ที่มา http://www.farmkaset..link..

สวนส้มโอในช่วงอากาศเย็นลงและมีลมแรงแบบนี้ กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรเฝ้าระวังการระบาดของ หนอนชอนใบส้ม จะสามารถพบได้ในระยะที่ต้นส้มโอแตกใบอ่อน เกษตรกรจะพบผีเสื้อตัวเต็มวัย วางไข่ใต้เนื้อเยื่อใบใกล้เส้นกลางใบ เมื่อไข่ฟักเป็นตัวหนอนจะชอนไชเข้าไปทำลายกัดกินเนื้อเยื่ออยู่ในระหว่างผิวใบอ่อนและยอดอ่อน ตัวหนอนจะทำลายด้านใต้ใบมากกว่าบนใบ รอยทำลายจะสังเกตได้ง่ายตั้งแต่เริ่มทำลายโดยเห็นเป็นเส้นทางสีขาวเรียวยาวในระยะเริ่มแรก และรอยทำลายจะปรากฏขยายใหญ่ขึ้นเป็นทางคดเคี้ยวไปมาบนใบ ส่งผลให้ใบมีลักษณะบิดงอลงทางด้านที่มีตัวหนอนทำลาย หากระบาดรุนแรง ตัวหนอนจะเข้าทำลายกิ่งอ่อนและผลอ่อน ซึ่งรอยแผลที่เกิดจากการทำลายของตัวหนอนจะเป็นช่องทางให้เชื้อแบคทีเรีย Xanthomonas citri subsp. citri ที่เป็นเชื้อสาเหตุของโรคแคงเกอร์เข้าทำลายซ้ำได้

เกษตรกรควรควบคุมบังคับต้นส้มให้แตกยอดพร้อมกัน เพื่อง่ายต่อการป้องกันกำจัด ช่วยควบคุมประชากรหนอนชอนใบส้มได้ดีขึ้น สะดวกในการดูแลรักษา ช่วยลดจำนวนครั้งในการพ่นสารเคมี และช่วยอนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติที่พบมากในสวนส้ม ส่วนใบอ่อนที่พบหนอนชอนใบส้มเข้าทำลายมาก ให้เกษตรกรตัดและเก็บยอดอ่อนหรือใบอ่อนที่ถูกทำลายนำไปทำลายทิ้งนอกแปลงปลูก เพื่อลดปริมาณหนอนชอนใบส้มและช่วยในการแตกยอดของต้นส้มรุ่นต่อไป

อ้างอิง http://www.farmkaset..link..

ไอกี้-บีที เป็นสารชีวินทรีย์ ปลอดภัย สำหรับ ป้องกัน และ กำจัด หนอนชอนใบส้มโอ

#โรคแอนแทรโนสพริก #โรคพริกกุ้งแห้ง #โรคกุ้งแห้งพริก #โรคกุ้งแห้ง สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศเย็นลง มีฝนตก บางพื้นที่ เตือนเกษตรกรผู้ปลูกพริก ในทุกระยะการเจริญเติบโต รับมือโรคแอนแทรคโนส หรือโรคกุ้งแห้ง มักพบบนผลพริกที่เริ่มสุก หรือก่อนที่ผลพริกจะเปลี่ยนสี อาการเริ่มแรกเป็นจุดหรือแผลช้ำยุบตัวเล็กน้อย ต่อมาแผลขยายใหญ่ลักษณะเป็นวงรีหรือวงกลม บริเวณแผลพบส่วนของเชื้อราเป็นตุ่มสีดำขนาดเล็กเรียงเป็นวงซ้อนกัน ในสภาพที่อากาศชื้นจะเห็นเมือกเยิ้มสีส้มอ่อน ซึ่งเป็นกลุ่มสปอร์ของเชื้อราสาเหตุโรค ถ้าอาการรุนแรงจะทำให้ผลเน่า ผลพริกที่เป็นโรคนี้จะโค้งงอบิดเบี้ยวลักษณะคล้ายกุ้งแห้ง และร่วงก่อนเก็บเกี่ยว

