ลิ้นจี่เป็นผลไม้เขตร้อนที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งปลูกกันอย่างแพร่หลายในเอเชีย อเมริกาใต้ และแอฟริกา อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับพืชอื่นๆ ต้นลิ้นจี่มีความไวต่อโรคพืชต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโต ผลผลิต และคุณภาพของต้นลิ้นจี่ สาเหตุของโรคลิ้นจี่ที่พบได้บ่อยที่สุดสาเหตุหนึ่งคือเชื้อราซึ่งสามารถเข้าทำลายส่วนต่างๆ ของพืช ทั้งใบ ลำต้น ดอก และผล โชคดีที่มีหลายวิธีในการป้องกันและควบคุมโรคเชื้อราในต้นลิ้นจี่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการใช้ Trichorex ซึ่งเป็นเชื้อราไตรโคเดอร์มายี่ห้อหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดเชื้อรา

เชื้อราไตรโคเดอร์มา (Trichoderma) เป็นเชื้อราชนิดหนึ่งที่พบตามธรรมชาติในดินและถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในการเกษตรในฐานะสารชีวภัณฑ์ควบคุมโรคพืช ทำงานโดยตั้งรกรากบริเวณรากของพืชและผลิตเอนไซม์และสารเมแทบอไลต์อื่นๆ ที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตและกิจกรรมของเชื้อราที่เป็นอันตราย เชื้อราไตรโคเดอร์มายังกระตุ้นกลไกการป้องกันตามธรรมชาติของพืช ทำให้พืชมีภูมิต้านทานต่อโรคเชื้อรา

Trichorex เป็นผลิตภัณฑ์ของ Biocin บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพชั้นนำที่เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและผลิตสารควบคุมทางชีวภาพ Trichorex ประกอบด้วยสปอร์เชื้อราไตรโคเดอร์มาเข้มข้นสูงและจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์อื่นๆ ที่สามารถป้องกันโรคเชื้อราต่างๆ ได้ยาวนาน รวมทั้งโรคแอนแทรคโนส โรคใบจุดสีน้ำตาล และผลเน่า ซึ่งพบได้ทั่วไปในต้นลิ้นจี่

หากต้องการใช้ Trichorex เพียงผสมผลิตภัณฑ์กับน้ำแล้วทาลงบนดินรอบโคนต้นลิ้นจี่ จากนั้นสปอร์ของเชื้อราไตรโคเดอร์มาจะไปเกาะบริเวณรากและสร้างเกราะป้องกันเชื้อราที่ก่อโรค Trichorex ยังสามารถใช้เป็นสเปรย์ทางใบเพื่อป้องกันใบและส่วนอื่น ๆ ทางอากาศของพืช

นอกจากการใช้ Trichorex แล้ว ยังมีวิธีอื่นๆ ในการป้องกันและควบคุมโรคเชื้อราในต้นลิ้นจี่อีกด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งคือการรักษาแนวปฏิบัติทางวัฒนธรรมที่ดี เช่น การให้น้ำ การให้ปุ๋ย การตัดแต่งกิ่ง และการสุขาภิบาลที่เหมาะสม การรดน้ำมากเกินไป การระบายน้ำไม่ดี และการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนมากเกินไปสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของเชื้อราและเชื้อโรคพืชอื่นๆ การตัดแต่งกิ่งและกำจัดส่วนของพืชที่ติดเชื้อสามารถช่วยลดการแพร่กระจายของโรคได้

สรุปได้ว่า Trichorex เป็นสารละลายที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในต้นลิ้นจี่ ด้วยการใช้ Trichorex และปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติทางวัฒนธรรมที่ดี ผู้ปลูกลิ้นจี่สามารถมั่นใจได้ว่าพืชผลแข็งแรงและให้ผลผลิต และผู้บริโภคสามารถเพลิดเพลินกับผลไม้ลิ้นจี่ที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการซึ่งปราศจากเชื้อโรคที่เป็นอันตราย

อะมิโนโปรตีนจำเป็นต่อพืช 18 ชนิด ช่วนในการส้รางฮอร์โมนพืช โตไว ผลใหญ่ แข็งแรง ทนแล้ง ทนโรค ทำไห้เกิดการสร้างและขยายขนาดของเซลล์เนื้อเยื่อ และพัฒนาส่วนต่างๆของพืชเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบ ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

ต้นยางอ่อนแอต่อโรคราต่างๆ เช่น โรคราสีชมพู โรคนี้ส่งผลกระทบต่อใบและกิ่งของต้นยาง ทำให้ผลผลิต และคุณภาพของยางลดลง

หนึ่งในสารประกอบอินทรีย์ที่สามารถใช้ในการป้องกันและกำจัดโรคราในพืชคือ ไอเอส ซึ่งเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและมีประสิทธิภาพในการควบคุมโรคเชื้อราในต้นยาง อัตราการผสมไอเอสต่อน้ำ 20 ลิตร คือ 50 ซีซี โดยควรละลายน้ำก่อนฉีดพ่นต้นยาง.

