ชื่อวิทยาศาสตร์: Nymphula depunctalis Guenee วงศ์ :Pyralidae อันดับ :Lepidoptera ชื่อสามัญอื่น :หนอนขยอก

หนอนปลอกข้าว Nymphula depunctalis Guenee ตัว เต็มวัยเป็นผีเสื้อกลางคืน ปีกสีขาวมีแถบสีน้ำตาลอ่อนถึงดำ 2-3 แถบตามขอบปีก ลำตัวค่อนข้างบอบบาง มีขนาด 6-8 มิลลิเมตร ความยาวของปีเมื่อกางออกประมาณ 15 มิลลิเมตร เพศผู้ตายหลังจากผสมพันธุ์ เพศเมียตอนกลางวันชอบหลบอยู่ในนาข้าวและวางไข่ตอนกลางคืน เพศเมียวางไข่เป็นแถว 1-2 แถว ติดกันบนผิวใต้ใบข้าวหรือก้านใบเหนือระดับน้ำ ไข่มีลักษณะกลม ผิวเรียบสีเหลืองอ่อน ระยะไข่นานประมาณ 4 วัน ตัวหนอนที่ฟักออกจากไข่มีสีครีมหัวสีเหลืองอ่อน ตัวหนอนที่โตเต็มที่มีสีเขียวอ่อน ตัวหนอนมีชีวิตกึ่งแมลงในน้ำ (semi-aquatic) มีเหงือกจำนวน 6 แถว สำหรับใช้รับอากาศจากน้ำ กินอาหารโดยทำปลอกหุ้มและอาศัยอยู่ในปลอกกัดกินส่วนผิวของใบอ่อนเกิดเป็นรอย ขาวเป็นแถบ เมื่อหนอนโตเต็มที่จะคลานขึ้นไปบนต้นข้าวแล้วยึดปลอกติดกับต้นข้าวอยู่เหนือ ผิวน้ำ ตัวหนอนจะถักไหมทำรังรอบตัวและเข้าดักแด้อยู่ภายในปลอกและสลัดปลอกทิ้งเมื่อ มีการลอกคราบ ตัวหนอนมี 5 ระยะ ระยะดักแด้ประมาณ 2 สัปดาห์

ลักษณะการทำลายและการระบาด

ตัวหนอนเริ่มกัดกินผิวใบอ่อนของข้าวและจะทำปลอกหุ้มลำตัวไว้ภายใน 2 วันต่อมา โดยตัวหนอนจะเคลื่อนย้ายไปยังปลายใบข้าวและกัดใบตรงด้านหนึ่งของเส้นกลางใบ และใช้สารที่สกัดจากร่างกายยึดริมขอบใบทั้งสองข้างเข้าหากันเป็นปลอกหุ้ม เห็นเป็นรอยเยื่อสีขาวบางๆไว้ ตัวหนอนสามารถเคลื่อนย้ายไปทำลายข้าวต้นอื่น โดยอาศัยปลอกลอยน้ำไปยังข้าวต้นใหม่ และคลานขึ้นไปกัดกินใบข้าวใหม่ต่อไปเรื่อยๆ มักพบระบาดเฉพาะแปลงข้าวที่มีน้ำขัง ในนาชลประทานและนาที่ลุ่มอาศัยน้ำฝน ความเสียหายเกิดขึ้นเป็นหย่อมๆ ต้นข้าวสามารถฟื้นตัวจากการทำลายใบในระยะแรกๆได้ การมีน้ำขังในแปลงตลอดช่วงข้าวเจริญเติบโตทางใบมีผลทำให้หนอนปลอกระบาดมาก ขึ้น ถ้าระบาดรุนแรงก็สามารถทำให้ข้าวชะงักการเจริญเติบโต แคระแกร็น และแห้งตายเป็นหย่อมๆ แต่จะไม่เสียหายในระยะข้าวแตกกอเต็มที่แล้ว

อ้างอิง http://www.farmkaset..link..

กาแฟเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก โดยมีการบริโภคประมาณ 2.25 พันล้านถ้วยต่อวัน อย่างไรก็ตาม ต้นกาแฟมีความเสี่ยงต่อศัตรูพืชและโรคต่างๆ ซึ่งอาจทำให้ผลผลิตและคุณภาพของพืชลดลงอย่างมาก ศัตรูพืชที่สร้างความเสียหายให้กับต้นกาแฟมากที่สุดชนิดหนึ่งคือหนอนเจาะลำต้นกาแฟ ศัตรูพืชชนิดนี้กินเปลือกและเนื้อไม้ของต้นกาแฟ ทำให้ลำต้นและกิ่งเสียหายอย่างรุนแรง

เดิมที เกษตรกรใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชเพื่อควบคุมหนอนเจาะลำต้นกาแฟ อย่างไรก็ตาม การใช้สารกำจัดศัตรูพืชมีข้อเสียหลายประการ รวมถึงมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาความต้านทานต่อสารกำจัดศัตรูพืชในศัตรูพืช และอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ เป็นผลให้มีความสนใจเพิ่มขึ้นในการใช้วิธีการควบคุมทางชีวภาพสำหรับการจัดการศัตรูพืชในการปลูกกาแฟ

การควบคุมหนอนเจาะลำต้นกาแฟโดยชีววิธีทำได้โดยใช้สารสกัด Bacillus thuringiensis (Bt) บีทีเป็นแบคทีเรียในดินตามธรรมชาติที่สร้างสารพิษฆ่าแมลงเฉพาะกับแมลงบางกลุ่ม สารพิษเหล่านี้ถูกสร้างเป็นผลึกรวมในเซลล์แบคทีเรีย และเมื่อถูกแมลงที่อ่อนแอกินเข้าไป พวกมันจะทำให้เป็นอัมพาตและตายได้

มีสองสายพันธุ์หลักของบีทีที่ใช้ในการควบคุมศัตรูพืชในการเกษตร: Bacillus thuringiensis var. เคิร์สตากี และ Bacillus thuringiensis var. ไอซาวาอิ. แต่ละสายพันธุ์สร้างชุดสารพิษฆ่าแมลงที่แตกต่างกัน และการใช้ร่วมกันสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมศัตรูพืชได้ การใช้สารสกัดบีทีในการควบคุมหนอนเจาะลำต้นกาแฟได้ผลดี โดยพบอัตราการตายสูงถึง 90% ในการทดลองภาคสนาม

สารสกัดบีทียังปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมาย รวมถึงมนุษย์ด้วย สารพิษที่ผลิตโดย Bt จะทำงานเฉพาะในลำไส้ของแมลงที่อ่อนแอและถูกทำลายอย่างรวดเร็วโดยกระบวนการทางธรรมชาติในสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ สารสกัดจากบีทียังไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายบนเมล็ดกาแฟหรือในดิน ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับการปลูกกาแฟออร์แกนิก

โดยสรุป การใช้วิธีการควบคุมโดยชีววิธี เช่น สารสกัดบีที เป็นแนวทางที่มีแนวโน้มในการจัดการศัตรูพืชในการปลูกกาแฟ สารสกัดจากบีทีมีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน การนำวิธีการเหล่านี้มาใช้ เกษตรกรสามารถลดการพึ่งพาสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ปกป้องพืชผลจากศัตรูพืช และผลิตเมล็ดกาแฟคุณภาพสูง

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม ไอกี้ และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
ไอกี้ 25 กรัม และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

แมลงศัตรูพืชก่อให้เกิดความท้าทายอย่างมากต่อเกษตรกร คุกคามผลผลิตพืชผลและกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร ยาฆ่าแมลงแบบดั้งเดิมมักเกี่ยวข้องกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพของมนุษย์ ผลที่ตามมาคือความต้องการวิธีการกำจัดแมลงอย่างยั่งยืนที่มีประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และปลอดภัยสำหรับผู้ใช้เพิ่มมากขึ้น แนวทางหนึ่งที่มีความหวังอยู่ที่การใช้สารชีวภาพที่มีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะการสกัดด้วยเอนไซม์ของ Bacillus thuringiensis (Bt)

Bacillus thuringiensis: พันธมิตรตามธรรมชาติในการควบคุมศัตรูพืช

Bacillus thuringiensis เป็นแบคทีเรียในดินตามธรรมชาติที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางถึงคุณสมบัติในการฆ่าแมลง แบคทีเรียที่โดดเด่นนี้สร้างสารพิษจากผลึกโปรตีนที่เรียกว่าเดลต้า-เอนโดท็อกซิน ซึ่งเป็นอันตรายต่อแมลงศัตรูพืชหลายชนิด สารพิษเหล่านี้มีเป้าหมายเฉพาะที่ระบบย่อยอาหารของแมลงที่อ่อนแอ ทำให้เกิดพิษในกระเพาะอาหารอัมพาต ส่งผลให้ร่างกายของศัตรูพืชเหี่ยวเฉา และในที่สุดก็นำไปสู่การตายภายใน 24-48 ชั่วโมง

