[sort by : last post | top views]..
+ โพสเรื่องใหม่ | ^ เลือกหน้า | All contents
3589 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 358 หน้า, หน้าที่ 359 มี 9 รายการ

 
กำจัดศัตรูพืช ยาฆ่าหนอนกระทู้หอม ใน ดอกกล้วยไม้ และ พืชทุกชนิด บาซีเร็กซ์ โดย ไดโนเร็กซ์
กำจัดศัตรูพืช ยาฆ่าหนอนกระทู้หอม ใน ดอกกล้วยไม้ และ พืชทุกชนิด บาซีเร็กซ์ โดย ไดโนเร็กซ์
ในขณะที่การเกษตรมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรและชาวสวนมักจะมองหาวิธีใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องพืชผลของพวกเขาจากศัตรูพืชและโรคต่างๆ ศัตรูพืชชนิดหนึ่งที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงกล้วยไม้คือหนอนผีเสื้อ ศัตรูพืชเหล่านี้สามารถทำลายต้นกล้วยไม้ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากและทำให้ผลผลิตลดลง โชคดีที่มีหลายวิธีในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของกองทัพ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการใช้แบรนด์ Basilisk ของ Basilex

บาซิเร็กซ์ยี่ห้อบาซิลิสก์เป็นยาฆ่าแมลงที่มีส่วนผสมของบาซิลลัสซึ่งได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อกำหนดเป้าหมายและควบคุมการแพร่ระบาดของพยาธิในกล้วยไม้ ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพนี้มีสปอร์ของ Bacillus thuringiensis (Bt) ซึ่งเป็นแบคทีเรียในดินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งผลิตโปรตีนที่เป็นพิษต่อแมลงบางชนิด เมื่อพยาธิไส้เดือนกินเข้าไป โปรตีน Bt จะถูกกระตุ้นในลำไส้ของพวกมัน ทำให้มันหยุดกินอาหารและตายภายในสองสามวัน

ข้อดีอย่างหนึ่งของการใช้บาซิเร็กซ์คือปลอดภัยและไม่เป็นพิษต่อคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม แตกต่างจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบดั้งเดิมที่อาจเป็นอันตรายต่อทั้งมนุษย์และสัตว์ป่า บาซิเร็กซ์เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ไม่ก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมาย ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงกล้วยไม้ที่ต้องการปกป้องพืชผลโดยไม่ทำให้สุขภาพหรือสิ่งแวดล้อมต้องเสี่ยง

ข้อดีอีกอย่างของบาซิเร็กซ์คือมันมีประสิทธิภาพสูงในการต่อต้านพยาธิหนอนหัวใจ ผลิตภัณฑ์นี้ใช้ง่ายและสามารถใช้ในเชิงป้องกันหรือเป็นยารักษาเมื่อมีพยาธิไส้เดือนอยู่แล้ว บาซิเร็กซ์ทำงานโดยขัดขวางระบบย่อยอาหารของพยาธิตัวกลม ขัดขวางไม่ให้กินอาหารและทำให้พวกมันตายภายในสองสามวัน เมื่อใช้เป็นประจำ บาซิเร็กซ์สามารถช่วยลดจำนวนประชากรหนอนกระทู้ผักได้อย่างมาก ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกล้วยไม้สามารถปกป้องพืชผลของตนและรักษาผลผลิตที่ดีได้

นอกจากประสิทธิภาพและความปลอดภัยแล้ว บาซิเร็กซ์ยังใช้งานง่ายอีกด้วย ผลิตภัณฑ์มาในรูปแบบของเหลวพร้อมใช้ที่สามารถใช้กับกล้วยไม้ได้โดยตรงโดยใช้เครื่องพ่นสารเคมีหรือวิธีการใช้งานอื่นๆ บาซิเร็กซ์สามารถใช้ได้บ่อยเท่าที่จำเป็น ทำให้เป็นเครื่องมือที่ยืดหยุ่นสำหรับจัดการการแพร่ระบาดของหนอนกองทัพ

โดยสรุป แบรนด์ Basilisk Basilex เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดการแพร่ระบาดของหนอนผีเสื้อในกล้วยไม้ ยาฆ่าแมลงจากธรรมชาตินี้ปลอดภัยและไม่เป็นพิษต่อคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงกล้วยไม้ที่ต้องการปกป้องพืชผลโดยไม่ทำให้สุขภาพหรือสิ่งแวดล้อมต้องเสี่ยง เมื่อใช้เป็นประจำ บาซิเร็กซ์สามารถช่วยลดจำนวนประชากรหนอนกระทู้ผักได้อย่างมาก ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกล้วยไม้สามารถรักษาผลผลิตที่ดีต่อสุขภาพและปกป้องการลงทุนของพวกเขา

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน
กล้วย ผลใหญ่ หวีใหญ่ ใบเขียว ผลผลิตดี มีน้ำหนัก อะมิโนโปรตีนจำเป็นสำหรับพืช 18 ชนิด อะมิโนแรปเตอร์ โดย ไดโนเร็กซ์
กล้วย ผลใหญ่ หวีใหญ่ ใบเขียว ผลผลิตดี มีน้ำหนัก อะมิโนโปรตีนจำเป็นสำหรับพืช 18 ชนิด อะมิโนแรปเตอร์ โดย ไดโนเร็กซ์
อะมิโนโปรตีนเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช พวกมันมีบทบาทสำคัญในการผลิตฮอร์โมนพืชซึ่งช่วยในการสร้างและขยายเซลล์เนื้อเยื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พืช 18 ชนิดต้องพึ่งพาอะมิโนโปรตีนในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพวกมัน

หนึ่งในการใช้งานที่สำคัญที่สุดของอะมิโนโปรตีนคือในต้นกล้วย การผลิตอะมิโนโปรตีนในต้นกล้วยมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของผลไม้อย่างเหมาะสม กล้วยเป็นพืชที่มีคุณค่าทั่วโลกและเป็นอาหารหลักในหลายภูมิภาค อะมิโนโปรตีนช่วยในการพัฒนาส่วนต่าง ๆ ของต้นกล้วย เช่น ลำต้นและใบ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันจะเติบโตเต็มที่

อะมิโนโปรตีนช่วยในการสังเคราะห์ฮอร์โมนพืชที่จำเป็น เช่น ออกซิน จิบเบอเรลลิน และไซโตไคนิน ฮอร์โมนเหล่านี้ควบคุมกระบวนการต่างๆ ในพืช เช่น การเจริญเติบโต การแบ่งเซลล์ และการเปลี่ยนแปลง ออกซินมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและการยืดตัวของเซลล์พืช ในขณะที่จิบเบอเรลลินจะกระตุ้นการยืดตัวของลำต้นและการพัฒนาของผล ในทางกลับกัน Cytokinins ส่งเสริมการแบ่งเซลล์และป้องกันความชรา

ในกรณีที่ไม่มีอะมิโนโปรตีน ระดับของฮอร์โมนเหล่านี้อาจไม่เพียงพอ ส่งผลให้การเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืชผิดปกติ ตัวอย่างเช่น หากขาดออกซินที่เพียงพอ พืชอาจเติบโตผิดปกติ ส่งผลให้การเจริญเติบโตแคระแกร็น ในขณะที่จิบเบอเรลลินไม่เพียงพออาจส่งผลให้การพัฒนาของผลไม่ดี

นอกจากความสำคัญในกล้วยแล้ว อะมิโนโปรตีนยังมีความจำเป็นในพืชอื่นๆ เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วเหลือง และมะเขือเทศ พืชเหล่านี้อาศัยอะมิโนโปรตีนเพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาที่เหมาะสม และการขาดโปรตีนเหล่านี้อาจส่งผลให้ผลผลิตต่ำและการเจริญเติบโตแคระแกรน

โดยสรุป อะมิโนโปรตีนเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช ความสำคัญในการผลิตฮอร์โมนพืชไม่สามารถพูดเกินจริงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พืช 18 ชนิดต้องพึ่งพาอะมิโนโปรตีนในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพวกมัน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่ามีอะมิโนโปรตีนในการเกษตรเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตและการพัฒนาของพืชอย่างเหมาะสม ซึ่งนำไปสู่ผลผลิตที่เหมาะสม

วิธีการใช้
ผสมน้ำฉีดพ่น
พืชผัก 10-20 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
นาข้าว พืชไร่ ไม้ผล 20-40 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
ผสมระบบน้ำหยด 500 มล.ต่อ 1 ไร่
ควรฉีดพ่น 2 ครั้งต่อเดือน
ไม่ควรฉีดพ่นระยะพืชออกดอก

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..
การป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในดอกดาวเรือง
การป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในดอกดาวเรือง
โรคเชื้อราสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพและผลผลิตของต้นดาวเรืองอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้มาตรการป้องกันและใช้สารประกอบอินทรีย์ในการกำจัด บทความนี้กล่าวถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ 2 ชนิด คือ IS และ FK-1 เพื่อป้องกันและกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในดอกดาวเรือง

การแนะนำ:
ดาวเรืองเป็นไม้ประดับยอดนิยมที่อ่อนแอต่อโรคราต่างๆ รวมถึงโรคราแป้ง โรคจุดดำ และโรคราสนิม โรคจากเชื้อราอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของพืชอ่อนแอลง ลดการผลิตดอกไม้ และแม้กระทั่งทำให้พืชตายได้ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินมาตรการป้องกันและใช้วิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพเพื่อควบคุมโรคเชื้อรา

การป้องกันด้วย IS:
IS เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่สามารถป้องกันโรคเชื้อราในดอกดาวเรืองได้ อัตราส่วนผสมคือ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ในการใช้ IS ให้ผสมน้ำในปริมาณที่ต้องการแล้วฉีดพ่นที่ใบและลำต้นของพืช ทำซ้ำทุกสองสัปดาห์เพื่อป้องกันไม่ให้โรคเชื้อราส่งผลกระทบต่อพืช

การกำจัดด้วย FK-1:
FK-1 เป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่สามารถป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในดอกดาวเรือง ประกอบด้วยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว ในการใช้ FK-1 ให้ผสม 50 กรัมของถุงแรก (องค์ประกอบหลัก) และ 50 กรัมของถุงที่สอง (องค์ประกอบเสริม) กับน้ำ 20 ลิตร จากนั้นฉีดพ่นที่ใบและลำต้นของพืช

บทสรุป:
โดยสรุป โรคเชื้อราสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพและผลผลิตของต้นดาวเรืองอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินมาตรการป้องกันและใช้วิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพเพื่อควบคุมโรคเชื้อรา IS และ FK-1 เป็นสารประกอบอินทรีย์ 2 ชนิดที่สามารถป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในดอกดาวเรืองได้ การใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ชาวสวนสามารถรักษาต้นดาวเรืองให้แข็งแรงและสวยงามได้
เคล็ดลับการให้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบสำหรับอินทผาลัม: กระบวนการและสารอาหารที่สำคัญ
เคล็ดลับการให้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบสำหรับอินทผาลัม: กระบวนการและสารอาหารที่สำคัญ
ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบที่เหมาะสำหรับต้นอินทผาลัมที่คุณกล่าวถึงควรประกอบด้วยสารอาหารที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช ดังนี้:

ไนโตรเจน (Nitrogen): เป็นสารอาหารที่สำคัญในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของใบและลำต้น และมีบทบาทสำคัญในกระบวนการสังเคราะห์แสง ทำให้พืชมีใบเขียวเข้มและสมบูรณ์มากขึ้น

ฟอสฟอรัส (Phosphorus): เป็นสารที่สำคัญในกระบวนการเจริญเติบโตของรากและในการพัฒนาดอกและผล มีบทบาทสำคัญในการเกิดรากแข็งแรง

โพแทสเซียม (Potassium): ช่วยในการเพิ่มความแข็งแรงให้กับพืช และมีบทบาทในการควบคุมการเปิดกลีบดอกและการเจริญของผล

แมกนีเซียม (Magnesium): เป็นส่วนสำคัญของโครโมโพรทีน ทำให้ใบเขียวเข้มและช่วยในกระบวนการสังเคราะห์แสง

สังกะสี (Zinc): เป็นธาตุอาหารรองที่มีบทบาทในกระบวนการสังเคราะห์แสงและในการพัฒนาระบบราก

สารลดแรงตึงผิว: สารที่ช่วยลดแรงตึงผิวของน้ำ เพื่อให้สารอาหารที่ฉีดพ่นสามารถซึมเข้าไปในพืชได้มากขึ้น

การให้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบนอกจากการเลือกสารอาหารที่เหมาะสมแล้วยังควรปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้งานที่ระบุในฉลากของผลิตภัณฑ์ เพื่อป้องกันการให้ปุ๋ยเกินขนาดและป้องกันการเกิดพิษในพืชได้

.
ปุ๋ย FK-1 ฉีดพ่น ต้นอินทผาลัม ผลใหญ่ ดกเต็มต้น น้ำหนักดี ต้นทุนต่อไร่ถูกกว่าปุ๋ยเม็ด 4 เท่า เพิ่มผลผลิตสูงสุด 20 เปอร์เซ็นต์
ปุ๋ย FK-1 ฉีดพ่นพืชทุกชนิดได้เช่นกัน
.
สั่งซื้อ ปุ๋ย FK-1 ได้ที่ ลาซาด้า คลิก http://ไปที่..link.. .
หรือ โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset
.
อ่าน:3503
การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบสำหรับส้มโอ เพิ่มประสิทธิภาพการเจริญเติบโต
การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบสำหรับส้มโอ เพิ่มประสิทธิภาพการเจริญเติบโต
การให้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการให้ธาตุอาหารที่สำคัญแก่พืชโดยตรงผ่านทางใบ ซึ่งทำให้พืชสามารถนำธาตุอาหารไปใช้ได้เร็วขึ้น
ในกรณีของส้มโอ การให้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบสามารถช่วยให้ส้มโอได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและผลิตผลมากขึ้นได้
นอกจากนี้ยังช่วยเสริมความแข็งแรงของพืชในการต่อต้านโรคและแมลงได้ด้วย

การปุ๋ยฉีดพ่นทางใบที่ใช้กับส้มโอ มีหลายประเภทและสูตร ซึ่งควรเลือกใช้ตามความต้องการของพืชและขึ้นอยู่กับสภาพดินและสภาพอากาศในพื้นที่ที่ปลูกด้วย

การให้ปุ๋ยฉีดทางใบควรทำในช่วงเวลาที่ไม่มีแสงแดดแรงมาก เช่นในช่วงเช้าหรือเย็น เพื่อป้องกันการเผชิญหน้ากับการระเหยของน้ำฝนหรือแสงแดดที่จะทำให้ปุ๋ยไม่ได้รับธาตุอาหารได้เต็มที่

นอกจากนี้ควรควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตหรือผู้เชี่ยวชาญทางการเกษตรในพื้นที่ของคุณด้วย

FK-1 เป็นปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ ที่ประกอบด้วย ไนโตรเจน ฟอสฟอสรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม ซิงค์ และมีสารจับใบในตัว
FK-1 ใช้ได้กับส้มโอ และใช้ได้กับพืชทุกชนิดเช่นกัน

สั่งซื้อ FK-1 ได้ที่ ลาซาด้า คลิก http://ไปที่..link..
หรือ โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset
อ่าน:3503
ระวัง!! เพลี้ยอ่อน..ในต้นข้าวโพด สร้างความเสียหายได้มาก จัดการได้อย่างไร
ระวัง!! เพลี้ยอ่อน..ในต้นข้าวโพด สร้างความเสียหายได้มาก จัดการได้อย่างไร
ระวัง!! เพลี้ยอ่อน..ในต้นข้าวโพด สร้างความเสียหายได้มาก จัดการได้อย่างไร
สารอัลคาลอยด์ มาคา เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงในการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืช เพลี้ยอ่อนในต้นข้าวโพด โดยถูกสกัดจากธรรมชาติและผลิตขึ้นโดยใช้หลักการเทคโนโลยีชั้นสูงอย่างพิถีพิถัน

การใช้สารอัลคาลอยด์ ตรา มาคา มีประโยชน์มากมายทั้งต่อผลผลิตของข้าวโพดและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีข้อดีที่สำคัญเมื่อเทียบกับสารเคมีทั่วไป โดยมีประสิทธิภาพในการกำจัดแมลงศัตรูพืชโดยเฉพาะเพลี้ยอ่อน ที่เป็นศัตรูที่รุนแรงและสามารถทำให้พืชเสียหายได้ในระยะเวลาสั้น การใช้สารอัลคาลอยด์ มาคา ช่วยลดความเสี่ยงในการเสียหายจากแมลงศัตรูพืชนี้อย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้สารอัลคาลอยด์ มาคา เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดแมลงศัตรูพืชอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสารอัลคาลอยด์ ตรา มาคา สามารถป้องกันและกำจัดเพลี้ยอ่อนในต้นข้าวโพดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อพืชหรือสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ การใช้สารอัลคาลอยด์ ตรา มาคา ยังสามารถป้องกันการดื้อยาที่เกิดจากการใช้สารเคมีเป็นเวลานาน เนื่องจากมีความไม่เจาะจงในการออกฤทธิ์ ซึ่งทำให้แมลงไม่สามารถปรับตัวต้านทานต่อสารนี้ได้

