ในฐานะผู้ที่ชื่นชอบพืช สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจถึงความสำคัญของโปรตีนอะมิโนที่จำเป็นในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช กรดอะมิโนที่จำเป็นเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์โปรตีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์พืช หากไม่มีกรดอะมิโนเหล่านี้ พืชจะไม่สามารถเติบโตและพัฒนาได้อย่างเต็มที่

หน้าที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของโปรตีนอะมิโนที่จำเป็นคือการมีส่วนร่วมในการผลิตฮอร์โมนแครอท ฮอร์โมนเหล่านี้มีหน้าที่สร้างและขยายเซลล์เนื้อเยื่อ ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของส่วนต่างๆ ของพืช การมีฮอร์โมนเหล่านี้ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของใบ ลำต้น ราก และผล

ที่น่าสนใจคือ พืชต่างชนิดกันต้องการโปรตีนอะมิโนที่จำเป็นหลายชนิดในการเจริญเติบโต โดยรวมแล้วมีอะมิโนโปรตีนที่จำเป็น 18 ชนิดที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาของพืชอย่างเหมาะสม โปรตีนอะมิโนที่จำเป็นเหล่านี้บางส่วน ได้แก่ ไลซีน เมไทโอนีน และทริปโตเฟน

เมื่อพูดถึงการใช้อะมิโนโปรตีนที่จำเป็นเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช วิธีการทั่วไปคือการผสมกับน้ำฉีดพ่น สำหรับผัก ปริมาณที่แนะนำคือ 10-20 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร สำหรับนาข้าว พืชไร่ และไม้ผล แนะนำให้ใช้ 20-40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตรในปริมาณที่สูงขึ้นเล็กน้อย

สำหรับระบบการให้น้ำที่กว้างขวางมากขึ้น เช่น การให้น้ำแบบหยด จำเป็นต้องมีความเข้มข้นของโปรตีนอะมิโนที่จำเป็นสูงขึ้น ในกรณีนี้แนะนำให้ใช้ปริมาณ 500 มล. ต่อไร่ สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าควรฉีดพ่นอะมิโนโปรตีนที่จำเป็นเดือนละสองครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามไม่ควรฉีดพ่นในช่วงออกดอกเนื่องจากอาจรบกวนกระบวนการผสมเกสรได้

โดยสรุป โปรตีนอะมิโนที่จำเป็นมีบทบาทสำคัญในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช ด้วยปริมาณและวิธีการใช้ที่เหมาะสม โปรตีนเหล่านี้สามารถช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดี ส่งผลให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นและพืชโดยรวมมีสุขภาพดีขึ้น หากคุณต้องการปรับปรุงการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช ให้พิจารณาการรวมโปรตีนอะมิโนที่จำเป็นเข้ากับขั้นตอนการปฏิสนธิของคุณ

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

ทุเรียนที่ได้ชื่อว่าเป็น "ราชาแห่งผลไม้" เป็นที่ต้องการอย่างมากด้วยรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัว อย่างไรก็ตาม ต้นทุเรียนมีความอ่อนไหวต่อความท้าทายต่างๆ รวมถึงโรคราและผลเน่า ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพและผลผลิตของผลอย่างมาก เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ การวิจัยและพัฒนาอย่างกว้างขวางได้นำไปสู่การค้นพบสารอินทรีย์ที่เรียกว่า IS ซึ่งได้มาจากวัตถุดิบธรรมชาติ บทความนี้กล่าวถึงประโยชน์ของ IS ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา ควบคุมสภาวะแวดล้อม เพิ่มการยึดเกาะกับใบพืช และเร่งการฟื้นฟูและบำรุงต้นทุเรียน โดยมุ่งเน้นที่การจัดการกับปัญหาทั่วไป เช่น การเจริญเติบโตช้า ใบเสียหาย และผลไม่ดี การพัฒนา.

IS: ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม:

IS เป็นผลจากการวิจัยและพัฒนาอย่างพิถีพิถันโดยมุ่งหาแนวทางที่มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมและยับยั้งเชื้อราบนต้นทุเรียน การใช้ IS จะสร้างเกราะป้องกันขึ้นที่ผิวใบพืช ทำให้เกิดสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตและการขยายพันธุ์ของเชื้อรา ผลการยับยั้งนี้เกิดขึ้นได้จากการควบคุมปัจจัยแวดล้อมอย่างแม่นยำ เช่น อุณหภูมิและความชื้น ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเชื้อราและเชื้อราอื่นๆ โดยการทำลายเงื่อนไขเหล่านี้ IS ให้กลไกการป้องกันตามธรรมชาติต่อโรคราและผลไม้เน่า ปกป้องสุขภาพและความมีชีวิตชีวาของต้นทุเรียน

เพิ่มการยึดเกาะและความปลอดภัย:

ข้อได้เปรียบที่สำคัญอย่างหนึ่งของ IS คือการยึดเกาะกับผิวใบของพืชได้ดีขึ้น ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง IS ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการครอบคลุมและการยึดเกาะที่ดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องใบไม้จากการติดเชื้อรา ความสามารถในการยึดเกาะที่เพิ่มขึ้นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปกป้องที่ยาวนาน เนื่องจากช่วยป้องกันไม่ให้สารถูกชะล้างโดยฝนหรือการชลประทานโดยง่าย จึงรักษาประสิทธิภาพไว้ได้เป็นระยะเวลานาน