ไอเอส ทำงานโดยการควบคุมไอออน ซึ่งจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา ไอเอส จะป้องกันไม่ให้สปอร์ของเชื้อรางอก ซึ่งจะช่วยลดการเกิดโรคเชื้อราสีชมพู นอกจากนี้ ไอเอส ยังช่วยเสริมกลไกการป้องกันตามธรรมชาติของพืช ทำให้พืชมีความทนทานต่อโรคเชื้อรา.

การเพิ่มผลผลิตของต้นยางอีกวิธีหนึ่งคือการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK1 ซึ่งเป็นปุ๋ยฉีดพ่นทางใบที่มีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว ธาตุอาหารเหล่านี้จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของต้นยาง และการขาดสารอาหารเหล่านี้อาจทำให้ผลผลิตและคุณภาพของยางลดลง_

อัตราการผสม FK1 ต่อน้ำ 20 ลิตร ใช้ ถุงแรก 50 กรัม และถุงที่สอง 50 กรัม ผสมเข้าด้วยกันแล้วคนให้เข้ากันจนละลายในน้ำ 20 ลิตร สารลดแรงตึงผิวใน FK1 จะช่วยเพิ่มการดูดซึมและการใช้สารอาหารของต้นยาง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มผลผลิต สามารถผสม ไอเอส และ FK1 ฉีดพ่นไปได้พร้อมกัน.

สรุปได้ว่า การป้องกันและกำจัดโรคราสีชมพูในต้นยางทำได้โดยใช้สารอินทรีย์ ไอเอส และปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ เช่น FK1 เทคนิคเหล่านี้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยสามารถเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของต้นยางได้ เกษตรกรและเจ้าของสวนยางควรพิจารณานำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้เพื่อให้ต้นยางแข็งแรงและให้ผลผลิตที่ดีขึ้น

http://ไปที่..link..

เลือกซื้อ ไอเอส และ FK-1 เลื่อนลงล่างอีกนิดนะคะ

ไม่ถึง 1 สัปดาห์ หลังจากการ ปลดล็อก กัญชาออกจากยาเสพติด ข่าวสารเกี่ยวกับผู้ที่เสพและผู้รับประทานเมนูอาหารที่ปรุงโดยมีกัญชาเป็นส่วนประกอบแล้วเกิดผลกระทบกับสุขภาพเริ่มปรากฏให้เห็น

กินก๊วยจั๊บใส่กัญชาแล้วเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง มึนงงและอาเจียน คุกกี้หรือบราวนี่ใส่กัญชา ที่ทำให้เกิดอาการมึนงง คือ ส่วนหนึ่งของอาการแพ้และผลกระทบสุขภาพที่เริ่มมีข่าวให้เห็นแล้ว

สำหรับการเสพกัญชา การปลดล็อกล่าสุดไม่มีกฎหมายที่ควบคุมปริมาณการเสพเอาไว้ ล่าสุด ในรายงานของผู้ป่วยที่รับกัญชาเข้าไปเกินขนาดของโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร พบมีผู้ป่วย 4 ราย เป็นชายอายุน้อยสุด 16 ปี อายุมากสุด 51 ปี ชายวัย 51 ผู้นี้ เสียชีวิตหลังจากมีอาการแน่นหน้าอกหลังจากเสพกัญชา และมีอาการหัวใจล้มเหลว ส่วนเยาวชนชายอายุ 16 ปี เสพกัญชามากเกินขนาด ขณะนี้ยังรักษาอยู่ห้องไอซียูที่โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์

อาหาร เครื่องดื่มแต่ละประเภทควรใส่กัญชาปริมาณแค่ไหน ประกาศกรมอนามัย เรื่อง การนำใบกัญชามาใช้ในการทำ ประกอบ หรือปรุงอาหาร ในสถานประกอบกิจการอาหาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ได้ระบุคำแนะนำเอาไว้

ประกาศนี้ครอบคลุมถึง ตลาด สถานที่จำหน่ายอาหาร สถานที่สะสมอาหาร และการจำหน่ายในที่หรือทางสาธารณะ ตาม พ.ร.บ. การสาธารณสุข 2535

นพ. สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ประกาศดังกล่าวมีการแก้ไขเพิ่มเติม โดยกำหนดให้สถานประกอบกิจการอาหาร มีการจัดเก็บใบกัญชาที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ จัดเก็บเป็นสัดส่วน อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ไม่ทำให้เกิดเชื้อรา หรือเน่าเสียแทน สำหรับข้อกำหนดอื่น ๆ ในประกาศยังคงเหมือนเดิม คือ สถานประกอบการกิจการอาหาร ต้องควบคุม กำกับ และต้องจัดให้มีการสื่อสารข้อมูลด้านสุขภาพและต้องตระหนักด้านความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค เกี่ยวกับการจำหน่ายอาหารที่มีการใช้ใบกัญชาเป็นส่วนประกอบของอาหาร