สารอัลคาลอยด์มาคา มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและผู้ใช้ โดยไม่ตกค้างในดินและน้ำ และไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ นอกจากนี้ยังช่วยลดการใช้สารเคมีในการเกษตรกรรม ทำให้ผลผลิตข้าวโพดมีคุณภาพและปลอดภัยตลอดจนถึงขั้นตอนการบริโภคของผู้บริโภค ดังนั้น การใช้สารอัลคาลอยด์ มาคา เป็นวิธีที่ดีในการควบคุมแมลงศัตรูพืชในการเพาะปลูกข้าวโพด และให้ผลผลิตที่มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค ด้วยคุณภาพที่ดีที่สุด การใช้สารอัลคาลอยด์ มาคา ในการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชในต้นข้าวโพด

นั้นเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและปลอดภัยที่สุดสำหรับการเพาะปลูกข้าวโพด ดังนั้น การเลือกใช้สารอัลคาลอยด์ มาคา จึงเป็นการตัดสินใจที่แน่นอนสำหรับเกษตรกรในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมของเราในปัจจุบันและอนาคต ประเทศไทยจะมีผลผลิตข้าวโพดที่มีคุณภาพและปลอดภัยตลอดจนถึงขั้นตอนการบริโภคของผู้บริโภคอย่างแน่นอน สารอัลคาลอยด์ มาคา เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการช่วยเสริมสร้างคุณภาพของข้าวโพดในประเทศไทยอย่างแน่นอน และเป็นทางเลือกที่ดีในการควบคุมแมลงศัตรูพืชในการเพาะปลูกข้าวโพดในปัจจุบันและอนาคตของอาชีพเกษตรกรรมของเรา

นอกจากนี้ยังเป็นสารป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชที่มีคุณภาพและปลอดภัยที่สุดสำหรับการเพาะปลูกข้าวโพดในประเทศไทย ด้วยประสิทธิภาพที่สูงและความปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้บริโภค

.
ใช้ป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืช
.
– เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล (Nilapavata lugens)
– เพลี้ยจักจั่นปีกลายหยัก (Recilia dorsalis)
– เพลี้ยจักจั่นสีเขียว (Nephotettix spp.)
– เพลี้ยไฟ (Balliothrips biformis)
.
วิธีการใช้
.
– ป้องกันและกำจัด 50-100 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก 7 วัน
– มีการระบาดมาก 100 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก 3 วัน
.
💲ราคา 470 บาท
✈จัดส่งฟรี kerry ด่วน เก็บเงินปลายทาง
.
📌สั่งซื้อ สอบถาม

» Line@ ID: @FarmKaset หรือคลิกแอดไลน์ http://ไปที่..link..
.
» Website: http://ไปที่..link..
.
» TikTok http://ไปที่..link..
.
» โทร 090-592-8614
.
🔎ซื้อกับลาซาด้า ช้อปปี้ ก็ได้นะ
.
» ซื้อกับช้อปปี้ที่ http://ไปที่..link..
.
» ซื้อกับลาซาด้าที่ http://ไปที่..link..
อ่าน:3503
การจัดการหนอนศัตรูพืชที่ทำลายกะหล่ำ: วิธีป้องกันและควบคุม
การจัดการหนอนศัตรูพืชที่ทำลายกะหล่ำ: วิธีป้องกันและควบคุม
การจัดการหนอนศัตรูพืชที่ทำลายกะหล่ำ: วิธีป้องกันและควบคุม
หนอนศัตรูพืชที่ทำลายกะหล่ำสามารถมีหลายชนิด ซึ่งมีวิธีการจัดการแตกต่างกันไปตามชนิดของหนอนนั้นๆ ดังนี้:

หนอนเจาะลำต้น (Cutworms): หนอนเจาะลำต้นเป็นหนอนที่โจมตีกะหล่ำในช่วงกลางคืน โดยการเจาะลำต้นของกะหล่ำให้หักพับไป สามารถป้องกันได้โดยการวางกับดักตอนกลางคืน หรือใช้วิธีการบำรุงดินและลดการให้น้ำในช่วงกลางคืน เพื่อลดโอกาสที่หนอนจะเจาะลำต้นได้.

หนอนผีเสื้อ (Cabbage Worms): หนอนผีเสื้อสีเขียวหรือขาวทำลายใบกะหล่ำ การใช้สารเคมีเช่น บาซิลลัสไทริน (Bacillus thuringiensis) ที่เป็นสารชีวภาพที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ สามารถช่วยควบคุมหนอนผีเสื้อได้.

หนอนแมลงวัน (Cabbage Maggots): หนอนแมลงวันทำลายระบบรากของกะหล่ำ การใช้วิธีการป้องกันที่มีสารกลุ่มเมทิลทีโอกรุ๊ป (Metaldehyde) หรือการใช้แผ่นกันหนอนที่วางรอบๆโคนต้นกะหล่ำจะช่วยลดการทำลายจากหนอนแมลงวัน.

หนอนกระทู้ (Diamondback Moth Larvae): หนอนกระทู้ทำลายใบกะหล่ำ การใช้สารเคมีที่มีไซแอนทรานิลิปริด (Cyanoaniliprid) หรือแบคทีเรียบาซิลลัสไทริน จะช่วยในการควบคุม.

การใช้วิธีการป้องกันและควบคุมทางชีวภาพมีประสิทธิภาพมากเช่นกัน เช่น การใช้แบคทีเรียบาซิลลัสไทริน หรือการใช้วิธีการป้องกันแบบสมดุลระหว่างการใช้สารเคมีและการใช้วิธีการชีวภาพ.

.
การป้องกันและกำจัดหนอนในพืช ทำได้โดยการตรวจสอบดูแลแปลงอย่างสม่ำเสมอ เมื่อตรวจหนอนศัตรูพืช เร่งใช้ยาฉีดพ่น เพื่อป้องกันกำจัด ไม่ให้ลุกลามสร้างความเสียหายมากขึ้น
.
ไอกี้-บีที เป็นสารชีวินทรีย์ ป้องกัน กำจัด หนอน ในกะหล่ำ
ไอกี้-บีที สามารถป้องกันกำจัดหนอนต่างๆ ในพืชทุกชนิดได้เช่นกัน
.
สั่งซื้อ ไอกี้-บีที ได้ที่ ลาซาด้า คลิก http://ไปที่..link.. หรือ โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset
.
อ่าน:3503
การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 ฉีดพ่นป้องกันและกำจัดเพลี้ยอ่อน ศัตรูพืชสำหรับต้นผักกาดเขียว
การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 ฉีดพ่นป้องกันและกำจัดเพลี้ยอ่อน ศัตรูพืชสำหรับต้นผักกาดเขียว
การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 ฉีดพ่นป้องกันและกำจัดเพลี้ยอ่อน ศัตรูพืชสำหรับต้นผักกาดเขียว
เพลี้ยอ่อน เป็นศัตรูพืชที่พบได้บ่อยในผักกาดเขียว มักสร้างความเสียหายโดยดูดกินน้ำเลี้ยงจากต้น ส่งผลให้ใบเหลือง เหี่ยวเฉา แคระแกร็น และอาจตายในที่สุด การปล่อยเพลี้ยอ่อนระบาดโดยไม่ควบคุม จะส่งผลต่อผลผลิตและคุณภาพของผักกาดเขียว significantly.

วิธีการป้องกันและกำจัดเพลี้ยอ่อนในผักกาดเขียว มีหลายวิธี หนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพ คือ การใช้ INVET ผสมกับ ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 ฉีดพ่น

INVET ชื่อสามัญ ไดโนเตฟูราน เป็นสารกำจัดแมลงชนิดดูดซึม ออกฤทธิ์ทั้งแบบถูกตัวตายและกินตาย สามารถกำจัดเพลี้ยอ่อนได้ทุกระยะ

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 เป็นปุ๋ยสูตรเร่งโต เร่งเขียว อุดมไปด้วยธาตุอาหาร NPK สูง ช่วยให้พืชเจริญเติบโต ใบเขียว ฟื้นฟูต้นพืชจากการถูกเพลี้ยอ่อนทำลาย

วิธีผสมและฉีดพ่น

เตรียมถังผสมขนาด 20 ลิตร
ใส่น้ำลงในถังผสมประมาณ 20 ลิตร
ใส่ INVET 20 กรัม
ใส่ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 25 กรัม
คนให้เข้ากันจนละลาย
เติมน้ำให้เต็มถัง
ฉีดพ่นให้ทั่วใบ ลำต้น และใต้ใบ โดยเฉพาะบริเวณที่มีเพลี้ยอ่อน
ฉีดพ่นในช่วงเช้าหรือเย็น อากาศไม่ร้อนจัด
ฉีดพ่น 2-3 ครั้ง ห่างกัน 7-10 วัน

ข้อควรระวัง
สวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ แว่นตา และเสื้อผ้าหนา เมื่อผสมและฉีดพ่น
ห้ามฉีดพ่นในขณะที่มีลมแรง
ห้ามฉีดพ่นในแหล่งน้ำ
เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
อ่านฉลากก่อนใช้ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