นอกจากนี้ IS ยังมาจากวัตถุดิบจากธรรมชาติทั้งหมด ทำให้เป็นโซลูชันที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่มีสารเคมีอันตรายหรือสารสังเคราะห์เจือปน จึงมั่นใจในความปลอดภัยของผู้ใช้ เกษตรกร และผู้บริโภค ลักษณะอินทรีย์ของ IS สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรแบบยั่งยืน ส่งเสริมการรักษาระบบนิเวศในขณะที่ต่อสู้กับโรคเชื้อราอย่างมีประสิทธิภาพ

FK-T: เร่งการฟื้นฟูและบำรุงต้นทุเรียน:

นอกจากระบบ IS แล้ว ความก้าวหน้าในการดูแลต้นทุเรียนอีกประการหนึ่งคือการเปิดตัว FK-T ต้นทุเรียนมักเผชิญกับความท้าทายในการเจริญเติบโต เช่น การพัฒนาช้า การเจริญเติบโตแคระแกรน ใบเหลือง ใบไม่ขยาย ไม่ออกดอก ผลเหี่ยวเฉา และไม่เขียวขจี ปัญหาเหล่านี้อาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ รวมถึงการขาดสารอาหาร ความเครียดจากสิ่งแวดล้อม และความอ่อนแอต่อโรค FK-T ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้และฟื้นฟูสุขภาพของต้นทุเรียน

FK-T เป็นสูตรเร่งการฟื้นฟูและบำรุงต้นทุเรียนโดยให้สารอาหารที่จำเป็น ส่งเสริมการพัฒนาของราก และปรับปรุงความแข็งแรงโดยรวมของพืช ด้วยการเติมเต็มองค์ประกอบที่จำเป็น FK-T จะกระตุ้นการเจริญเติบโต เสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างของต้นไม้ และเพิ่มความต้านทานต่อสิ่งกดดันภายนอก เมื่อใช้เป็นประจำ FK-T จะช่วยเอาชนะความชะงักงันของการเจริญเติบโต ช่วยให้ใบแข็งแรง ดอกแข็งแรง และเก็บเกี่ยวผลทุเรียนสดคุณภาพสูงได้มากมาย

บทสรุป:

การพัฒนา IS และ FK-T ถือเป็นก้าวสำคัญในการดูแลและปกป้องต้นทุเรียน ความสามารถของ IS ในการยับยั้งเชื้อราและโรคผลไม้เน่าผ่านการสร้างสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา ควบคู่ไปกับการยึดเกาะและความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ทำให้เป็นโซลูชั่นที่ทรงคุณค่าสำหรับเกษตรกร เมื่อเสริมด้วย FK-T ซึ่งช่วยเร่งการฟื้นฟู บำรุง และการเจริญเติบโต ต้นทุเรียนสามารถเอาชนะปัญหาทั่วไป เช่น การเจริญเติบโตช้า ใบเสียหาย และการพัฒนาผลที่ไม่ดี

ด้วยการใช้พลังของสารอินทรีย์เหล่านี้ เกษตรกรสามารถมั่นใจได้ว่าต้นทุเรียนมีสุขภาพดีและให้ผลผลิตมากขึ้น ในขณะที่ปฏิบัติตามแนวทางเกษตรกรรมแบบยั่งยืน การใช้ IS และ FKT

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

บาซิลิสก์ ตราบาซิเร็กซ์: บาซิลลัสที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดหนอนในส้ม

ส้มไม่ได้เป็นเพียงผลไม้ที่อร่อยและสดชื่นเท่านั้น แต่ยังให้สารอาหารและวิตามินที่จำเป็นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การมีเวิร์มในส้มอาจเป็นปัญหาหลักสำหรับทั้งผู้บริโภคและผู้ปลูก ศัตรูพืชเหล่านี้สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อผลไม้ ทำให้ไม่สามารถจำหน่ายได้และอาจเป็นอันตรายต่อการบริโภค โชคดีที่มีวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดเวิร์ม และหนึ่งในนั้นก็คือบาซิลลัส บาซิลลัสที่ผลิตโดยแบรนด์ Basirix

บาซิลิสก์เป็นบาซิลลัสสายพันธุ์พิเศษที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ควบคุมหนอนในผลส้มโดยเฉพาะ เป็นทางเลือกทางธรรมชาติและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแทนการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ซึ่งเป็นแนวทางแก้ปัญหาแมลงศัตรูพืชอย่างยั่งยืน Bacillus thuringiensis var. สายพันธุ์ kurstaki (Btk) ที่ใช้ในบาซิลิสก์เป็นที่รู้จักจากการดำเนินการแบบกำหนดเป้าหมายกับตัวอ่อนของผีเสื้อหลากหลายชนิด รวมถึงหนอนที่พบได้ทั่วไปในส้ม

ข้อได้เปรียบที่สำคัญประการหนึ่งของบาซิลิสก์คือความสามารถในการเจาะจงไปที่เวิร์มในขณะที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดต่อแมลงที่เป็นประโยชน์ มนุษย์ และสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสารออกฤทธิ์ใน Basilisk หรือสารพิษ Btk นั้นเป็นอันตรายต่อแมลงบางชนิดในวงศ์หนอน เช่น หนอน แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ การดำเนินการที่ตรงเป้าหมายนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าแมลงที่เป็นประโยชน์ เช่น ผึ้งและแมลงเต่าทอง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผสมเกสรและการควบคุมศัตรูพืชตามธรรมชาติ จะไม่เป็นอันตราย

