การเพาะปลูกพืชทุกชนิดต้องพบเจอกับที่สำคัญที่สุดในกระบวนการของการเจริญเติบโตคือระบบรากของพืช ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดูแลและส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชในทุกขั้นตอน ด้วยเหตุนี้ การใช้สารออกฤทธิ์ฮิวมิคที่มีคุณสมบัติที่ช่วยเสริมระบบรากของพืชเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

ในทางพฤกษศาสตร์ ฮิวมิคแอซิดเป็นสารที่ได้รับความสนใจอย่างมากเนื่องจากมีผลกระทบที่ดีต่อการเจริญเติบโตของพืช ในบทความนี้ เราจะพูดถึงสารออกฤทธิ์ฮิวมิคแอซิดที่มีต้นที่มาจากยี่ห้อฟาร์มิค ซึ่งถือเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร

1. การฟื้นฟูระบบราก:
สารออกฤทธิ์ฮิวมิคแอซิดจากฟาร์มิคถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นฟูระบบรากของพืชที่ได้รับความเสียหายจากระบบรากที่ไม่ดี สารนี้มีส่วนช่วยเสริมการเจริญเติบโตของรากและเพิ่มความแข็งแรงในการทำงาน

2. ปลดปล่อยธาตุอาหาร:
ฮิวมิคแอซิดช่วยในกระบวนการปลดปล่อยธาตุอาหารที่ติดตัวในดินออกมาให้พืชนำไปใช้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์มากในการเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาพืช

3. การปรับปรุงโครงสร้างดิน:
การใช้ฮิวมิคแอซิดจากฟาร์มิคช่วยในการปรับปรุงโครงสร้างดิน ทำให้ดินมีโครงสร้างที่เหมาะสมและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์

4. การช่วยในระบบรากฝอย:
สารออกฤทธิ์ฮิวมิคแอซิดช่วยสร้างและส่งเสริมระบบรากฝอย ซึ่งมีประโยชน์ในการดูแลและส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช

5. การระบายน้ำดี:
ฮิวมิคแอซิดช่วยในกระบวนการระบายน้ำของดินออกไปให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้พืชไม่ได้รับความเครียดจากน้ำขัง

สรุป:
การใช้สารออกฤทธิ์ฮิวมิคแอซิดจากฟาร์มิคช่วยในการฟื้นฟูและเสริมระบบรากของพืชอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการปลดปล่อยธาตุอาหารให้กับพืช ปรับปรุงโครงสร้างดิน สร้างระบบรากฝอย และช่วยในกระบวนการระบายน้ำ การใช้สารนี้เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยในการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของผลผลิตเกษตรกรรมอย่างยั่งยืนในระยะยาว


📌สั่งซื้อ สอบถาม

»โทร 097-918-3530
»ไลน์ janemini1112

🔎ซื้อกับลาซาด้า ช้อปปี้
.
» ซื้อฟาร์มิค ที่ช้อปปี้: http://ไปที่..link..
.
» ซื้อฟาร์มิค ที่ลาซาด้า: http://ไปที่..link..

กล้วยไม้เป็นไม้ประดับที่สวยงามและได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ก็มักถูกคุกคามโดยโรคต่างๆ เช่น โรคใบไหม้ โรคใบจุด โรคเน่าดำ โรคราน้ำค้าง สนิม และโรคเชื้อราอื่นๆ โรคเหล่านี้สร้างความเสียหายต่อต้นกล้วยไม้ ทำให้ใบเหลือง ร่วง ลำต้นอ่อนแอ และอาจถึงขั้นตายได้

เกษตรกรและนักปลูกกล้วยไม้จึงต้องหาวิธีป้องกันและกำจัดโรคเหล่านี้ ซึ่งหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพคือการใช้ Metalaxyl ผสม Starfer Fertilizer 30-20-5 ฉีดพ่น