เงื่อนไขที่ร้านอาหาร หรือผู้ขายอาหารต้องทำเมื่อขายอาหารที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ
จัดทำข้อความที่แสดงข้อมูลเป็นสถานประกอบกิจการอาหารที่มีการใช้กัญชา
แสดงรายการอาหารที่มีการใช้ใบกัญชาทั้งหมด
แสดงข้อมูลปริมาณการใช้ใบกัญชาเป็นส่วนประกอบต่อรายการอาหาร ตามประเภทการทำประกอบหรือปรุงอาหาร เช่น อาหารทอด แนะนำการใช้ใบกัญชาสด 1-2 ใบสดต่อเมนู อาหารประเภทผัด แกง ต้ม ผสมในเครื่องดื่ม แนะนำการใช้ใบกัญชาสด 1 ใบสดต่อเมนู
แสดงข้อแนะนำเพื่อความปลอดภัย ในการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีใบกัญชาเป็นส่วนประกอบ
แสดงคำเตือนรายการอาหารที่มีการใช้ใบกัญชาให้แก่ผู้บริโภคที่มีความเสี่ยง หากรับประทานอาหารที่ใช้ใบกัญชาทราบ ด้วยการระบุข้อความ

- เด็กและวัยรุ่นช่วงอายุน้อยกว่า 18 ปี ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา เช่น ขนม อาหารและเครื่องดื่ม

- สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตรไม่ควรรับประทาน

- หากมีอาการผิดปกติ ควรหยุดรับประทานทันที

- ผู้ที่แพ้หรือไวต่อสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (THC) หรือสารแคนนาบิไดออล (CBD) ควรระวังในการรับประทาน

- อาจทำให้ง่วงซึมได้ ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล

6. ห้ามแสดงข้อความหรือโฆษณาสรรพคุณในการป้องกันหรือรักษาโรค

อาหารใส่กัญชา กินอย่างไรให้ปลอดภัย
ผศ.นพ.สหภูมิ ศรีสุมะ หัวหน้าสาขาวิชาเภสัชวิทยาและพิษวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลในรายการมหิดล แชนแนล เมื่อเดือน ธ.ค. 2564 ว่า การใช้กัญชาในการปรุงอาหารของคนไทย ที่พบเห็นได้ทั่วไป หลัก ๆ คือ ประเภทน้ำซุป ในก๋วยเตี๋ยว ซึ่ง คำแนะนำข้อแรก คือ อย่าใช้ช่อดอก เนื่องจากมีปริมาณของสาร THC สูง

เราเจอพะแนงไก่ใส่ช่อดอกแล้วน็อคมา บางคนบอกกินแกงไม่เป็นไร แต่คนสมัยก่อนเขาใส่ใบ

สำหรับการทำอาหารประเภทน้ำซุป ตัวสารออกฤทธิ์ที่ใช้เป็นยาหรือว่าเป็นตัวสารเสพติด ละลายน้ำไม่ค่อยเก่ง มักจะใช้ใบสดไปต้มกับน้ำ แต่สามารถสร้างกลิ่นได้ดี โดยสูตรดั้งเดิมของคนไทยใช้ใบเป็นหลัก เช่น แกง พะโล้ ไข่เจียว บางร้านอาหารนำไปทอดกรอบ ซึ่งอาหารกลุ่มทอด ปริมาณสารจะออกมามากกว่าเมนูอื่น

โดยทั่วไป ในอาหารมีคำแนะนำในเบื้องต้นอย่าให้ถึง 5 ใบต่อวัน สำหรับผู้ไม่มีโรคประจำตัว และแต่ละคนจะทนต่อสารไม่เท่ากัน ให้ลองให้ปริมาณที่น้อยที่สุดก่อน

สำหรับคุกกี้กัญชา จะมีสารของกัญชาเยอะหรือไม่ ผศ.นพ.สหภูมิ บอกว่าในกลุ่มขนมแปรรูป ในต่างประเทศรัฐที่เปิดเสรีเพื่อสันทนาการ เน้นการใส่สาร THC ค่อนข้างเยอะ ซึ่งใช้ช่อดอกมาสกัดสารด้วยน้ำมันเพื่อให้ระเหิดตัว ทำให้ปริมาณของสารเข้มข้นมากและเป็นลักษณะคล้ายเนยหรือขี้ผึ้ง ซึ่งนำมาแปรรูปเป็นเบเกอรี่ คุกกี้ บราวนี่ เป็นต้น

ผศ.นพ.สหภูมิ ให้ข้อมูลว่า โดยทั่วไปแล้วในรัฐที่ใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ กำหนดปริมาณไว้ที่ ต่อหนึ่งหน่วยบริโภคสาร THC อย่าให้เกิน 5 มิลลิกรัม การกินหนึ่งครั้ง แนะนำกินปริมาณเท่านี้ แต่ในรัฐที่เปิดเสรีมากก็พบคุกกี้ที่มีปริมาณสาร THC เข้มข้น คือ 20 มิลลิกรัมต่อ 1 ชิ้น หากกินให้ได้หนึ่งหน่วยบริโภค ต้องตัดคุกกี้ออกเป็น 4 ชิ้น