การประยุกต์ใช้บาซิลิสก์นั้นตรงไปตรงมาและสามารถรวมเข้ากับแนวทางการจัดการสัตว์รบกวนที่มีอยู่ได้อย่างง่ายดาย ผลิตภัณฑ์นี้มีอยู่ในสูตรของเหลวซึ่งสามารถฉีดพ่นโดยตรงไปยังต้นส้มหรือผลไม้ได้ สปอร์ของบาซิลลัสที่อยู่ในบาซิลิสก์จะถูกกินโดยหนอนในระหว่างกระบวนการให้อาหาร เมื่อเข้าไปในระบบย่อยอาหารของหนอน สปอร์จะงอก สร้างสารพิษที่ขัดขวางการทำงานของลำไส้ของแมลงและนำไปสู่การตายในที่สุด โหมดการทำงานที่ไม่เหมือนใครนี้ช่วยให้สามารถควบคุมประชากรหนอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ลดความเสี่ยงของการพัฒนาความต้านทาน

นอกจากประสิทธิภาพและความปลอดภัยแล้ว บาซิลิสก์ยังให้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจแก่เกษตรกรผู้ปลูกส้มอีกด้วย การป้องกันและกำจัดหนอนทำให้ผลิตภัณฑ์ช่วยรักษาคุณภาพและมูลค่าทางการตลาดของผลไม้ นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ปลูกเพื่อการส่งออกที่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานคุณภาพที่เข้มงวด ด้วย Basilisk ผู้ปลูกสามารถลดความเสี่ยงของการรบกวน ลดการสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยว และเพิ่มผลกำไรโดยรวม

นอกจากนี้ การใช้บาซิลิสก์ยังสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สารเคมีกำจัดศัตรูพืชมักมีผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม สร้างมลภาวะต่อแหล่งน้ำ และเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมาย เมื่อเลือกใช้บาซิลิสก์ ผู้ปลูกสามารถมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ปกป้องสุขภาพของคนงานในฟาร์ม และลดการปนเปื้อนของทรัพยากรดินและน้ำ

โปรดทราบว่าแม้ว่าบาซิลิสก์จะมีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดหนอนในส้ม แต่ก็ไม่ใช่ยาฆ่าแมลงในวงกว้างและอาจใช้ไม่ได้ผลกับแมลงศัตรูพืชชนิดอื่นๆ ดังนั้น ขอแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรหรือตัวแทนแบรนด์ Basirix เพื่อพัฒนาแผนการจัดการศัตรูพืชแบบบูรณาการที่ปรับให้เหมาะกับความท้าทายด้านศัตรูพืชโดยเฉพาะ

กล่าวโดยสรุป บาซิลิสก์ซึ่งพัฒนาโดยแบรนด์บาซิเร็กซ์เป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีพื้นฐานจากบาซิลลัสที่โดดเด่นสำหรับการป้องกันและกำจัดเวิร์มในส้ม ด้วยการดำเนินการที่เป็นเป้าหมาย ความปลอดภัยของแมลงที่เป็นประโยชน์ การใช้งานที่ง่าย และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ บาซิลิสก์จึงเป็นวิธีการควบคุมศัตรูพืชที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ การยอมรับโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ เกษตรกรผู้ปลูกส้มสามารถปกป้องพืชผลของพวกเขา บรรลุมาตรฐานคุณภาพ และมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนมากขึ้น

อะมิโนโปรตีนจำเป็นต่อพืช 18 ชนิด ช่วนในการส้รางฮอร์โมนพืช โตไว ผลใหญ่
แข็งแรง ทนแล้ง ทนโรค ทำไห้เกิดการสร้างและขยายขนาดของเซลล์เนื้อเยื่อ
และพัฒนาส่วนต่างๆของพืชเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ
ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง
แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค
หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง
ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบ ไปพร้อมกัน
พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช
จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

Maca alkaloids เป็นสารอัลคาลอยด์ที่สกัดจากธรรมชาติซึ่งได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการควบคุมแมลงศัตรูพืชและป้องกันการดื้อยาที่เกิดจากการใช้สารเคมี ความก้าวหน้าในการควบคุมศัตรูพืชตามธรรมชาตินี้เกิดขึ้นได้จากการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันและการผสมผสานของอัลคาลอยด์เข้มข้นที่มีประสิทธิภาพสูงโดยใช้หลักการเทคโนโลยีขั้นสูง

ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของการใช้ Maca alkaloids คือวิธีการออกฤทธิ์ที่ไม่เฉพาะเจาะจง ซึ่งทำให้แมลงเกิดการดื้อยาได้ยาก สิ่งนี้ตรงกันข้ามกับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบดั้งเดิม ซึ่งมักจะส่งผลให้แมลงสร้างความต้านทานเมื่อเวลาผ่านไป ส่งผลให้ต้องใช้สารเคมีที่แรงขึ้นและเป็นพิษมากขึ้น วงจรความเป็นพิษที่ทวีความรุนแรงขึ้นนี้อาจนำไปสู่สารตกค้างที่เป็นอันตรายในดินและน้ำ ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อทั้งผู้ใช้และผู้บริโภค