นายวินัย คงยืน หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต รักษาราชการแทน เกษตรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า เมื่อสภาพอากาศร้อนจัด และมีฝนตกในระยะนี้ เกษตรกรผู้ปลูกพริกเตรียมรับมือการระบาดของ โรคแอนแทรคโนส หรือโรคกุ้งแห้ง ซึ่งเกิดจาก (เชื้อรา Colletotrichum gloeosporioides_ Colletotrichum capsici) โดยสามารถพบได้ในระยะที่ต้นพริกให้ผลผลิต มักพบบนผลพริกที่เริ่มสุกหรือก่อนที่ผลพริกจะเปลี่ยนสี เริ่มแรกจะพบจุดหรือแผลช้ำยุบตัวเล็กน้อย ต่อมาแผลขยายใหญ่สีน้ำตาลหรือดำ ลักษณะเป็นวงรีหรือวงกลม บริเวณแผลพบส่วนของเชื้อราเป็นจุดสีดำขนาดเล็กเรียงเป็นวงซ้อนกัน กรณีที่สภาพอากาศชื้น จะเห็นเมือกเยิ้มสีส้มอ่อน ถ้าอาการรุนแรง จะทำให้ผลเน่าและร่วงก่อนเก็บเกี่ยว หากพบอาการที่ผลอ่อน จะทำให้ผลพริกโค้งงอบิดเบี้ยวลักษณะคล้ายกุ้งแห้ง

สำหรับแนวทางในการป้องกันและกำจัด เกษตรกรสามารถทำได้ คือ การเลือกซื้อเมล็ดพันธุ์ หรือต้นกล้า จากแหล่งที่ปราศจากโรค หรือถ้าเก็บเมล็ดพันธุ์เอง ต้องเลือกจาก ผลพริกที่ไม่เป็นโรค ก่อนเพาะปลูกควรแช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำอุ่น 50 องศาเซลเซียส นาน 20 - 30 นาที ก่อนเพาะปลูก วางระยะปลูกพริกให้เหมาะสม ไม่ปลูกชิดกันเกินไป และกำจัดวัชพืชในแปลงปลูก เพื่อไม่ให้แปลงปลูกมีความชื้นสูง ซึ่งเป็นสภาพที่เหมาะสมต่อการเกิดโรค เกษตรกรควรหมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบผลพริกเป็นโรค เก็บนำไปทำลายนอกแปลงปลูก เพื่อลดปริมาณเชื้อสาเหตุโรค

ป้องกันกำจัด โรคแอนแทรคโนสพริก โรคกุ้งแห้ง โรคพริกกุ้งแห้ง โรคต่างๆ ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา โรคราแป้ง โรคไหม้ โรคใบไหม้ โรคแอนแทรคโนส โรคเชื้อราไฟทอปโธร่า โรคราต่างๆ ฉีดพ่น ไอเอส สารอินทรีย์ ป้องกันและยับยั้งโรคพืชจากเชื้อรา

เร่งการเจริญเติบโต สร้างภูมิต้านทาน เพิ่มผลผลิต ฉีดพ่น FK-1 ที่ประกอบด้วย ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่ครบถ้วน

บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธฮาริเซียม หรือที่รู้จักในชื่อแบรนด์ บิวทาเร็กซ์ เป็นสารควบคุมศัตรูพืชโดยชีววิธีที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันและกำจัดเพลี้ยไฟในพืชโดยเฉพาะ เพลี้ยไฟเป็นแมลงมีปีกขนาดเล็กที่สามารถทำลายพืชได้หลากหลายชนิด รวมทั้งผัก ผลไม้ และไม้ประดับ พวกมันกินน้ำนมของพืช ซึ่งอาจนำไปสู่การเติบโตที่แคระแกร็น การเปลี่ยนสี และแม้แต่ความตาย

Beauveria Mix Methharicium เป็นการผสมผสานระหว่างเชื้อรา Beauveria 2 สายพันธุ์ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าทำให้ติดเชื้อและฆ่าเพลี้ยไฟ เชื้อราทำให้เพลี้ยไฟติดเชื้อโดยการเจาะหนังกำพร้าและเติบโตภายในร่างกายของพวกมัน ทำลายแมลงในที่สุด เชื้อราบิวเวอเรียเป็นจุลินทรีย์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งปลอดภัยสำหรับใช้ในสวนและเรือนกระจก และไม่เป็นอันตรายต่อแมลงที่มีประโยชน์ เช่น ผึ้งและแมลงเต่าทอง