หลักการบริโภคเพื่อการสันทนาการ จะมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ กินแล้วต้องรอการดูดซึมในเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง จึงจะรับประทานชิ้นต่อไปได้

ส่วนบราวนี่กัญชา ในประเทศเปิดเสรีกัญชา ถือเป็นของ "ฮาร์ดคอร์" ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค ต้องแบ่งรับประทาน 16 ชิ้น เว้นแต่ละชิ้น 30 นาที เช่นกัน

คำแนะนำก่อนบริโภค
ปัญหาการรับสาร THC เกินขนาด มีพบในต่างประเทศเช่นกัน การใช้โดยทั่วไปฤทธิ์ของผู้บริโภค คือ ต้องการรู้สึกถึง อาการเคลิ้ม ๆ เมา ๆ แต่ถ้ามากเกินไป จะมีอาการเห็นภาพหลอน รู้สึกกระวนกระวาย หงุดหงิด ซึ่งจะเป็นอาการที่ไม่รู้ตัว หรืออาการใจสั่น มึนศีรษะ คลื่นไส้

ฤทธิ์ที่เราเจอบ่อย ๆ เมื่อมาถึงโรงพยาบาลแล้ว คือ ชีพจรเร็ว ปกติคนเราชีพจร 60-100 แต่ แต่ที่เจอเร็วได้ถึงเกือบสองเท่าของพื้นฐานปกติ คือ 150-180 ครั้งต่อนาที กลุ่มที่มีโรคหัวใจเดิมจะทนกับอัตราขนาดนี้ไม่ได้ นายแพทย์จากมหิดล กล่าวถึงผลกระทบทางสุขภาพหากมีการบริโภคในปริมาณที่ไม่เหมาะสม

อีกกลุ่มอาการที่พบ คือ ความดันแกว่ง การไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อตัวเองได้ ทำให้ไม่สามารถทรงตัวได้ และอาการล้มหมดสติ

ผศ.นพ.สหภูมิ กล่าวว่า หากเริ่มมีอาการผิดปกติ ไม่แนะนำให้รอ ให้ไปโรงพยาบาลทันที เพราะฤทธิ์กัญชาจากการบริโภคมีฤทธิ์นาน ต่างจากการสูบที่เพียง 1-2 ชม. ฤทธิ์จะหมดแล้ว

สำหรับคำแนะนำก่อนบริโภคสำหรับผู้ลองใช้ ผศ.นพ.สหภูมิ แนะนำ ต้องตรวจสอบร้านที่ได้มาตรฐาน น่าเชื่อถือ สั่งเมนูมาตรฐานเพราะได้รับอนุญาตมาให้ใช้ผลิตภัณฑ์ ไม่ใช้ช่อดอก ส่วนการบริโภคขนม ต้องทราบที่มา ปริมาณของกัญชาที่ใส่


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..

Fusarium wilt หรือโรคเหี่ยวในเมล่อน ที่เกิดจากเชื้อราฟิวซาเรียม เป็นโรคพืชทั่วไปที่เกิดจากเชื้อราที่สามารถมีผลกระทบอย่างมากต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของแตง โรคนี้อาจทำให้พืชที่ติดเชื้อเหี่ยว ใบเหลือง และตาย ส่งผลให้ผลผลิตพืชลดลงและเกษตรกรขาดทุน อย่างไรก็ตาม มีวิธีแก้ปัญหานี้ในรูปแบบของสารประกอบอินทรีย์ และเทคนิคการควบคุมไอออน

สารประกอบอินทรีย์ ไอเอส มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัด Fusarium wilt โดยสร้างสภาพแวดล้อมบนใบพืชที่ไม่เหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อรา เมื่อผสมกับ FK-1 และฉีดพ่นบนพืช ไอเอส สามารถกำจัดโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ FK-1 เร่งการงอกใหม่ของพืชและส่งเสริมการเจริญเติบโตและผลผลิต

FK-1 เป็นส่วนผสมพิเศษของสารอาหาร ได้แก่ แมกนีเซียม สังกะสี ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และสารลดแรงตึงผิว การรวมกันของสารอาหารและสารลดแรงตึงผิวนี้ส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชและช่วยฟื้นฟูกลไกการป้องกันตามธรรมชาติของพืช ส่งผลให้พืชมีสุขภาพดีและแข็งแรงขึ้นซึ่งไวต่อโรคน้อยลง

เมื่อใช้ ไอเอส และ FK-1 ร่วมกัน สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามอัตราและกำหนดเวลาการใช้งานที่แนะนำ เพื่อให้แน่ใจว่าพืชได้รับการปกป้องและสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและผลผลิตที่เหมาะสม

โดยสรุป โรคเหี่ยว Fusarium อาจเป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกเมล่อน แต่สามารถป้องกันและกำจัดได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการใช้สารประกอบอินทรีย์ ไอเอส และเทคนิคการควบคุมไอออน เมื่อผสม ไอเอส และ FK-1 แล้วใช้ร่วมกัน เกษตรกรสามารถปกป้องพืชผลจากโรคและส่งเสริมการเจริญเติบโตและผลผลิตที่เหมาะสม ด้วยวิธีนี้ เกษตรกรสามารถสบายใจได้เมื่อรู้ว่าพืชผลของพวกเขาได้รับการปกป้องจากการทำลายล้างของ Fusarium wilt

