เชื้อราไตรโคเดอร์มา ตรา Trichorex เชื้อราที่มีแนวโน้มในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในข้าวโพด

ข้าวโพด เป็นพืชหลักที่มีบทบาทสำคัญในการผลิตอาหารทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับพืชอื่นๆ ข้าวโพดมีความไวต่อโรคต่างๆ ที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งอาจทำให้ผลผลิตและคุณภาพลดลงอย่างมาก การใช้สารเคมีฆ่าเชื้อราเป็นวิธีการแก้ปัญหาในการจัดการกับโรคเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านลบของสารเคมีกำจัดเชื้อราที่มีต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพของมนุษย์ และความยั่งยืนได้นำไปสู่การสำรวจหาวิธีการทางเลือกอื่น ซึ่งรวมถึงการใช้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ เช่น เชื้อราไตรโคเดอร์มาในการจัดการโรคในข้าวโพด ในบรรดาเชื้อราไตรโคเดอร์มาหลายสายพันธุ์ที่มีอยู่ Trichorex เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในข้าวโพด

Trichorex เป็นแบรนด์ของ Trichoderma ซึ่งเป็นเชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งอยู่ในกลุ่มของเชื้อราที่เรียกว่า Hypocreales เชื้อราไตรโคเดอร์มาชนิดนี้เป็นที่รู้จักจากความสามารถในการตั้งรกรากของรากพืชและสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันที่เรียกว่าเชื้อรามัยโคปาราซิติซึมกับเชื้อโรคอื่นๆ ที่เกิดจากดิน รวมทั้งเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคในพืช เช่น ข้าวโพด Trichorex ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะสำหรับการจัดการโรคข้าวโพด ประกอบด้วยเชื้อ Trichoderma สายพันธุ์ที่มีศักยภาพที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในข้าวโพด

หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Trichorex ได้รับความนิยมในฐานะสารควบคุมทางชีวภาพในการจัดการโรคข้าวโพดคือความสามารถในการทำหน้าที่เป็นตัวต่อต้านที่หลากหลายเพื่อต่อต้านเชื้อราก่อโรคหลากหลายชนิด Trichorex ทำงานผ่านหลายกลไก รวมถึงการแข่งขันเพื่อสารอาหารและพื้นที่ การผลิตเอนไซม์ต้านเชื้อราและสารทุติยภูมิ และการเหนี่ยวนำการตอบสนองการป้องกันพืช วิธีการแบบหลายแง่มุมนี้ทำให้ Trichorex เป็นสารควบคุมทางชีวภาพที่แข็งแกร่งซึ่งสามารถยับยั้งโรคเชื้อราต่างๆ ในข้าวโพดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น โรคหูน้ำหนวก Fusarium โรคโคนเน่า และโรคใบไหม้ที่เกิดจากเชื้อโรค เช่น Fusarium spp. Colletotrichum spp. และ Aspergillus spp.

ข้อดีอีกอย่างของ Trichorex คือธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเป็นเชื้อราตามธรรมชาติและไม่เป็นพิษ Trichorex จึงไม่มีผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม สิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมายที่เป็นประโยชน์ หรือสุขภาพของมนุษย์ ซึ่งแตกต่างจากสารเคมีกำจัดเชื้อรา ซึ่งอาจทิ้งสารตกค้างในดิน น้ำ และพืชผล Trichorex ย่อยสลายตามธรรมชาติและไม่สะสมในสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นทางเลือกที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับการจัดการโรคข้าวโพด

Trichorex นั้นง่ายต่อการนำไปใช้ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ใช้งานได้จริงสำหรับเกษตรกร สามารถใช้เป็นสารปรับปรุงเมล็ดพันธุ์หรือสารปรับปรุงดิน และสามารถรวมเข้ากับแนวทางปฏิบัติด้านการจัดการพืชผลที่มีอยู่โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการเพาะปลูกขนานใหญ่ Trichorex เข้ากันได้กับปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงส่วนใหญ่ และสามารถใช้ในระบบการทำฟาร์มทั่วไป เกษตรอินทรีย์ และยั่งยืน ทำให้เป็นทางเลือกที่หลากหลายสำหรับการผลิตข้าวโพดประเภทต่างๆ