การใช้ Maca alkaloids ในการควบคุมศัตรูพืชได้ผลดีเป็นพิเศษในพืช เช่น เงาะ ซึ่งมักเป็นเป้าหมายของแมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยไฟและเพลี้ยแป้ง ศัตรูพืชเหล่านี้สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชผล ทำให้ผลผลิตลดลงและผลไม้มีคุณภาพต่ำลง ด้วยการป้องกันและกำจัดศัตรูพืชเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า Maca alkaloids ช่วยเพิ่มผลผลิต ปรับปรุงคุณภาพผลไม้ และลดความจำเป็นในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช

ข้อดีที่สำคัญอีกประการของ Maca alkaloids คือความปลอดภัยสำหรับทั้งผู้ใช้และผู้บริโภค ซึ่งแตกต่างจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชซึ่งสามารถทิ้งสารพิษตกค้างบนพืชผลและในสิ่งแวดล้อม Maca alkaloids แตกตัวอย่างรวดเร็วและไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับเกษตรกรที่ต้องการลดการใช้สารเคมีและจัดหาผลผลิตที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพสำหรับผู้บริโภค

นอกเหนือจากการใช้ในการควบคุมสัตว์รบกวนแล้ว Maca alkaloids ยังพบว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพอื่นๆ เช่น ปรับปรุงการทำงานของสมอง เพิ่มระดับพลังงาน และลดความเครียด ในฐานะผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ Maca alkaloids มีความยั่งยืนมากกว่าสารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบดั้งเดิม ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อมและสัตว์ป่า

โดยสรุป การใช้ Maca alkaloids ในการควบคุมสัตว์รบกวนถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการควบคุมสัตว์รบกวนตามธรรมชาติ ด้วยวิธีการออกฤทธิ์ที่ไม่เฉพาะเจาะจง ประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืช และความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้และผู้บริโภค Maca alkaloids มีศักยภาพในการปฏิวัติวิธีการควบคุมศัตรูพืชในการเกษตร ในขณะที่เรายังคงเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ ในการผลิตอาหารและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม Maca alkaloids นำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม มาคา และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

การปลูกถั่วฝักยาวให้ได้ผลผลิตสูงสุด: เคล็ดลับและเทคนิค

ถั่วฝักยาวหรือที่เรียกว่าถั่วหน่อไม้ฝรั่งหรือถั่วฝักยาวจีนเป็นผักที่นิยมในหลายส่วนของโลก พวกมันเป็นแหล่งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุที่ดีและเติบโตได้ง่ายในสภาพอากาศส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุดจากต้นถั่วฝักยาวของคุณ คุณต้องปฏิบัติตามคำแนะนำและเทคนิคบางประการ

เลือกความหลากหลายที่เหมาะสม
ถั่วฝักยาวมีหลายสายพันธุ์ และบางพันธุ์ก็เหมาะกับสภาพอากาศและดินบางชนิดมากกว่าพันธุ์อื่นๆ อย่าลืมเลือกพันธุ์ที่เหมาะกับสภาพท้องถิ่นของคุณ

เตรียมดิน
ถั่วฝักยาวชอบดินที่ระบายน้ำได้ดีและอุดมสมบูรณ์ เตรียมดินโดยใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกก่อนปลูก คุณยังสามารถใส่ปุ๋ยที่ละลายช้าลงในดินได้อีกด้วย

ปลูกในเวลาที่เหมาะสม
ถั่วฝักยาวเป็นพืชฤดูร้อนและควรปลูกหลังจากน้ำค้างแข็งครั้งสุดท้ายในพื้นที่ของคุณ ในภูมิภาคส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิหรือต้นฤดูร้อน ปลูกเมล็ดลึกประมาณ 1 นิ้วและห่างกัน 3 นิ้ว

ให้การสนับสนุน
ต้นถั่วฝักยาวเป็นไม้เลื้อยและต้องการความช่วยเหลือเมื่อมันเติบโต คุณสามารถใช้หลัก ระแนงบังตา หรือโครงสร้างรองรับอื่นๆ เพื่อให้ต้นไม้ตั้งตรงได้

น้ำอย่างสม่ำเสมอ
ถั่วฝักยาวต้องการการรดน้ำอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง รดน้ำให้ลึกและสม่ำเสมอ แต่หลีกเลี่ยงการรดน้ำมากเกินไปเพราะอาจทำให้รากเน่าได้

ใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ
เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุดจากต้นถั่วฝักยาวของคุณ คุณสามารถใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบเช่น FK-1 ปุ๋ยนี้ประกอบด้วยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว ซึ่งช่วยให้ปุ๋ยซึมผ่านใบและดูดซึมได้เร็วขึ้น

หากต้องการใช้ FK-1 ให้ผสมปุ๋ย 1 ถุง (50 กรัม) กับน้ำ 20 ลิตร คนให้ละลายแล้วนำไปฉีดพ่นที่ใบของต้นถั่วฝักยาว ทำซ้ำขั้นตอนนี้ทุกๆ 10-14 วันในช่วงฤดูปลูก

