อะมิโนโปรตีนเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช พวกมันเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของโปรตีน อะมิโนโปรตีนจำเป็นต่อพืช 18 ชนิด และมีบทบาทสำคัญในการสร้างฮอร์โมนพืช หนึ่งในพืชที่ได้รับประโยชน์จากอะมิโนโปรตีนคือดอกดาวเรือง ช่วยในการสร้างและขยายเซลล์เนื้อเยื่อซึ่งนำไปสู่การพัฒนาส่วนต่างๆของพืช

สามารถใช้อะมิโนโปรตีนเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตและสุขภาพของพืชได้ ใช้งานง่าย ผสมกับน้ำฉีดได้ ปริมาณที่ใช้จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของพืชผลและระยะการเจริญเติบโตของพืช สำหรับผักควรผสมอะมิโนโปรตีน 10-20 มล. กับน้ำ 20 ลิตร สำหรับนาข้าว พืชไร่ และไม้ผล ควรผสม 20-40 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร เมื่อใช้ระบบน้ำหยดควรผสมอะมิโนโปรตีน 500 มล. ต่อน้ำทุกๆ 1 ไร่

แนะนำให้ฉีดอะมิโนโปรตีนเดือนละสองครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าไม่ควรฉีดพ่นอะมิโนโปรตีนในช่วงระยะออกดอกของพืช เนื่องจากการฉีดพ่นในระยะนี้อาจรบกวนกระบวนการผสมเกสรตามธรรมชาติ ซึ่งอาจทำให้ผลผลิตลดลง

สรุปได้ว่า อะมิโนโปรตีนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช ช่วยในการผลิตฮอร์โมนพืชและมีส่วนในการสร้างและขยายเซลล์เนื้อเยื่อ เมื่อใช้อย่างถูกต้อง อะมิโนโปรตีนสามารถปรับปรุงผลผลิตพืชผลและส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของพืชได้อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามแนวทางการใช้ที่แนะนำและหลีกเลี่ยงการฉีดพ่นในช่วงออกดอกเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

อะมิโน-โปรตีน: จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช

พืชเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของระบบนิเวศของเรา พวกมันไม่เพียงให้ออกซิเจน แต่ยังทำหน้าที่เป็นแหล่งอาหารหลักสำหรับสัตว์ รวมทั้งมนุษย์ด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแน่ใจว่ามีการเติบโตและการพัฒนาอย่างเหมาะสม วิธีหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายนี้คือการให้สารอาหารที่จำเป็นแก่พืช เช่น อะมิโน-โปรตีน

อะมิโนโปรตีนเป็นส่วนประกอบสำคัญที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืชต่างๆ จำเป็นต่อการสังเคราะห์เอนไซม์ โปรตีน และคลอโรฟิลล์ อะมิโน-โปรตีนยังจำเป็นสำหรับการผลิตฮอร์โมนพืช เช่น ออกซิน ไซโตไคนิน และจิบเบอเรลลิน ฮอร์โมนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในกระบวนการต่างๆ ของพืช เช่น การแบ่งเซลล์ การเจริญเติบโตของหน่อ และการพัฒนาราก

ความสำคัญของอะมิโนโปรตีนสำหรับการเจริญเติบโตและการพัฒนาของพืชถูกเน้นโดยข้อเท็จจริงที่ว่าพืช 18 ชนิดต้องการ พืชบางชนิดได้แก่ ข้าว ข้าวโพด ข้าวสาลี และอ้อย อะมิโนโปรตีนยังมีบทบาทสำคัญในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของไม้ผล เช่น มะม่วงและทุเรียน

ผลไม้ชนิดหนึ่งที่ทราบกันดีว่าได้ประโยชน์จากอะมิโนโปรตีนคือมังคุด มังคุดเป็นผลไม้เมืองร้อนที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและถูกนำมาใช้ในยาแผนโบราณมานานหลายศตวรรษ การใช้อะมิโนโปรตีนในต้นมังคุดทำให้เกิดการสร้างและขยายเซลล์เนื้อเยื่อ ส่งผลให้ส่วนต่าง ๆ ของพืชเจริญเติบโตได้เต็มที่

การใช้อะมิโนโปรตีนนั้นตรงไปตรงมา สามารถผสมกับน้ำฉีดพ่นและฉีดพ่นพืชได้ อัตราการใช้แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับพืชและวิธีการใช้ สำหรับผักแนะนำ 10-20 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร สำหรับนาข้าว พืชไร่ และไม้ผล แนะนำให้ใช้ 20-40 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร กรณีใช้ระบบน้ำหยด ควรใช้ 500 มล. ต่อ 1 ไร่

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรใช้อะมิโนโปรตีนเดือนละสองครั้ง อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าไม่ควรฉีดพ่นอะมิโนโปรตีนในช่วงที่พืชออกดอก เนื่องจากอาจรบกวนกระบวนการผสมเกสรและส่งผลต่อผลผลิต

สรุปได้ว่า อะมิโนโปรตีนเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืชต่างๆ มีบทบาทสำคัญในการสร้างฮอร์โมนพืชและการพัฒนาส่วนต่าง ๆ ของพืช การใช้อะมิโนโปรตีนทำได้ง่ายและทำได้โดยการผสมกับน้ำฉีด เมื่อใช้อย่างถูกต้อง อะมิโนโปรตีนสามารถช่วยให้พืชเจริญเติบโตและพัฒนาการที่เหมาะสม ส่งผลให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นและพืชแข็งแรงขึ้น