นอกจากนี้ Trichorex ยังได้รับการวิจัยและทดสอบภาคสนามอย่างกว้างขวาง โดยมีการศึกษาจำนวนมากที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการควบคุมโรคเชื้อราในข้าวโพด การทดลองและการทดลองภาคสนามหลายครั้งแสดงให้เห็นว่า Trichorex สามารถลดอุบัติการณ์และความรุนแรงของโรคได้อย่างมีนัยสำคัญ เพิ่มผลผลิต และปรับปรุงสุขภาพโดยรวมของพืชในข้าวโพด ผลลัพธ์เหล่านี้เน้นย้ำถึงศักยภาพของ Trichorex ในฐานะสารควบคุมทางชีวภาพที่เชื่อถือได้และมีประสิทธิภาพในการจัดการโรคเชื้อราในข้าวโพด

สรุปได้ว่า เชื้อราไตรโคเดอร์มา ตรา Trichorex เป็นเชื้อราที่มีแนวโน้มในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในข้าวโพด รูปแบบการดำเนินการหลายแง่มุม ธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การใช้งานที่ง่าย ความเข้ากันได้กับระบบการทำฟาร์มที่แตกต่างกัน และการวิจัยที่กว้างขวางสนับสนุนศักยภาพของมันในฐานะสารควบคุมทางชีวภาพสำหรับการจัดการโรคข้าวโพด ในขณะที่เกษตรกรรมยังคงเดินหน้าไปสู่แนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Trichorex จึงเสนอทางเลือกที่ได้ผลแทนการใช้สารเคมี

อะมิโนโปรตีนจำเป็นต่อพืช 18 ชนิด ช่วนในการส้รางฮอร์โมนพืช โตไว ผลใหญ่ แข็งแรง ทนแล้ง ทนโรค ทำไห้เกิดการสร้างและขยายขนาดของเซลล์เนื้อเยื่อ และพัฒนาส่วนต่างๆของพืชเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบ ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

การเพิ่มผลผลิตแตงโมให้ได้สูงสุด: คู่มือเทคนิคการเพาะปลูกที่มีประสิทธิภาพ

แตงโมเป็นผลไม้ยอดนิยมที่ทั่วโลกชื่นชอบด้วยรสชาติที่หวานฉ่ำ อย่างไรก็ตาม การเพาะปลูกพืชชนิดนี้เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุดอาจเป็นงานที่น่ากลัวสำหรับเกษตรกร ในบทความนี้ เราจะพูดถึงเทคนิคการเพาะปลูกที่มีประสิทธิภาพที่สามารถช่วยให้เกษตรกรได้ผลผลิตแตงโมที่เหมาะสม รวมถึงการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1

การเตรียมและการปลูก

ก่อนปลูก สิ่งสำคัญคือต้องเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมซึ่งระบายน้ำได้ดีและได้รับแสงแดดเพียงพอ แตงโมเติบโตได้ดีที่สุดในสภาพอากาศอบอุ่นและต้องการช่วงอุณหภูมิ 70-80°F เพื่อการเจริญเติบโตที่เหมาะสม ดินควรลึก อุดมสมบูรณ์ และอุดมไปด้วยอินทรียวัตถุ ช่วง pH ที่เหมาะสมคือระหว่าง 6.0 ถึง 6.5

ควรปลูกเมล็ดที่ความลึก 1 นิ้ว โดยมีระยะห่างระหว่างต้น 3-5 ฟุต แตงโมต้องการพื้นที่มากในการปลูก ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องให้แต่ละต้นมีพื้นที่เพียงพอสำหรับปลูก ควรปลูกเป็นแถวโดยเว้นระยะห่างระหว่างแถว 6-8 ฟุต