เก็บเกี่ยวในเวลาที่เหมาะสม
ถั่วฝักยาวพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้เมื่อมีความยาวประมาณ 18-24 นิ้ว และเส้นผ่านศูนย์กลาง ¼-½ นิ้ว เก็บเกี่ยวถั่วเป็นประจำเพื่อกระตุ้นให้พืชผลิตมากขึ้น
โดยสรุปแล้วการปฏิบัติตามคำแนะนำและเทคนิคเหล่านี้จะทำให้คุณสามารถปลูกถั่วฝักยาวให้ได้ผลผลิตสูงสุด เลือกพันธุ์ที่เหมาะสม เตรียมดิน ปลูกในเวลาที่เหมาะสม ให้การสนับสนุน รดน้ำสม่ำเสมอ ใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ และเก็บเกี่ยวในเวลาที่เหมาะสม ด้วยความใส่ใจเพียงเล็กน้อย คุณก็สามารถเพลิดเพลินกับการเก็บเกี่ยวถั่วฝักยาวแสนอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการได้มากมาย

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

เพลี้ยสามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อต้นพริก ลดผลผลิตและส่งผลเสียต่อคุณภาพของพืชผล มีสารเคมีกำจัดศัตรูพืชหลายชนิดสำหรับควบคุมเพลี้ย แต่อาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีวิธีการอื่นในการควบคุมเพลี้ย อัลคาลอยด์ Maca เป็นทางเลือกหนึ่งดังกล่าว

Maca เป็นผักรากที่เติบโตบนเทือกเขาแอนดีสสูงของเปรู มันถูกใช้มานานนับพันปีสำหรับคุณสมบัติทางยาและเป็นแหล่งอาหาร Maca มีอัลคาลอยด์หลายชนิด รวมทั้ง macamides และ macaene ซึ่งทราบกันดีว่ามีคุณสมบัติในการฆ่าแมลง

การวิจัยพบว่าอัลคาลอยด์ Maca มีประสิทธิภาพในการควบคุมเพลี้ยในพริก ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Journal of Agricultural and Food Chemistry นักวิจัยพบว่าสารสกัด maca alkaloid ลดจำนวนเพลี้ยในต้นพริกได้อย่างมีนัยสำคัญ นักวิจัยยังพบว่าสารสกัด maca alkaloid ไม่มีผลเสียต่อต้นพริกเอง

อัลคาลอยด์ Maca ทำงานโดยรบกวนระบบประสาทของเพลี้ย ทำให้เป็นอัมพาตและตาย พวกเขายังคิดว่ารบกวนความสามารถในการสืบพันธุ์ของเพลี้ย อัลคาลอยด์ของ Maca ถือว่าปลอดภัยต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีกว่าสารเคมีกำจัดศัตรูพืช

นอกจากคุณสมบัติในการฆ่าแมลงแล้ว ยังพบว่าอัลคาลอยด์ของมาคายังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมาย มีการแสดงเพื่อปรับปรุงระดับพลังงาน เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และปรับปรุงการทำงานทางเพศ นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งสามารถช่วยปกป้องร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ

โดยสรุป Maca alkaloids เป็นทางเลือกที่เป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพแทนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชในการควบคุมเพลี้ยในพริก ปลอดภัยต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมและมีประโยชน์ต่อสุขภาพเพิ่มเติม ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงเป็นทางออกที่ดีสำหรับเกษตรกรและชาวสวนที่ต้องการปกป้องพืชผลของตนโดยไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมหรือตนเอง

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม มาคา และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

กระเจี๊ยบเขียวหรือที่รู้จักกันในนามของเลดี้ฟิงเกอร์เป็นพืชผักที่ได้รับความนิยมในหลายส่วนของโลก อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับพืชผลทุกชนิด มันไวต่อศัตรูพืชและโรคต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเพลี้ยจักจั่นฝ้าย เพลี้ยจักจั่นฝ้ายเป็นศัตรูพืชทั่วไปที่สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อใบและลำต้นของกระเจี๊ยบเขียว ทำให้การเจริญเติบโตแคระแกร็นและผลผลิตลดลง เพื่อต่อสู้กับแมลงศัตรูพืชนี้ เกษตรกรมักพึ่งพาสารเคมีกำจัดศัตรูพืช แต่ก็มีทางเลือกจากธรรมชาติ เช่น การใช้บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียม โดยเฉพาะยี่ห้อบิวทาเร็กซ์

Beauveria และ Methharicium เป็นเชื้อราสองชนิดที่ทราบกันดีว่ามีคุณสมบัติในการฆ่าแมลง เมื่อใช้ร่วมกัน พวกมันสามารถสร้างส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมแมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยจักจั่น แบรนด์ Butarex เป็นสูตรเฉพาะที่มีทั้ง Beauveria และ Methharicium ในอัตราส่วนที่สมดุล ทำให้เป็นโซลูชันที่เชื่อถือได้สำหรับการป้องกันและกำจัดเพลี้ยจักจั่นฝ้ายในกระเจี๊ยบเขียว

ข้อดีหลักประการหนึ่งของการใช้บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียมคือเป็นทางเลือกจากธรรมชาติที่ไม่เป็นพิษต่อสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ซึ่งหมายความว่าปลอดภัยต่อมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่ำต่อแมลงที่เป็นประโยชน์ เช่น ผึ้งและผีเสื้อ ซึ่งจำเป็นต่อการผสมเกสร