Metalaxyl เป็นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืชประเภทดูดซึม ออกฤทธิ์กว้าง สามารถป้องกันและกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราหลายชนิด โดยเฉพาะโรคใบไหม้ โรคใบจุด โรคเน่าดำ โรคราน้ำค้าง สนิม และโรคเชื้อราอื่นๆ

Starfer Fertilizer 30-20-5 เป็นปุ๋ยสูตรเร่งโต เร่งเขียว ประกอบด้วยธาตุอาหารหลัก ไนโตรเจน (N) 30% ฟอสฟอรัส (P) 20% โพแทสเซียม (K) 5% และธาตุอาหารรองอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของต้นกล้วยไม้

การใช้ Metalaxyl ผสม Starfer Fertilizer 30-20-5 ฉีดพ่น มีข้อดีดังนี้

ป้องกันและกำจัดโรค : Metalaxyl สามารถควบคุมโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราหลายชนิด ช่วยให้ต้นกล้วยไม้มีสุขภาพดี
เร่งการเจริญเติบโต : Starfer Fertilizer 30-20-5 ช่วยให้กล้วยไม้เจริญเติบโตเร็ว ใบเขียว ออกดอกสวยงาม
ปลอดภัย : Metalaxyl และ Starfer Fertilizer 30-20-5 มีความปลอดภัยสูง เมื่อใช้ตามคำแนะนำ

วิธีการใช้

ผสม Metalaxyl 50 กรัม กับ Starfer Fertilizer 30-20-5 25 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
ฉีดพ่นให้ทั่วใบ ลำต้น และดินบริเวณโคนต้น
ฉีดพ่นทุก 7-10 วัน หรือเมื่อพบสัญญาณของโรค

ข้อควรระวัง

สวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ หน้ากาก แว่นตา เมื่อผสมและฉีดพ่น
ห้ามฉีดพ่นในขณะที่มีลมแรง
ห้ามฉีดพ่นใกล้แหล่งน้ำ
เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

การใช้ Metalaxyl ผสม Starfer Fertilizer 30-20-5 ฉีดพ่น เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคในต้นดอกกล้วยไม้ ช่วยให้เกษตรกรและนักปลูกกล้วยไม้สามารถปลูกกล้วยไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ

อัตราส่วนผสม เมทาแลกซิล ป้องกันกำจัดโรคใบไหม้ และโรคพืชต่างๆจากเชื้อรา

50กรัม ต่อน้ำ 20ลิตร *ควรผสมฉีดพ่นไปพร้อมกับ สตาร์เฟอร์สูตร 30-20-5 เพื่อให้พืชฟื้นตัวจากการเข้าทำลายของโรคพืชได้เร็ว และกลับมาเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว


อัตราส่วนผสมใช้ ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ (ทุกสูตร)

อัตราส่วน 25 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร

ถัง 16-20 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 25 กรัม (1ช้อนโต๊ะ)

ถัง 200 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 250 กรัม (1ส่วน4ถุง)


ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 1 ถุง บรรจุ 1 กิโลกรัม ผสมน้ำได้ 800 ลิตร ใช้ได้ประมาณ 10 ไร่

📌สั่งซื้อ สอบถาม

»โทร 097-918-3530
»ไลน์ janemini1112

🔎ซื้อกับลาซาด้า ช้อปปี้
.
» ซื้อสินค้า ที่ช้อปปี้: http://ไปที่..link..
.
» ซื้อสินค้า ที่ลาซาด้า: http://ไปที่..link..

