ในระยะที่มีลมแรงและอากาศเย็นลงช่วงนี้ กรมวิชาการเกษตร แนะเกษตรกรผู้ปลูกพืชตระกูลแตง อาทิ แตงกวา แตงร้าน แตงโม แตงไทย เมล่อน แคนตาลูป ซูกินี ฟักเขียว ฟักทอง ฟักแม้ว มะระจีน และบวบ ให้หมั่นสังเกตการระบาดของ “โรคราน้ำค้าง” ที่สามารถพบได้ในทุกระยะการเจริญเติบโตของพืช มักพบแสดงอาการเริ่มแรกของโรคบนใบที่อยู่บริเวณด้านล่างของต้นมีแผลฉ่ำน้ำ ต่อมาแผลจะขยายลุกลามไปยังใบที่อยู่ด้านบนตามกรอบของเส้นใบย่อย ทำให้เห็นแผลเหลี่ยมเล็กเปลี่ยนเป็นสีเหลือง

กรณีที่มีความชื้นสูงในตอนเช้า จะพบเส้นใยของเชื้อราเป็นขุยสีขาวถึงเทาตรงแผลใต้ใบ จากนั้นแผลจะขยายติดต่อกันเป็นแผลขนาดใหญ่ และเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือเทาดำ หากอาการรุนแรงจะทำให้ใบเหลืองและแห้งตายทั้งต้น ต้นพืชที่เป็นโรคจะติดผลน้อย ผลมีขนาดเล็ก คุณภาพของผลและความหวานจะลดลง ถ้าต้นพืชเป็นโรคในระยะมีผลอ่อน จะทำให้ผลลีบเล็กและบิดเบี้ยว

สำหรับพื้นที่ที่พบอาการของโรคนี้ หลังจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตเรียบร้อยแล้ว ให้เกษตรกรเก็บเศษซากพืชส่วนที่หลงเหลือและหมั่นกำจัดวัชพืชในแปลงนำไปทำลายนอกแปลงปลูกทันที เพื่อลดการสะสมเชื้อราสาเหตุโรค อากาศถ่ายเทได้สะดวก และทำลายแหล่งอาศัยของด้วงเต่าแตง อีกทั้ง ควรปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียนที่ไม่ใช่พืชตระกูลแตง และไม่ควรปลูกพืชแน่นจนเกินไป เพราะในแปลงปลูกจะเกิดความชื้นสูง

ที่มา http://www.farmkaset..link..

ฉีดพ่น ไอเอส เพื่อป้องกัน กำจัดโรคราน้ำค้าง ฉีดพ่น FK-1 เพื่อฟื้นฟู บำรุ่ง เสริมสร้างภูมิต้านทานต่อโรคและแมลง ส่งเสริมการเจริญเติบโตและผลผลิต

ถั่วฝักยาวเป็นพืชที่นิยมปลูกในหลายส่วนของโลก รวมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกาตะวันออก อย่างไรก็ตาม ยังไวต่อการโจมตีจากแมลงศัตรูพืช เช่น หนอนเจาะถั่ว ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชผล เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Baserex ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์จากบาซิลลัสที่เรียกว่า Basilisk ซึ่งออกแบบมาเพื่อป้องกันและกำจัดหนอนกอถั่วในถั่วฝักยาว

บาซิลิสก์ทำงานโดยมุ่งเป้าไปที่ตัวอ่อนของหนอนเจาะถั่ว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผลผลิตเสียหาย สารออกฤทธิ์ใน Basilisk คือ Bacillus thuringiensis ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งเป็นพิษต่อแมลงหลายชนิด รวมทั้งหนอนเจาะถั่วด้วย เมื่อนำไปใช้กับพืชผล แบคทีเรียจะผลิตสารพิษที่ตัวอ่อนกินเข้าไป ซึ่งนำไปสู่การตาย

ข้อได้เปรียบที่สำคัญประการหนึ่งของการใช้บาซิลิสก์คือเป้าหมายสูงในการดำเนินการ ไม่เหมือนกับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชบางชนิดที่สามารถทำร้ายแมลงที่เป็นประโยชน์และสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมายอื่นๆ บาซิลิสก์มีความเฉพาะเจาะจงในกิจกรรมของมัน โดยมีผลกับตัวอ่อนของหนอนเจาะถั่วเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าสามารถใช้ในลักษณะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในระบบนิเวศ

ข้อดีอีกอย่างของบาซิลิสก์คือใช้งานง่าย มาในรูปแบบผงที่สะดวกสามารถผสมกับน้ำแล้วฉีดพ่นลงบนพืชผลโดยใช้เครื่องพ่นแบบสะพายหลังหรืออุปกรณ์อื่นๆ ขอแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์เมื่อสัญญาณแรกของการแพร่ระบาด และทำซ้ำเป็นระยะๆ เพื่อให้มั่นใจถึงการป้องกันอย่างต่อเนื่อง

ข้อควรพิจารณาที่สำคัญประการหนึ่งเมื่อใช้บาซิลิสก์คือต้องแน่ใจว่าใช้อย่างถูกต้อง ควรใช้ผลิตภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอกับพืชผล โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษกับด้านล่างของใบที่ตัวอ่อนมักจะกิน สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามอัตราปริมาณที่แนะนำและช่วงเวลาการใช้เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพในการควบคุมหนอนเจาะถั่ว

โดยรวมแล้วบาซิลิสก์เป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพสูงและยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมในการป้องกันและกำจัดหนอนกอถั่วในถั่วฝักยาว เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์นี้ เกษตรกรสามารถปกป้องพืชผลของตนจากความเสียหาย และมั่นใจได้ว่าจะได้ผลผลิตที่สมบูรณ์และอุดมสมบูรณ์

บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ

ช่วยป้องกันและกำจัดแมลงในระยะ หนอน ในสวนไร่และแปลงผัก เช่น

หนอนใยผัก หนอนคืบกะหล่ำ หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม
หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนร่าน หนอนแปะใบส้ม หนอนไหมป่า
หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด หนอนแก้วส้ม หนอนกินสนสามใบ
หนอนหัวดำมะพร้าว หนอนผีเสื้อ หนอนกินใบผัก หนอนบุ้ง หนอนคืบละหุ่ง

วิธีการใช้งาน

- ผสมน้ำ 75 กรัมหรือ 6 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร

- ฉีดพ่น ใบ กิ่ง ก้าน และ ลำต้น

- ฉีดพ่นเฉพาะในช่วงเย็นตอนที่มีแดดร่ม ลมสงบ

- ฉีดทุก 3-5 วัน

- สามารถใช้รวมกับเชื้อเมธาไรเซียม และ บิวเวอร์เรีย

- ไม่ควรใช้ร่วมกับยาเคมี

ปลอดภัยต่อพืช สัตว์ และมนุษย์ จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค และผู้ใช้

ไม่มีพิษตกค้างเมื่อพ่น สามารถนำพืชมาบริโภคได้ทันที
มีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ จึงสามารถใช้แทนสารเคมีกำจัดแมลง ศัตรูพืชได้

❌ไม่ควรผสมเชื้อ บี ที กับสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช โดยเฉพาะสารที่ออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรีย เช่น สารปฏิชีวนะและสารประกอบทองแดง คอปเปอร์ คลอไรด์ เป็นต้น❌

!! ควรฉีดพ่นช่วงเช้าหรือเย็นที่มีแสงแดดอ่อน 06.00-09.00 น. หรือ 16.00-18.00 น.!!
** เพิ่มประสิทธิภาพจุลินทรีย์ ควรเเช่เชื้ออย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้เชื้อกระจายตัว**
** ควรผสมสารจับใบทุกครั้ง **
**หลีกเลี่ยงการฉีดพ่นขนาดมีแสงแดดจัด หรือลมพัดแรง **บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ**

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

เชื้อราไตรโคเดอร์มา Trichorex: ทางออกสำหรับการป้องกันและกำจัดโรคกล้วยไม้ของคุณ

กล้วยไม้เป็นดอกไม้ที่น่าหลงใหลและหวงแหนที่สุดในหมู่ชาวสวนและผู้ที่ชื่นชอบดอกไม้ อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับพืชอื่นๆ กล้วยไม้มีความเสี่ยงต่อโรคที่เกิดจากเชื้อรา โรคเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อกล้วยไม้ ทำให้การเจริญเติบโตไม่ดี การออกดอกลดลง และแม้แต่การตายของพืช เพื่อปกป้องกล้วยไม้ที่คุณรักจากโรคเชื้อราเหล่านี้ คุณต้องมีวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ใส่เชื้อราไตรโคเดอร์มา Trichorex เชื้อราไตรโคเดอร์มายี่ห้อที่เชื่อถือได้ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเครื่องมือที่เชื่อถือได้สำหรับการป้องกันและกำจัดโรคกล้วยไม้