ข้อดีอีกประการของการใช้บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียมคือง่ายต่อการทา ผลิตภัณฑ์นี้มีให้เลือกหลายสูตร ทั้งแบบผงและแบบสเปรย์ ทำให้สะดวกสำหรับเกษตรกรในการใช้งาน สามารถใช้กับใบและลำต้นของกระเจี๊ยบเขียวได้โดยตรง และได้ผลโดยทำให้เพลี้ยจักจั่นฝ้ายติดเชื้อ จากนั้นเชื้อราจะเติบโตในร่างกายของศัตรูพืชและฆ่ามันในที่สุด รูปแบบการดำเนินการนี้มีประสิทธิภาพและใช้งานได้ยาวนาน มอบแนวทางการจัดการศัตรูพืชที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น

เมื่อใช้บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียม สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างระมัดระวัง ควรใช้ผลิตภัณฑ์ในอัตราและความถี่ที่แนะนำ และควรทาในตอนเช้าตรู่หรือช่วงบ่ายแก่ๆ เมื่ออุณหภูมิเย็นลง เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ยังคงมีประสิทธิภาพและไม่เสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วเนื่องจากอุณหภูมิสูง

โดยสรุป การใช้บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียมโดยเฉพาะยี่ห้อ Butarex เป็นวิธีแก้ปัญหาตามธรรมชาติและมีประสิทธิภาพสำหรับการป้องกันและกำจัดเพลี้ยจักจั่นฝ้ายในกระเจี๊ยบเขียว มีความปลอดภัย ใช้งานง่าย และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย ด้วยการใช้ทางเลือกจากธรรมชาตินี้แทนการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช เกษตรกรสามารถปกป้องพืชผลของตนได้ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการเกษตรแบบยั่งยืน

เชื้อบิวเวอร์เรีย + เมธาไรเซียม
เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดสรรจุลินทรีย์ 2 ชนิดมี คุณสมบัติโดดเด่นมาผสมผสานใช้ในการป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ปลวก เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอน เป็นต้น

บิวทาเร็กซ์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณ กิ่ง ก้าน ใบ หรือบริเวณที่แมลงระบาด
2. ฉีดพ่นได้ทุก 7-10 วัน

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อไตรโคเดอร์มา และ ยากำจัดเชื้อรา หากต้องการใช้ร่วมควรเว้น ระยะฉีดพ่น 7-10 วัน *

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย บิวทาเร็กซ์..
ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช
เชื้อดีที่สุดสำหรับชาวเกษตรกร
ปริมาณเชื้อที่ดีและได้ผล
ให้อาหารเฉพาะของเชื้อแต่ละตัว

เชื้อจะไปเติบโตในแมลง ปกคลุมตัวแมลง ทำให้แมลงแห้งตายในที่สุด
ปลอดภัยไม่มีสารเคมี
แมลงดื้อยา ใช้ได้ต่อเนื่อง
เป็นยาเย็น ใช้ได้ทุกพืช และทุกช่วงอายุของพืช

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

โรคกาบแห้งเป็นปัญหาทั่วไปของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั่วโลก เกิดจากเชื้อราเข้าทำลายใบของต้นข้าว ทำให้เหี่ยว ใบเหลือง และตายในที่สุด สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การสูญเสียพืชผลที่สำคัญและการสูญเสียทางการเงินสำหรับเกษตรกร

วิธีหนึ่งที่ได้ผลในการป้องกันและกำจัดโรคกาบแห้งคือการใช้สารประกอบอินทรีย์ ไอเอส สารประกอบเหล่านี้ทำงานโดยสร้างสภาพแวดล้อมบนใบพืชที่ไม่เหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อรา สิ่งนี้ทำได้โดยเทคนิคการควบคุมไอออนซึ่งช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเชื้อรา

ในการใช้สารอินทรีย์ ไอเอส อย่างมีประสิทธิภาพ ควรผสมกับ FK-1 แล้วฉีดพ่นลงบนต้นข้าว FK-1 เป็นสารฟื้นฟูต้นข้าวที่ช่วยเร่งการฟื้นตัวของต้นข้าวที่ถูกโรคกาบแห้งทำลาย ประกอบด้วยสารอาหารที่จำเป็นหลายชนิด ได้แก่ แมกนีเซียม สังกะสี ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม รวมทั้งสารลดแรงตึงผิวที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของการรักษา

เมื่อใช้ร่วมกัน ไอเอส และ FK-1 สามารถป้องกันและกำจัดโรคกาบแห้งในนาข้าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไอเอส ทำงานเพื่อฆ่าเชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคในขณะเดียวกัน FK-1 ก็บำรุงและส่งเสริมการเจริญเติบโตและผลผลิตของต้นข้าว สิ่งนี้สามารถช่วยลดการสูญเสียพืชผลและปรับปรุงความสามารถทางการเงินของการทำนา

สรุปได้ว่า สารอินทรีย์ ไอเอส และ FK-1 เป็นวิธีป้องกันและกำจัดโรคกาบแห้งในนาข้าวอย่างได้ผล ด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อเชื้อราและส่งเสริมการงอกใหม่ของพืช สารเหล่านี้สามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพและผลผลิตของต้นข้าว