ข้อดีของการใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5
กำจัดเพลี้ยอ่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วยให้ต้นผักกาดเขียวเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง ใบเขียว ฟู
เพิ่มผลผลิตและคุณภาพของผักกาดเขียว
ใช้สะดวก ประหยัดเวลา

การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยอ่อนในผักกาดเขียว ช่วยให้เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตผักกาดเขียวที่มีคุณภาพดี

อัตราส่วนผสม อิทเวท ป้องกันกำจัดเพลี้ย
20กรัม ต่อน้ำ 20ลิตร *ควรผสมฉีดพ่นไปพร้อมกับ สตาร์เฟอร์สูตร 30-20-5 เพื่อให้พืชฟื้นตัวจากการเข้าทำลายของเพลี้ยได้เร็ว และกลับมาเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

อัตราส่วนผสมใช้ ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ (ทุกสูตร)
อัตราส่วน 25 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
ถัง 16-20 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 25 กรัม (1ช้อนโต๊ะ)
ถัง 200 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 250 กรัม (1ส่วน4ถุง)

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 1 ถุง บรรจุ 1 กิโลกรัม ผสมน้ำได้ 800 ลิตร ใช้ได้ประมาณ 10 ไร่

📌สั่งซื้อ สอบถาม

»โทร 097-918-3530
»ไลน์ janemini1112

🔎ซื้อกับลาซาด้า ช้อปปี้
.
» ซื้อสินค้า ที่ช้อปปี้: http://ไปที่..link..
.
» ซื้อสินค้า ที่ลาซาด้า: http://ไปที่..link..
ปลูก ข่าตาแดง ส่งโรงงาน สร้างรายได้หลักล้านบาทต่อเดือน
ปลูก ข่าตาแดง ส่งโรงงาน สร้างรายได้หลักล้านบาทต่อเดือน
ปัจจุบันอุตสาหกรรมเครื่องปรุงรสอาหารได้เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้พืชเครื่องเทศที่สำคัญอย่าง “ข่า” ที่ให้รสร้อนซ่าจัดจาดและมีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ กลายเป็นที่ต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ข่ามีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ แต่ถ้าพูดถึงสายพันธุ์ข่าที่เป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมเครื่องปรุงรสก็ได้แก่ “ข่าตาแดง” เพราะด้วยคุณสมบัติที่มีกลิ่น สี และรสชาติที่โดดเด่น ตลอดจนมีสรรพคุณทางสมุนไพรมากมาย ดังนั้น ทำให้ข่าตาแดงเป็นที่ต้องการของตลาดจำนวนมาก

คุณราชพฤกษ์ รักษาการ หรือ คุณเบียร์ บ้านเลขที่ 39 หมู่ 6 บ้านหนองปลาหมอ ตำบลหนองปลาหมอ อำเภอโนนสิลา จังหวัดขอนแก่น (โทร. 09-2470-2095) คนรุ่นใหม่ที่มีใจรักเกษตรโดยผันตัวเองจากอาชีพวิศวกรอนาคตไกล มาเป็นปลูกข่าตาแดง เนื่องจากมองเห็นความต้องการของอุตสาหกรรมเครื่องปรุงรสที่มีความต้องการจำนวนมาก ซึ่งกลายเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข่ารายใหญ่ที่บุกเบิกปลูกข่าตาแดงส่งโรงงานเครื่องปรุงรส สร้างรายได้สูงกว่า 1 ล้านบาท/เดือน

คุณราชพฤกษ์ เล่าถึงจุดเปลี่ยนจากอาชีพวิศวกรมาเป็นเกษตรกรปลูกข่าตาแดงว่า เกิดจากความเบื่อหน่ายเมืองหลวงที่ต้องเจอรถติด รวมถึงความวุ่นวายของผู้คนที่เดินสวนกันอย่างพลุกพล่าน จึงมีความคิดหาอาชีพใหม่ที่ทำอยู่ใกล้ ๆ บ้านอย่างสงบสุข ซึ่งตอนนั้นได้มีโอกาสออกแบบโรงงานให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องปรุงรสอาหาร และได้เห็นว่าอุตสาหกรรมเครื่องปรุงรสอาหารมีความต้องการเครื่องเทศอย่างข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด จำนวนมาก จึงมีความสนใจกับพืชทั้ง 3 อย่างนี้มาก

“เหตุที่เลือกปลูกข่า เพราะแอบไปถามกับเจ้าหน้าที่ในโรงงานเครื่องปรุงรสอาหารว่าพืชเครื่องเทศอะไรที่เป็นที่ต้องการและได้ราคาสูงสุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า “ข่า” ดังนั้นจึงกลับไปศึกษาเรื่องข่าพร้อมกับศึกษาตลาดข่าอย่างจริงจัง ซึ่งก็พบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่มักจะปลูกข่าเหลือง ซึ่งคิดว่าหากเราปลูกพันธุ์ที่แตกต่างกว่าจะสร้างจุดเด่นได้ดีกว่า และทำให้ข่าที่ปลูกมีราคาดี รวมถึงเป็นที่ต้องการของตลาดด้วย”

จากการศึกษาพันธุ์ข่าต่าง ๆ ก็ตัดสินใจเลือกปลูกข่าตาแดงที่มีลักษณะลำต้นขนาดเล็กสีเขียว ใบ มีรูปร่างคล้ายใบพาย ออกสลับกันรอบ ๆ ต้น ออกดอกเป็นช่อตรงปลายยอด เป็นสีขาวและมีสีแดงเล็กน้อย ส่วนหน่อ มีลักษณะเป็นสีแดง มีกลิ่นหอมฉุนมากกว่าข่าพันธุ์อื่น ๆ ตลอดจนมีสรรพคุณ ทั้งขับลม เป็นยาระบาย รักษาโรคบิด บำรุงโลหิต และที่สำคัญเป็นพืชที่ทนแล้ง สามารถปลูกได้ง่ายทุกสภาพพื้นที่ ทำให้ตัดสินใจเลือกปลูกข่าตาแดง พร้อมกับเจาะจงตลาดไปที่อุตสาหกรรมเครื่องปรุงรส

ก่อนปลูกข่าตาแดงก็ได้คุยกับเจ้าหน้าที่โรงงานแล้วว่าจะปลูกข่าตาแดงซึ่งมีทั้งความโดดเด่น สรรพคุณ รวมถึงกลิ่นที่เฉพาะ ทางโรงงานก็ยินดีจะรับ จึงเริ่มลงมือทำอย่างจริงจัง ซึ่งข่าตาแดงที่ปลูกก็เป็นที่ติดใจของตลาด จนมีความต้องการอย่างต่อเนื่องอีกด้วย จากนั้นก็ได้เปลี่ยนอาชีพจากวิศวกรเป็นเกษตรกรปลูกข่าอย่างเต็มตัว

คุณราชพฤกษ์ บอกว่าตอนนี้มีพื้นที่ปลูกข่าตาแดง 120 ไร่ สามารถส่งผลผลิตสู่โรงงานได้วันละ 1.4 ตัน หรือ 1_400 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 30-35 บาท ทำให้มีรายได้ 40_000-50_000 บาท/วัน หรือประมาณ 1_500_000 บาท/เดือน แต่ก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ ต้องมีการเรียนรู้เรื่องการปลูกข่าอย่างมาก ซึ่งการเรียนรู้คนเดียวนั้นไม่เพียงพอแน่สำหรับเกษตรกรมือใหม่ ดังนั้น จึงคิดหาวิธีลัดซึ่งก็ คือ การเข้าหาชาวบ้านที่มีประสบการณ์ปลูกข่ามาเป็นสิบ ๆ ปี อาจจะดูโง่ที่จบถึงวิศวกรไปให้เกษตรกรสอนการปลูกข่า แต่สิ่งที่เกษตรกรสอนทุกสิ่งทุกอย่าง มักดีกว่าตำราเป็นร้อย ๆ เล่ม เพราะเรื่องบางเรื่องก็ต้องมาเรียนรู้เอง จะไปเชื่อแต่ในตำราก็ไม่ได้ การที่จะประสบความสำเร็จได้ทุกวันนี้ ต้องมีความขยันหาความรู้ใหม่ ๆ ทั้งในหนังสือ ตลอดจนกล้าที่จะเข้าหาผู้รู้จริง ๆ อย่างเกษตรกรผู้ปลูกนั่นเอง

สำหรับเคล็ดลับการปลูกที่ทำให้ประสบความสำเร็จและสามารถขยายพื้นที่ปลูกข่าได้ถึง 120 ไร่ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุก ๆ วัน คือ ความอดทน ความใส่ใจประณีตทุกกระบวนการในการปลูก รวมถึงความใฝ่รู้ที่ศึกษาเรื่องการปลูกข่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดทำได้ดังนี้ การเตรียมดิน ต้องมีการไถระเบิดดินดานเพื่อเปิดหน้าดินและให้พืชได้สัมผัสน้ำได้ดียิ่งขึ้น เมื่อเสร็จแล้วให้ไถพรวนดินให้ละเอียดอีกประมาณ 2 รอบ ทั้งนี้ ในการไถพรวนดินควรระวังน้ำท่วมขัง เพราะข่าจะไม่ชอบดินชื้น ต้องทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้น้ำขังในดิน