เชื้อราไตรโคเดอร์มา Trichorex เป็นเชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งได้รับการควบคุมให้มีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ในการเกษตรและพืชสวน ทำหน้าที่เป็นสารควบคุมทางชีวภาพ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชที่แข็งแรง เมื่อนำไปใช้กับกล้วยไม้ เชื้อรา Trichoderma Trichorex จะเกาะรากและสร้างเกราะป้องกัน ป้องกันการเข้ามาของเชื้อราที่เป็นอันตราย และกระตุ้นกลไกการป้องกันตามธรรมชาติของพืช

คุณสมบัติที่สำคัญอย่างหนึ่งของเชื้อรา Trichoderma Trichorex คือความสามารถในการแข่งขันและเอาชนะเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคเพื่อแย่งชิงทรัพยากร เช่น สารอาหารและพื้นที่ สิ่งนี้ช่วยจำกัดการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเชื้อราที่เป็นอันตราย ลดความสามารถในการก่อให้เกิดโรคในกล้วยไม้ เชื้อรา Trichoderma Trichorex ยังผลิตเอนไซม์ที่ทำลายผนังเซลล์ของเชื้อราที่ทำให้เกิดโรค ยับยั้งการเจริญเติบโตและการพัฒนาของเชื้อราต่อไป

ประโยชน์ที่โดดเด่นอีกประการของเชื้อรา Trichoderma Trichorex คือความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ทางชีวภาพกับกล้วยไม้ เชื้อราสร้างความสัมพันธ์ของไมคอไรซากับรากกล้วยไม้ สร้างความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันซึ่งทั้งพืชและเชื้อราได้รับประโยชน์ กล้วยไม้ให้สารอาหาร Trichoderma Trichorex ในขณะที่เชื้อราช่วยกล้วยไม้โดยการปรับปรุงการดูดซึมสารอาหารและปกป้องจากเชื้อโรคที่เป็นอันตราย

เชื้อราไตรโคเดอร์มา Trichorex ใช้ง่าย ใช้รดดิน จุ่มราก หรือฉีดพ่นทางใบ เข้ากันได้กับวิธีการปลูกกล้วยไม้อื่นๆ ที่ใช้กันทั่วไป เช่น การปลูกพืชไร้ดินและการปลูกในเรือนกระจก การใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาเป็นประจำสามารถช่วยป้องกันและควบคุมโรคที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรครากเน่า ใบจุด โรคราแป้ง เป็นต้น

นอกจากการป้องกันโรคแล้ว เชื้อรา Trichoderma Trichorex ยังได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถกำจัดโรคเชื้อราในกล้วยไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อนำไปใช้กับพืชที่ติดเชื้อ เชื้อราจะเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วในเนื้อเยื่อที่เป็นโรคและกำจัดเชื้อโรคออกไป สิ่งนี้ทำให้เชื้อราไตรโคเดอร์มา Trichorex เป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าในแนวทางการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน (IPM) สำหรับการปลูกกล้วยไม้

นอกจากนี้ เชื้อรา Trichoderma Trichorex ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายและปลอดภัยสำหรับการผลิตกล้วยไม้ออร์แกนิก

สรุปได้ว่า เชื้อราไตรโคเดอร์มา Trichorex เป็นเชื้อราไตรโคเดอร์มายี่ห้อหนึ่งที่เชื่อถือได้ซึ่งนำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคกล้วยไม้ที่เกิดจากเชื้อรา ความสามารถในการแข่งขันกับเชื้อโรค สร้างความสัมพันธ์ทางชีวภาพกับกล้วยไม้ และส่งเสริมสุขภาพของพืชทำให้เป็นเครื่องมือที่มีค่าสำหรับผู้ปลูกกล้วยไม้ ด้วยการใช้งานที่ง่ายและคุณสมบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เชื้อรา Trichoderma Trichorex จึงเป็นทางเลือกที่เชื่อถือได้สำหรับการดูแลกล้วยไม้ของคุณให้แข็งแรงและปราศจากโรค

อะมิโนโปรตีนจำเป็นต่อพืช 18 ชนิด ช่วนในการส้รางฮอร์โมนพืช โตไว ผลใหญ่ แข็งแรง ทนแล้ง ทนโรค ทำไห้เกิดการสร้างและขยายขนาดของเซลล์เนื้อเยื่อ และพัฒนาส่วนต่างๆของพืชเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบ ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