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

Maca: อัลคาลอยด์ที่ทรงพลังสำหรับการควบคุมศัตรูพืชตามธรรมชาติและการป้องกันความต้านทาน

ในโลกของเกษตรกรรม การต่อสู้กับแมลงศัตรูพืชและการพัฒนาความต้านทานต่อสารเคมีกำจัดศัตรูพืชเป็นความท้าทายอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีล่าสุดได้ปูทางไปสู่โซลูชั่นนวัตกรรมที่ควบคุมพลังของอัลคาลอยด์ที่สกัดจากธรรมชาติ หนึ่งในอัลคาลอยด์ดังกล่าวคือ Maca ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีประสิทธิภาพสูงซึ่งให้การควบคุมศัตรูพืชที่ปลอดภัยและยั่งยืนในขณะที่ลดปัญหาการดื้อยา

Maca หรือที่รู้จักกันในทางวิทยาศาสตร์ว่า Lepidium meyenii เป็นพืชพื้นเมืองบนเทือกเขาแอนเดียนสูงของเปรู ตามเนื้อผ้า Maca ได้รับการบริโภคเนื่องจากคุณสมบัติทางโภชนาการและมีชื่อเสียงในด้านผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์ในการปรับตัว อย่างไรก็ตาม นักวิจัยได้ค้นพบว่า Maca ยังมีคุณสมบัติในการฆ่าแมลง เนื่องจากมีปริมาณอัลคาลอยด์

การพัฒนา Maca ให้เป็นยาฆ่าแมลงตามธรรมชาติเกี่ยวข้องกับกระบวนการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันและการประยุกต์ใช้หลักการเทคโนโลยีระดับสูง นักวิจัยระบุว่าสารอัลคาลอยด์เฉพาะในมะค่ามีฤทธิ์ฆ่าแมลงที่รุนแรงต่อแมลงศัตรูพืชหลายชนิด รวมถึงเพลี้ยแป้งในทุเรียนซึ่งเป็นแมลงศัตรูพืชที่มีชื่อเสียงซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชผล

ด้วยการรวมอัลคาลอยด์ที่คัดสรรมาอย่างดีเหล่านี้เข้าด้วยกัน นักวิจัยสามารถสร้างสูตรยาฆ่าแมลงที่มีความเข้มข้นสูงและมีประสิทธิภาพ สูตรนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพอย่างน่าทึ่งในการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืช ในขณะเดียวกันก็มีข้อได้เปรียบที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือวิธีการดำเนินการที่ไม่เฉพาะเจาะจง

อัลคาลอยด์ของ Maca ทำงานผ่านกลไกที่ไม่เฉพาะเจาะจง ซึ่งแตกต่างจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชจำนวนมากที่กำหนดเป้าหมายเส้นทางชีวเคมีเฉพาะ ซึ่งหมายความว่าแมลงไม่สามารถปรับตัวและพัฒนาความต้านทานต่ออัลคาลอยด์ได้โดยง่าย ทำให้เป็นเครื่องมือล้ำค่าในการต่อสู้กับการดื้อยา

นอกจากนี้ การใช้ Maca เป็นยาฆ่าแมลงยังมีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมหลายประการ สูตรที่มีส่วนประกอบของ Maca ไม่ทิ้งสารพิษตกค้างในดินและน้ำ ทำให้มั่นใจในความปลอดภัยของระบบนิเวศและลดความเสี่ยงของการปนเปื้อน คุณลักษณะนี้ไม่เพียงแต่ปกป้องสิ่งแวดล้อม แต่ยังทำให้ปลอดภัยทั้งผู้ใช้และผู้บริโภค ซึ่งสามารถเพลิดเพลินกับผลผลิตโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสารเคมีตกค้างที่เป็นอันตราย

การแนะนำยาฆ่าแมลงจาก Maca ช่วยให้เกษตรกรมีทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนแทนสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ด้วยการใช้สารประกอบจากธรรมชาติ จึงเป็นไปได้ที่จะสร้างสมดุลระหว่างการควบคุมสัตว์รบกวนและการรักษาสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ รูปแบบการทำงานที่ไม่เฉพาะเจาะจงของอัลคาลอยด์ของ Maca ยังช่วยลดความจำเป็นในการหมุนเวียนสารกำจัดศัตรูพืชอย่างต่อเนื่อง จึงลดการพัฒนาของความต้านทานในประชากรแมลงเมื่อเวลาผ่านไป

ประโยชน์ของ Maca มีมากกว่าคุณสมบัติในการฆ่าแมลง คอมพาวนด์อเนกประสงค์นี้ยังแสดงให้เห็นประโยชน์ในการใช้งานด้านการเกษตรอื่นๆ เช่น ส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช เพิ่มการดูดซึมธาตุอาหาร และปรับปรุงความทนทานต่อความเครียดในพืชผล ประโยชน์เพิ่มเติมเหล่านี้ทำให้ Maca เป็นสินทรัพย์อันมีค่าสำหรับเกษตรกรที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการเกษตร

โดยสรุป Maca แสดงถึงความก้าวหน้าที่ก้าวล้ำในการควบคุมศัตรูพืชตามธรรมชาติและการป้องกันการดื้อยา ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถันและการประยุกต์ใช้หลักการเทคโนโลยีขั้นสูง นักวิจัยได้ใช้ประโยชน์จากพลังของอัลคาลอยด์ของ Maca เพื่อสร้างสูตรที่เข้มข้นและมีประสิทธิภาพสูง สูตรเหล่านี้ให้การควบคุมศัตรูพืชที่ปลอดภัยและยั่งยืนในขณะที่ลดความเสี่ยงของการพัฒนาความต้านทาน ด้วย Maca เกษตรกรสามารถน้อมรับแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในการทำการเกษตร ทำให้มั่นใจได้ถึงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของทั้งระบบนิเวศและผู้บริโภค

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

อัลคาลอยด์ Maca: ทางออกตามธรรมชาติสำหรับการทำฟาร์มที่ปราศจากยาฆ่าแมลง

เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการใช้ยาฆ่าแมลงสังเคราะห์ยังคงเพิ่มสูงขึ้น เกษตรกรจำนวนมากจึงหันไปใช้วิธีแก้ปัญหาจากธรรมชาติเพื่อปกป้องพืชผลของตนจากแมลงศัตรูพืช หนึ่งในวิธีแก้ปัญหาดังกล่าวคือ maca alkaloids ซึ่งเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืช

อัลคาลอยด์ของ Maca สกัดจากรากของต้น Maca (Lepidium meyenii) ซึ่งมีถิ่นกำเนิดบนภูเขาสูง Andean ของเปรู ต้นมะค่าถูกนำมาใช้เป็นยาแผนโบราณมานานหลายศตวรรษเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย รวมถึงการเพิ่มพลังงาน การปรับปรุงการเจริญพันธุ์ และลดความเครียด แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเท่านั้นที่มีการค้นพบคุณสมบัติในการฆ่าแมลง

อัลคาลอยด์ในมะค่าได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันโดยใช้หลักการเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อรวมอัลคาลอยด์เข้มข้นที่มีประสิทธิภาพสูง ผลลัพธ์ที่ได้คือสารสกัดจากธรรมชาติที่สามารถป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชรวมถึงเพลี้ยไฟในแตงโม ซึ่งทำได้ด้วยวิธีการดำเนินการที่ไม่เฉพาะเจาะจง ซึ่งจะป้องกันไม่ให้แมลงปรับตัวเข้ากับการดื้อยาที่เกิดจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชเมื่อเวลาผ่านไป

ข้อดีหลักอย่างหนึ่งของอัลคาลอยด์ Maca คือสามารถใช้ก่อนการเก็บเกี่ยวได้โดยไม่ทิ้งสารพิษตกค้างในดินหรือน้ำ ทำให้ปลอดภัยสำหรับทั้งผู้ใช้และผู้บริโภคตลอดจนสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ การใช้มาคาอัลคาลอยด์สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการดื้อยาที่เกิดจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชเป็นเวลานาน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การใช้ maca alkaloids ในการเกษตรได้รับความนิยมเนื่องจากมีประโยชน์มากมาย ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมแมลงศัตรูพืชหลายชนิด รวมถึงเพลี้ย แมลงหวี่ขาว เพลี้ยไฟ และไรเดอร์ และเนื่องจากเป็นสารละลายธรรมชาติ จึงถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าสารกำจัดศัตรูพืชสังเคราะห์

แม้จะมีข้อดีหลายประการ แต่การใช้มาคาอัลคาลอยด์ในการเกษตรยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจประสิทธิภาพของพืชผลและสภาพการเจริญเติบโตที่แตกต่างกัน แต่ในขณะที่เกษตรกรยังคงแสวงหาวิธีแก้ปัญหาตามธรรมชาติเพื่อปกป้องพืชผลของพวกเขา Maca alkaloids มีแนวโน้มที่จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในอนาคตของการทำฟาร์มที่ปราศจากยาฆ่าแมลง

โดยสรุป การใช้อัลคาลอยด์มะค่าในการเกษตรเป็นวิธีแก้ปัญหาแมลงศัตรูพืชตามธรรมชาติที่มีประโยชน์มากมายต่อเกษตรกร ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม เมื่อมีการวิจัยมากขึ้นและตระหนักถึงคุณประโยชน์ของมันมากขึ้น ก็มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นแทนสารกำจัดศัตรูพืชสังเคราะห์ เราสามารถสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและดีต่อสุขภาพสำหรับระบบอาหารของเราได้ด้วยการใช้วิธีแก้ปัญหาจากธรรมชาติ เช่น Maca alkaloids

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม มาคา และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

พริกเป็นพืชหลักในสวนหลายแห่ง และนิยมปลูกเนื่องจากความอเนกประสงค์และความสามารถในการเพิ่มรสชาติและเครื่องเทศให้กับอาหารหลากหลาย อย่างไรก็ตามพวกมันยังไวต่อโรคเชื้อราหลายชนิดที่สามารถทำลายหรือทำให้พืชตายได้ ในบทความนี้จะกล่าวถึงคำแนะนำในการป้องกันและกำจัดโรคพืชจากเชื้อราด้วย IS และ FK-1

โรคเชื้อราที่พบบ่อยที่สุดชนิดหนึ่งที่ส่งผลต่อพืชพริกคือ โรคแอนแทรกโนส หรือโรคกุ้งแห้งในพริก โรคราแป้ง โรคเชื้อรานี้สามารถระบุได้จากลักษณะของสารที่เป็นแป้งสีขาวบนใบ ลำต้น และดอกของพืช หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา โรคราแป้งอาจทำให้ใบเหลืองและร่วงหล่น ซึ่งลดความสามารถในการผลิตผลไม้ของพืช