IS: สารต้านเชื้อราอินทรีย์ที่กำจัดโรคราดำในลิ้นจี่

ลิ้นจี่มีเนื้อสัมผัสที่ฉ่ำน้ำและมีรสหวาน เป็นผลไม้ที่ผู้คนทั่วโลกชื่นชอบ อย่างไรก็ตาม ผลไม้ที่น่ารับประทานเหล่านี้มักจะเกิดปัญหาทั่วไปที่เรียกว่าโรคราดำ ซึ่งสามารถทำลายผลผลิตลิ้นจี่ได้ทั้งหมด การเกิดขึ้นของการติดเชื้อรานี้ทำให้เกิดความท้าทายอย่างมากสำหรับเกษตรกรและนักวิจัย อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าล่าสุดประสบความสำเร็จด้วยการพัฒนา IS ซึ่งเป็นสารต้านเชื้อราอินทรีย์ที่กำจัดโรคราดำในลิ้นจี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

IS เป็นผลจากการวิจัยและพัฒนาอย่างครอบคลุม โดยมุ่งเลือกวัตถุดับเพลิงที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อควบคุมและยับยั้งเชื้อรา ได้มาจากส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด ทำให้เป็นวิธีแก้ปัญหาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง IS สร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยบนพื้นผิวของใบพืช ขัดขวางการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเชื้อราอย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อได้เปรียบที่สำคัญประการหนึ่งของ IS คือความสามารถในการยึดติดกับพื้นผิวใบพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยาต้านเชื้อราแบบดั้งเดิมมักมีปัญหาในการคงสภาพเดิม ส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลงและต้องใช้ซ้ำบ่อยครั้ง IS เอาชนะข้อจำกัดนี้โดยใช้สูตรล้ำสมัยที่ช่วยเพิ่มการยึดเกาะกับพื้นผิวใบ สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ถึงการป้องกันที่ยาวนาน และลดความจำเป็นในการบำบัดซ้ำ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรอันมีค่าของเกษตรกรได้ในที่สุด

ลักษณะสำคัญของ IS คือความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ ด้วยส่วนผสมที่เป็นออร์แกนิกจึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อเกษตรกรหรือผู้บริโภค นี่เป็นปัจจัยสำคัญเมื่อพิจารณาถึงสินค้าเกษตร เนื่องจากความปลอดภัยของทั้งผู้ที่จับต้องสินค้าและผู้บริโภคปลายทางมีความสำคัญสูงสุด ด้วย IS เกษตรกรสามารถใช้สารต้านเชื้อราได้อย่างมั่นใจโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผลเสียต่อสุขภาพ

นอกจากนี้ การใช้ IS ช่วยลดการพึ่งพาสารฆ่าเชื้อราสังเคราะห์ ซึ่งมักจะมีสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ ด้วยการนำเสนอทางเลือกจากธรรมชาติ IS จึงสนับสนุนการทำฟาร์มแบบยั่งยืนและส่งเสริมระบบนิเวศที่ดีต่อสุขภาพ เป็นข้อพิสูจน์ถึงความก้าวหน้าในการวิจัยทางการเกษตรและความต้องการโซลูชั่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น

ประสิทธิภาพของ IS ในการกำจัดโรคราดำในลิ้นจี่ได้รับการพิสูจน์ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดและการทดลองภาคสนาม เกษตรกรที่รวม IS เข้ากับกลยุทธ์การจัดการพืชผลของพวกเขาได้รายงานว่าอัตราการติดเชื้อราลดลงอย่างมาก ซึ่งนำไปสู่พืชที่มีสุขภาพดีขึ้นและการเก็บเกี่ยวที่ดีขึ้น ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นไม่เพียงแต่สร้างประโยชน์ทางการเงินแก่เกษตรกรเท่านั้น แต่ยังช่วยให้มีลิ้นจี่คุณภาพสูงสำหรับผู้บริโภคทั่วโลกอีกด้วย

เนื่องจากโรคราดำคุกคามพืชลิ้นจี่ การนำระบบ IS มาใช้จึงเป็นทางออกที่ดี องค์ประกอบอินทรีย์ การยึดเกาะที่มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับเกษตรกรที่ต้องการควบคุมการติดเชื้อราอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการจัดหาทางเลือกที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม IS แสดงศักยภาพของการวิจัยและพัฒนาในการปฏิวัติการทำการเกษตร