Beauveria Mix Methharicium จำหน่ายภายใต้แบรนด์ Butarex เป็นสารกำจัดศัตรูพืชทางชีวภาพที่มีประสิทธิภาพซึ่งใช้ในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยไฟในแตงโม เพลี้ยไฟเป็นศัตรูพืชทั่วไปที่สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชตระกูลแตงโดยการกัดกินใบ ดอก และผล สารกำจัดศัตรูพืชที่เป็นสารเคมีแบบดั้งเดิมอาจเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและอาจทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายไว้ ทำให้สารกำจัดศัตรูพืชทางชีวภาพเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

Beauveria Mix Methharicium เป็นส่วนผสมของเชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ 2 สายพันธุ์ ได้แก่ Beauveria bassiana และ Metarhizium anisopliae เชื้อราเหล่านี้เป็นที่รู้กันว่าติดเชื้อและฆ่าแมลงได้หลากหลายชนิด รวมถึงเพลี้ยไฟด้วย เมื่อนำไปใช้กับพืชตระกูลแตง สปอร์ของเชื้อราจะติดกับตัวของเพลี้ยไฟและเริ่มเติบโต ซึ่งนำไปสู่การตายในที่สุด

การใช้บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมนั้นง่ายและปลอดภัย ผลิตภัณฑ์มีอยู่ในรูปแบบผงซึ่งสามารถผสมกับน้ำได้ง่ายและใช้เป็นสเปรย์ การบำบัดสามารถใช้ได้กับทุกระยะของวงจรการเจริญเติบโตของพืช ตั้งแต่ต้นกล้าไปจนถึงการพัฒนาของผล ผลิตภัณฑ์นี้ปลอดภัยต่อมนุษย์ สัตว์เลี้ยง และสิ่งแวดล้อม เนื่องจากไม่มีสารเคมีหรือสารตกค้างที่เป็นอันตราย

ประสิทธิภาพของบิวเวอเรีย มิกซ์ เมธฮาริเซียมได้รับการทดสอบและรับรองอย่างกว้างขวางในการทดลองภาคสนาม ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการแสดงเพื่อลดจำนวนเพลี้ยไฟและเพิ่มผลผลิตเมล่อน นอกจากนี้ยังพบว่าเข้ากันได้กับมาตรการควบคุมศัตรูพืชอื่น ๆ เช่นการใช้แมลงที่เป็นประโยชน์

โดยรวมแล้ว Beauveria Mix Methharicium เป็นทางเลือกที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แทนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบดั้งเดิมสำหรับการป้องกันและกำจัดเพลี้ยไฟในแตงเมล่อน การใช้งานที่ง่าย ความเข้ากันได้กับมาตรการควบคุมศัตรูพืชอื่น ๆ และประสิทธิภาพที่พิสูจน์แล้วทำให้เป็นเครื่องมือที่มีค่าสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกเมล่อนที่ต้องการปกป้องพืชผลของตนจากแมลงศัตรูพืช

เชื้อบิวเวอร์เรีย + เมธาไรเซียม
เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดสรรจุลินทรีย์ 2 ชนิดมี คุณสมบัติโดดเด่นมาผสมผสานใช้ในการป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ปลวก เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอน เป็นต้น

บิวทาเร็กซ์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณ กิ่ง ก้าน ใบ หรือบริเวณที่แมลงระบาด
2. ฉีดพ่นได้ทุก 7-10 วัน

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อไตรโคเดอร์มา และ ยากำจัดเชื้อรา หากต้องการใช้ร่วมควรเว้น ระยะฉีดพ่น 7-10 วัน *

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย บิวทาเร็กซ์..
ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช
เชื้อดีที่สุดสำหรับชาวเกษตรกร
ปริมาณเชื้อที่ดีและได้ผล
ให้อาหารเฉพาะของเชื้อแต่ละตัว

เชื้อจะไปเติบโตในแมลง ปกคลุมตัวแมลง ทำให้แมลงแห้งตายในที่สุด
ปลอดภัยไม่มีสารเคมี
แมลงดื้อยา ใช้ได้ต่อเนื่อง
เป็นยาเย็น ใช้ได้ทุกพืช และทุกช่วงอายุของพืช