การสกัดด้วยเอนไซม์ของ Bt: ปลดล็อกศักยภาพในการควบคุมศัตรูพืช

การสกัดด้วยเอนไซม์ของ Bt เกี่ยวข้องกับการใช้เอนไซม์เฉพาะเพื่อแยกและทำให้บริสุทธิ์ delta-endotoxins จากแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการนี้ช่วยเพิ่มความเข้มข้นและความแรงของสารพิษ ทำให้สามารถใช้เป้าหมายในการควบคุมศัตรูพืชได้ ด้วยการรวมประสิทธิภาพการฆ่าแมลงของ Bacillus thuringiensis สองสายพันธุ์ ได้แก่ Kustaki และ Aizawai ทำให้สามารถปลดปล่อยสารพิษได้สูงสุด ซึ่งจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดศัตรูพืช

ข้อดีของสารชีวภาพที่มีประสิทธิภาพสูง

การควบคุมศัตรูพืชแบบกำหนดเป้าหมาย: เดลต้า-เอนโดทอกซินที่ผลิตโดย Bacillus thuringiensis มีผลเฉพาะต่อระบบย่อยอาหารของแมลงศัตรูพืช ทำให้สิ่งมีชีวิตที่เป็นประโยชน์อื่นๆ ไม่เป็นอันตราย การดำเนินการที่กำหนดเป้าหมายนี้ช่วยรักษากลไกการควบคุมศัตรูพืชตามธรรมชาติและความสมดุลของระบบนิเวศภายในระบบนิเวศเกษตร

ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: สารชีวภาพที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น Bt มีความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมโดยเนื้อแท้ พวกมันสลายตัวอย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสกับแสงแดดและกิจกรรมของจุลินทรีย์ โดยไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายหรือผลกระทบถาวรที่สามารถปนเปื้อนดิน น้ำ หรืออากาศได้ สิ่งนี้ช่วยลดความเสี่ยงของมลพิษต่อระบบนิเวศและช่วยรักษาสุขภาพโดยรวมของภูมิทัศน์ทางการเกษตร

ความปลอดภัยของผู้ใช้: เกษตรกรและคนงานเกษตรสามารถจัดการกับสารชีวภาพที่มีประสิทธิภาพสูงได้อย่างปลอดภัย โดยไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ป้องกันที่กว้างขวางหรือการฝึกอบรมเฉพาะด้าน เมื่อเทียบกับสารเคมีกำจัดแมลงทั่วไป ซึ่งมักต้องการระเบียบปฏิบัติด้านความปลอดภัยที่เข้มงวด การใช้ Bt ช่วยลดความเสี่ยงของการสัมผัสกับสารที่เป็นอันตราย ส่งเสริมสภาพการทำงานที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

การจัดการการดื้อยา: แมลงสามารถพัฒนาความต้านทานต่อสารเคมีกำจัดศัตรูพืชเมื่อเวลาผ่านไป ทำให้พวกมันไม่ได้ผล อย่างไรก็ตาม รูปแบบการทำงานของสารพิษ Bt นั้นแตกต่างจากของยาฆ่าแมลงแบบดั้งเดิม ทำให้มีโอกาสน้อยที่ศัตรูพืชจะเกิดการดื้อยา ด้วยการใช้สารชีวภาพ เกษตรกรสามารถใช้กลยุทธ์การจัดการศัตรูพืชในระยะยาวอย่างยั่งยืน