โดยสรุป IS แสดงถึงความก้าวหน้าในการต่อสู้กับโรคราดำในลิ้นจี่ ธรรมชาติอินทรีย์ของมันควบคู่ไปกับความสามารถในการยับยั้งเชื้อราโดยการสร้างสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยบนพื้นผิวใบของพืช ทำให้มันแตกต่างจากสารต้านเชื้อราที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วย IS เกษตรกรสามารถปกป้องผลผลิตลิ้นจี่ เพิ่มผลผลิต และมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมการเกษตรที่ยั่งยืนและมีสุขภาพดี

ไอเอส ขนาด 3 ลิตร
อัตรส่วนการใช้ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
1 แกลลอน ผสมน้ำได้ 1200 ลิตร ใช้ได้ 15 ไร่


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

ไอเอส และ FK-T สามารถใช้ได้กับทุกพืช ใช้ฉีดพ่นทางใบ กับอุปกรณ์ฉีดพ่นทั่วไป และใช้โดรนบินฉีดพ่นได้เช่นกัน

พริก เป็นพืชที่อ่อนแอต่อโรคพืชหลายชนิด โดยโรคที่เป็นปัญหามากที่สุดในการผลิตพริกของเกษตรกร คือโรคแอนแทรคโนส สาเหตุเกิดจากเชื้อรากลุ่มหนึ่ง (Colletotrichum spp.) ซึ่งสามารถเข้าลายต้นพริกได้ทุกระยะ ต้น ใบ ดอก และผลพริก โดยเฉพาะอาการเป็นโรคที่ผล จะทำให้สูญเสียผลผลิตมาก เกษตรกรผู้ปลูกพริกจะคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับอาการบนผลพริกที่เรียกว่า “โรคกุ้งแห้ง” เพราะทำให้เกษตรกรต้องเสียรายได้จากการขายผลผลิตในทุกที่และทุกฤดูการผลิตจากโรคกุ้งแห้ง

ไอเอส เป็นสารอินทรีย์สกัดจากธรรมชาติทั้งหมด โดยอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงอันทันสมัย 'การควบคุมประจุไฟฟ้า' สามารถฉีดพ่นได้ก่อนการเก็บเกี่ยว โดยไม่มีสารพิษตกค้าง ปลอดภัยต่อผู้ใช้ และผู้บริโภค

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม ไอเอส และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม


สั่งซื้อ
โทร 0909-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

สนใจขอข้อมูลเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อ อย่าติดต่อผมนะ ทักแชทที่เพจโดยตรงเลย
https://www.facebook.com/farmkaset/ มีเจ้าหน้าที่ให้บริการอยู่ตลอดเวลา วันละ 18 ชั่วโมง นอกเวลาก็ทักทิ้งไว้ เจ้าหน้าที่จะตอบกลับนะ

ไอเอส เป็นสารอินทรีย์จากธรรมชาติ 100% ปลอดภัยกับทั้งผู้ใช้และผู้บริโภค เรียกได้ว่า หลังฉีด เก็บมาล้างทานได้เลย ไม่ว่าจะเป็น พืช ผัก หรือ ผลไม้ใดๆก็ตาม

หลักการทำงานของ ไอเอส
เป็นสารอินทรีย์ยับยั้งเชื้อราทำงานโดยเทคนิคion control
ซึ่งเป็นการควบคุมสภาพแวดล้อมที่ผิวใบ เพื่อทำให้ใบมีสภาพที่ไม่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตและการสืบพันธุ์ของเชื้อรา โดยประจุลบจะเคลือบที่ผิวใบ_ Spore ไม่สามารถงอกได้ เนื่องจากเชื้อราชอบสภาพที่ค่อนข้างเป็นกรดในการเจริญเติบโต_ ควบคุมเชื้อราที่สร้างหน่วยสืบพันธุ์ ( spore ) จากเส้นใย ( mycelium )

สำหรับผู้สนใจ สอบถามเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อโดยตรง
ที่ เพจ https://www.facebook.com/farmkaset/ หรือเบอร์โทร และไลน์ไอดี ที่อยู่บนภาพสินค้า..