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

Maca Alkaloids: ทางออกตามธรรมชาติสำหรับการควบคุมแมลงศัตรูพืช

แมลงศัตรูพืชเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับเกษตรกรทั่วโลก ทำให้เกิดการสูญเสียพืชผลอย่างมากและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหาร การใช้สารเคมีกำจัดแมลงเป็นวิธีหนึ่งที่ใช้กันมากที่สุดในการควบคุมแมลงศัตรูพืชเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้มีข้อเสียหลายประการ เช่น การดื้อยาฆ่าแมลง มลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม และความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้ใช้และผู้บริโภค

โชคดีที่มีวิธีธรรมชาติที่สามารถช่วยป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ นั่นคือ Maca alkaloids Maca (Lepidium meyenii) เป็นพืชพื้นเมืองบนเทือกเขาแอนดีสสูงของเปรู ที่ซึ่งมันถูกใช้เป็นพืชทางยาและโภชนาการมานานหลายศตวรรษ อัลคาลอยด์ Maca เป็นอัลคาลอยด์ที่สกัดจากธรรมชาติซึ่งได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันโดยใช้หลักการทางเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อรวมอัลคาลอยด์เข้มข้นที่มีประสิทธิภาพสูง

ประโยชน์หลักประการหนึ่งของการใช้ Maca alkaloids ในการควบคุมแมลงศัตรูพืชคือวิธีการดำเนินการที่ไม่เฉพาะเจาะจง Maca alkaloids ต่างจากสารเคมีกำจัดแมลงที่มุ่งเป้าไปที่ตัวรับเฉพาะในระบบประสาทของแมลง Maca alkaloids มีผลโดยทั่วไปมากกว่าที่จะป้องกันไม่ให้แมลงปรับความต้านทานของพวกมัน ซึ่งหมายความว่าแม้หลังจากใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แมลงศัตรูพืชก็ไม่น่าจะต้านทานต่อสารอัลคาลอยด์ของ Maca ได้

นอกจากนี้ Maca alkaloids ยังไม่ทิ้งสารพิษตกค้างในดินและน้ำ ทำให้ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและผู้บริโภค สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพืชเช่นฝรั่ง ซึ่งการตกค้างของสารเคมีกำจัดแมลงอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์

ข้อดีอีกประการของการใช้ Maca alkaloids คือความสามารถในการยับยั้งการดื้อยาที่เกิดจากการใช้สารเคมีกำจัดแมลง แมลงศัตรูพืชสามารถพัฒนาความต้านทานต่อสารเคมีเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งทำให้ยากต่อการควบคุม การใช้ Maca alkaloids ร่วมกับสารเคมีกำจัดแมลง เกษตรกรสามารถป้องกันไม่ให้เกิดการดื้อยาและได้ผลการควบคุมศัตรูพืชที่ดีขึ้น

โดยรวมแล้ว อัลคาลอยด์ของ Maca นำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่เป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพสำหรับการควบคุมแมลงศัตรูพืช ซึ่งสามารถช่วยเกษตรกรให้ได้รับผลผลิตพืชที่ดีขึ้นและปกป้องสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ ด้วยการใช้หลักการทางเทคโนโลยีขั้นสูงในการสกัดและรวบรวมอัลคาลอยด์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด Maca alkaloids จึงเป็นแนวทางที่ปลอดภัยและยั่งยืนในการจัดการแมลงศัตรูพืชซึ่งสามารถใช้ได้นานหลายปี

การใช้มาคาอัลคาลอยด์ เกษตรกรควรผสมสารละลาย 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นพืชทุกๆ 3 วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง เพื่อป้องกันแนะนำให้ฉีดพ่นพืชทุกๆ 15-30 วัน วิธีการนี้สามารถป้องกันและควบคุมแมลงศัตรูพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้พืชแข็งแรงและให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม มาคา และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. ช้อปปี้ http://ไปที่..link..

ความสำคัญของการปลูกพืชหมุนเวียนในการปลูกมันสำปะหลัง

มันสำปะหลังหรือที่เรียกว่ามันสำปะหลังหรือมันสำปะหลังเป็นผักหัวที่ปลูกทั่วไปในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของผู้คนนับล้านทั่วโลก โดยเฉพาะในแอฟริกา เอเชีย และละตินอเมริกา การปลูกมันสำปะหลังทำได้ค่อนข้างง่ายและให้ผลผลิตสูงโดยใช้ปัจจัยการผลิตเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญประการหนึ่งในการทำไร่มันสำปะหลังคือการรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินเมื่อเวลาผ่านไป นี่คือที่มาของการปลูกพืชหมุนเวียน