เลือกซื้อ ไอเอส และ FK-1 เลื่อนลงล่างอีกนิดนะคะ

โรคผลแตกที่เกิดจากเชื้อราเป็นปัญหาสำคัญสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกลำไยทั่วโลก บทความนี้จะเจาะลึกถึงแง่มุมต่างๆ ของโรคเชื้อรานี้ ผลกระทบต่อต้นลำไย และแนวทางการป้องกันและกำจัดที่แนะนำ นอกจากนี้ เรายังสำรวจประโยชน์ที่เป็นไปได้ของการใช้สารประกอบอินทรีย์และส่วนผสมเฉพาะที่เรียกว่า IS และ FK-1 เพื่อการจัดการโรคอย่างมีประสิทธิภาพ

ทำความเข้าใจกับโรคผลไม้แคร็ก:
สำรวจสาเหตุและอาการของโรคผลแตกในลำไย
ระบุเชื้อราก่อโรคที่สำคัญที่รับผิดชอบต่อโรค
กล่าวถึงผลกระทบของโรคต่อผลผลิตและคุณภาพลำไย.

เปิดเผยสาเหตุของเชื้อรา:
การตรวจสอบเชื้อราที่พบได้บ่อยในโรคผลแตก
รายละเอียดวงจรชีวิตและขั้นตอนการติดเชื้อของเชื้อราเหล่านี้
เน้นปัจจัยที่นำไปสู่การเจริญเติบโตของเชื้อราและการพัฒนาของโรค

กลยุทธ์การป้องกันและกำจัด:
ขอแนะนำ IS (อัตราการผสม IS 50 ซีซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร) เพื่อป้องกันกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
อธิบายประโยชน์และแนวทางการประยุกต์ใช้ IS ในการปลูกลำไย
เน้นความสำคัญของสารอินทรีย์ในการป้องกันและกำจัดโรค

FK-1: ทางออกที่ดีในการจัดการโรค:
แนะนำ FK-1 เป็นอาหารเสริมพืชที่มีคุณสมบัติในการต่อสู้กับโรค
อธิบายองค์ประกอบของ FK-1 และบทบาทในการเสริมสร้างสุขภาพของพืช
สรุปอัตราส่วนการผสมที่แนะนำและวิธีการใช้ FK-1 ในสวนลำไย

แนวทางแบบองค์รวมในการจัดการโรค:
หารือเกี่ยวกับกลยุทธ์การจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานเพื่อต่อสู้กับโรคเชื้อรา
เน้นความสำคัญของการปฏิบัติทางวัฒนธรรม การสุขาภิบาล และการจัดการสวนผลไม้อย่างเหมาะสม
ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกลยุทธ์ระยะยาวในการควบคุมโรคอย่างยั่งยืน

บทสรุป:
โรคผลแตกที่เกิดจากเชื้อราเป็นปัญหาท้าทายที่สำคัญสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกลำไย การทำความเข้าใจสาเหตุของเชื้อรา การใช้มาตรการป้องกัน เช่น IS และการใช้สารประกอบอินทรีย์ เช่น FK-1 ทำให้ผู้ปลูกสามารถจัดการและบรรเทาผลกระทบของโรคเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้แนวทางแบบองค์รวมและนำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดมาใช้จะช่วยส่งเสริมสวนลำไยที่มีสุขภาพดี รับรองคุณภาพผลไม้ที่ดีขึ้นและผลผลิตที่เพิ่มขึ้น

แตงโมเป็นวัตถุดิบหลักของฤดูร้อน เป็นของว่างที่เหมาะสำหรับวันที่อากาศร้อน น่าเสียดายที่ต้นแตงโมมีแนวโน้มที่จะมีศัตรูพืชหลากหลายชนิดรวมถึงหนอนชอนใบ หนอนชอนใบสามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อต้นแตงโม ทำให้การเจริญเติบโตแคระแกร็นและผลผลิตลดลง โชคดีที่มีวิธีแก้ปัญหา: Basilisk ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Baserex

บาซิลลัสเป็นบาซิลลัสที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันและกำจัดหนอนชอนใบในต้นแตงโม บาซิลลัสเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่พบได้ทั่วไปในดิน และใช้ในผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรหลายชนิดเพื่อควบคุมแมลงศัตรูพืช สายพันธุ์ Bacillus thuringiensis (Bt) ที่ใช้ใน Basilisk มีประสิทธิภาพเป็นพิเศษในการต่อต้านหนอนชอนใบ