เพลี้ยต่างๆ เพลี้ย แมลงศัตรู เพลี้ยแป้ง มันสำปะหลัง ใช้

มาคา

อัตราการผสมใช้

50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร หรือ 500ซีซี ต่อน้ำ 200ลิตร

ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3 วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง

การผสม FK ธรรมชาตินิยม ฉีดพ่นไปด้วยพร้อมกัน จะช่วยให้พืชฟื้นตัวจากการเข้าทำลายของ โรค และ แมลงศัตรูพืช ได้เร็วยิ่งขึ้น

ป้องกัน กำจัด เพลี้ยต่างๆ มาคา

อัตราการผสมใช้

50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร หรือ 500ซีซี ต่อน้ำ 200ลิตร

ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3 วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง

การผสม FK ธรรมชาตินิยม ฉีดพ่นไปด้วยพร้อมกัน จะช่วยให้พืชฟื้นตัวจากการเข้าทำลายของ โรค และ แมลงศัตรูพืช ได้เร็วยิ่งขึ้น

รัฐบาลอยู่ระหว่างผลักดัน ร่างพระราชบัญญัติสถาบันการบริหารจัดการที่ดินและกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน พ.ศ. … ประกาศบังคับใช้ เป้าหมายหลักเพื่อเป็นกลไกในการกระจายการถือครองที่ดิน สนับสนุนให้เกษตรกรและผู้ยากจนได้มีที่ดินทำกินหรืออยู่อาศัย เพื่อส่งเสริมเกษตรกรรายย่อย ผู้ยากจน แรงงานไร้ที่ดิน และองค์กรของคนจนในรูปแบบต่าง ๆ ได้มีสิทธิร่วมกันในที่ดินโดยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ และป้องกันไม่ให้ที่ดินหลุดมือ หรือหลุดเข้าสู่กลไกตลาด

เป็นการปกป้องที่ดินไว้ให้รายย่อย ผู้ยากจน และแรงงานไร้ที่ดิน โดยใช้ประโยชน์ร่วมกัน และบริหารจัดการร่วมกันระหว่างรัฐกับประชาชน

สาระสำคัญของร่างกฎหมายแบ่งออกเป็น 6 หมวด 1 บทเฉพาะกาล รวมทั้งหมด 60 มาตรา ประกอบด้วย บททั่วไป มาตราที่ 1-4 โดยให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ หมวด 1 การจัดตั้ง วัตถุประสงค์ และอำนาจหน้าที่ของสถาบัน มาตรา 5-8 อาทิ เพื่อจัดหาที่ดินของรัฐและเอกชนเพื่อการใช้ประโยชน์ จัดการกระจายการถือครองที่ดินและที่อยู่อาศัยแก่เกษตรกรหรือผู้ยากจน ป้องกันและแก้ไขปัญหาการสูญเสียสิทธิในที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัยของเกษตรกรหรือผู้ยากจน ส่งเสริมและสนับสนุนให้ชุมชนบริหารจัดการที่ดินร่วมกัน ฯลฯ

โดยให้สถาบันบริหารจัดการที่ดินและกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน มีหน้าที่และอำนาจในการถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง หรือมีทรัพย์สิทธิต่าง ๆ สร้าง ซื้อ ว่าจ้าง รับจ้าง จัดหา หรือดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของสถาบัน รวมทั้งทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้ จัดหาที่ดินของรัฐตามที่หน่วยงานรัฐที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบมอบหมาย และจัดหาที่ดินเอกชน ทำความตกลงและร่วมมือกับองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐและเอกชน องค์กรชุมชน หรือเครือข่ายองค์กรชุมชน ในกิจการเกี่ยวกับการบริหารจัดการที่ดิน หรือเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการสูญเสียสิทธิในที่ดินและที่อยู่อาศัย ฯลฯ