เพื่อป้องกันและรักษาโรคราแป้งและโรคเชื้อราอื่นๆ ในต้นพริก ขอแนะนำให้ใช้ IS และ FK-1 IS เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ป้องกันและกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ในทางกลับกัน FK-1 ช่วยบำรุงพืชในขณะเดียวกันก็ให้สารอาหารที่จำเป็นเพื่อต่อสู้กับโรคเชื้อรา

เมื่อใช้ IS และ FK-1 เพื่อรักษาโรคเชื้อราในต้นพริก สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามอัตราการผสมที่แนะนำ สำหรับ IS ผสม 50 ซีซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร สำหรับ FK-1 ให้ใช้ 50 g. ของถุงแรกและ 50 g. ถุงที่ 2 ผสมน้ำ 20 ลิตร ผสมสารละลายให้ทั่วก่อนนำไปใช้กับพืชพริก

ในการใช้สารละลาย ให้ใช้ขวดสเปรย์หรือเครื่องพ่นยาแบบปั๊มเพื่อกระจายสารละลายให้ทั่วทั่วทั้งต้น รวมทั้งใบ ลำต้น และดอก ต้องแน่ใจว่าได้ลงน้ำยาทั้งด้านบนและด้านล่างของใบไม้เพื่อให้ครอบคลุมทั่วถึง

สิ่งสำคัญคือต้องใช้สารละลายเมื่อสภาพอากาศแห้ง เนื่องจากสภาพที่เปียกชื้นสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของโรคเชื้อรา เราแนะนำให้ทาในช่วงเช้าตรู่หรือบ่ายแก่ๆ เมื่ออุณหภูมิเย็นลงและแดดไม่แรงเกินไป

นอกจากการใช้ IS และ FK-1 แล้ว ยังมีขั้นตอนอื่นๆ ที่คุณสามารถทำได้เพื่อป้องกันโรคเชื้อราในต้นพริกของคุณ เหล่านี้รวมถึง:

หลีกเลี่ยงการรดน้ำต้นไม้ของคุณมากเกินไป เนื่องจากความชื้นที่มากเกินไปสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของโรคเชื้อรา
ปลูกพริกในดินที่มีการระบายน้ำดีและในบริเวณที่ได้รับแสงแดดมาก
นำวัสดุพืชที่เป็นโรคออกทันทีที่พบเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคเชื้อรา
โดยสรุป การป้องกันและรักษาโรคเชื้อราในต้นพริกเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเก็บเกี่ยวที่ดีต่อสุขภาพและอุดมสมบูรณ์ เมื่อใช้ IS และ FK-1 ร่วมกับการปฏิบัติตามอัตราการผสมที่แนะนำและวิธีการใช้ คุณจะสามารถป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในต้นพริกของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็บำรุงต้นพริกด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต

ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ สุ่มตรวจปลาหมึกแห้ง จำนวน 13 ตัวอย่าง ไม่พบสารพิษจากเชื้อราอะฟลาทอกซินและการตกค้างของยาฆ่าแมลง แต่พบแคดเมียมปนเปื้อนสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานอาหาร แนะบริโภคพอเหมาะ ไม่บ่อยครั้งจนเกินไป

วันนี้ (31 กรกฎาคม 2563) ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ภายใต้โครงการสนับสนุนการเฝ้าระวังสินค้าและบริการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ เผยผลทดสอบ การสุ่มเก็บตัวอย่างปลาหมึกแห้ง จำนวน 13 ตัวอย่าง จากตลาดสด ร้านค้า และห้างออนไลน์ เมื่อเดือน ก.พ.- มี.ค. 2563 ส่งห้องปฏิบัติการมาตรฐานตรวจวิเคราะห์การปนเปื้อนของสารพิษจากเชื้อรา การตกค้างของสารเคมีทางการเกษตรในกลุ่มไพรีทอยด์ ปริมาณโซเดียม และโลหะหนัก (ปรอท ตะกั่ว และแคดเมียม)

โดยผลการตรวจวิเคราะห์ ไม่พบการปนเปื้อนของสารพิษจากเชื้อรา Aflatoxin B1_ B2_ G1_ G2 และ Total Aflatoxin และ การตกค้างของสารเคมีทางการเกษตรกลุ่มไพรีทอยด์ (Pesticides Pyrethroid)

ส่วนผลทดสอบการปนเปื้อนของตะกั่วและปรอท ในปลาหมึกแห้งที่นำมาทดสอบนั้น ทุกตัวอย่างไม่เกินเกณฑ์มาตรฐาน ยกเว้นผลทดสอบแคดเมียม พบว่า ปลาหมึกแห้ง จำนวน 7 ตัวอย่าง ที่ส่งตรวจมีการปนเปื้อนของแคดเมียมเกินเกณฑ์มาตรฐาน ตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง กำหนดปริมาณการปนเปื้อนสูงสุดของแคดเมียมในอาหารบางชนิด สอดคล้องกับมาตรฐานโคเด็ก (Codex) ซึ่งกำหนดไว้ว่าต้องไม่เกิน 2 มิลลิกรัม ต่อ อาหาร 1 กิโลกรัม