Beauveria Mix Methharicium เป็นผงแห้งที่สามารถนำไปใช้กับใบพืชได้ง่าย สปอร์ของเชื้อราบิวเวอเรียมีอยู่ในแป้ง และเมื่อโรยผงลงบนใบ สปอร์จะงอกและทำให้เพลี้ยไฟที่ติดอยู่บนพืชติดเชื้อ เชื้อราจะยังคงแพร่พันธุ์และแพร่เชื้อไปยังเพลี้ยไฟได้นานถึงแปดสัปดาห์ ควรสังเกตว่าบิวเวอเรีย มิกซ์ เมธฮาริเซียมมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อใช้ในช่วงต้นของการระบาด ก่อนที่เพลี้ยไฟจะเพิ่มจำนวนมากเกินไป

นอกจากจะเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมเพลี้ยไฟแล้ว บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมยังมีข้อดีหลายประการที่เหนือกว่าสารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบดั้งเดิม ไม่เป็นพิษต่อคนหรือสัตว์เลี้ยง และไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อพืช นอกจากนี้ยังเป็นวิธีแก้ปัญหาที่คุ้มค่า เนื่องจากสามารถใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งแตกต่างจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่ต้องเติมซ้ำอย่างต่อเนื่อง

สรุปได้ว่า บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธฮาริเซียม (บิวทาเร็กซ์) เป็นสารละลายที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับการป้องกันและกำจัดเพลี้ยไฟในพืช ด้วยความสามารถในการแพร่เชื้อและฆ่าเพลี้ยไฟ จึงเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพแทนการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบดั้งเดิม ซึ่งให้วิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนและยั่งยืนกว่าสำหรับการปกป้องพืชของคุณ

เชื้อบิวเวอร์เรีย + เมธาไรเซียม
เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดสรรจุลินทรีย์ 2 ชนิดมี คุณสมบัติโดดเด่นมาผสมผสานใช้ในการป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ปลวก เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอน เป็นต้น

บิวทาเร็กซ์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณ กิ่ง ก้าน ใบ หรือบริเวณที่แมลงระบาด
2. ฉีดพ่นได้ทุก 7-10 วัน

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อไตรโคเดอร์มา และ ยากำจัดเชื้อรา หากต้องการใช้ร่วมควรเว้น ระยะฉีดพ่น 7-10 วัน *

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย บิวทาเร็กซ์..
ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช
เชื้อดีที่สุดสำหรับชาวเกษตรกร
ปริมาณเชื้อที่ดีและได้ผล
ให้อาหารเฉพาะของเชื้อแต่ละตัว

เชื้อจะไปเติบโตในแมลง ปกคลุมตัวแมลง ทำให้แมลงแห้งตายในที่สุด
ปลอดภัยไม่มีสารเคมี
แมลงดื้อยา ใช้ได้ต่อเนื่อง
เป็นยาเย็น ใช้ได้ทุกพืช และทุกช่วงอายุของพืช

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link..

อะมิโนโปรตีนเป็นองค์ประกอบสำคัญของธาตุอาหารพืชที่สามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช โปรตีนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการผลิตฮอร์โมนพืช ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมกระบวนการทางสรีรวิทยาต่างๆ ในพืช รวมทั้งการแบ่งเซลล์และการขยายตัว

ในข้าวโพด มีการแสดงอะมิโนโปรตีนเพื่อส่งเสริมการสร้างและการขยายตัวของเซลล์ที่รอการแบ่งตัว นี่เป็นกระบวนการที่สำคัญสำหรับต้นข้าวโพด เนื่องจากช่วยให้พวกมันเติบโตและพัฒนาต่อไปได้แม้ในสภาวะที่ไม่เหมาะสม