บทสรุป

การสกัดด้วยเอนไซม์ของ Bacillus thuringiensis โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยการรวมคุณสมบัติการฆ่าแมลงของสายพันธุ์ Kustaki และ Aizawai นำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการควบคุมศัตรูพืชในการเกษตร การดำเนินการที่เป็นเป้าหมายของเดลต้า-เอนโดท็อกซินช่วยให้มั่นใจได้ถึงการกำจัดแมลงศัตรูพืชอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่รักษากลไกการควบคุมศัตรูพืชตามธรรมชาติและปกป้องสิ่งแวดล้อม ยิ่งไปกว่านั้น สารชีวภาพที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น Bt ยังปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีกำจัดแมลง ด้วยการนำวิธีการควบคุมศัตรูพืชที่เป็นนวัตกรรมใหม่เหล่านี้มาใช้ เกษตรกรสามารถปรับปรุงการปกป้องพืชผล เพิ่มผลผลิต และมีส่วนร่วมในการปฏิบัติทางการเกษตรที่ยั่งยืน

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

การเพาะปลูกต้นองุ่นไม่เพียงแค่การให้น้ำและดูแลเพียงพอ แต่ยังต้องการสารอาหารที่เหมาะสมเพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตอย่างเหมาะสม ในกระบวนการเตรียมต้นพันธุ์และเร่งการออกดอกและรากของต้นองุ่น ปุ๋ยสูตรเฉพาะเช่น สตาร์เฟอร์ ปุ๋ยสูตร 10-40-10+3 MgO เป็นตัวช่วยที่ไม่ควรพลาด ที่จะช่วยให้ต้นองุ่นของคุณเติบโตแข็งแรงและมีผลผลิตที่มากขึ้นอย่างมีคุณภาพ นี่คือเหตุผลที่คุณควรใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 10-40-10+3 MgO สำหรับต้นองุ่นของคุณ:

1. เร่งการออกดอก: สารอาหารที่มีในสูตร 10-40-10 ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของดอกองุ่น โดยเฉพาะส่วนปุ๋ยฟอสฟอรัส (Phosphorus) ที่มีสัดส่วนสูงส่งผลให้ดอกเจริญเติบโตและมีความสมบูรณ์มากขึ้น ทำให้การติดผลและการพัฒนาผลองุ่นเป็นไปอย่างดีและมีคุณภาพ

2. เร่งรากและการเจริญเติบโต: ประสิทธิภาพของการเจริญเติบโตของรากของต้นองุ่นมีความสำคัญอย่างมากในกระบวนการให้น้ำและการดูแลรักษาต้นองุ่น สารอาหารเสริมที่มีอยู่ในสูตร 10-40-10+3 MgO เช่น แมกนีเซียม (Magnesium) ช่วยให้ระบบรากของต้นองุ่นเจริญเติบโตแข็งแรง ช่วยในกระบวนการดูดซึมสารอาหารและน้ำมากขึ้น ทำให้ต้นองุ่นสามารถดูดซึมสารอาหารและน้ำจากดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ผลผลิตที่มากขึ้น: การใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 10-40-10+3 MgO สำหรับต้นองุ่นช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับผลผลิตที่มากขึ้น โดยการเพิ่มประสิทธิภาพของการออกดอกและเจริญเติบโตของราก เนื่องจากสารอาหารที่สำคัญในการเจริญเติบโตและการสร้างดอกอย่างเหมาะสม ทำให้ต้นองุ่นสามารถให้ผลผลิตที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น

ด้วยความเข้มข้นและคุณภาพของสารอาหารที่มีอยู่ในสูตร 10-40-10+3 MgO ของปุ๋ยสตาร์เฟอร์ นี้จะช่วยเสริมสร้างคุณภาพและประสิทธิภาพในการเพาะปลูกต้นองุ่นของคุณอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการเร่งการออกดอกหรือเร่งราก ทำให้คุณมั่นใจได้ในผลผลิตที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในแต่ละฤดูกาล เร่งขึ้นกับปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 10-40-10+3 MgO สำหรับต้นองุ่น และเปลี่ยนคุณภาพการเพาะปลูกของคุณไปในระดับต่อไป

🌿ฉีดพ่นทางใบ อัตราผสม 25 กรัม(2ช้อนโต๊ะ) ต่อน้ำ 20 ลิตร

ถัง 16-20 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 25 กรัม (2ช้อนโต๊ะ)