เลือกซื้อ ไอเอส และ FK-1 เลื่อนลงล่างอีกนิดนะคะ

เชื้อราไตรโคเดอร์มาเฉพาะยี่ห้อ Trichorex เป็นวิธีการป้องกันและกำจัดโรคผลเน่าในแก้วมังกรอย่างได้ผล โรคผลเน่าเกิดจากการเข้าทำลายของเชื้อราหลายชนิด ได้แก่ Bipolaris cactivra_ Dothiorella sp._ Colletotrichum capsici และ Colletotrichum gloeosporioides

เชื้อราไตรโคเดอร์มาคือเชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในการเกษตรเนื่องจากสามารถป้องกันพืชจากโรคต่างๆ โดยการผลิตเอนไซม์ที่ทำลายผนังเซลล์ของเชื้อราที่ทำให้เกิดโรค ทำให้ยากต่อการอยู่รอด เชื้อราไตรโคเดอร์มายังผลิตยาปฏิชีวนะที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราที่เป็นอันตรายเหล่านี้

นอกจากคุณสมบัติในการต้านโรคแล้ว เชื้อราไตรโคเดอร์มายังมีประโยชน์ต่อพืชอีกมากมาย ปรับปรุงโครงสร้างของดิน เพิ่มการดูดซับธาตุอาหาร และเพิ่มการเจริญเติบโตของพืช นอกจากนี้ยังปลอดภัยสำหรับการใช้งานกับมนุษย์และสัตว์ ทำให้เป็นทางเลือกที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับการควบคุมโรค

Trichorex ซึ่งเป็นเชื้อราไตรโคเดอร์มายี่ห้อหนึ่งโดยเฉพาะเป็นสูตรเฉพาะสำหรับป้องกันและรักษาโรคผลเน่าในแก้วมังกร ติดง่ายใช้ได้ทั้งทางดินและทางใบ เมื่อนำไปใช้กับดิน Trichorex จะยึดรากของพืชและให้การปกป้องที่ยาวนาน เมื่อนำไปใช้กับใบจะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันการติดเชื้อรา

การใช้ Trichorex เพื่อป้องกันโรคผลเน่าในแก้วมังกร แนะนำให้ใช้ในช่วงต้นฤดูปลูก สิ่งนี้จะสร้างประชากรเชื้อราไตรโคเดอร์มาบนพืชให้แข็งแรงและให้ความคุ้มครองตลอดฤดูปลูก สำหรับการรักษาโรคเน่าผลไม้ที่มีอยู่ สิ่งสำคัญคือต้องใช้ Trichorex โดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค

สรุปได้ว่า เชื้อราไตรโคเดอร์มาเฉพาะยี่ห้อ Trichorex เป็นวิธีการป้องกันและกำจัดโรคผลเน่าในแก้วมังกรที่มีประสิทธิภาพสูง คุณสมบัติในการต่อสู้กับโรคตามธรรมชาติพร้อมกับประโยชน์อื่นๆ สำหรับพืช ทำให้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและยั่งยืนสำหรับการควบคุมโรคในการเกษตร

ไตรโคเร็กซ์ : เชื้อไตรโคเดอร์มา

ช่วยป้องกันและยับยั้งโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นใบเหลือง รากเน่า
โคนเน่า ไฟท้อปเธอร่าในทุเรียนโรคแคงเกอร์ในส้ม - มะนาว
โรคทลายปาล์มเน่าโรคแอนแทรกโนสใน มะละกอ แตงโม แตงกวาโรคใบจุด ใบแห้ง
โรคกาบใบเน่า โรคกาบใบแห้งโรคไหม้ในข้าว โรคกุ้งแห้งในพริก
โรคผลเน่าไตรโคเร็กซ์

ใช้อย่างไร

1. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณกิ่ง ก้าน ใบ หรือราดบริเวณโคนต้น

2. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อปุ๋ยอินทรีย์ 20 กก.ในการปลูกหรือรองก้นหลุมก่อนปลูก

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อบิวเวอร์เรียและเมธาไรเซียม ควรฉีดสลับกันทุก 7-10 วัน *

ผลิตภัณฑ์ของเราดีกว่าอย่างไร
1.มีห้องปฏิบัติการเพาะเชื้อจุลินทรีย์
- คัดสายพันธุ์เฉพาะ ผ่านการทดสอบ/วิจัย
- สายพันธุ์เชื้อผ่านการตรวจจาก วว.และ สวทช
2.เชื้อจุลินทรีย์เลี้ยงในอุณหภูมิที่เหมาะสม
- มีตู้บ่มเชื้อควบคุมอุณหภูมิ
- ได้เชื้อจุลินทรีย์สมบูรณ์ แข็งแรง
3.มีห้องสำหรับการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์
- เพื่อลดการปนเปื้อนระหว่างการเพาะเชื้อ
- ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น แสง
4.ควบคุมคุณภาพเชื้อจุลินทรีย์ตลอดการผลิต

ป้องกันกำจัดโรคพืช
-โรคใบเหลือง ใบเหี่ยว
-โรคใบจุด ราน้ำค้าง
-โรคราแป้ง
-โรคราสีชมพู กาบใบแห้ง
-โรคผลเน่า ในพริกทุเรียน
-โรคใบไหม้
-โรคเหี่ยวเขียว เหี่ยวเหลือง
-โรครากเน่าโคนเน่า
-โรคเมล็ดเน่า