ทั้งนี้ ผลทดสอบค่าเฉลี่ยปริมาณโซเดียมจากหมึกแห้ง 13 ตัวอย่าง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 1_097.27 มิลลิกรัม / 100 กรัม (1 ขีด) สารอาหารที่แนะนำให้บริโภคประจำวันสำหรับคนไทย ตั้งแต่ 6 ปี ขึ้นไป (Thai RDI) แนะนำให้บริโภคโซเดียมไม่เกินวันละ 2_000 mg โซเดียมที่เราจะได้รับในแต่ละวันขึ้นอยู่กับอาหารที่เรารับประทาน โดยอาหารจานเดียวที่เรารับประทานมีโซเดียมตั้งแต่ ประมาณ 360 – 1_600 mg ดังนั้น การรับประทานที่เหมาะสม ควรจะคำนึงถึงปริมาณโซเดียมที่จะได้รับจากปลาหมึกแห้งข้างต้น ( 200 mg/20 g ) ร่วมกับปริมาณโซเดียมในอาหารอื่นที่เรารับประทานร่วมด้วยในแต่ละวันด้วย

อย่างไรก็ตาม อาหารทะเล เช่น หมึกแห้ง ไม่อาจเลี่ยงการพบโลหะหนักปนเปื้อน เนื่องจากเป็นการตกค้างจากสภาพแวดล้อมทางทะเลที่ยากต่อการจัดการ ดังนั้น สิ่งที่ผู้บริโภคจะทำได้ ก็คือ การเลือกบริโภคหมึกแห้งอย่างพอเหมาะ ไม่บ่อยครั้งจนเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้โลหะหนักสะสมในร่างกาย


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..

Beauveria Mix Methharicium หรือที่รู้จักในชื่อ Butarex เป็นสารกำจัดแมลงชีวภาพที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพซึ่งออกแบบมาเพื่อป้องกันและกำจัดเพลี้ยในผักกาดหอมและผักไฮโดรโปนิกส์ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมนี้ทำมาจากการผสมผสานของ Beauveria bassiana และ Metarhizium anisopliae ซึ่งเป็นเชื้อราธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูงสองตัวที่โจมตีและฆ่าแมลงที่เป็นอันตราย

เพลี้ยเป็นศัตรูพืชที่พบได้บ่อยที่สุดชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อผักกาดหอมและผักไฮโดรโปนิกส์ แมลงตัวเล็ก ๆ เหล่านี้กินน้ำเลี้ยงของพืช ซึ่งอาจทำให้การเจริญเติบโตแคระแกร็น ผลผลิตลดลง และแม้แต่พืชตายได้ เพลี้ยยังสามารถแพร่กระจายโรคพืชทำให้เป็นอันตรายต่อพืชผล

บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมเป็นวิธีแก้ปัญหาเพลี้ยอ่อนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สารกำจัดศัตรูพืชทางชีวภาพนี้ไม่เป็นพิษและปลอดภัยต่อมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งแตกต่างจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบดั้งเดิมที่ใช้สารเคมีทั่วไป นอกจากนี้ยังปลอดภัยสำหรับแมลงที่เป็นประโยชน์ เช่น แมลงเต่าทองและผึ้ง ซึ่งจำเป็นต่อการรักษาระบบนิเวศให้แข็งแรงและสมดุล

ผลิตภัณฑ์นี้ทำงานโดยการปล่อยเชื้อรา Beauveria และ Metarhizium สู่สิ่งแวดล้อม ซึ่งพวกมันจะแพร่เชื้อและฆ่าเพลี้ยอ่อน เชื้อรามีความจำเพาะสูงต่อศัตรูพืชเป้าหมาย และไม่เป็นอันตรายต่อแมลง พืช หรือสัตว์อื่นๆ เมื่อเพลี้ยที่ติดเชื้อตาย เชื้อรายังคงแพร่กระจายต่อไป ช่วยควบคุมจำนวนเพลี้ย

นอกจากความปลอดภัยและประสิทธิผลแล้ว โบเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมยังสะดวกในการใช้งานอีกด้วย มีจำหน่ายในรูปแบบสเปรย์ที่สะดวกและพร้อมใช้งาน และสามารถนำไปใช้กับพืชผลได้อย่างง่ายดายทั้งแบบแมนนวลหรือด้วยเครื่องพ่น ผลิตภัณฑ์นี้มีความคงตัวและมีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนาน ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับเกษตรกรและผู้ปลูกที่ต้องการสารกำจัดศัตรูพืชทางชีวภาพที่วางใจได้และใช้งานง่าย

สรุปได้ว่า บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมเป็นทางออกที่ดีเยี่ยมสำหรับการป้องกันและกำจัดเพลี้ยในผักกาดหอมและผักไฮโดรโปนิกส์ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความสะดวกสบายทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับเกษตรกรและผู้ปลูกที่ต้องการปกป้องพืชผลของตนจากศัตรูพืชที่เป็นอันตราย ในขณะที่ยังคงรักษาสภาพแวดล้อมที่ดีและยั่งยืน

เชื้อบิวเวอร์เรีย + เมธาไรเซียม
เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดสรรจุลินทรีย์ 2 ชนิดมี คุณสมบัติโดดเด่นมาผสมผสานใช้ในการป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ปลวก เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอน เป็นต้น

บิวทาเร็กซ์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณ กิ่ง ก้าน ใบ หรือบริเวณที่แมลงระบาด
2. ฉีดพ่นได้ทุก 7-10 วัน

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อไตรโคเดอร์มา และ ยากำจัดเชื้อรา หากต้องการใช้ร่วมควรเว้น ระยะฉีดพ่น 7-10 วัน *