ถัง 200 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 250 กรัม (1ส่วน4ถุง)
.
🌳ปุ๋ยทางใบสูตรสูง 3สูตรหลัก ที่ใช้ได้กับทุกพืช
- เร่งโตเร่งต้นเร่งใบเร่งเขียว สูตร 30-20-5
- เร่งระบบราก เร่งดอก สูตร 10-40-10
- เพิ่มผลผลิต ขยายขนาดผล สูตร 15-5-30
.
∞ ผสมปุ๋ยทางใบเป็นสูตรต่างๆได้ตามต้องการ
» เราพัฒนาระบบคำนวณสูตรผสมปุ๋ยให้ใช้ฟรี
» ใช้ปุ๋ย 3สูตรหลักด้านบน ผสมได้หลากหลายสูตรสูง ใช้ได้กับทุกพืช
£ มีเอกสารแนบวิธีการผสมลงในกล่อง

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 1 ถุง บรรจุ 1 กิโลกรัม ผสมน้ำได้ 800 ลิตร ใช้ได้ประมาณ 10 ไร่

📌สั่งซื้อ สอบถาม

»โทร 097-918-3530
»ไลน์ janemini1112

🔎ซื้อกับลาซาด้า ช้อปปี้
.
» ซื้อ ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ ที่ช้อปปี้: http://ไปที่..link.. .

» ซื้อ ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ ที่ลาซาด้า: http://ไปที่..link..

ไม่ตัวใดก็ตัวนึง ระหว่าง 35 f1.4 กับ 35 f2.0 ที่น่าจะมีไว้สักตัว เพราะระยะ 35mm นี้จะว่าไปคือระยะที่ใกล้เคียงกับที่ตาเรามองเห็นภาพทั่วๆไปในชีวิตประจำวัน จึงนับว่าเป็นเลนส์ที่เก็บภาพได้ง่าย มีรูรับแสงที่กว้าง ถ่ายภาพได้สวยในหลายๆรูปแบบ ถ่ายคนก็ดี ถ่ายวิวก็พอได้ จัดองค์ประกอบของภาพง่าย

อาการ มะเขือเทศ ขาดไนโตรเจน คล้ายกับอาการ มะเขือเทศขาดกำมะถัน

ต่างกันตรงที่ อาการมะเขือเทศขาดธาตุไนโตรเจน จะเริ่มจากใบแก่ ลุกลามไปยังใบใหม่ หรือใบอ่อน ส่วน อาการมะเขือเทศขาดธาตุกำมะถัน จะเริ่มออกอาการจากใบอ่อนก่อน เนื่องจาก กำมะถันไม่เคลื่อนที่ในต้น ซึ่งต่างกับ ไนโตรเจน

การขาดธาตุไนโตรเจน อาจมีสาเหตุจาก ดินมีค่า pH ต่ำหรือสูง ดินทรายหรือดินร่วน (ชะละลาย) มีสารอินทรีย์ต่ำ สภาพแห้งแล้ง ฝนตกมาก (ชะละลาย) หรือมีการชะหน้าดินหนัก ใช้สารเพิ่มหรือปุ๋ยสด/ปุ๋ยคอก เป็นจำนวนมาก (เช่น ฟาง) พืชโตเร็ว

ไนโตรเจน ทำหน้าที่ การสังเคราะห์กรดอะมิโน โปรตีน โคเอนไซม์ กรดนิวคลิอิก การสังเคราะห์คลอโรฟิลล์และ ATP

สามารถฉีดพ่น FK-1 เพื่อบำรุงฟื้นฟู จากอาการขาดธาตุไนโตรเจน ในอัตราส่วน 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร

Reference
Main content from: yara.co.th

โรคพืช ที่มีสาเหตุจากเชื้อราต่างๆ ใช้ ไอเอส สารอินทรีย์ ป้องกัน กำจัดโรคพืช ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา ยกตัวอย่างโรคพืช ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา เช่น อาการ ใบไหม้ ใบจุด ใบขีดสีน้ำต้าง โรคใบติด ราสนิม ราน้ำค้าง โรคกุ้งแห้ง แอนแทรคโนส ไฟท็อปโธร่า เป็นต้น

ทั้งอาการใบไหม้ และใบเหลือง เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาจเกิดได้จากโรค และการขาดธาตุอาหารพืชที่จำเป็น รวมถึงการให้น้ำ และการได้รับแสงแดด ซึ่งการพิจารณาสาเหตุนั้น ต้องสังเกตุอาการ และแก้ปัญหาทีละจุด

ไอเอส สารอินทรีย์ ป้องกันกำจัดโรคพืชต่างๆ ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา

FKธรรมชาตินิยม แก้ปัญหาโรคพืช ที่เกิดจากการขาดธาตุอาหารพืชต่างๆ และส่งเสริมการเจริญเติบโต ตลอดไปถึง การส่งเสริมผลผลิตพืช

ยกตัวอย่างเช่น

อาการใบไหม้ และอาการต่างๆ ที่เกิดจากโรคเชื้อรา
- โรคใบไหม้ โรคใบจุด และโรคใบขีดสีน้ำตาล จะต่างจากการขาดธาตุที่สังเกตุได้คือ โรคที่มีสาเหตุจากเชื้อรา จะลุกลามไปยังใบไหม้ และลุกลามขยายวงไปยังต้นข้างเคียง
- โรคราแป้ง ราสนิม ราน้ำค้าง มีการลุกลามติดต่อเช่นกัน

อาการใบไหม้ และอาการต่างๆ ที่เกิดจากการขาดธาตุ
- ขาด โพแทสเซียม ที่ใบแก่จะเหลืองซีด ขอบใบมีจุดสีน้ำตาลไหม้
- ขาด แมกนีเซียม ใบจะมีจุดเหลืองทั่วทั้งใบ ที่ปลายใบจะแห้ง
- ขาด สังกะสี ใบจะมีจุดเหลืองคล้ายราสนิม

อาการใบเหลือง ใบซีด ก็เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- ใบเหลือง จากการขาดธาตุ ไนโตรเจน
- ใบเหลือง เพราะได้รับแสงไม่เพียงพอ
- ใบเหลือง เพราะรดน้ำมาก หรือน้อยจนเกินไป
- ใบเหลือง เพราะค่า pH หรือความเป็นกรดด่างของดิน ไม่เหมาะสม
- ใบเหลือง เพราะขาดธาตุเหล็ก
- ใบเหลือง เพราะพืชลดจำนวนคลอโรฟิลล์ เพราะการขาดธาตุรอง หรือธาตุเสริมบางอย่าง

อาการใบไหม้และโรคต่างๆ ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา ฉีดพ่น ไอเอส สารอินทรีย์ ทุก 3-5 วัน

อาการของพืช ที่เกิดจากการขาดธาตุต่างๆ ฉีดพ่น FK ธรรมชาตินิยม

หมายเหตุ สามารถ ผสม ไอเอส และ FK ธรรมชาตินิยม ฉีดพ่นไปพร้อมกันในคราวเดียว

อัตราส่วนผสม
ไอเอส 50ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร
FKธรรมชาตินิยม 50ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร
สามารถผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันได้
*สำหรับท่านที่พ่นด้วย ฟ็อกกี้ ขนาด 1-2ลิตร ใช้ฝา FKธรรมชาตินิยมตวงประมาณ 2ฝา


การสั่งซื้อ

โทร 090-592-8614

ไลน์ไอดี http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ฟาร์มเกษตร http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ช้อปปี้ http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ลาซาด้า http://www.farmkaset..link..

ธาตุแคลเซียม (Calcium – Ca) พบมากในกระดูก เปลือกไข่ ปูนขาว หรือ ยิปซัม แคลเซียมมีส่วนช่วยให้เนื้อเยื้อพืชแข็งแรงขึ้นได้เช่นเดียวกับการสร้างความแข็งแรงของกระดูก และเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ที่ช่วยในการทำงานเนื้อเยื้อพืช แม้ว่าพืชจะใช้แคลเซียมในปริมาณที่น้อยเมื่อเทียบกับธาตุอื่นๆ แต่หากพืชได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอจะส่งผลให้พืชเจริญเติบโตผิดปกติ เช่น ผิวของมะเขือเทศเกิดอาการแห้งกรอบ ยอดใบอ่อนไหม้ หรือเกิดจุดด่างในใบผัก เป็นต้น

พืชที่ขาดแคลเซียม สามารถฉีดพ่น FK-1 เพื่อฟื้นฟู บำรุงได้

การใส่ปุ๋ยส่วนสำคัญในการทำให้ต้นไม้แข็งแรงและให้ผลผลิต แม้ว่าจะมีปุ๋ยผสมหลายสูตร มากมายให้ซื้อ แต่การผสมปุ๋ยของคุณเองอาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและปรับแต่งได้สำหรับความต้องการเฉพาะในสวนของคุณ ในบทความนี้ เราจะบอกความลับของโรงงานผลิตปุ๋ย ที่คุณจะทำได้เองที่บ้าน หรือในสวน โดยใช้แม่ปุ๋ยสามสูตร ที่หาซื้อได้ง่ายในท้องตลาดของประเทศไทย ปุ๋ยยูเรีย (สูตร 46-0-0) ปุ๋ยDAP (สูตร 18-46-0) และ ปุ๋ยMOP (สูตร 0-0-60)