การให้น้ำและการให้ปุ๋ย

ต้นแตงโมต้องการความชื้นที่สม่ำเสมอตลอดวงจรการเจริญเติบโต ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้ง สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงการรดน้ำมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดโรคและรากเน่าได้ การให้น้ำแบบหยดเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการส่งน้ำโดยตรงไปยังรากของพืช

นอกจากน้ำแล้ว ต้นแตงโมยังต้องการสารอาหารในการเจริญเติบโตและออกผลอีกด้วย ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการส่งสารอาหารที่จำเป็นให้กับพืช ปุ๋ยนี้มีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว ซึ่งทั้งหมดนี้จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช

ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 1 กล่องหนัก 2 กก. บรรจุ 2 ถุง ๆ ละ 1 กก. ในการเตรียมสารละลายให้ผสมปุ๋ยทั้งสองถุงในอัตราส่วน 50 กรัมของถุงแรกและ 50 กรัมของถุงที่สองต่อน้ำ 20 ลิตร คนส่วนผสมจนละลายหมด แล้วฉีดพ่นบนต้นแตงโม

การควบคุมศัตรูพืชและโรค

ต้นแตงโมอ่อนแอต่อศัตรูพืชและโรคต่างๆ รวมถึงเพลี้ยอ่อน ไรเดอร์ และโรคราแป้ง ในการควบคุมศัตรูพืช เกษตรกรสามารถใช้สารกำจัดแมลงหรือวิธีอินทรีย์ เช่น น้ำมันสะเดาหรือดินเบา

การป้องกันเป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมโรค เกษตรกรควรดูแลให้พืชแข็งแรงโดยให้น้ำ ธาตุอาหาร และแสงแดดอย่างเพียงพอ พวกเขาควรกำจัดพืชหรือชิ้นส่วนพืชที่ติดเชื้อเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค

การเก็บเกี่ยว

แตงโมพร้อมเก็บเกี่ยวเมื่อผลแก่เต็มที่และกิ่งก้านที่อยู่ใกล้กับผลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ผลไม้ควรเป็นโพรงเมื่อเคาะ และผิวควรแน่นและทนทานต่อแรงกด

กล่าวโดยสรุป การปลูกแตงโมต้องมีการเตรียมการอย่างระมัดระวัง การให้น้ำที่เหมาะสม การใส่ปุ๋ย การควบคุมศัตรูพืชและโรค และการเก็บเกี่ยวที่ทันเวลา เมื่อปฏิบัติตามเทคนิคเหล่านี้ เกษตรกรสามารถได้รับผลผลิตสูงสุดและผลิตผลไม้คุณภาพสูงที่ผู้บริโภคทั่วโลกชื่นชอบ

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

เม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นพืชที่นิยมปลูกในหลายส่วนของโลก เนื่องจากมีคุณค่าทางเศรษฐกิจและมีประโยชน์ทางโภชนาการ อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับพืชส่วนใหญ่ เม็ดมะม่วงหิมพานต์มีความไวต่อแมลงศัตรูพืชและโรคต่างๆ ซึ่งทำให้ผลผลิตและคุณภาพลดลงอย่างมาก ศัตรูพืชที่พบได้บ่อยที่สุดชนิดหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อต้นมะม่วงหิมพานต์คือเพลี้ย ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมากหากไม่ได้รับการควบคุม

มีหลายวิธีในการควบคุมเพลี้ย ทั้งวิธีทางเคมีและไม่ใช้สารเคมี อย่างไรก็ตาม การใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชสามารถส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ ทำให้วิธีการที่ไม่ใช้สารเคมีเป็นที่นิยมมากกว่า วิธีการควบคุมเพลี้ยแบบไม่ใช้สารเคมีวิธีหนึ่งคือการใช้สารควบคุมทางชีวภาพ