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย บิวทาเร็กซ์..
ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช
เชื้อดีที่สุดสำหรับชาวเกษตรกร
ปริมาณเชื้อที่ดีและได้ผล
ให้อาหารเฉพาะของเชื้อแต่ละตัว

เชื้อจะไปเติบโตในแมลง ปกคลุมตัวแมลง ทำให้แมลงแห้งตายในที่สุด
ปลอดภัยไม่มีสารเคมี
แมลงดื้อยา ใช้ได้ต่อเนื่อง
เป็นยาเย็น ใช้ได้ทุกพืช และทุกช่วงอายุของพืช

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

MAKA เป็นสารอัลคาลอยด์ที่มีประสิทธิภาพซึ่งพบว่ามีประสิทธิภาพในการกำจัดเพลี้ยไฟและเพลี้ยจักจั่นในกระเจี๊ยบเขียว เพลี้ยไฟและเพลี้ยจักจั่นฝ้ายเป็นศัตรูพืชทั่วไปที่สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชผล รวมทั้งกระเจี๊ยบเขียว ในบทความนี้ เราจะพูดถึงวิธีที่สารอัลคาลอยด์ MAKA สามารถช่วยกำจัดศัตรูพืชเหล่านี้และปกป้องพืชกระเจี๊ยบเขียวของคุณได้อย่างไร

เพลี้ยไฟและเพลี้ยจักจั่นฝ้ายคืออะไร?

เพลี้ยไฟเป็นแมลงขนาดเล็กเรียวยาวประมาณ 1-2 มิลลิเมตร พวกมันเป็นศัตรูพืชทั่วไปในพืชหลายชนิดรวมถึงกระเจี๊ยบเขียว เพลี้ยไฟกินน้ำเลี้ยงของพืช ทำให้ใบและส่วนอื่นๆ ของพืชเสียหาย พวกเขายังส่งไวรัสพืชซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อไป

เพลี้ยจักจั่นฝ้ายเป็นศัตรูพืชทั่วไปอีกชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับพืชกระเจี๊ยบเขียวได้ แมลงเหล่านี้มีความยาวประมาณ 3-4 มม. และมีลำตัวเป็นรูปลิ่ม เพลี้ยจักจั่นกินน้ำเลี้ยงของพืช ทำให้ใบเหลืองและเจริญเติบโตช้า พวกเขายังส่งโรคพืชซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อไป

MAKA Alkaloid ช่วยได้อย่างไร?

MAKA เป็นสารอัลคาลอยด์ตามธรรมชาติ อัลคาลอยด์นี้มีประสิทธิภาพในการกำจัดเพลี้ยไฟและเพลี้ยจักจั่นในกระเจี๊ยบเขียว MAKA ทำงานโดยรบกวนระบบประสาทของศัตรูพืช นำไปสู่ความตาย

alkaloid เป็นสารกำจัดแมลงในวงกว้างที่สามารถฆ่าศัตรูพืชได้หลากหลาย รวมถึงเพลี้ยไฟและเพลี้ยจักจั่นฝ้าย นอกจากนี้ยังปลอดภัยสำหรับการทำเกษตรอินทรีย์เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ไม่มีสารเคมีอันตรายใดๆ

วิธีใช้ MAKA

MAKA มีอยู่ในรูปของผงซึ่งสามารถผสมกับน้ำและฉีดพ่นบนต้นไม้ได้ ปริมาณที่แนะนำคือผง Maca 100 กรัมต่อพื้นที่ 1 เฮกตาร์ ควรฉีดพ่นในช่วงเช้าตรู่หรือช่วงเย็นซึ่งเป็นช่วงที่มีศัตรูพืชมากที่สุด

สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์เมื่อใช้ MAKA สิ่งสำคัญคือต้องสวมชุดป้องกัน เช่น ถุงมือและหน้ากาก เมื่อใช้สเปรย์

ประโยชน์ของการใช้ MAKA

การใช้ MAKA ในการกำจัดเพลี้ยไฟและเพลี้ยจักจั่นในกระเจี๊ยบมีประโยชน์หลายประการ ประการแรก เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ไม่มีสารเคมีอันตรายใดๆ ทำให้ปลอดภัยสำหรับใช้ในการเกษตรอินทรีย์

ประการที่สอง MAKA alkaloid เป็นสารกำจัดแมลงในวงกว้างที่สามารถฆ่าศัตรูพืชได้หลากหลาย รวมถึงเพลี้ยไฟและเพลี้ยจักจั่นฝ้าย ทำให้เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมศัตรูพืชในกระเจี๊ยบเขียว

ประการสุดท้าย MAKA alkaloid ใช้งานง่ายและสามารถฉีดพ่นได้ ทำให้เป็นทางออกที่สะดวกสำหรับเกษตรกรที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงที่มีประสิทธิภาพและใช้งานง่าย

บทสรุป

เพลี้ยไฟและเพลี้ยจักจั่นฝ้ายเป็นศัตรูพืชทั่วไปที่สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชกระเจี๊ยบเขียว การใช้ MAKA เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยในการกำจัดศัตรูพืชเหล่านี้ MAKA เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ใช้งานง่ายและฉีดพ่นได้ง่าย การใช้อัลคาลอยด์ Maca เกษตรกรสามารถปกป้องพืชผลกระเจี๊ยบเขียวของพวกเขาและรับประกันการเก็บเกี่ยวที่สมบูรณ์