การเตรียมท่อนพันธุ์ ควรเลือกท่อนพันธุ์ที่มาจากต้นแม่ซึ่งมีอายุ 1 ปีขึ้นไป เพราะจะมีตามาก รากงอกใหม่ได้ง่าย โดยแยกแง่ง ตัดใบ ตัดราก ออกให้หมดพร้อมกับล้างน้ำให้สะอาดก็นำมาปลูกในไร่ให้ผลผลิตได้แล้ว หรือถ้าหาท่อนพันธุ์ไม่ได้ให้หาซื้อท่อนพันธุ์ตามตลาด โดยเลือกหัวและแง่งที่สมบูรณ์ที่สุด จากนั้นให้นำไปแช่น้ำยากันเชื้อราและน้ำยาเร่งราก แช่ไว้ประมาณ 20 นาที ควรเลือกเหง้าที่มีขนาดพอเหมาะ หากเหง้าไหนมีขนาดใหญ่เกินไปให้ตัดแบ่งเป็น 2 เหง้าได้ แต่ควรนำปูนกินหมากผสมน้ำทาตรงแผล เพื่อกันเชื้อราขึ้นซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโตของข่า

วิธีการปลูก เริ่มจากใช้จอบขุดหลุมลึก ประมาณ 1 หน้าจอบ แล้วนำเหง้าข่ามาวางลงไปพร้อมกับกลบดินและรดน้ำพอชุ่ม โดยวิธีการปลูกข่ามีทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่ ปลูกแบบใช้ท่อนพันธุ์ข่า 1 เหง้า ใช้ระยะห่างระหว่างกอและแถว 60 x 80 เซนติเมตร เป็นการปลูกที่เหมาะสำหรับเกษตรกรที่ทดลองปลูกข่า เพราะใช้ต้นทุนค่อนข้างต่ำทั้งยังจัดการแปลงได้ง่ายกว่าการปลูกแบบอื่น ๆ ซึ่งการปลูกโดยใช้ท่อนพันธุ์เหง้าเดียวใช้ต้นทุนค่าท่อนพันธุ์ประมาณ 15_000 บาท/ไร่ เมื่อนำผลผลิตไปขายจะได้ทั้งหมด 45_000 บาท/ไร่


วิธีที่ 2 ปลูกแบบใช้ท่อนพันธุ์ข่า 2 เหง้า ซึ่งใช้ระยะห่างระหว่างกอและแถว 80 x 80 เซนติเมตร ใช้ทุนค่าท่อนพันธุ์ 30_000 บาท/ไร่ เก็บเกี่ยวขายผลผลิตได้ 90_000 บาท/ไร่ วิธีที่ 3 ปลูกแบบใช้ท่อนพันธุ์ข่า 3 เหง้า ระยะห่างระหว่างกอและแถว 1 x 1 เมตร ใช้ต้นทุนค่าท่อนพันธุ์ 45_000 บาท/ไร่ เก็บเกี่ยวขายผลผลิตได้ถึง 120_000-135_000 บาท/ไร่ ส่วนวิธีสุดท้ายปลูกแบบใช้ท่อนพันธุ์ข่า 4 เหง้า ใช้ระยะห่างระหว่างกอและแถว 1.20 x 1.20 เมตร ใช้ต้นทุนท่อนพันธุ์ 60_000 บาท/ไร่ เก็บเกี่ยวขายผลผลิตได้ 160_000-180_000 บาท/ไร่

ต้นทุนและจำนวนเงินที่ขายได้ ทั้ง 4 แบบ จะแปรผันตามกันไป เมื่อใช้ท่อนพันธุ์มากขึ้นก็จะได้ผลผลิตข่าที่มากขึ้น ซึ่งการปลูกแบบที่ 1 และ 2 เหมาะสำหรับเกษตรกรรายย่อยหรือเกษตรกรที่เพิ่งทดลองปลูก เนื่องจากมีการจัดการแปลงเรื่องหญ้า ปุ๋ย แมลงที่ง่าย ตลอดจนได้ผลผลิตเหง้าใหญ่ รวมถึงใช้เงินลงทุนที่ต่ำกว่าด้วย ส่วนแบบที่ 3 และ 4 ใช้เงินลงที่สูงกว่า แต่ก็ได้ผลผลิตที่มากกว่า ทั้งยังช่วยจัดการในเรื่องของหญ้า เพราะทรงพุ่มที่ชิดติดกันทำให้หญ้าขึ้นได้ยาก แต่ทว่าผลผลิตข่าที่ได้เหง้าเล็ก ดังนั้น การปลูกแบบ 3 และ 4 จึงเหมาะสมสำหรับเกษตรกรรายใหญ่ที่ต้องการผลผลิตจำนวนมาก โดยที่ไม่ต้องดูแลแปลงปลูกมากนัก

“สำหรับการดูแลรักษาข่า ให้สังเกตต้นข่าตั้งแต่ปลูกจนมีอายุครบ 3 สัปดาห์ จะเห็นต้นข่าตายและเริ่มมีหน่อใหม่ขึ้นมาแทน ซึ่งเป็นธรรมชาติของข่า ดังนั้น เมื่อเห็นต้นข่าตาย อย่าตกใจ เนื่องจากต้นข่าจะตายเป็นธรรมชาติอย่างนี้อยู่แล้ว พอถึงสัปดาห์ที่ 4 จะเห็นต้นข่าเริ่มงอกใหม่และเจริญเติบโตไปเรื่อย ๆ ทั้งนี้ เมื่อเห็นต้นข่ามีใบ 2-3 ใบ ให้เริ่มใส่ปุ๋ยยูเรีย สูตร 46-0-0 บริเวณกอข่า ประมาณกอละ 10 เม็ด/สัปดาห์ ใส่ปุ๋ยแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนถึงเดือนที่ 4 ให้เปลี่ยนสูตรปุ๋ยเป็น 0-0-60 พร้อมกับเปลี่ยนการใส่ปุ๋ยจากใส่ประมาณ 10 เม็ด ให้เพิ่มมากขึ้น 1 เม็ด ทุก 15 วัน”

สำหรับการให้น้ำ มีการให้น้ำแบบระบบน้ำหยด สปริงเกอร์ ระบบน้ำฝอย โดยให้แบบสม่ำเสมอเพื่อให้ดินมีความชุ่มชื่น แต่ก็ไม่ได้รดน้ำแบบทุกวันเนื่องจาก ข่า ไม่ชอบที่ชื่นแฉะ นอกจากนี้ยังมีการให้น้ำพร้อมกับให้ธาตุอาหารไปด้วย โดยการหมักน้ำในถัง 2_000 ลิตร ใส่มูลโคแห้งพร้อมกับหมัดปากถุง 1 กระสอบ ใส่ EM ขยายตัวลงไป 1 ลิตร หมักทิ้งไว้ 3 วัน จากนั้นสูบน้ำในถังมารดทั่วแปลงได้เลย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น ธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ในดินและข่าอีกด้วย

โรคและแมลงในแปลงจะไม่ค่อยพบ เนื่องจากโรคและแมลงทั้งหลายมักมีต้นเหตุมากจากปุ๋ยมูลโคมูลไก่ทั้งหลายที่เกษตรกรมักนำมาใส่เป็นรองพื้น ซึ่งการปลูกจะหลีกเลี่ยงการใส่ปุ๋ยมูลสัตว์เพื่อเป็นปุ๋ยรองพื้น จะเน้นแต่ปุ๋ยเคมีล้วน ๆ เพราะปุ๋ยเคมีให้ผลผลิตที่เร็วเพียงพอสำหรับการส่งข่าให้กับโรงงานทุกวัน แต่ถ้าถามว่าปุ๋ยอินทรีย์ทำในเชิงเศรษฐกิจได้ไหม ได้แต่ผลผลิตข่าที่ได้ก็จะไม่เยอะเท่าปุ๋ยเคมี ดังนั้น ในแปลงจึงมีแต่การใช้ปุ๋ยเคมี แม้จะใช้เงินในส่วนที่ซื้อปุ๋ย แต่ก็ช่วยลดในเรื่องต้นทุนค่ายารักษาโรคและแมลงที่มีต้นเหตุมาจากปุ๋ยมูลโคมูลไก่ได้