บิวเวอเรียและเมธาริเซียมเป็นสารควบคุมทางชีวภาพ 2 ชนิดที่พบว่ามีประสิทธิภาพในการควบคุมเพลี้ยในเม็ดมะม่วงหิมพานต์ Beauveria เป็นเชื้อราที่ติดเชื้อและฆ่าแมลง ในขณะที่ Metharicium เป็นแบคทีเรียที่ผลิตสารพิษที่ทำลายเพลี้ยอ่อน เมื่อใช้ร่วมกันจะสามารถควบคุมเพลี้ยในเม็ดมะม่วงหิมพานต์ได้ดียิ่งขึ้น

แบรนด์ Butarex เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานระหว่าง Beauveria และ Metharicium ซึ่งเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการควบคุมเพลี้ยในเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ผลิตภัณฑ์นี้มีจำหน่ายในรูปแบบต่างๆ ทั้งแบบผงและแบบสเปรย์ ทำให้ง่ายต่อการนำไปใช้กับต้นมะม่วงหิมพานต์

ข้อดีอย่างหนึ่งของการใช้บิวทาเร็กซ์คือปลอดภัยต่อมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม แตกต่างจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชซึ่งสามารถส่งผลเสียต่อสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมาย Butarex มีผลต่อเพลี้ยที่เป็นเป้าหมายเท่านั้น ทำให้เป็นทางออกที่ยอดเยี่ยมสำหรับเกษตรกรที่ต้องการปกป้องผลมะม่วงหิมพานต์โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมหรือเสี่ยงต่อสุขภาพ

ข้อดีอีกอย่างของการใช้ Butarex คือทาง่ายและมีผลยาวนาน ผลิตภัณฑ์นี้สามารถฉีดพ่นบนต้นมะม่วงหิมพานต์ได้ เชื้อราและแบคทีเรียจะติดเชื้อและฆ่าเพลี้ย ทำให้สามารถควบคุมได้ในระยะยาว สิ่งนี้ช่วยลดความจำเป็นในการใช้งานบ่อยครั้ง ซึ่งสามารถประหยัดเวลาและเงินของเกษตรกร

โดยสรุป การใช้สารควบคุมทางชีวภาพ เช่น บิวเวอเรียและเมธาริเซียมเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการควบคุมเพลี้ยในมะม่วงหิมพานต์ แบรนด์ Butarex ซึ่งใช้สารทั้งสองนี้ร่วมกัน เป็นทางออกที่ดีสำหรับเกษตรกรที่มองหาวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการปกป้องผลมะม่วงหิมพานต์ของตน การใช้ Butarex เกษตรกรสามารถปกป้องต้นมะม่วงหิมพานต์จากเพลี้ยในขณะที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของพวกเขา

เชื้อบิวเวอร์เรีย + เมธาไรเซียม
เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดสรรจุลินทรีย์ 2 ชนิดมี คุณสมบัติโดดเด่นมาผสมผสานใช้ในการป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ปลวก เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอน เป็นต้น

บิวทาเร็กซ์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณ กิ่ง ก้าน ใบ หรือบริเวณที่แมลงระบาด
2. ฉีดพ่นได้ทุก 7-10 วัน

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อไตรโคเดอร์มา และ ยากำจัดเชื้อรา หากต้องการใช้ร่วมควรเว้น ระยะฉีดพ่น 7-10 วัน *

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย บิวทาเร็กซ์..
ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช
เชื้อดีที่สุดสำหรับชาวเกษตรกร
ปริมาณเชื้อที่ดีและได้ผล
ให้อาหารเฉพาะของเชื้อแต่ละตัว

เชื้อจะไปเติบโตในแมลง ปกคลุมตัวแมลง ทำให้แมลงแห้งตายในที่สุด
ปลอดภัยไม่มีสารเคมี
แมลงดื้อยา ใช้ได้ต่อเนื่อง
เป็นยาเย็น ใช้ได้ทุกพืช และทุกช่วงอายุของพืช