ข้อดีอย่างหนึ่งของการใช้บาซิลิสก์คือปลอดภัยสำหรับใช้กับมนุษย์และสัตว์เลี้ยง ไม่เหมือนกับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชบางชนิด ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ บาซิลิสก์เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญ สิ่งนี้ทำให้เป็นทางออกที่ดีสำหรับเกษตรกรและชาวสวนที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ข้อดีอีกประการของการใช้บาซิลิสก์คือสมัครได้ง่าย ผลิตภัณฑ์มาในรูปแบบเข้มข้นผสมน้ำแล้วฉีดพ่นลงบนต้นแตงโม ทำให้ง่ายต่อการทาผลิตภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอ ทำให้มั่นใจได้ว่าพืชทั้งหมดได้รับการปกป้องจากหนอนชอนใบ

บาซิลิสก์ยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันการเข้าทำลายของหนอนชอนใบในอนาคตอีกด้วย เนื่องจากเป็นบาซิลลัสจึงทำงานโดยทำให้ลำไส้ของหนอนชอนใบติดเชื้อและทำให้ตายในที่สุด ซึ่งหมายความว่าแม้ว่าจะมีหนอนชอนใบอยู่ในดิน แต่ก็ไม่น่าจะสร้างความเสียหายให้กับต้นแตงโมได้มากนัก

นอกจากประสิทธิภาพในการกำจัดหนอนชอนใบแล้ว บาซิลิสก์ยังมีประโยชน์อื่นๆ สำหรับต้นแตงโมด้วย ตัวอย่างเช่น สามารถปรับปรุงสุขภาพโดยรวมของพืช ทำให้ต้านทานต่อศัตรูพืชและโรคอื่นๆ ได้ดีขึ้น สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ผลผลิตที่สูงขึ้นและผลไม้ที่มีคุณภาพดีขึ้น

โดยรวมแล้วบาซิลิสก์เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีเยี่ยมในการป้องกันและกำจัดหนอนชอนใบในต้นแตงโม มีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และใช้งานง่าย ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับเกษตรกรและชาวสวนที่กำลังมองหาวิธีการกำจัดแมลงที่เป็นธรรมชาติและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หากคุณต้องการปกป้องต้นแตงโมของคุณจากหนอนชอนใบ ให้ลองใช้บาซิลิสก์ดู

บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ

ช่วยป้องกันและกำจัดแมลงในระยะ หนอน ในสวนไร่และแปลงผัก เช่น

หนอนใยผัก หนอนคืบกะหล่ำ หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม
หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนร่าน หนอนแปะใบส้ม หนอนไหมป่า
หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด หนอนแก้วส้ม หนอนกินสนสามใบ
หนอนหัวดำมะพร้าว หนอนผีเสื้อ หนอนกินใบผัก หนอนบุ้ง หนอนคืบละหุ่ง

วิธีการใช้งาน

- ผสมน้ำ 75 กรัมหรือ 6 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร

- ฉีดพ่น ใบ กิ่ง ก้าน และ ลำต้น

- ฉีดพ่นเฉพาะในช่วงเย็นตอนที่มีแดดร่ม ลมสงบ

- ฉีดทุก 3-5 วัน

- สามารถใช้รวมกับเชื้อเมธาไรเซียม และ บิวเวอร์เรีย

- ไม่ควรใช้ร่วมกับยาเคมี

ปลอดภัยต่อพืช สัตว์ และมนุษย์ จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค และผู้ใช้

ไม่มีพิษตกค้างเมื่อพ่น สามารถนำพืชมาบริโภคได้ทันที
มีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ จึงสามารถใช้แทนสารเคมีกำจัดแมลง ศัตรูพืชได้

❌ไม่ควรผสมเชื้อ บี ที กับสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช โดยเฉพาะสารที่ออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรีย เช่น สารปฏิชีวนะและสารประกอบทองแดง คอปเปอร์ คลอไรด์ เป็นต้น❌

!! ควรฉีดพ่นช่วงเช้าหรือเย็นที่มีแสงแดดอ่อน 06.00-09.00 น. หรือ 16.00-18.00 น.!!
** เพิ่มประสิทธิภาพจุลินทรีย์ ควรเเช่เชื้ออย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้เชื้อกระจายตัว**
** ควรผสมสารจับใบทุกครั้ง **
**หลีกเลี่ยงการฉีดพ่นขนาดมีแสงแดดจัด หรือลมพัดแรง **บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ

ช่วยป้องกันและกำจัดแมลงในระยะ หนอน ในสวนไร่และแปลงผัก เช่น

หนอนใยผัก หนอนคืบกะหล่ำ หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม
หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนร่าน หนอนแปะใบส้ม หนอนไหมป่า
หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด หนอนแก้วส้ม หนอนกินสนสามใบ
หนอนหัวดำมะพร้าว หนอนผีเสื้อ หนอนกินใบผัก หนอนบุ้ง หนอนคืบละหุ่ง

วิธีการใช้งาน

- ผสมน้ำ 75 กรัมหรือ 6 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร

- ฉีดพ่น ใบ กิ่ง ก้าน และ ลำต้น

- ฉีดพ่นเฉพาะในช่วงเย็นตอนที่มีแดดร่ม ลมสงบ

- ฉีดทุก 3-5 วัน

- สามารถใช้รวมกับเชื้อเมธาไรเซียม และ บิวเวอร์เรีย

- ไม่ควรใช้ร่วมกับยาเคมี

ปลอดภัยต่อพืช สัตว์ และมนุษย์ จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค และผู้ใช้