คุณราชพฤกษ์ บอกว่าการปลูกข่า 1 ครั้ง สามารถเก็บผลผลิตได้นานถึง 10 ปี แต่ทั้งนี้ ควรมีวิธีการขุดที่ถูกวิธี ซึ่งทำดังนี้ เลือกขุดข่าเพียง 3 มุม จากทั้งหมด 4 มุม ยกตัวอย่างเช่น ปลูกข่า 1 กอ จะมีต้นข่าขึ้นประมาณ 10 ต้น เป็นสี่เหลี่ยม เมื่อข่าโตจนเก็บผลผลิตได้ประมาณ 6-8 เดือน ให้เลือกขุดออกไป 3 มุม เหลือไว้หนึ่งมุม สำหรับเหลือให้ข่าแพร่พันธุ์ขยายต่อไปได้ แต่เมื่อเก็บผลผลิตในครั้งต่อไป ควรสับเปลี่ยนมุมที่ขุดออก เพราะจะทำให้ข่าที่งอกใหม่แต่ละครั้งเจริญเติบโตดี มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เรื่องของตลาด ก็อย่างที่บอกไปว่าปลูกข่าตาแดงเพื่อส่งโรงงานโดยเฉพาะ ไม่มีการส่งตลาดรายย่อยอื่น ๆ ซึ่งราคาข่าที่ได้ตอนนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ข่าอ่อน เป็นข่าที่เก็บผลผลิตในช่วงเดือนที่ 6 เมื่อนำไปขายจะได้ราคาดีมากถึงกิโลกรัมละ 30-35 บาท ส่วนอย่างที่สอง คือ ข่าแก่ เป็นข่าที่อยู่ในช่วงการเจริญเติบในเดือนที่ 8 ซึ่งหลงเหลือจากเก็บผลผลิตไม่ทันของคนงาน ซึ่งขายได้ราคากิโลกรัม 10-15 บาท ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบข่าแก่กับข่าอ่อนแล้วอัตราส่วนในแปลงที่ขุดได้แต่ละวันจะมีข่าอ่อนถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์ จะมีข่าแก่เพียง 10-20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่น่าพึงพอใจมาก เพราะตอนนี้ทางตลาดมีความยินดีที่จะรับทั้งข่าอ่อนและข่าแก และมีแนวโน้มที่รับอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เพราะอุตสาหกรรมเครื่องปรุงรสอาหารกำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากใครที่กำลังที่คิดจะมาทำการเกษตร ข่าตาแดง จึงเป็นทางเลือกที่ดีเลยทีเดียว”

“การทำการเกษตร ไม่ว่าจะปลูกอะไรอย่างแรกควรมีเงินทุน รองลงมาคือความอดทน พร้อมกับใจที่รักสิ่งนั้นแบบจริงจัง เพราะการเกษตรมันต้องใช้เวลาในการปลูก เจริญเติบโต ตลอดจนการเก็บเกี่ยว ซึ่งทุกขั้นตอนล้วนต้องใช้ความอดทนและเงินทุนทั้งสิ้น หากมีเงินน้อยนิดแล้วอยากทำการเกษตร เป็นสิ่งที่ผิดอย่างยิ่ง เนื่องจากสิ่งที่ไม่คาดคิดในการเกษตรมักเกิดได้เสมอ อาทิเช่น เกิดโรคและแมลงระบาด พืชที่ปลูกขาดธาตุอาหาร หากไม่มีความรู้ ตลอดจนเงินทุนหมุนเวียนก็ทำให้การทำเกษตรนั้นล้มเหลวได้ ดังนั้น หากทำการเกษตรโดยเฉพาะการปลูกข่าตาแดง ควรมีการวางแผน มีเงินทุน ตลอดความอดทน แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าอุปสรรคจะมีมากแค่นั้น หากมีความพยายามแล้วก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน” คุณราชพฤกษ์ทิ้งท้ายไว้

ข้อมูล : เกษตรกรก้าวหน้า

อ้างอิง http://www.farmkaset..link..
ไรศัตรูอ้อย
ไรศัตรูอ้อย
ช่วงสภาพอากาศแห้งแล้ง หรือฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน เกษตรกรชาวไร่อ้อย ระวังการระบาดของไรแมงมุมอ้อย (Sugarcane spider mite : Oligonychus simus Baker and Pritchard)

ไรแมงมุมอ้อย มักจะระบาดทำความเสียหายแก่อ้อยในระยะเริ่มปลูกจนถึงอายุประมาณ 4-5 เดือน โดยจะพบระบาดมากในช่วงสภาพอากาศแห้งแล้ง หรือฝนทิ้งช่วงติดต่อกันเป็นเวลานาน การระบาดอาจเกิดขึ้นได้โดยลม การสัมผัสกันของใบอ้อยที่อยู่ติดกัน นก แมลง หรือมนุษย์พาไป

ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยของไรแมงมุม จะดูดกินน้ำเลี้ยงอยู่ที่บริเวณใต้ใบ และมักจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม สร้างเส้นใยเป็นเส้นบางๆ ขึ้นปกคลุมผิวใบบริเวณที่ไรดูดทำลายอยู่ ใบอ้อยที่ถูกทำลายในระยะแรกจะมีลักษณะเป็นจุดประสีขาวเล็กๆ กระจายอยู่ตามแนวเส้นกลางใบ ต่อมาแผลบริเวณดังกล่าวนี้จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง หากการทำลายยังคงดำเนินต่อไปอย่างรุนแรง และต่อเนื่อง รอยแผลก็จะขยายใหญ่ขึ้น และใบอ้อยจะมีอาการแห้งตลอดทั่วทั้งใบ ซึ่งอาจมีผลทำให้ต้นอ้อยชะงักการเจริญเติบโตได้

วงจรชีวิตของไรแมงมุมอ้อย

ไรแมงมุมอ้อยเพศเมียสามารถเจริญเติบโต จากระยะไข่จนถึงระยะตัวเต็มวัยได้ภายใน 7 วัน โดยมีระยะไข่ 3 วัน ตัวอ่อนเมื่อฝักออกจากไข่จะเจริญเติบโตโดยมีการลอกคราบ 3 ครั้ง ตัวอ่อนระยะที่ 1_ 2 และ 3 ใช้เวลาในการเจริญนาน 2_ 1.1 และ 1 วัน ตามลำดับ ตัวเต็มวัยเพศเมียมีชีวิตอยู่ได้นานประมาณ 14 วัน และสามารถวางไข่ได้ตลอดชั่วอายุขัย เฉลี่ยสูงถึง 55 ฟอง สำหรับไรตัวผู้สามารถเจริญเติบโตนับจากระยะไข่จนถึงตัวเต็มวัยได้ภายในเวลา 8 วัน โดยมีระยะไข่ 3 วัน ตัวอ่อนเมื่อฝักออกจากไข่ จะเจริญเติบโตโดยมีการลอกคราบ 3 ครั้ง เช่นเดียวกัน ตัวอ่อนระยะที่ 1_ 2 และ 3 ใช้เวลาในการเจริญนาน 1.7_ 1.4 และ 1.6 วัน ตามลำดับ ตัวเต็มวัยตัวผู้ มีชีวิตอยู่ได้นาน 18 วัน ตัวเมียสามารถแพร่ขยายพันธุ์ได้โดยไม่ต้องได้รับการผสมพันธุ์จากไรเพศผู้ แต่ลูกที่เกิดจากตัวเมียที่ไม่ได้รับการผสมพันธุ์จะเจริญเป็นไรเพศผู้ทั้งหมด ส่วนตัวเมียที่ได้รับการผสมพันธุ์จะได้ลูกทั้งเพศผู้และเพศเมียในอัตราส่วน 5 :1

ศัตรูธรรมชาติ

ด้วงตัวห้ำ Stethorus pauperculus Weise เป็นตัวห้ำทั้งระยะตัวอ่อนและตัวเต็มวัย นอกจากนี้ยังพบไรตัวห้ำในวงศ์ Phytoseiidae ที่เป็นตัวห้ำของไรแมงมุมอ้อย

แหล่งข้อมูล : ไรศัตรูพืชและการป้องกันกำจัด กลุ่มงานวิจัยไรและแมงมุม กองกีฏและสัตววิทยา กรมวิชาการเกษตร. 2543.

ที่มา http://www.farmkaset..link..