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

เส้นสีม่วง เป็นประสิทธิภาพการปล่อยธาตุอาหารของ ปุ๋ยเคมีทั่วไป
เส้นสีส้ม เป็นประสิทธิภาพการปล่อยธาตุอาหารของ ปุ๋ยตรา เอฟเค ที่มีทั้งธาตุหลัก ธาตุเสริม และสารลดแรงตึงผิว
เส้นสีเขียว เป็นประสิทธิภาพการปล่อยธาตุอาหารของ ปุ๋ยอินทรีย์ทั่วไป

ให้เราพิจารณาเส้นสีม่วง ของปุ๋ยเคมี จะเห็นว่าเมื่อได้ใส่ปุ๋ยเคมีลงในพืช จะเห็นผลได้ชัด ภายในช่วง 3 ถึง 11 วัน จากนั้น พืชที่ได้รับปุ๋ยเคมี ก็จะได้รับธาตุอาหารน้อยลง ตามกราฟ ความเขียวจะลดลง หลังจากสองสัปดาห์และต่อๆไป และสังเกตุว่า ปี ต่อๆ ไป ต้องใส่ปุ๋ยเคมี ในปริมาณมากขึ้น เพื่อให้ได้ผลผลิตเท่ากับปีที่ผ่านมา

มาดูในส่วนของกราฟเส้นสีส้ม ของปุ๋ยตรา เอฟเค แสดงให้เห็นว่า หลังจากฉีดพ่นปุ๋ย จะเห็นผลได้รวดเร็วเท่ากับปุ๋ยเคมี แต่ช่วงที่ต้นไม้ ได้รับธาตุอาหารจะนานกว่า ไปจนถึงประมาณ สามถึงสี่สัปดาห์ ธาตุอาหารจึงค่อยลดลงไป แต่ลดลงไปไม่มากเท่าปุ๋ยเคมี เนื่องจากปุ๋ยตรา เอฟเค มี ธาตุเสริมที่จำเป็นต่อพืช

ส่วนปุ๋ยอินทรีย์นั้น จะปลดปล่อยธาตุอาหารพืชได้ช้า เนื่องจากต้องรอกระขบวนการของจุลินทรีย์ ในการช่วยปลดปล่อยธาตุอาหาร แต่ก็มีข้อดี คือสภาพดินจะค่อยๆดีขึ้นในทุกๆปี

ปุ๋ย FK 1 โตไว ใบเขียว พืชสมบูรณ์ พร้อมออกผลผลิต และ FK 3 ฉีดพ่นตอนเริ่มติดผล ทำให้ผลโต น้ำหนักดี คุณภาพดี

FK 1 และ FK 3 เป็นปุ๋ยที่มีสารอาหารหลายชนิด รวมทั้งแมกนีเซียม สังกะสี ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม รวมทั้งสารลดแรงตึงผิวเพื่อช่วยในการใช้งาน ให้ประโยชน์มากมายแก่พืช รวมถึงการเจริญเติบโตที่เร็วขึ้น พืชที่แข็งแรงและต้านทานต่อโรคได้มากขึ้น และเพิ่มขนาดและคุณภาพของพืชผล

ประโยชน์หลักประการหนึ่งของ FK 1 คือความสามารถในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชอย่างรวดเร็วและแข็งแรง การรวมกันของสารอาหารที่มี ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ช่วยกระตุ้นการผลิตคลอโรฟิลล์ ซึ่งมีหน้าที่สร้างสีเขียวของใบไม้และในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ซึ่งสิ่งนี้ทำให้พืชสามารถดูดซับพลังงานจากดวงอาทิตย์ได้มากขึ้น ทำให้พืชเติบโตอย่างรวดเร็วและแข็งแรงมากขึ้น นอกจากนี้ การมีแมกนีเซียมและสังกะสียังช่วยให้โครงสร้างของพืชแข็งแรง ทำให้ต้านทานโรคและความเครียดได้ดีขึ้น