ไม่มีพิษตกค้างเมื่อพ่น สามารถนำพืชมาบริโภคได้ทันที
มีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ จึงสามารถใช้แทนสารเคมีกำจัดแมลง ศัตรูพืชได้

❌ไม่ควรผสมเชื้อ บี ที กับสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช โดยเฉพาะสารที่ออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรีย เช่น สารปฏิชีวนะและสารประกอบทองแดง คอปเปอร์ คลอไรด์ เป็นต้น❌

!! ควรฉีดพ่นช่วงเช้าหรือเย็นที่มีแสงแดดอ่อน 06.00-09.00 น. หรือ 16.00-18.00 น.!!
** เพิ่มประสิทธิภาพจุลินทรีย์ ควรเเช่เชื้ออย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้เชื้อกระจายตัว**
** ควรผสมสารจับใบทุกครั้ง **
**หลีกเลี่ยงการฉีดพ่นขนาดมีแสงแดดจัด หรือลมพัดแรง **

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

ต้นลิ้นจี่มีความไวต่อโรคเชื้อราต่างๆ ที่อาจส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมาก การใช้สารฆ่าเชื้อราเป็นวิธีปฏิบัติทั่วไปในการควบคุมโรคเหล่านี้ แต่ก็สามารถส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ได้เช่นกัน ในบทความนี้ เราจะแนะนำสารประกอบอินทรีย์ 2 ชนิด ได้แก่ IS และ FK-1 ที่สามารถป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในต้นลิ้นจี่ได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาพของมนุษย์

IS คือส่วนผสมของสารอินทรีย์ที่สามารถควบคุมโรคเชื้อรา เช่น โรคแอนแทรคโนส โรคใบจุด และโรคผลเน่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ อัตราการผสมที่แนะนำคือ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ส่วนผสมนี้สามารถฉีดพ่นบนใบและผลไม้ของต้นไม้เพื่อป้องกันและควบคุมโรคเชื้อรา

FK-1 เป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่มีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี รวมทั้งสารลดแรงตึงผิว ไม่เพียงแต่บำรุงต้นไม้เท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันและควบคุมโรคเชื้อราอีกด้วย อัตราส่วนผสมถุงแรก 50 กรัม และถุงที่สอง 50 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร ส่วนผสมนี้สามารถใช้กับดินรอบ ๆ รากของต้นไม้

การใช้ IS และ FK-1 เกษตรกรสามารถควบคุมโรคเชื้อราในต้นลิ้นจี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการเจริญเติบโตและสุขภาพของต้นไม้ สารประกอบอินทรีย์เหล่านี้ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ ทำให้เป็นทางออกที่ยั่งยืนสำหรับการควบคุมโรคเชื้อราในต้นลิ้นจี่

พืชต้องการสารอาหารที่หลากหลายในการเจริญเติบโตและเจริญเติบโต และกรดอะมิโนก็เป็นหนึ่งในสารอาหารที่จำเป็นเช่นกัน กรดอะมิโนเป็นส่วนประกอบสำคัญของโปรตีน ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด สำหรับพืชมีกรดอะมิโนจำเป็น 18 ชนิดที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างฮอร์โมนพืช ในทางกลับกัน ฮอร์โมนเหล่านี้ช่วยควบคุมการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช รวมทั้งดาวเรืองด้วย

ดอกดาวเรืองขึ้นชื่อเรื่องดอกที่บานสีสันสดใสและเป็นที่นิยมสำหรับจัดสวนและจัดสวน กุญแจสู่ความสำเร็จอยู่ที่ความสามารถในการผลิตและขยายเซลล์เนื้อเยื่อ ซึ่งช่วยให้สามารถพัฒนาส่วนต่าง ๆ ของพืชและเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ กระบวนการนี้ได้รับการอำนวยความสะดวกโดยฮอร์โมนพืชซึ่งผลิตขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการมีกรดอะมิโนบางชนิด

กรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับพืช 18 ชนิด ได้แก่ อะลานีน อาร์จินีน แอสพาราจีน กรดแอสปาร์ติก ซีสเตอีน กรดกลูตามิก กลูตามีน ไกลซีน ฮิสทิดีน ไอโซลิวซีน ลิวซีน ไลซีน เมไทโอนีน ฟีนิลอะลานีน โพรลีน ซีรีน ธรีโอนีน และวาลีน กรดอะมิโนเหล่านี้จำเป็นต่อการสังเคราะห์โปรตีน เอนไซม์ และโมเลกุลอื่นๆ ที่มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช

เพื่อให้แน่ใจว่าดอกดาวเรืองและพืชอื่นๆ ได้รับกรดอะมิโนที่จำเป็นเหล่านี้ สามารถใช้สเปรย์สูตรพิเศษได้ สเปรย์นี้มีส่วนผสมของกรดอะมิโนที่จำเป็น 18 ชนิดในรูปแบบที่พืชสามารถดูดซึมได้ง่าย สเปรย์ผสมกับน้ำและฉีดโดยตรงที่ใบและลำต้นของพืช

