฤทธิ์ในการบำบัด ซึ่งน้ำหอมกลิ่นสมุนไพรจะช่วยบรรเทาอาการกังวลและลดอาการซึมเศร้าได้ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยลดปฏิกิริยาทางกายที่มีต่อการผ่อนคลายความเครียดและช่วยให้นอนหลับอย่างยาวนาน ซึ่งการสกัดน้ำหอมจากสมุนไพรโดยตรงจะทำให้มีความเข้มข้นสูง ทำให้มีการเจือจางด้วยน้ำมันที่เป็นตัวกลาง (carrier oil) อย่าง น้ำมันมะกอก น้ำมันงา น้ำมันอัลมอนด์ หรือน้ำมันโจโจบา จะยกเว้นก็แต่น้ำมันลาเวนเดอร์ที่สามารถใช้งานได้ทันทีเพราะว่ามีความเจือจางในตัวอยู่แล้วจึงไม่ต้องผสมน้ำมันใดๆ
ความเข้มข้นของน้ำหอมกลิ่นสมุนไพร
ในพืชแต่ละชนิดจะมีปริมาณของน้ำมันหอมระเหยมากน้อยแตกต่างกัน ซึ่งน้ำหอมกลิ่นสมุนไพรจะทำให้ได้น้ำมันที่กลั่นหรือสกัดมาจากสารหอมที่อยู่ในส่วนต่างๆ ของพืช ในการสกัดอาจต้องใช้วิธีที่แตกต่างกันเพื่อป้องการการถูกทำลายขององค์ประกอบต่างๆ ที่มีประโยชน์ในน้ำมันหอมของพืชแต่ละชนิด โดยพืชที่สามารถสกัดน้ำมันหอมเพื่อนำมาใช้เป็นน้ำหอมออกมาง่ายๆ อย่างส้ม ตะไคร้ ยูคาลิปตัส ไพน์ ซีดาร์ เปปเปอร์มินท์ ซึ่งจะออกมาในปริมาณที่มากแถมยังทำให้มีราคาถูกทำให้ผู้ใช้น้ำหอมที่ชื่นชอบในกลิ่นสมุนไพรเหล่านี้ สามารถเลือกซื้อน้ำหอมแท้ๆ ที่มีความเข้มข้นได้ในราคาไม่แพง ในขณะที่น้ำหอมบางชนิดที่สกัดออกมามีปริมาณน้อย ทำให้ต้องใช้วัตถุดิบปริมาณมากในการสกัดเป็นน้ำมันหอมออกมา ซึ่งก็จะมีราคาแพงมากขึ้นไปตามลำดับ
ปัจจัยหลายๆ อย่างที่เป็นตัวกำหนดราคาของน้ำหอมกลิ่นสมุนไพรคือ ปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ และความยากง่ายในการปลูก การสกัดจากส่วนผสมต่างๆ ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกดูส่วนผสมและกลิ่นที่ชอบได้
อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการสกัดน้ำมันสกัดจากน้ำหอมจากสมุนไพร
1.แหล่งกำเนิดไอน้ำ
2.ภาชนะ บรรจุ
3.เครื่องควบแน่ง
4.เครื่องมือดักน้ำมันหอม
น้ำหอมเข้าข่ายเป็นเครื่องสำอาง เพราะเป็นวัตถุที่มุ่งหมายใช้กับรางกายภายนอก เพื่อแต่งกลิ่นหอม
ตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2535 กำหนดไห้เครื่องสำอางควบคุมพิเศษ เครื่องสำอางควบคุม ส่วนเครื่องสำอางที่ไม่เข้าข่างทั้ง 2 ประเภทข้างต้น นิยมเรียนกันว่าเครื่องสำอางทั้วไป ซึ่งน้ำหอมส่วนใหญ่จะจัดอยู่ในกลุ่มเครื่องสำอางทั่วไป เนื่องจากเครื่งสำอางทั้วไปมีความเสี่ยงในร่างกายค่อนข้างต่ำ การกำกับดูแลจึงไม่เข้มงวด ภาครับจึงออกประกาศกฎระเบียบ ไห้ผู้ประกอบการธุรกิจนำไปปฏิบัติเอง โดยไม่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่พนักงานก่อนการผลิต
ตามกฎหมาย คำว่า ผลิต หมายความว่า ทำ ผสม เปลี่ยนรูป แปรสภาพ ปรุงแต่ง แบ่งบรรจุ หรือเปลี่ยนภาชนะบรรรจุ ดังนั้น การผสมน้ำหอมแล้วเติมลงในขวดเปล่า จะเข้าข่ายเป็นการผลิตเครื่องสำอาง ผู้ประกอบธุรกิจนี้จำเป็นต้องปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง ดังนี้
1.จะต้องใช้สารตามที่กฎหมายกำหนด เช่นไม่ผสมสารห้ามใช้ การใช้สี หรือ สารกันเสีย จะต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
2.การจัดทำฉลายภาษาไทย จะต้องแสดงข้อความบังคับ ครบถ้วยถูกต้อง (ชื่อ ประเภทผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบ วิธีใช้ ปริมาณสุทธิ ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต และ วันเดือนปี ที่ผลิต )ส่วนข้อความอื่นๆจะต้องไม่หลอกลวงหรือทำไห้เกิดความเข้าใจผิดต่อผลิตภัณฑ์ และมีหลักฐานพร้อมพิสูจน์ว่าข้อความที่กล่าวอ้างเป็นความจริง
ข้อมูลจาก
http://ไปที่..link..
สำหรับผู้ผลิตสินค้าน้ำหอมสมุนไพร สามารถส่งตัวอย่างเข้าตรวจวิเคราะห์กับ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CENTRAL LAB THAI ได้ที่ลิงค์นี้
http://ไปที่..link..
สำหรับผู้ผลิตสินค้าน้ำหอมสมุนไพร ที่ต้องการตรวจฉลากบรรจุภัณฑ์ สามารถส่งตัวอย่างเข้าตรวจวิเคราะห์กับ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CENTRAL LAB THAI ได้ที่ลิงค์นี้
http://ไปที่..link..
สำหรับผู้ผลิตสินค้าน้ำหอมสมุนไพร ที่ต้องการตรวจน้ำที่ใช้ในการผลิตน้ำหอม สามารถส่งตัวอย่างเข้าตรวจวิเคราะห์กับ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CENTRAL LAB THAI ได้ที่ลิงค์นี้
http://ไปที่..link..