หมวด 2 คณะกรรมการบริหารจัดการที่ดินและกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน มาตรา 9-18 หมวด 3 สถาบันบริหารจัดการที่ดินและกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน มาตรา 19-30 หมวด 4 กองทุนบริหารจัดการที่ดินและกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน มาตรา 31-35 หมวด 5 การดำเนินงานของสถาบัน มาตรา 36-49 อาทิ

การบริหารจัดการ และการกระจายการถือครอง ให้สถาบันมีอำนาจดำเนินการบริหารจัดการ จัดสรรที่ดินเพื่อการเกษตร และที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยแก่เกษตรกร ผู้ยากจน และองค์กรชุมชน ซึ่งสถาบันจัดให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินโดยการให้เช่า ให้เช่าซื้อ ให้ใช้ประโยชน์ ตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนด หรือให้ใช้ประโยชน์ในรูปแบบของการถือกรรมสิทธิ์ร่วมระหว่างรัฐกับประชาชน ในกรณีเป็นที่ดินของหน่วยงานรัฐ ที่ดินราชพัสดุ หรือที่ดินที่สถาบันไม่มีกรรมสิทธิ์จะจัดการให้ใช้ประโยชน์ สถาบันต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับประเภทของที่ดินด้วย

การป้องกันและแก้ไขปัญหาการสูญเสียสิทธิในที่ดิน การสนับสนุนอาชีพ โดยให้สถาบันดำเนินการ อาทิ ไถ่ถอนที่ดินจากการจำนองหรือขายฝาก จากผู้รับจำนองหรือผู้รับซื้อฝาก ซึ่งยังอยู่ในอายุสัญญา ให้สินเชื่อเพื่อการคงสิทธิในที่ดิน ซื้อที่ดินที่เคยเป็นกรรมสิทธิ์ของเกษตรกรและผู้ยากจน แต่ได้สูญเสียสิทธิเพราะการจำนองหรือขายฝากไปแล้วไม่เกิน 10 ปี ซื้อที่ดินที่อยู่ระหว่างการบังคับคดี หรือจะถูกบังคับคดี ฯลฯ
การสนับสนุนอาชีพ โดยยึดหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่

หมวด 6 การบัญชี การตรวจสอบ การประเมินผลงาน และการรายงาน มาตรา 50-53 และบทเฉพาะกาล มาตรา 54-60 เมื่อร่างพระราชบัญญัตินี้มีผลบังคับใช้แล้ว ให้พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์กรมหาชน) พ.ศ. 2554 เป็นอันยกเลิก และให้บรรดากิจการ เงินทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ รวมทั้งงบประมาณของสถาบัน ที่มีอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ตกเป็นของสถาบันบริหารจัดการที่ดินและกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน

Reference prachachat.net/columns/news-596201

กัญชา เป็นพืชสกุล Cannabis อยู่ในวงศ์ Cannabaceae มี 3 สายพันธุ์ที่พบบ่อย ได้แก่ สายพันธุ์ซาติวา (Cannabis sativa) สายพันธุ์อินดิกา (Cannabis indica) และสายพันธุ์รูเดอราลิส (Cannabis ruderalis) ส่วนคำว่ามาลีฮวนน่า (Marijuana) เป็นคำแสลงที่ใช้ส่วนดอกของต้นกัญชานำมาสูบ