ประโยชน์หลักประการหนึ่งของการใช้อะมิโนโปรตีนในการเพาะปลูกพืชคือสามารถนำไปใช้ได้ง่ายโดยใช้สเปรย์น้ำธรรมดา สำหรับพืชส่วนใหญ่ สารละลาย 10-20 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตรก็เพียงพอแล้ว ในขณะที่นาข้าว พืชที่ดอน และไม้ผลอาจต้องการความเข้มข้นสูงกว่าเล็กน้อยที่ 20-40 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร เมื่อใช้ระบบน้ำหยด แนะนำให้ใช้ 500 มล. ต่อไร่ เดือนละ 2 ครั้ง

สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าควรใช้อะมิโนโปรตีนในช่วงออกดอกเพื่อหลีกเลี่ยงผลเสียต่อการเจริญเติบโตหรือการพัฒนาของพืช เมื่อใช้อย่างถูกต้อง อะมิโนโปรตีนสามารถช่วยปรับปรุงผลผลิตและคุณภาพของพืชผล ตลอดจนเพิ่มความต้านทานต่อความเครียดต่างๆ เช่น ภัยแล้งหรือโรค

สรุปได้ว่า อะมิโนโปรตีนเป็นองค์ประกอบสำคัญของธาตุอาหารพืช ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช ด้วยการส่งเสริมการผลิตฮอร์โมนพืชและเปิดใช้งานการสร้างและการขยายเซลล์ อะมิโนโปรตีนสามารถช่วยให้พืชเติบโตและพัฒนาได้แม้ในสภาวะที่ไม่เหมาะสม การใช้อะมิโนโปรตีนเป็นสเปรย์หรือผ่านระบบให้น้ำแบบหยดเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปรับปรุงผลผลิตและคุณภาพของพืช ตราบใดที่ใช้อย่างถูกต้องและในช่วงเวลาที่เหมาะสม

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า ttps://http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

เมื่อต้นมันสำปะหลังขาดธาตุอาหารสำคัญ เช่น ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และ โปแทสเซียม (K) อาจเกิดอาการผิดปกติที่ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของพืชได้ อาการเหล่านี้รวมถึงใบเหลือง การเจริญเติบโตช้า และผลผลิตที่น้อยลงจากความสามารถของต้นมันสำปะหลังได้ถูกประเมินไว้ เพื่อแก้ไขปัญหานี้และเสริมความสมบูรณ์ของพืช การใช้ปุ๋ย FK-1 ที่ประกอบด้วยไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) โปแทสเซียม (K) แมกนีเซียม (Mg) และสังกะสี (Zn) สามารถช่วยให้ต้นมันสำปะหลังได้รับสารอาหารที่จำเป็นในปริมาณเหมาะสม ทำให้พืชโตเร็วขึ้น มีความแข็งแรง และให้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีขึ้น

นอกจากนี้ FK-1 ยังมีสารลดแรงตึงผิวที่ช่วยให้พืชสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น ทำให้มันสำปะหลังเติบโตอย่างแข็งแรงและสมบูรณ์อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น FK-1 เป็นทางเลือกที่ดีในการปรับปรุงสภาพอาหารของต้นมันสำปะหลังและเพิ่มผลผลิตให้ได้มากขึ้นในขณะเดียวกัน

.
🫗ใช้ได้ 2 วีธี ฉีดพ่นทางใบ หรือราดลงโคน เพื่อเร่งการเจริญเติบโต เสริมสร้างภูมิต้านทาน
.
💦อัตราผสมใช้ FK-1
» เมื่อแกะกล่อง FK-1 จะพบ 2 ถุง บรรจุถุงละ 1กิโลกรัม
» ต้องผสมทั้งสองถุงใช้พร้อมกัน (ถุงแรกเป็นธาตุหลัก ถุงที่สองเป็นธาตุเสริม)
» ตักถุงแรก 25-50กรัม ถุงที่สอง 25-50กรัม ผสมลงในน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นพืช
» (25กรัม เท่ากับประมาณ 2ช้อนโต๊ะ)
.
💲ราคาสินค้า
FK-1 ราคา 890บ. เร่งโต เร่งราก เร่งดอก พืชทุกชนิด
✈จัดส่งฟรี kerry ด่วน เก็บเงินปลายทาง
.
📌สั่งซื้อ สอบถาม

» Line@ ID: @FarmKaset หรือคลิกแอดไลน์ http://ไปที่..link.. .
» โทร 090-592-8614
.
🔎ซื้อกับลาซาด้า ช้อปปี้ TikTok
.
» ซื้อFK-1 ที่ช้อปปี้: http://ไปที่..link.. .
» ซื้อFK-1 ที่ลาซาด้า: http://ไปที่..link.. .
» ซื้อFK-1 ที่TikTok: http://ไปที่..link..