การปลูกพืชหมุนเวียนเป็นเทคนิคการทำการเกษตรที่เกี่ยวข้องกับการปลูกพืชต่างชนิดกันในทุ่งเดียวกันในช่วงเวลาหลายปี แนวคิดเบื้องหลังการปลูกพืชหมุนเวียนคือการปรับปรุงความสมบูรณ์ของดินโดยการป้องกันการสะสมของศัตรูพืชและโรค ลดการพังทลายของดิน และเพิ่มการหมุนเวียนของธาตุอาหาร ในการปลูกมันสำปะหลัง การปลูกพืชหมุนเวียนมีประโยชน์หลายประการ

สิ่งแรกและสำคัญที่สุด การปลูกพืชหมุนเวียนสามารถช่วยลดโรคที่เกิดจากดินที่ส่งผลกระทบต่อพืชมันสำปะหลังได้ โรคต่างๆ เช่น โรคเหี่ยวจากแบคทีเรีย โรคโมเสกมันสำปะหลัง และโรคใบขีดสีน้ำตาลในมันสำปะหลังสามารถอยู่ในดินได้นานหลายปี ทำให้มันสำปะหลังที่สมบูรณ์แข็งแรงปลูกได้ยาก การปลูกมันสำปะหลังสลับกับพืชอื่นๆ เช่น พืชตระกูลถั่วหรือผัก ทำให้ดินปลอดโปร่งจากมันสำปะหลังและโรคต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อมัน

ประการที่สอง การปลูกพืชหมุนเวียนช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน มันสำปะหลังเป็นอาหารที่มีน้ำหนักมากซึ่งต้องการสารอาหารจำนวนมากเพื่อให้เจริญเติบโตได้ดี อย่างไรก็ตาม หากปลูกมันสำปะหลังอย่างต่อเนื่องในแปลงเดียวกัน อาจทำให้ดินมีธาตุอาหารลดลง ส่งผลให้ผลผลิตลดลงเมื่อเวลาผ่านไป โดยการหมุนเวียนมันสำปะหลังกับพืชอื่น ๆ ที่มีความต้องการธาตุอาหารต่างกัน ดินสามารถเติมเต็มด้วยธาตุอาหารที่มันสำปะหลังต้องการ

ประการที่สาม การปลูกพืชหมุนเวียนสามารถช่วยควบคุมวัชพืชได้ มันสำปะหลังเป็นพืชที่โตช้าและต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะโตเต็มที่ ในช่วงเวลานี้ วัชพืชสามารถเข้ายึดพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วและแย่งสารอาหารและน้ำกับมันสำปะหลัง ด้วยการหมุนเวียนมันสำปะหลังกับพืชที่มีนิสัยการเจริญเติบโตและกลไกการปราบวัชพืชที่แตกต่างกัน ทำให้สามารถควบคุมวัชพืชได้โดยไม่ต้องใช้ยากำจัดวัชพืช

สรุปได้ว่า การปลูกพืชหมุนเวียนเป็นเทคนิคสำคัญในการปลูกมันสำปะหลัง สามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพของดิน ลดความดันของโรค เพิ่มการหมุนเวียนของธาตุอาหาร และควบคุมวัชพืช ด้วยการหมุนเวียนมันสำปะหลังกับพืชอื่น ๆ เกษตรกรสามารถรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินได้ตลอดเวลาและมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะมีพืชมันสำปะหลังที่สมบูรณ์สำหรับปีต่อ ๆ ไป

โรคเชื้อราอาจเป็นปัญหาสำคัญสำหรับผู้ปลูกหอม ทำให้ผลผลิตและคุณภาพลดลง อย่างไรก็ตาม การป้องกันและกำจัดโรคเหล่านี้เป็นไปได้ด้วยการใช้สารประกอบอินทรีย์ IS และ FK-1

IS เป็นสารผสมที่สามารถนำมาใช้เพื่อช่วยป้องกันโรคเชื้อราในพืช อัตราผสมที่แนะนำสำหรับ IS คือ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร การผสม IS กับน้ำและนำไปใช้กับต้นหอม ผู้ปลูกสามารถช่วยป้องกันโรคเชื้อราได้

FK-1 เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่สามารถช่วยป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในพืช เมื่อเปิดกล่อง FK-1 ผู้ปลูกจะพบถุงสองใบ ถุงแรกประกอบด้วยธาตุหลักคือไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโปแตสเซียม ส่วนถุงที่สองมีธาตุเสริมคือแมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว

ในการใช้ FK-1 ผู้ปลูกควรผสม 50 กรัมของถุงแรกและ 50 กรัมของถุงที่สองกับน้ำ 20 ลิตร ส่วนผสมนี้สามารถนำไปใช้กับต้นหอมหัวใหญ่เพื่อช่วยป้องกันและกำจัดโรคเชื้อรา

โดยรวมแล้ว การใช้ IS และ FK-1 อาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ปลูกหอมในการป้องกันและกำจัดโรคจากเชื้อรา ด้วยการใช้สารประกอบอินทรีย์เหล่านี้ ผู้ปลูกสามารถช่วยให้แน่ใจว่าต้นหอมของพวกเขายังคงแข็งแรงและให้ผลผลิต

การเพิ่มผลผลิตเงาะให้สูงสุดด้วยปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1

เงาะเป็นผลไม้เมืองร้อนที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อหวานฉ่ำและมีลักษณะแหลมที่โดดเด่น ด้วยการดูแลและปลูกอย่างเหมาะสม ต้นเงาะสามารถให้ผลผลิตมากมายในแต่ละฤดูกาล วิธีการเพิ่มผลผลิตเงาะที่ได้ผลวิธีหนึ่งคือการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ เช่น FK-1

ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นการผสมผสานของธาตุอาหารที่จำเป็น ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี ซึ่งล้วนมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและการเจริญเติบโตของต้นเงาะ นอกจากนี้ สารลดแรงตึงผิวที่รวมอยู่ใน FK-1 ช่วยให้มั่นใจได้ว่าปุ๋ยจะกระจายทั่วใบอย่างเท่าเทียมกัน ส่งเสริมการดูดซึมสูงสุด

การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เริ่มต้นด้วยการแกะถุงปุ๋ย 2 ถุง แต่ละถุงบรรจุผลิตภัณฑ์ 1 กิโลกรัม ขั้นตอนแรก นำทั้งสองถุงมาผสมกันในน้ำ 20 ลิตร คนให้เข้ากันเพื่อให้ปุ๋ยละลายทั่วถึง เมื่อผสมแล้วสามารถฉีดพ่นลงบนใบของต้นเงาะโดยใช้เครื่องพ่นสารเคมีสำหรับสวนหรือเครื่องมืออื่นที่คล้ายคลึงกัน

เมื่อใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 สิ่งสำคัญคือต้องกำหนดเป้าหมายที่ใบโดยตรง เนื่องจากเป็นจุดที่สารอาหารจะถูกดูดซึม ให้แน่ใจว่าได้ฉีดพ่นใบไม้ให้ทั่วถึงและทั่วถึง ครอบคลุมทั้งด้านบนและด้านล่างของใบไม้

แนะนำให้ใส่ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 แก่ต้นเงาะทุก 2-3 สัปดาห์ในช่วงฤดูปลูก โดยเริ่มตั้งแต่ระยะเริ่มออกดอก สิ่งนี้จะช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ดีและเพิ่มผลผลิตผลไม้

นอกจากการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 แล้ว ยังมีคำแนะนำและเทคนิคอื่นๆ อีกหลายประการในการปลูกเงาะให้ได้ผลผลิตสูงสุด เหล่านี้รวมถึง:

ปลูกต้นเงาะในดินร่วนซุยที่อุดมด้วยอินทรียวัตถุ
การให้น้ำอย่างเพียงพอโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งเพื่อไม่ให้ต้นไม้เครียด
ตัดแต่งกิ่งต้นไม้อย่างสม่ำเสมอเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตและการออกผลที่ดี
การควบคุมศัตรูพืชและโรคโดยใช้ธรรมชาติบำบัดหรือสารเคมีตามความจำเป็น
เมื่อรวมแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเหล่านี้เข้ากับการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ผู้ปลูกเงาะจะสามารถเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของผลที่เก็บเกี่ยวได้ ด้วยการผสมผสานอย่างลงตัวของสารอาหารที่จำเป็นและสารลดแรงตึงผิวเพื่อการกระจายที่สม่ำเสมอ FK-1 จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ปลูกเงาะที่ต้องการเพิ่มผลผลิตและผลกำไรสูงสุด

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

โรคราน้ำค้างเป็นโรคพืชทั่วไปที่เกิดจากเชื้อราและอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของต้นอ้อย เพื่อป้องกันและกำจัดโรคนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำเทคนิคการควบคุมที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนมาใช้ เทคนิคหนึ่งคือการใช้สารประกอบอินทรีย์ ไอเอส ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการกำจัดโรคราน้ำค้างและโรคพืชอื่นๆ