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม มาคา และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียม หรือ บิวทาเร็กซ์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดไรแดงในต้นมะนาว ไรเหล่านี้เป็นศัตรูพืชทั่วไปที่สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อใบและผลของต้นมะนาว ทำให้ผู้ปลูกจำเป็นต้องดำเนินการป้องกันและควบคุมการรบกวน

บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมเป็นการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของเชื้อราบิวเวอเรีย บาสเซียนา 2 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นศัตรูตามธรรมชาติของไรแดง เชื้อราชนิดนี้ทำให้ตัวไรติดเชื้อและทำให้พวกมันหยุดกินอาหาร ซึ่งในที่สุดพวกมันจะนำไปสู่ความตาย Beauveria Mix Methharicium ได้รับการพัฒนาโดยเฉพาะเพื่อกำหนดเป้าหมายไรแดง ทำให้เป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับผู้ปลูก

ประโยชน์หลักประการหนึ่งของการใช้บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมคือความสามารถในการทำงานเชิงป้องกันและรักษาโรค เมื่อนำไปใช้กับต้นมะนาวสามารถป้องกันไรไม่ให้มารบกวนต้นมะนาวได้ในขณะเดียวกันก็กำจัดไรที่มีอยู่ด้วย สิ่งนี้ทำให้เป็นทางออกที่ดีสำหรับผู้ปลูกที่ต้องการปกป้องพืชผลจากไรแดง

ข้อดีอีกประการของการใช้บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมคือความปลอดภัย ผลิตภัณฑ์นี้แตกต่างจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชหลายชนิด ผลิตภัณฑ์นี้เป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์และไม่เป็นอันตรายต่อแมลงที่เป็นประโยชน์หรือแมลงผสมเกสร นอกจากนี้ยังปลอดภัยสำหรับการใช้งานกับมนุษย์และสัตว์ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ปลูกที่กำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ในการใช้บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ปลูกควรใช้มันกับต้นมะนาวเป็นระยะๆ ตามที่ระบุไว้บนฉลากผลิตภัณฑ์ สิ่งนี้จะช่วยให้แน่ใจว่ามีการควบคุมไรและต้นไม้มีสุขภาพที่ดี ผู้ปลูกควรปฏิบัติตามคำแนะนำและข้อควรระวังเพื่อความปลอดภัยเมื่อจัดการและใช้ผลิตภัณฑ์

สรุปได้ว่า บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียม เป็นสารป้องกันและกำจัดไรแดงในต้นมะนาวที่มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิภาพ ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและปลอดภัยนี้สามารถช่วยให้ผู้ปลูกปกป้องพืชผลของตนจากความเสียหายและรับประกันการเก็บเกี่ยวที่ประสบความสำเร็จ หากคุณเป็นผู้ปลูกมะนาวและประสบปัญหาไรแดง บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียม เป็นผลิตภัณฑ์ที่ควรพิจารณา

เชื้อบิวเวอร์เรีย + เมธาไรเซียม
เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดสรรจุลินทรีย์ 2 ชนิดมี คุณสมบัติโดดเด่นมาผสมผสานใช้ในการป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ปลวก เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอน เป็นต้น

บิวทาเร็กซ์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณ กิ่ง ก้าน ใบ หรือบริเวณที่แมลงระบาด
2. ฉีดพ่นได้ทุก 7-10 วัน

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อไตรโคเดอร์มา และ ยากำจัดเชื้อรา หากต้องการใช้ร่วมควรเว้น ระยะฉีดพ่น 7-10 วัน *

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย บิวทาเร็กซ์..
ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช
เชื้อดีที่สุดสำหรับชาวเกษตรกร
ปริมาณเชื้อที่ดีและได้ผล
ให้อาหารเฉพาะของเชื้อแต่ละตัว

เชื้อจะไปเติบโตในแมลง ปกคลุมตัวแมลง ทำให้แมลงแห้งตายในที่สุด
ปลอดภัยไม่มีสารเคมี
แมลงดื้อยา ใช้ได้ต่อเนื่อง
เป็นยาเย็น ใช้ได้ทุกพืช และทุกช่วงอายุของพืช

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า ttps://http://ไปที่..link..

กรดอะมิโนเป็นส่วนประกอบสำคัญของโปรตีน ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช มีกรดอะมิโน 18 ชนิดที่พืชต้องการ และแต่ละชนิดมีบทบาทเฉพาะในกระบวนการทางสรีรวิทยาต่างๆ ในบทความนี้ เราจะมาสำรวจความสำคัญของอะมิโนโปรตีนจากพืชทั้ง 18 ชนิด และวิธีที่พวกมันสามารถช่วยบำรุงต้นข้าวโพด ใบเขียว ฝักใหญ่ เมล็ดเต็ม เพื่อให้ได้ผลผลิตและน้ำหนักที่ดีในที่สุด

อะมิโนโปรตีนจากพืช 18 ชนิดแบ่งออกเป็นสามประเภท: จำเป็น ไม่จำเป็น และเงื่อนไข กรดอะมิโนที่จำเป็นไม่สามารถสังเคราะห์ได้โดยพืชและต้องได้รับจากดินหรือปุ๋ย กรดอะมิโนที่ไม่จำเป็นสามารถสังเคราะห์ได้โดยพืช แต่อาจยังได้รับประโยชน์จากแหล่งภายนอก กรดอะมิโนที่มีเงื่อนไขมีความจำเป็นภายใต้เงื่อนไขเฉพาะเท่านั้น เช่น ในช่วงเวลาที่เกิดความเครียดหรือโรค

กรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับพืช ได้แก่ ฮิสทิดีน ไอโซลิวซีน ลิวซีน ไลซีน เมไทโอนีน ฟีนิลอะลานีน ธรีโอนีน ทริปโตเฟน และวาลีน กรดอะมิโนเหล่านี้มีความสำคัญต่อการสังเคราะห์โปรตีน การทำงานของเอนไซม์ และการเจริญเติบโตของพืชโดยรวม ตัวอย่างเช่น ไลซีนจำเป็นสำหรับการผลิตคลอโรฟิลล์ซึ่งมีหน้าที่ในการสังเคราะห์แสง ในขณะที่เมไธโอนีนมีความสำคัญต่อการผลิตเมล็ดพืช

กรดอะมิโนที่ไม่จำเป็นสำหรับพืช ได้แก่ อะลานีน อาร์จินีน แอสพาราจีน กรดแอสปาร์ติก ซีสเตอีน กรดกลูตามิก กลูตามีน ไกลซีน โพรลีน ซีรีน และไทโรซีน กรดอะมิโนเหล่านี้ยังมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาของพืช และสามารถช่วยปรับปรุงความทนทานต่อความเครียด ความต้านทานต่อโรค และสุขภาพโดยรวมของพืช

กรดอะมิโนที่มีเงื่อนไขสำหรับพืชเรียกว่าออร์นิทีน จำเป็นต้องใช้ภายใต้เงื่อนไขบางอย่างเท่านั้น เช่น ระหว่างการเผาผลาญไนโตรเจนและการตอบสนองต่อความเครียด

แล้วอะมิโนโปรตีนจากพืชทั้ง 18 ชนิดนี้จะช่วยบำรุงต้นข้าวโพดให้แตกใบเขียว ฝักใหญ่ เมล็ดเต็มต้น ให้ผลผลิตและน้ำหนักดีได้อย่างไร? ดังที่เราได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ กรดอะมิโนเป็นส่วนประกอบสำคัญของโปรตีน ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช หากไม่มีกรดอะมิโนเพียงพอ พืชอาจมีปัญหาในการผลิตโปรตีนที่จำเป็นสำหรับกระบวนการเหล่านี้

การให้กรดอะมิโนโปรตีนจากพืช 18 ชนิดแก่ต้นข้าวโพด เกษตรกรสามารถมั่นใจได้ว่าพืชผลของพวกเขามีองค์ประกอบที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการพัฒนา สิ่งนี้สามารถช่วยปรับปรุงการเจริญเติบโตของราก เพิ่มการสังเคราะห์แสง และส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของพืช ผลที่ตามมาคือต้นข้าวโพดอาจผลิตใบ ฝัก และเมล็ดที่ใหญ่ขึ้นและมีจำนวนมากขึ้น ทำให้ได้ผลผลิตและน้ำหนักที่มากขึ้น

นอกจากการปรับปรุงการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืชแล้ว กรดอะมิโนยังช่วยปรับปรุงความทนทานต่อความเครียดและความต้านทานต่อโรคอีกด้วย เนื่องจากกรดอะมิโนมีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์สารต้านอนุมูลอิสระและโมเลกุลอื่นๆ ที่ช่วยปกป้องพืชจากความเครียดออกซิเดชันและความเสียหายในรูปแบบอื่นๆ การให้กรดอะมิโนที่จำเป็นแก่ต้นข้าวโพด เกษตรกรสามารถช่วยปรับปรุงความสามารถของพืชในการต้านทานโรคและทนต่อความเครียด ซึ่งนำไปสู่การเก็บเกี่ยวที่ดีต่อสุขภาพและให้ผลผลิตมากขึ้น

สรุปได้ว่า อะมิโนโปรตีนจากพืชทั้ง 18 ชนิด มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช ช่วยบำรุงต้น ข้าวโพด ใบเขียว ฝักใหญ่ เมล็ดเต็ม ทำให้ได้ผลผลิตและน้ำหนักดี เพื่อให้แน่ใจว่าพืชผลของพวกเขามีปริมาณกรดอะมิโนเหล่านี้เพียงพอ เกษตรกรสามารถช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชที่ดี ปรับปรุงความทนทานต่อความเครียดและความต้านทานต่อโรค และเพิ่มปริมาณและคุณภาพของการเก็บเกี่ยวในท้ายที่สุด ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณวางแผนที่จะปลูกข้าวโพดหรือพืชผลอื่นๆ อย่าลืมเกี่ยวกับความสำคัญขององค์ประกอบพื้นฐานที่จำเป็นเหล่านี้ นั่นคือ อะมิโนโปรตีนจากพืช 18 ชนิด

อะมิโน แรปเตอร์ จำเป็นต้องใช้อย่างถูกต้อง ผสมกับน้ำฉีดเป็นวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการใช้ สำหรับพืชผัก แนะนำให้ใช้อะมิโนแร็ปเตอร์ 10-20 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร สำหรับนาข้าว พืชไรย์
และไม้ผล แนะนำให้ใช้อะมิโนแร็พเตอร์ 20-40 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร เมื่อใช้ระบบน้ำหยด ควรฉีด อะมิโนแร็พเตอร์ อัตรา 500 มล. ต่อไร่ เดือนละ 2 ครั้ง

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..