โรคเหี่ยวในผักกาดขาวปลีที่เกิดจากเชื้อราเป็นโรคที่สามารถทำให้ใบกาดขาวปลีแห้งหรือเหี่ยวได้ โรคนี้มีสาเหตุจากเชื้อรา Pseudocercosporella capsellae (syn. Cercosporella capsellae) ซึ่งเป็นเชื้อราที่มักจะติดเมื่อมีความชื้นสูงและอากาศชื้นๆ ทำให้เกิดการระบาดของโรคได้มากขึ้น.

โรคนี้มีลักษณะดังนี้:

ใบแห้งและเหี่ยว: โรคนี้ทำให้ใบกาดขาวปลีเหี่ยวและแห้งเป็นพื้นที่ขนาดเล็กหรือใหญ่ตามลำต้นของผัก.

จุดสีขาวที่ใบ: บนใบกาดขาวปลีจะมีจุดสีขาวที่มักจะเป็นรูปแหลมหรือรูปวงกลม.

การกระจายของโรค: เชื้อราสามารถกระจายต่อไปยังใบอื่นๆ ผ่านทางลมหรือการสัมผัส.

การป้องกันและควบคุม:

การให้น้ำ: ปรับการให้น้ำให้เหมาะสมเพื่อลดความชื้นที่ส่งเสริมการระบาดของเชื้อรา.

การจัดการทางเคมี: ใช้สารป้องกันกำจัดโรคพืชที่มีประสิทธิภาพ เช่น คอปเปอร์ หรือ ฟอสเฟต โปรพิเนบ (Phosphonate) เพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อรา.

การทำความสะอาดแปลงปลูก: ทำความสะอาดแปลงปลูกเพื่อลดการสะสมของเชื้อรา.

การใช้เมล็ดพันธุ์ที่ต้านทาน: เลือกใช้เมล็ดพันธุ์ที่มีความต้านทานต่อโรคนี้.

การดูแลและควบคุมโรคเหี่ยวในผักกาดขาวปลีต้องทำไว้ตลอดเวลาเพื่อลดความเสี่ยงในการระบาดของโรคนี้และรักษาสภาพแปลงปลูกให้ปลอดภัย.

.
ไอเอส เป็นสารอินทรีย์ ป้องกัน กำจัด โรคต้นผักกาดขาว จากเชื้อราหลายชนิด
ไอเอส สามารถป้องกันกำจัดโรคเชื้อราต่างๆ ในพืชทุกชนิดได้เช่นกัน
.
สั่งซื้อ ไอเอส ได้ที่ ลาซาด้า คลิก http://ไปที่..link..
หรือ โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset
.

## เพลี้ย: ภัยร้ายทำลายลำไย ป้องกันและฟื้นฟูได้ด้วย อินเวท และ ปุ๋ย สตาร์เฟอร์ สูตร 30-20-5

**ลำไย** ผลไม้เศรษฐกิจยอดนิยม เผชิญภัยคุกคามจาก **เพลี้ย** แมลงศัตรูตัวร้ายที่สร้างความเสียหายร้ายแรง บทความนี้จะพาทุกท่านไปรู้จักกับเพลี้ยชนิดต่างๆ วิธีการป้องกัน และวิธีการฟื้นฟูต้นลำไยด้วย **อินเวท** และ **ปุ๋ย สตาร์เฟอร์ สูตร 30-20-5**

**รู้จักกับเพลี้ย**

เพลี้ยที่พบในลำไย ได้แก่ เพลี้ยแป้ง เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ

**ลักษณะ**

* ตัวเล็ก สีอ่อน
* ดูดกินน้ำเลี้ยงจากต้นพริก
* ขับถ่ายมูลหวาน

**อาการ**

* ใบเหลือง ยอดอ่อนหงิกงอ
* ผลร่วง
* น้ำหวานเหนียวบนใบ

**สภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การเกิดเพลี้ย**

* อากาศร้อน
* ฝนแล้ง
* อากาศถ่ายเทไม่สะดวก

**วิธีป้องกัน**

1. เลือกพันธุ์ลำไยที่ต้านทานเพลี้ย
2. ปลูกพริกในแปลงที่มีการระบายน้ำดี
3. หลีกเลี่ยงการให้น้ำมากเกินไป
4. เก็บกวาดเศษซากพืชที่เป็นโรค นำไปเผาทำลาย
5. หมุนเวียนการปลูกพืช

**วิธีการกำจัด**

1. ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดโรค เช่น อินเวท ไดโนเตฟูราน
2. **อินเวท**: สารป้องกันกำจัดแมลงกลุ่มนีโอนิโคตินอยด์ ออกฤทธิ์แบบดูดซึม

**วิธีการใช้**

1. ผสมอินเวทกับน้ำตามอัตราส่วนที่แนะนำ
2. ฉีดพ่นลงบนต้นลำไย
3. ฉีดพ่นทุก 7-10 วัน

**การฟื้นฟูต้นลำไย**

1. **ปุ๋ย สตาร์เฟอร์ สูตร 30-20-5**: ปุ๋ยสูตรเร่งดอก เร่งผล ช่วยให้ต้นลำไยฟื้นตัว
2. ธาตุอาหารเสริม: แมกนีเซียม แคลเซียม โบรอน
3. สารฮิวมัส: ช่วยปรับสภาพดิน

**การป้องกันและกำจัด เพลี้ยต่างๆ** เป็นสิ่งที่เกษตรกรควรให้ความสำคัญ การใช้ **อินเวท** ร่วมกับ **ปุ๋ย สตาร์เฟอร์ สูตร 30-20-5** จะช่วยให้ต้นลำไยของคุณปลอดภัยจากเพลี้ย และ ฟื้นตัวกลับมามีผลผลิตที่ดี

**หมายเหตุ** ข้อมูลนี้เป็นเพียงการแนะนำเบื้องต้น เกษตรกรควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนนำไปใช้

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset

Beauveria Mix Methharicium by Butarex: วิธีแก้ปัญหาเพลี้ยจักจั่นในพืชทุกชนิด

การแนะนำ

สุขภาพและความมีชีวิตชีวาของพืชถูกคุกคามอย่างต่อเนื่องจากศัตรูพืชและโรคต่างๆ โดยเพลี้ยจักจั่นเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด แมลงขนาดเล็กเหล่านี้สามารถสร้างความหายนะแก่ประชากรพืช ทำให้ใบ ดอก และผลเสียหาย และอาจนำไปสู่การสูญเสียผลผลิตอย่างมากสำหรับเกษตรกรและชาวสวน เพื่อต่อสู้กับศัตรูพืชเหล่านี้ จึงมีการพัฒนาสารเคมีและสารชีวภาพมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในหมู่พวกเขา Beauveria Mix Methharicium ซึ่งวางตลาดภายใต้แบรนด์ Butarex ได้รับความสนใจในฐานะทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับการป้องกันและกำจัดเพลี้ยจักจั่นในพืชทุกประเภท

ทำความเข้าใจกับบิวเวอเรียผสมเมธาริเซียม

Beauveria Mix Methharicium เป็นสารกำจัดศัตรูพืชทางชีวภาพที่มีศักยภาพซึ่งรวมเชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติสองสายพันธุ์คือ Beauveria bassiana และ Methharicium anisopliae เชื้อราทั้งสองชนิดเป็นสัตว์ก่อโรคที่เป็นที่รู้จักดี ซึ่งหมายความว่าสามารถแพร่เชื้อและฆ่าแมลงได้ เมื่อนำไปใช้กับพืช เชื้อราเหล่านี้จะมุ่งเป้าไปที่ศัตรูพืชและทำงานร่วมกันเพื่อควบคุมเพลี้ยจักจั่น ซึ่งเป็นวิธีการจัดการศัตรูพืชที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียมทำงานอย่างไร?