สำหรับพืชผัก แนะนำให้ใช้ 10-20 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร ส่วนนาข้าว พืชไร่ และไม้ผล อาจต้องใช้ปริมาณสูงกว่านี้ 20-40 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร เมื่อใช้ระบบน้ำหยดสามารถผสมน้ำได้ปริมาณ 500 มล. ต่อ 1 ไร่

สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าควรใช้สเปรย์สองครั้งต่อเดือนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่ไม่ควรฉีดพ่นในช่วงที่พืชออกดอก เนื่องจากสเปรย์สามารถรบกวนกระบวนการผสมเกสรตามธรรมชาติและลดจำนวนการผลิดอกออกผล

โดยสรุปแล้ว กรดอะมิโนจำเป็น 18 ชนิดสำหรับพืชมีบทบาทสำคัญในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช รวมทั้งดอกดาวเรือง สเปรย์สูตรพิเศษที่มีกรดอะมิโนเหล่านี้สามารถช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อที่แข็งแรงและขยายส่วนต่าง ๆ ของพืช ส่งผลให้พืชสมบูรณ์ขึ้นและมีชีวิตชีวามากขึ้น ด้วยการปฏิบัติตามปริมาณที่แนะนำและแนวทางการใช้งาน ชาวสวนสามารถมั่นใจได้ว่าพืชของพวกเขาได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

โรคเชื้อราสามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อต้นมะกอก ซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของต้นมะกอก การป้องกันและกำจัดโรคเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพมีความสำคัญต่อการรักษาสุขภาพของต้นไม้และเพิ่มผลผลิตสูงสุด บทความนี้จะกล่าวถึงการใช้ IS และสารประกอบอินทรีย์ในการป้องกันและกำจัดโรคพืชจากเชื้อราในต้นมะกอก

IS สำหรับการป้องกันโรคเชื้อรา: IS เป็นสารกำจัดเชื้อราที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถป้องกันและควบคุมโรคเชื้อราในต้นมะกอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนะนำให้ผสม 50 ซีซี. ของไอเอสกับน้ำ 20 ลิตร แล้วฉีดรดต้นไม้โดยใช้เครื่องพ่น ควรทำการรักษาซ้ำทุกๆ 15 วันเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด IS เป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการทำเกษตรอินทรีย์

สารประกอบอินทรีย์สำหรับกำจัดโรคเชื้อรา: นอกจาก IS แล้ว สารประกอบอินทรีย์ เช่น FK-1 ยังสามารถนำมาใช้ป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในต้นมะกอกได้อีกด้วย FK-1 เป็นธาตุอาหารพืชที่มีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว ในการใช้ FK-1 ให้ผสม 50 กรัมของถุงแรก (ธาตุหลัก) และ 50 กรัมของถุงที่สอง (ธาตุเสริม) กับน้ำ 20 ลิตร แล้วนำไปใช้กับต้นไม้โดยใช้เครื่องพ่นสารเคมี ควรทำซ้ำทุก 15 วันเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

สรุป: โรคเชื้อราสามารถมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสุขภาพและผลผลิตของต้นมะกอก อย่างไรก็ตาม ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์เช่น IS และสารประกอบอินทรีย์ เช่น FK-1 เกษตรกรสามารถป้องกันและกำจัดโรคเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถช่วยเพิ่มผลผลิตของต้นมะกอกได้สูงสุด

โรคเชื้อราเป็นปัญหาหลักสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลือง เนื่องจากอาจทำให้ผลผลิตและคุณภาพของพืชลดลงอย่างมาก โชคดีที่มีวิธีป้องกันและกำจัดโรคเหล่านี้อย่างได้ผลโดยใช้สารประกอบอินทรีย์และ IS

IS หรือ "Improved Spreadability" เป็นสารผสมที่ช่วยกระจายสารประกอบอินทรีย์ให้ทั่วถึงทั่วทั้งโรงงาน อัตราการผสมที่แนะนำคือ 50 ซีซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร และสามารถใช้ร่วมกับสารกำจัดเชื้อราอื่นๆ

สารประกอบอินทรีย์ชนิดหนึ่งคือ FK-1 ซึ่งมีส่วนผสมของไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว การผสมผสานที่อุดมด้วยสารอาหารนี้ไม่เพียงช่วยป้องกันโรคเชื้อรา แต่ยังส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช

ในการใช้ FK-1 เพียงผสม 50 กรัมของถุงแรก (ที่มีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม) และ 50 กรัมของถุงที่สอง (ที่มีแมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว) กับน้ำ 20 ลิตร ใช้ส่วนผสมกับต้นถั่วเหลือง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้กระจายอย่างสม่ำเสมอโดยใช้ IS

การใช้สารประกอบอินทรีย์และ IS เกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองสามารถป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชที่ดีและเพิ่มผลผลิตสูงสุด