แอพผสมปุ๋ยออนไลน์ ที่ http://ไปที่..link.. จะเปิดเผยความลับ สูตรการคำนวณ เพื่อใช้แม่ปุ๋ย ผสมเป็นสูตรปุ๋ยต่างๆ

ก่อนที่เราจะเริ่มต้น สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจตัวเลขบนหน้ากระสอบปุ๋ย ตัวเลขเหล่านี้เรียกว่าอัตราส่วน NPK ระบุเปอร์เซ็นต์ของไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และโพแทสเซียม (K) ในปุ๋ย ไนโตรเจนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของใบและลำต้น ฟอสฟอรัสมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของรากและดอก และโพแทสเซียมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพโดยรวมของพืชและการต้านทานโรค และผลผลิต

ตอนนี้คุณเข้าใจถึงความสำคัญของอัตราส่วน NPK แล้ว มาดูสูตรปุ๋ยง่ายๆ 3 สูตรที่คุณสามารถผสมได้เองโดยใช้ยูเรีย (46-0-0)_ DAP (18-46-0) และ MOP (0-0- 60).

สูตร 1: ปุ๋ยเอนกประสงค์พื้นฐาน เร่งโตไว ใบเขียว
ยูเรีย 2 ส่วน (46-0-0) เช่น 16
DAP 1 ส่วน (18-46-0) เช่น 8
MOP 1 ส่วน (0-0-60) เช่น 8
ได้เป็นสูตร 16-8-8 สำหรับ เร่งโตไว ใบเขียว

สูตร 2 ปุ๋ยฟอสฟอรัสสูง สำหรับเร่งดอก เร่งราก
ยูเรีย 1 ส่วน (46-0-0) เช่น 8
DAP 2 ส่วน (18-46-0) เช่น 16
MOP 1 ส่วน (0-0-60) เช่น 8
ได้เป็นสูตร 8-16-8 ใช่ใส่ เร่งการออกดอก เร่งราก ส่งเสริมระบบรากพืช

สูตร 3: ปุ๋ยโพแทสเซียมสูง
ยูเรีย 1 ส่วน (46-0-0) เช่น 13
DAP 1 ส่วน (18-46-0) เช่น 13
MOP 2 ส่วน(0-0-60) เช่น 26
ได้เป็นปุ๋ยสูตร 13-13-26 ใช่เร่งผลผลิต พืชออกผลโต น้ำหนักดี พืชลงหัว หัวใหญ่ เปอร์เซ็นแป้งสูง ค่าความหวานสูง

สูตรเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้น และคุณสามารถปรับอัตราส่วนให้เหมาะกับความต้องการสวนของคุณ หากคุณไม่แน่ใจว่าอัตราส่วนใดดีที่สุดสำหรับพืชของคุณ

คุณสามารถใช้เว็บไซต์ แอพผสมปุ๋ย ที่ http://ไปที่..link.. เป็นแนวทางได้อย่างแม่นยำสูง

เมื่อผสมปุ๋ย อย่าลืมสวมถุงมือและหน้ากากกันฝุ่นเพื่อป้องกันตัวเองจากการสูดดมปุ๋ย นอกจากนี้ ให้ใช้เครื่องหว่านปุ๋ยหรือเครื่องผสมปุ๋ยเพื่อให้แน่ใจว่าปุ๋ยกระจายอย่างสม่ำเสมอบนต้นไม้หรือในสวนของคุณ

โดยสรุปแล้ว การผสมปุ๋ยของคุณเองอาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและปรับแต่งได้สำหรับความต้องการสวนของคุณโดยเฉพาะ เมื่อเข้าใจอัตราส่วน NPK และใช้สูตรง่ายๆ ที่ให้ไว้ในบทความนี้ คุณจะผสมปุ๋ยเองได้ง่ายๆ และมั่นใจได้ว่าพืชของคุณแข็งแรงและให้ผลผลิตดี