เมื่อใช้งาน บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธฮาริเซียมจะเกาะติดกับพื้นผิวของพืช เกิดเป็นชั้นป้องกันที่คงฤทธิ์อยู่ได้เป็นระยะเวลานาน เมื่อเพลี้ยอ่อนหรือจักจั่นสัมผัสกับพื้นผิวที่ผ่านการบำบัดแล้ว สปอร์ของเชื้อราจะติดอยู่กับร่างกายของพวกมัน จากนั้นสปอร์จะงอก เจาะหนังกำพร้าของแมลง และเริ่มเติบโตภายในร่างกายของแมลง สิ่งนี้นำไปสู่การติดเชื้ออย่างช้าๆและค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งในระหว่างนั้นเชื้อราจะกินเนื้อเยื่อของศัตรูพืชและทำให้ตายในที่สุด

ข้อดีของบิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียม

เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมแตกต่างจากยาฆ่าแมลงเคมีสังเคราะห์ตรงที่ได้มาจากเชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ทำให้ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม แมลงที่เป็นประโยชน์ และสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมาย

การดำเนินการตามเป้าหมาย: สารกำจัดศัตรูพืชชีวภาพนี้เลือกเป้าหมายเพลี้ยจักจั่น ลดผลกระทบต่อแมลงที่เป็นประโยชน์ เช่น ผึ้งและผีเสื้อ

กิจกรรมตกค้าง: ชั้นป้องกันของบิวเวอเรีย มิกซ์ เมธฮาริเซียมยังคงมีประสิทธิภาพเป็นระยะเวลานาน ซึ่งให้การป้องกันอย่างต่อเนื่องต่อการแพร่ระบาดซ้ำ

ความต้านทานลดลง: การกระทำแบบคู่ของเชื้อราสองชนิดที่แตกต่างกันทำให้มีโอกาสน้อยที่ศัตรูพืชจะพัฒนาความต้านทานเมื่อเทียบกับสารกำจัดศัตรูพืชทางชีวภาพที่มีสิ่งมีชีวิตเดี่ยว

การใช้งานที่ง่าย: สามารถใช้บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมผ่านอุปกรณ์ฉีดพ่นทั่วไป ทำให้สะดวกสำหรับการใช้งานด้านการเกษตรขนาดใหญ่และการทำสวนภายในบ้าน

ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์: Beauveria Mix Methharicium ปลอดภัยต่อมนุษย์และสัตว์ รวมถึงสัตว์เลี้ยง จึงเหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่สาธารณะ ฟาร์ม และสวนที่อยู่อาศัย

ใช้บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามแนวทางการใช้งานที่แนะนำโดย Butarex:

เวลา: ใช้บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมในช่วงต้นฤดูหรือที่สัญญาณแรกของเพลี้ยอ่อนหรือเพลี้ยจักจั่นเพื่อการควบคุมที่ดีที่สุด

การปกคลุม: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าครอบคลุมพื้นผิวของพืชทั้งหมดรวมทั้งด้านล่างของใบซึ่งเพลี้ยจักจั่นมักจะรวมตัวกัน

สภาพแวดล้อม: สภาวะการใช้งานที่เหมาะสม ได้แก่ อุณหภูมิและระดับความชื้นปานกลาง เนื่องจากสภาวะเหล่านี้เอื้ออำนวยต่อการงอกของสปอร์ของเชื้อราและกระบวนการติดเชื้อ

การใช้งานซ้ำ: สำหรับการระบาดที่รุนแรง ให้พิจารณาการใช้งานหลายครั้งตามช่วงเวลาที่แนะนำเพื่อการควบคุมสัตว์รบกวนที่มีประสิทธิภาพ