FK 1 เหมาะสำหรับใช้กับพืชหลากหลายชนิด ทั้งไม้ล้มลุกและไม้ยืนต้น และสามารถใช้เป็นสารปรับปรุงดินหรือฉีดพ่นทางใบก็ได้ มีประสิทธิภาพเป็นพิเศษเมื่อใช้ร่วมกับปุ๋ยอื่นๆ เช่น ปุ๋ยอินทรียวัตถุ ซึ่งสามารถช่วยปรับปรุงโครงสร้างดินและความอุดมสมบูรณ์ได้

FK 3 เป็นปุ๋ยคุณภาพสูง ฉีดพ่นตอนเริ่มติดผล ที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้กับพืชออกผลโดยเฉพาะ FK 3 มีธาตุอาหารครบถ้วนเช่นเดียวกับ ปุ๋ย FK 1 แต่ FK 3 จะเน้นธาตุโพแทสเซียมที่สูงกว่า ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ การขยายขนาดผล เพิ่มน้ำหนัก คุณภาพ และรสชาติของผลไม้ นอกจากนี้ FK 3 ยังช่วยเพิ่มค่า ซีซีเอส ของอ้อยและเปอร์เซ็นต์แป้งในมันสำปะหลัง ทำให้เป็นเครื่องมือที่มีค่าสำหรับเกษตรกรและชาวสวน

โดยสรุป เอฟเค 1 และ เอฟเค 3 เป็นปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพสูง 2 ชนิดที่สามารถให้ประโยชน์มากมายแก่พืช รวมถึงการเจริญเติบโตที่เร็วขึ้น พืชที่แข็งแรงและต้านทานต่อโรคได้มากขึ้น และการเพิ่มขนาดและคุณภาพของพืชผล

สนใจปุ๋ย FK-1 และ FK-3 ช่องทางสั่งซื้อ

ลาซาด้า

FK-1 บนลาซาด้า http://ไปที่..link..

FK-3 บนลาซาด้า http://ไปที่..link..

ช้อปปี้

FK-1 บนช้อปปี้ http://ไปที่..link..

FK-3 บนช้อปปี้ http://ไปที่..link..

โทร 090-592-8614

ไลน์ไอดี @FarmKaset

http://ไปที่..link..

ผักบุ้งมักปลูกเพื่อความสวยงาม ดอกรูปแตรที่บานสะพรั่งหลากสี แต่อาจตกเป็นเหยื่อของหนอนผีเสื้อที่สามารถทำลายหรือทำลายใบได้ ความเสียหายที่เกิดจากหนอนผีเสื้อสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเจริญเติบโตและสุขภาพโดยรวมของพืช โชคดีที่มีวิธีแก้ปัญหานี้ในรูปแบบของบาซิลลัสยี่ห้อ Baserex บาซิลลัสที่สามารถป้องกันและกำจัดหนอนผีเสื้อที่กัดกินใบผักบุ้ง

บาซิลิสก์เป็นสายพันธุ์ของแบคทีเรีย Bacillus thuringiensis ที่มุ่งเป้าไปที่หนอนผีเสื้อโดยเฉพาะ ทำงานโดยการผลิตโปรตีนที่เป็นพิษต่อศัตรูพืชเหล่านี้ ทำให้พวกมันหยุดกินอาหารและตายในที่สุด โหมดการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์นี้ทำให้เป็นโซลูชันที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับการควบคุมประชากรหนอนผีเสื้อในต้นผักบุ้ง

ประโยชน์หลักประการหนึ่งของการใช้บาซิลิสก์คือปลอดภัยที่จะใช้กับมนุษย์ สัตว์เลี้ยง และแมลงที่เป็นประโยชน์ เช่น ผึ้งและผีเสื้อ ไม่เหมือนกับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชหลายชนิด บาซิลิสก์ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมาย ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับชาวสวนที่ต้องการปกป้องพืชผักบุ้งของพวกเขาโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