กลไกการป้องกันโรคพืช
1.เจริญเติบโต แข่งขัน แย่งอาหาร น้ำ และที่อยู่กับเชื้อราสาเหตุโรคพืช
จึงทำให้เชื้อโรคลดปริมาณ ลงอย่างรวดเร็ว
2.การสร้างสารปฏิชีวนะ มาทำลายผนังเซลล์เชื้อราโรคพืช
ทำให้เส้นใยเชื้อราโรคพืชเกิดการไหม้ และตาย
3.เป็นปรสิต สร้างเส้นใยพันรัดน้ำเลี้ยงจากเชื้อโรคพืช
ทำให้เส้นใยสลายลดการขยาย เผ่าพันธุ์ลง


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

มันสำปะหลังเป็นพืชสำคัญที่ปลูกและบริโภคในหลายส่วนของโลก เป็นอาหารหลักของผู้คนนับล้านและยังเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ การปลูกมันสำปะหลังสามารถทำกำไรได้ แต่ต้องใช้เทคนิคที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุด ในบทความนี้เราจะพูดถึงเทคนิคการเพาะปลูกต่างๆ ที่สามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังได้

การเตรียมดิน

ขั้นตอนแรกในการปลูกมันสำปะหลังคือการเตรียมดินให้เหมาะสม มันสำปะหลังขึ้นได้ดีในดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี มีค่า pH ระหว่าง 5.5 ถึง 6.5 ควรไถดินให้ลึก 20-30 ซม. และกำจัดวัชพืชหรือเศษซาก ควรดำเนินการทดสอบดินเพื่อหาปริมาณธาตุอาหารในดินและเพื่อพิจารณาการปรับปรุงที่จำเป็น

ปลูก

มันสำปะหลังมักขยายพันธุ์โดยการตอนกิ่ง ควรตัดกิ่งจากต้นที่แข็งแรงและควรมีความยาว 20-25 ซม. ควรปลูกที่ความลึก 10-15 ซม. ในแถวที่ห่างกัน 1-1.5 ม. การปักชำควรปลูกในตำแหน่งเอียงโดยให้หน่อหันขึ้น

การปฏิสนธิ

มันสำปะหลังต้องการการใส่ปุ๋ยที่เพียงพอเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุด ควรใช้ปุ๋ยที่สมดุลกับอัตราส่วน NPK 20:10:10 ในเวลาปลูก ควรใส่ปุ๋ยเพิ่มเติม 6-8 สัปดาห์หลังปลูก และอีกครั้ง 12-14 สัปดาห์หลังปลูก ปริมาณปุ๋ยที่ใช้ควรเป็นไปตามความต้องการธาตุอาหารของพืชที่กำหนดโดยการทดสอบดิน

การควบคุมวัชพืช

วัชพืชอาจเป็นปัญหาสำคัญในการปลูกมันสำปะหลัง วัชพืชจะแย่งชิงธาตุอาหาร น้ำ และแสงกับมันสำปะหลัง และอาจทำให้ผลผลิตลดลงอย่างมาก วัชพืชสามารถควบคุมได้โดยการกำจัดวัชพืชด้วยตนเองหรือโดยใช้สารกำจัดวัชพืช อย่างไรก็ตามควรใช้ความระมัดระวังเมื่อใช้สารกำจัดวัชพืชเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อต้นมันสำปะหลัง

การควบคุมศัตรูพืชและโรค

มันสำปะหลังอ่อนแอต่อแมลงศัตรูพืชและโรคต่างๆ ซึ่งทำให้ผลผลิตลดลงอย่างมาก แมลงศัตรูพืชทั่วไป ได้แก่ เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง แมลงหวี่ขาว และปลวก โรคเช่นโรคโมเสกมันสำปะหลังและโรคริ้วสีน้ำตาลมันสำปะหลังยังสามารถสร้างความเสียหายอย่างมาก ควรใช้แนวทางปฏิบัติในการจัดการศัตรูพืชและโรคที่เหมาะสมเพื่อควบคุมปัญหาเหล่านี้

การเก็บเกี่ยว

มันสำปะหลังมักจะเก็บเกี่ยวได้ 8-12 เดือนหลังจากปลูก พืชถูกถอนรากถอนโคนและเอาหัวออกจากดิน ควรใช้ความระมัดระวังในระหว่างการเก็บเกี่ยวเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อหัว หัวที่เก็บเกี่ยวควรเก็บไว้ในที่แห้งและเย็นเพื่อป้องกันการเน่าเสีย

กล่าวโดยสรุป การปลูกมันสำปะหลังสามารถทำกำไรได้หากใช้เทคนิคที่เหมาะสม การเตรียมดิน การปลูก การใส่ปุ๋ย การควบคุมวัชพืช การควบคุมศัตรูพืชและโรค และการเก็บเกี่ยว ล้วนเป็นสิ่งสำคัญของการปลูกมันสำปะหลังที่ควรเอาใจใส่อย่างเหมาะสม เมื่อปฏิบัติตามเทคนิคเหล่านี้ เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิตสูงสุดและรับประกันว่าการปลูกมันสำปะหลังจะประสบความสำเร็จ