ฉีดพ่น มาคา เพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช ฉีดพ่น FK-1 เพื่อฟื้นฟูบำรุง เสริมสร้างภูมิคุ้มกันจากโรคพืช และแมลงศัตรูพืช และส่งเสริมการเจริญเติบโต
3589 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 358 หน้า, หน้าที่ 359 มี 9 รายการ
|-Page 289 of 359-|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 36 | 37 | 38 | 39 | 40 | 41 | 42 | 43 | 44 | 45 | 46 | 47 | 48 | 49 | 50 | 51 | 52 | 53 | 54 | 55 | 56 | 57 | 58 | 59 | 60 | 61 | 62 | 63 | 64 | 65 | 66 | 67 | 68 | 69 | 70 | 71 | 72 | 73 | 74 | 75 | 76 | 77 | 78 | 79 | 80 | 81 | 82 | 83 | 84 | 85 | 86 | 87 | 88 | 89 | 90 | 91 | 92 | 93 | 94 | 95 | 96 | 97 | 98 | 99 | 100 | 101 | 102 | 103 | 104 | 105 | 106 | 107 | 108 | 109 | 110 | 111 | 112 | 113 | 114 | 115 | 116 | 117 | 118 | 119 | 120 | 121 | 122 | 123 | 124 | 125 | 126 | 127 | 128 | 129 | 130 | 131 | 132 | 133 | 134 | 135 | 136 | 137 | 138 | 139 | 140 | 141 | 142 | 143 | 144 | 145 | 146 | 147 | 148 | 149 | 150 | 151 | 152 | 153 | 154 | 155 | 156 | 157 | 158 | 159 | 160 | 161 | 162 | 163 | 164 | 165 | 166 | 167 | 168 | 169 | 170 | 171 | 172 | 173 | 174 | 175 | 176 | 177 | 178 | 179 | 180 | 181 | 182 | 183 | 184 | 185 | 186 | 187 | 188 | 189 | 190 | 191 | 192 | 193 | 194 | 195 | 196 | 197 | 198 | 199 | 200 | 201 | 202 | 203 | 204 | 205 | 206 | 207 | 208 | 209 | 210 | 211 | 212 | 213 | 214 | 215 | 216 | 217 | 218 | 219 | 220 | 221 | 222 | 223 | 224 | 225 | 226 | 227 | 228 | 229 | 230 | 231 | 232 | 233 | 234 | 235 | 236 | 237 | 238 | 239 | 240 | 241 | 242 | 243 | 244 | 245 | 246 | 247 | 248 | 249 | 250 | 251 | 252 | 253 | 254 | 255 | 256 | 257 | 258 | 259 | 260 | 261 | 262 | 263 | 264 | 265 | 266 | 267 | 268 | 269 | 270 | 271 | 272 | 273 | 274 | 275 | 276 | 277 | 278 | 279 | 280 | 281 | 282 | 283 | 284 | 285 | 286 | 287 | 288 | 289 | 290 | 291 | 292 | 293 | 294 | 295 | 296 | 297 | 298 | 299 | 300 | 301 | 302 | 303 | 304 | 305 | 306 | 307 | 308 | 309 | 310 | 311 | 312 | 313 | 314 | 315 | 316 | 317 | 318 | 319 | 320 | 321 | 322 | 323 | 324 | 325 | 326 | 327 | 328 | 329 | 330 | 331 | 332 | 333 | 334 | 335 | 336 | 337 | 338 | 339 | 340 | 341 | 342 | 343 | 344 | 345 | 346 | 347 | 348 | 349 | 350 | 351 | 352 | 353 | 354 | 355 | 356 | 357 | 358 | 359 |


โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset

กลุ่มสินค้าขายดีมาก

ฮิวมิค FK
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
ไทอะมีทอกแซม
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
แพนน่อน
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ


กลุ่มทางใบปุ๋ยประสิทธิภาพสูง
*โปรดอ่าน ใช้ FK-1 ในช่วงแรก เพื่อเร่งโต เร่งราก เร่งดอก จับคู่กับ FK-3 ในช่วงเร่งผลผลิต พืชออกผลทุกชนิด ใช้ FK-1 กับ FK-3, นาข้าว ใช้ FK-1 กับ FK-3R (Rice), ไร่อ้อย ใช้ FK-1 กับ FK-3S (Sugarcane), มันสำปะหลัง ใช้ FK-1 กับ FK-3C (Cassava)

FK-1
สั่ง FK-1 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3
สั่ง FK-3 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3S
สั่ง FK-3S กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3R
สั่ง FK-3R กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3C
สั่ง FK-3C กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มอินทรีย์ ปุ๋ย ยาปราบฯ
ที่ขายดีที่สุดบน ลาซาด้า

FKT250-IS250-499B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 1ลิตร
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 3ลิตร
สั่งไอเอส3ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
มาคา
สั่งมาคากับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอกี้-บีที
สั่งไอกี้-บีทีกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L
สั่ง FK-T 1ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK ธรรมชาตินิยม
สั่งFK-T 250ซีซี กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 250ซีซี
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-IS1L-970B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-MAKA-980B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-AiKi-990B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มเคมียาปราบฯประสิทธิภาพสูง

invet
สั่ง อินเวท กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
metalaxyl
สั่ง เมทาแลคซิล กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
carron
สั่ง คาร์รอน กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มปุ๋ยทางใบผสมสูตรเองได้
เว็บระบบคำนวณการผสมปุ๋ย


starfer 30-20-5
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 10-40-10
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 15-5-30
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
maxza
สั่ง แม็กซ่า กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้



บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
Central Laboratory (Thailand) Co.,Ltd.

ให้บริการตรวจวิเคราะห์
ตรวจฉลากโภชนาการ
ตรวจสารสำคัญกัญชา/กัญชง
ตรวจน้ำใช้ในกระบวนการผลิต
ฟอร์มขอใบเสนอราคา
สำหรับตรวจวิเคราะห์อื่นๆ ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร (ตรวจวิเคราะห์ได้ทุกอย่าง) โปรดกรอก ฟอร์มขอใบเสนอราคา
ตรวจขึ้นทะเบียนปุ๋ยเคมี
ตรวจสารพิษตกค้างเพื่อการส่งออก
ตรวจผักสดปลอดเชื้อจุลินทรีย์ E. coli, Salmonella spp.
ส่งตัวอย่างมะละกอ เพื่อการทดสอบการดัดแปลงพันธุกรรม
ส่งตัวอย่างเพื่อทดสอบ ปริมาณอะฟลาทอกซินในเมล็ดแมงลัก ลูกเดือย และพริกแห้ง เพื่อส่งออกนอกราชอาณาจักร
Hardline Test Application
ปุ๋ยคุณภาพสูง
พืชทุกชนิด | ปุ๋ยทุเรียน | ปุ๋ยมันสำปะหลัง | ปุ๋ยสำหรับไร่อ้อย | ปุ๋ยนาข้าว | ปุ๋ยยางพารา | ปุ๋ยมะพร้าว | ปุ๋ยข้าวโพด | ปุ๋ยปาล์ม | ปุ๋ยสับปะรด | ปุ๋ยถั่วเหลือง | ปุ๋ยพริกไทย | ปุ๋ยกาแฟ | ปุ๋ยมะนาว | ปุ๋ยส้ม | ปุ๋ยลำไย | ปุ๋ยลิ้นจี่ | ปุ๋ยหน่อไม้ฝรั่ง | ปุ๋ยกระเจี๊ยบเขียว | ปุ๋ยมังคุด | ปุ๋ยมันฝรั่ง | ปุ๋ยหอมหัวใหญ่ | ปุ๋ยกระเทียม | ปุ๋ยหอมแดง | ปุ๋ยมะเขือเทศ | ปุ๋ยกล้วยไม้ | ปุ๋ยอินทผลัม | ปุ๋ยน้อยหน่า | ปุ๋ยชมพู่ | ปุ๋ยเงาะ | ปุ๋ยมะม่วง | ปุ๋ยมะขาม | ปุ๋ยพริก
ยาอินทรีย์แก้โรคพืช
โรคใบไหม้ | ทุเรียนใบติด | มันสำปะหลังใบไหม้ | โรคอ้อยใบไหม้ | ข้าวใบไหม้ | ยางพาราใบไหม้ | โรคมะพร้าวใบไหม้ | โรคราน้ำค้างข้าวโพด | ปาล์มใบไหม้ | โรคสับปะรด | โรคราน้ำค้างถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟใบไหม้ | ราสนิมมะนาว | ส้มใบไหม้ | ลำไยใบไหม้ | ลิ้นจี่ใบไหม้ | หน่อไม้ฝรั่งลำต้นไหม้ | กระเจี๊ยบเขียวฝักลาย | โรคใบจุดมังคุด | มันฝรั่งใบใหม้ | โรคหอมเลื้อย | โรคใบจุดกระเทียม | โรคหอมแดง | ราแป้งมะเขือเทศ | โรคจุดสนิมกล้วยไม้ | อินทผลัมใบไหม้ | น้อยหน่าดอกร่วง | ชมพู่ใบไหม้ | เงาะใบไหม้ | มะม่วงใบไหม้ | ราแป้งมะขาม | โรคพริก
ยาเคมี กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยทุเรียน | เพลี้ยมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยข้าว | เพลี้ยยางพารา | เพลี้ยมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยสับปะรด | เพลี้ยถั่วเหลือง | เพลี้ยพริกไทย | เพลี้ยกาแฟ | เพลี้ยมะนาว | เพลี้ยส้ม | เพลี้ยลำไย | เพลี้ยลิ้นจี่ | เพลี้ยหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยมังคุด | เพลี้ยมันฝรั่ง | เพลี้ยหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยกระเทียม | เพลี้ยหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยกล้วยไม้ | เพลี้ยอินทผาลัม | เพลี้ยน้อยหน่า | เพลี้ยชมพู่ | เพลี้ยเงาะ | เพลี้ยมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยพริก
ยาเคมี กำจัดโรคพืช
โรคใบไหม้ | โรคทุเรียน | โรคมันสำปะหลัง | โรคอ้อย | โรคข้าว | โรคยางพารา | โรคมะพร้าว | โรคข้าวโพด | โรคปาล์ม | โรคสับปะรด | โรคถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟ | โรคมะนาว | โรคส้ม | โรคลำไย | โรคลิ้นจี่ | โรคหน่อไม้ฝรั่ง | โรคกระเจี๊ยบเขียว | โรคมังคุด | โรคมันฝรั่ง | โรคหอม | โรคกระเทียม | โรคหอมแดง | โรคมะเขือเทศ | โรคกล้วยไม้ | โรคอินทผาลัม | โรคน้อยหน่า | โรคชมพู่ | โรคเงาะ | โรคมะม่วง | โรคมะขาม | โรคพริก
ยาอินทรีย์ กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน | เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยศัตรูข้าว | เพลี้ยแป้งยางพารา | เพลี้ยศัตรูมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยอ่อนปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยแป้งสับปะรด | เพลี้ยอ่อนถั่วเหลือง | เพลี้ยแป้งพริกไทย | เพลี้ยแป้งกาแฟ | เพลี้ยไฟมะนาว | เพลี้ยไฟส้ม | เพลี้ยแป้งลำไย | เพลี้ยแป้งลิ้นจี่ | เพลี้ยไฟหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยจักจั่นฝ้ายกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยไฟมังคุด | เพลี้ยจักจั่นมันฝรั่ง | เพลี้ยไฟหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยไฟกระเทียม | เพลี้ยไฟหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยไฟกล้วยไม้ | เพลี้ยแป้งอินทผาลัม | เพลี้ยแป้งน้อยหน่า | เพลี้ยไฟชมพู่ | เพลี้ยแป้งเงาะ | เพลี้ยจักจั่นมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยไฟพริก
สารชีวินทรีย์ กำจัดหนอนต่างๆ
กำจัดหนอนศัตรูพืช | กำจัดหนอนทุเรียน | กำจัดหนอนมันสำปะหลัง | กำจัดหนอนกออ้อย | กำจัดหนอนในนาข้าว | กำจัดหนอนในสวนยางพารา | กำจัดหนอนมะพร้าว | กำจัดหนอนข้าวโพด | กำจัดหนอนปาล์มน้ำมัน | กำจัดหนอนสับปะรด | กำจัดหนอนถั่วเหลือง | กำจัดหนอนพริกไทย | กำจัดหนอนกาแฟ | กำจัดหนอนมะนาว | กำจัดหนอนส้ม | กำจัดหนอนลำไย | กำจัดหนอนลิ้นจี่ | กำจัดหนอนหน่อไม้ฝรั่ง | กำจัดหนอนกระเจี๊ยบเขียว | กำจัดหนอนมังคุด | กำจัดหนอนมันฝรั่ง | กำจัดหนอนหอมหัวใหญ่ | กำจัดหนอนกระเทียม | กำจัดหนอนหอมแดง | กำจัดหนอนมะเขือเทศ | กำจัดหนอนกล้วยไม้ | กำจัดหนอนอินทผาลัม | กำจัดหนอนน้อยหน่า | กำจัดหนอนชมพู่ | กำจัดหนอนเงาะ | กำจัดหนอนมะม่วง | กำจัดหนอนมะขาม | กำจัดหนอนพริก
iLab.work ผู้ใช้บริการตรวจวิเคราะห์ค่าธาตุอาหารใน ดิน น้ำ ปุ๋ย พืช กากอุตสาหกรรม มาตฐาน ISO/IEC 17025