สารประกอบอินทรีย์ ไอเอส ทำงานโดยสร้างสภาพแวดล้อมบนใบพืชที่ไม่เหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อรา ควรจะผสมกับ FK-1 ซึ่งช่วยเร่งการงอกใหม่ของพืชจากการถูกทำลายที่เกิดจากโรค FK-1 ประกอบด้วยสารอาหารที่จำเป็น เช่น แมกนีเซียม สังกะสี ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม รวมทั้งสารลดแรงตึงผิวที่ช่วยบำรุงและส่งเสริมการเจริญเติบโตและผลผลิต

ในการใช้สารประกอบอินทรีย์ ไอเอส อย่างมีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคราน้ำค้างในอ้อย สิ่งสำคัญคือต้องผสม ไอเอส และ FK-1 เข้าด้วยกันแล้วฉีดพ่นสารละลายลงบนพืชที่ได้รับผลกระทบ สิ่งนี้จะช่วยกำจัดโรคและส่งเสริมการเจริญเติบโตและผลผลิตที่ดีในต้นอ้อย

โดยรวมแล้ว การใช้สารประกอบอินทรีย์ ไอเอส ร่วมกับ FK-1 เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพสูงและยั่งยืนในการป้องกันและกำจัดโรคราน้ำค้างในอ้อย ด้วยการควบคุมสภาพแวดล้อมไอออนบนใบพืชและให้สารอาหารที่จำเป็น เทคนิคนี้สามารถช่วยให้แน่ใจว่าต้นอ้อยยังคงแข็งแรงและให้ผลผลิต

เลือกซื้อปุ๋ยยาฯ เลื่อนลงล่างอีกนิดนะคะ

ฟักทอง มีความไวต่อโรคเชื้อราหลายชนิด รวมถึงโรคใบไหม้และใบจุด ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของพืช .

ไอเอส เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่สามารถนำมาใช้ป้องกันและกำจัดโรคราในพืชได้ ทำงานโดยการควบคุมสมดุลไอออนในเซลล์พืช ซึ่งยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของสปอร์ของเชื้อรา การใช้ ไอเอส ให้ผสมสาร 50 ซีซี กับน้ำ 20 ลิตร แล้วฉีดพ่นลงบนต้นฟักทอง สิ่งสำคัญคือต้องฉีดพ่นให้ชุ่ม และทั่วถึง ทั้งใบและลำต้นอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มั่นใจว่ามีประสิทธิภาพสูงสุด.

นอกจากการใช้ ไอเอส แล้ว เกษตรกรยังสามารถใช้ฉีดพ่นทางใบ เช่น ปุ๋ย FK1 เพื่อเพิ่มผลผลิตของพืชและต้านทานต่อโรคเชื้อรา FK1 ประกอบด้วยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิวที่สมดุล ซึ่งสามารถช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงและป้องกันการขาดสารอาหาร หากต้องการใช้ FK1 ให้ผสมทั้งสองถุงในกล่องเข้าด้วยกัน แล้วเติมส่วนผสม 50 กรัมลงในน้ำ 20 ลิตร คนให้ละลายแล้วฉีดพ่นสารละลายบนต้นฟักทอง หมายเหตุ FK1 หนึ่งกล่องหนัก 2 กก. เมื่อแกะออกมา จะพบสองถุง บรรจุถุงละ 1 กก. ต้องผสมใช้พร้อมกัน ตามอัตราส่วนดังกล่าว.

เมื่อใช้ ไอเอส และ FK-1 สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามอัตราการผสมที่แนะนำและคำแนะนำการใช้งานเพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพสูงสุด สารประกอบสเปรย์ทางใบเหล่านี้สามารถช่วยเกษตรกรในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในต้นฟักทองโดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีสังเคราะห์ที่เป็นอันตราย นอกจากจะให้สภาพแวดล้อมในการเพาะปลูกที่ดีต่อสุขภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้นแล้ว ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังสามารถเพิ่มผลผลิตโดยรวม ส่งผลให้เกษตรกรมีกำไรสูงขึ้น ดังนั้น หากคุณกำลังปลูกฟักทอง ให้พิจารณาใช้ ไอเอส และ FK1 เพื่อช่วยให้พืชของคุณเจริญเติบโต

http://ไปที่..link..

เลือกซื้อ ไอเอส และ FK-1 เลื่อนลงล่างอีกนิดนะคะ