ซาติวา (Cannabis sativa)
เป็นภาษาละติน แปลว่า เพาะปลูก ตั้งโดย คาโรรัส ลินเนียส Carolus Linnæus หรือ Carl Linnaeus) นักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน โดยจัดวงศ์พืชชนิดนี้ไว้เมื่อปี ค.ศ. 1753 (พ.ศ. 2296) มีแหล่งกำเนิดบริเวณเส้นศูนย์สูตร เช่น โคลัมเบีย เม็กซิโก (ทวีปอเมริกา) ตอนกลางของทวีปแอฟริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ซาติวามีลำต้นหนา ความสูงเมื่อเติบโตเต็มที่ประมาณ 6 เมตร ใบยาว เรียว สีเขียวอ่อน (เมื่อเทียบกับอินดิกา) ระยะเวลาการเติบโตพร้อมเก็บเกี่ยว 9-16 สัปดาห์ ชอบแดดและ อากาศร้อน ซาติวามีสาร THC (Tetrahydrocannabinol) ที่ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท (Psychoactive) สูงกว่าอินดิกา

อินดิกา (Cannabis indica)
ผู้ค้นพบสายพันธุ์นี้คือ ฌอง-แบ๊บติสท์ ลามาร์ค (Jean-Baptiste Lamarck) ทหารนักชีววิทยา ชาวฝรั่งเศส ผู้ตั้งชื่อและตีพิมพ์ความรู้เรื่องกัญชาสายพันธุ์นี้ในปี ค.ศ. 1785 (พ.ศ. 2328) กัญชาสายพันธุ์อินดิกาได้ชื่อตามแหล่งกำเนิดที่ค้นพบในอินเดียและบริเวณตะวันออกกลาง

อินดิกามีลำต้นพุ่มเตี้ย ความสูงเมื่อเติบโตเต็มที่ประมาณ 180 เซนติเมตร ใบกว้าง สั้น สีเขียวเข้ม (เมื่อเทียบกับซาติวา) กิ่งก้านดกหนา ระยะเวลาการเติบโตพร้อมเก็บเกี่ยว 6-8 สัปดาห์ ชอบที่ร่มและอากาศเย็น อินดิกามีสาร CBD (Cannabidiol) ซึ่งออกฤทธิ์ระงับ ประสาท (Sedative) ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ลดอาการปวดเรื้อรัง

รูเดอราลิส (Cannabis ruderalis)
ผู้ตีพิมพ์เรื่องราวกัญชาสายพันธุ์นี้คนแรก คือ นักพฤกษศาสตร์ชาวรัสเชีย ดี.อี. จานิสเชสกี้ (D. E. Janischewsky) เมื่อปี ค.ศ. 1924 (พ.ศ. 2467) กัญชาสายพันธุ์รูเดอราลิสมีแหล่ง กำเนิดบริเวณตอนกลางและตะวันออกของทวีปยุโรป

รูเดอราลิส มีลำต้นเตี้ยที่สุดในบรรดา 3 สายพันธุ์ ดูคล้ายวัชพืช ใบกว้างมี 3 แฉก เติบโตเร็ว อยู่ได้ทั้งอากาศร้อนและเย็น ปริมาณสาร THC น้อย (เมื่อเทียบกับสองสายพันธุ์แรก) แต่มี CBD สูง มักนำไปผสมข้ามสายพันธุ์ (hybrid) กับซาติวาและอินดิกา เพื่อให้ได้ คุณสมบัติทางยา

ประโยชน์ของสาร THC และ CBD ในกัญชา

สาร CBD มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบ ลดการชักเกร็ง ช่วยให้สงบ ผ่อนคลาย และมีคุณสมบัติยังยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้องอกหลายชนิดในหลอดทดลอง

สาร THC มีผลต่อจิต ประสาท ทำให้ผ่อนคลาย นอนหลับ ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และกระตุ้นให้อยากอาหาร

อ้างอิง: http://www.farmkaset..link..

ฉีดพ่น ไอเอส หากพบ โรคพืชที่เกิดจากเชื้อราต่างๆ

อัตราการผสมใช้

50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร หรือ 500ซีซี ต่อน้ำ 200ลิตร

ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3 วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง

การผสม FK ธรรมชาตินิยม ฉีดพ่นไปด้วยพร้อมกัน จะช่วยให้พืชฟื้นตัวจากโรคได้เร็วยิ่งขึ้น