ตรวจง่ายนับ 1 2 3 มาตฐาน ISO/IEC 17025
1.เลือกและคำนวณค่าตรวจที่หน้าเว็บ คลิก
2.ส่งดินเข้าห้อง LAB (ไปรษณีย์,เคอรี่,แฟรช)
3.อ่านผลออนไลน์ (เราจัดส่งต้นฉบับผลวิเคราะห์ ไปตามที่อยู่ที่ให้ไว้เช่นกัน)
→เริ่มกันเลย เลือกค่าที่ต้องการวิเคราะห์
[มีชุดโปรฯแนะนำลดพิเศษ หรือเลือกเองได้]
น้อยหน่า ใบไหม้ ใบจุด โรคแอนแทรคโนส รากเน่า ผลเน่า โรคมัมมี่ โรคราต่างๆ กำจัดด้วย ไอเอส และเร่งฟื้นฟูด้วย ปุ๋ย FK-T
Update: 2567/04/04 11:50:56 - Views: 3694
สตอเบอร์รี่ โตไว ใบเขียว เร่งราก เร่งดอก ขยายขนาด ผลใหญ่ ผลดก เพิ่มน้ำหนัก เพิ่มคุณภาพ ผลผลิต ด้วย ปุ๋ย สตาร์เฟอร์
Update: 2567/04/02 15:49:09 - Views: 3553
ยากำจัดโรคแอนแทรคโนส ใน มะละกอ โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด (ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
Update: 2566/06/01 14:02:48 - Views: 3536
การดูแลพืชมันสำปะหลังให้แข็งแรง: การป้องกันและกำจัดโรคเชื้อรา ที่เกิดขึ้นในไร่มันสำปะหลัง
Update: 2566/04/29 10:39:36 - Views: 3510
โรคราน้ำค้างเมล่อน ราน้ำค้างแคลตาลูป โรคราต่างๆ ใช้ ไอเอส1 หยุดโรค + FK-1 ฟื้นฟู เร่งโต สร้างภูมิฯ 1ชุด ใช้ได้ 5ไร่
Update: 2564/08/13 11:42:13 - Views: 3547
ทุเรียน ใบไหม้ ราดำ ราแป้ง กำจัดโรคทุเรียน จากเชื้อราต่างๆ ปลอดสารพิษ ไอเอส และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK
Update: 2566/03/25 13:30:58 - Views: 3545
เพลี้ยไฟมะม่วงกับวิธีกำจัดและป้องกัน
Update: 2564/01/09 09:40:42 - Views: 3678
ยาฆ่าเพลี้ย แมลงจำพวกปากดูด ใน กระเจี๊ยบ เป็นสารชีวภาพปลอดภัย ปลอดสารพิษ มาคาและ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK
Update: 2566/02/28 14:31:28 - Views: 3543
ยากำจัดโรคราสนิม ใน แก้วมังกร โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด (ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
Update: 2566/06/13 15:56:49 - Views: 3577
กำจัดแมลงศัตรูพืช ยาฆ่าเพลี้ยอ่อน ในข้าวโพด และ พืชทุกชนิด บิวทาเร็กซ์ โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/01/26 11:09:21 - Views: 3498
กำจัดแมลงศัตรูพืช ยาฆ่าเพลี้ยแป้ง ในดอกลีลาวดี และ พืชทุกชนิด บิวทาเร็กซ์ โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/02/02 14:31:01 - Views: 3568
การกำจัดวัชพืชในข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
Update: 2564/08/12 00:15:33 - Views: 3559
กำจัดเชื้อรา สาเหตุของโรคใบจุด ในผักสลัด ไตรโคเดอร์มา ไตรโคเร็กซ์ ปลอดภัยต่อคนและสัตว์เลี้ยง
Update: 2566/01/20 13:57:29 - Views: 3557
การป้องกันกำจัดโรคกิ่งแห้งในทุเรียนด้วยสารอินทรีย์ ไอเอส
Update: 2566/01/06 12:45:21 - Views: 3563
ปุ๋ยน้ำสำหรับมังคุด ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 มังคุดโตไว ใบเขียวแข็งแรง ผลดก คุณภาพดี ผลผลิตสูง
Update: 2566/10/30 14:21:21 - Views: 3515
โรคแอนแทรคโนส กำจัดโรค ในทุเรียน โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ไอเอส สารอินทรีย์ยับยั้งเชื้อราสกัดจากวัตถุดิบธรรมชาติ
Update: 2566/05/22 10:38:26 - Views: 3567
ระวัง โรคราแป้ง ภัยร้ายของ ต้นเงาะ สร้างเสียหายได้มาก ป้องกันได้อย่างไร?
Update: 2566/10/31 10:58:38 - Views: 3477
มันสำปะหลัง ทำลายดิน จริงหรือ
Update: 2565/07/28 17:08:12 - Views: 3471
โรคเชื้อราในอ้อย คู่มือวิธีป้องกันและกำจัด
Update: 2566/05/01 10:34:14 - Views: 3598
ป้องกันและกำจัดโรคพืชในแตงกวา แตงกวาใบไหม้ ใบจุด ราสนิม ราใบเหลือง
Update: 2566/01/12 07:37:57 - Views: 3606
GA4 © FarmKaset.ORG | สถาบันอนุญาโตตุลาการ : 2022