บทสรุป

Beauveria Mix Methharicium จัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ Butarex นำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่เป็นธรรมชาติและยั่งยืนสำหรับการต่อสู้กับเพลี้ยจักจั่นในพืชทุกประเภท สารกำจัดศัตรูพืชชีวภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนี้ใช้ประโยชน์จากเชื้อราที่ก่อโรคทางพยาธิวิทยา 2 ชนิด ได้แก่ Beauveria bassiana และ Methharicium anisopliae เพื่อป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชทั่วไปเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกบิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียม เกษตรกร ชาวสวน และบุคคลที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมสามารถปกป้องพืชของตนได้โดยไม่ทำร้ายแมลงที่มีประโยชน์หรือระบบนิเวศโดยรวม

*** มาตรฐานการผลิต ***
✅ มาตรฐาน ห้อง LAB " ISO /IEC17025
✅ สกัดด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
✅ วิจัยและคิดค้นสูตรในห้องแล็บที่ได้
มาตรฐาน
✅ ปลอดภัยต่อผู้ใช้ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม
✅ สะดวก ใช้งานง่ายแค่ผสมน้ำพ่นได้เลย

***ปลอดภัยต่อคนและสิ่งแวดล้อม ***

-วิธีใช้-
*ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
**ฉีดพ่นช่วงเวลาแดดอ่อน
***ฉีด ใบ กิ่ง ก้าน ลำต้น และโคนต้น
****ฉีดครั้งละ 3-7 วันแล้วแต่อาการ

ข้อแนะนำ
*****ไม่แน่นำไห้ฉีดร่วมกับสารกำจัดเชื้อรา ไตรโครเดอร์มา

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

มะม่วงเป็นพืชที่อาจเจอกับหลายชนิดของศัตรูพืช ซึ่งหนอนศัตรูพืชที่พบบ่อยในมะม่วงได้แก่:

หนอนเจาะผลมะม่วง (Fruit Borer): หนอนชนิดนี้มักจะเจาะเข้าไปในผลมะม่วงและทำลายเนื้อภายในของผล ทำให้ผลมะม่วงมีรอยทำลายภายในและมีความเสียหายมากน้อยขึ้นอยู่กับระดับการทำลายของหนอนแต่ละตัว.

หนอนเจาะกิ่ง (Shoot Borer): หนอนชนิดนี้เจาะท่อนกิ่งและยอดมะม่วง ทำให้มะม่วงแสดงอาการที่ยอดเหี่ยวและแห้งตายได้.

หนอนกัดกินใบ (Leaf-Eating Caterpillars): มีหลายชนิดของหนอนที่กัดกินใบมะม่วง เช่น หนอนกระทู้มะม่วงแดง (Red-banded caterpillar) และหนอนใยผีเสื้อ (Looper caterpillar) ซึ่งทำให้ใบมะม่วงเสียหาย.

หนอนเจาะราก (Root Borer): หนอนชนิดนี้ทำลายระบบรากของมะม่วง ทำให้มะม่วงแสดงอาการใบเหลืองและการเจริญเติบโตช้า.

การควบคุมหนอนศัตรูพืชในมะม่วงสามารถทำได้โดยใช้วิธีการต่างๆ เช่น:

การใช้สารเคมี: การใช้สารเคมีเป็นวิธีที่มีผลมากในการควบคุมหนอนศัตรูพืช โดยใช้สารเคมีที่เป็นพิษต่อหนอน แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวังตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญและตามข้อกำหนดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง.

การใช้วิธีชีวภาพ: การใช้สิ่งมีชีวิตเพื่อควบคุมหนอนศัตรูพืช เช่น การใช้แตนเบีย (Telenomus remus) ในการควบคุมหนอนเจาะผลมะม่วง.

การใช้วิธีป้องกัน: การบำบัดรักษาต้นมะม่วงให้แข็งแรง เพื่อลดโอกาสในการเกิดโรคและศัตรูพืช.

ควรติดตามสภาพแวดล้อมและใช้วิธีควบคุมที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของแปลงปลูกมะม่วงของท่าน.

.
ไอกี้-บีที เป็นสารชีวินทรีย์ ป้องกัน กำจัด หนอนในต้นมะม่วง
ไอกี้-บีที สามารถป้องกันกำจัดหนอนต่างๆ ในพืชทุกชนิดได้เช่นกัน
.
สั่งซื้อ ไอกี้-บีที ได้ที่ ลาซาด้า คลิก http://ไปที่..link.. .
หรือ โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset
.