หากต้องการใช้บาซิลิสก์ เพียงผสมผลิตภัณฑ์ในปริมาณที่แนะนำกับน้ำแล้วฉีดพ่นลงบนใบของต้นผักบุ้ง แบคทีเรียจะถูกกินโดยตัวหนอนที่สัมผัสกับใบไม้ ทำให้พวกมันหยุดกินอาหารและตายภายในสองสามวัน

สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าบาซิลิสก์มีประสิทธิภาพมากที่สุดเมื่อใช้กับสัญญาณแรกของการรบกวนของหนอนผีเสื้อ การตรวจสอบพืชผักบุ้งของคุณเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญในการตรวจจับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตั้งแต่เนิ่นๆ และป้องกันความเสียหายที่สำคัญ

สรุปได้ว่า Basilisk ซึ่งเป็นสายพันธุ์บาซิลลัสที่นำเสนอโดยแบรนด์ Baserex เป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดหนอนผีเสื้อในพืชผักบุ้ง โหมดการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแทนสารเคมีกำจัดศัตรูพืช และใช้งานง่ายสำหรับชาวสวนทุกระดับ เมื่อใช้บาซิลิสก์ คุณสามารถปกป้องต้นผักบุ้งและเพลิดเพลินไปกับดอกไม้บานที่สวยงามตลอดทั้งฤดูกาล

บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ

ช่วยป้องกันและกำจัดแมลงในระยะ หนอน ในสวนไร่และแปลงผัก เช่น

หนอนใยผัก หนอนคืบกะหล่ำ หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม
หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนร่าน หนอนแปะใบส้ม หนอนไหมป่า
หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด หนอนแก้วส้ม หนอนกินสนสามใบ
หนอนหัวดำมะพร้าว หนอนผีเสื้อ หนอนกินใบผัก หนอนบุ้ง หนอนคืบละหุ่ง

วิธีการใช้งาน

- ผสมน้ำ 75 กรัมหรือ 6 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร

- ฉีดพ่น ใบ กิ่ง ก้าน และ ลำต้น

- ฉีดพ่นเฉพาะในช่วงเย็นตอนที่มีแดดร่ม ลมสงบ

- ฉีดทุก 3-5 วัน

- สามารถใช้รวมกับเชื้อเมธาไรเซียม และ บิวเวอร์เรีย

- ไม่ควรใช้ร่วมกับยาเคมี

ปลอดภัยต่อพืช สัตว์ และมนุษย์ จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค และผู้ใช้

ไม่มีพิษตกค้างเมื่อพ่น สามารถนำพืชมาบริโภคได้ทันที
มีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ จึงสามารถใช้แทนสารเคมีกำจัดแมลง ศัตรูพืชได้

❌ไม่ควรผสมเชื้อ บี ที กับสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช โดยเฉพาะสารที่ออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรีย เช่น สารปฏิชีวนะและสารประกอบทองแดง คอปเปอร์ คลอไรด์ เป็นต้น❌

!! ควรฉีดพ่นช่วงเช้าหรือเย็นที่มีแสงแดดอ่อน 06.00-09.00 น. หรือ 16.00-18.00 น.!!
** เพิ่มประสิทธิภาพจุลินทรีย์ ควรเเช่เชื้ออย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้เชื้อกระจายตัว**
** ควรผสมสารจับใบทุกครั้ง **
**หลีกเลี่ยงการฉีดพ่นขนาดมีแสงแดดจัด หรือลมพัดแรง **บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ

ช่วยป้องกันและกำจัดแมลงในระยะ หนอน ในสวนไร่และแปลงผัก เช่น

หนอนใยผัก หนอนคืบกะหล่ำ หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม
หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนร่าน หนอนแปะใบส้ม หนอนไหมป่า
หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด หนอนแก้วส้ม หนอนกินสนสามใบ
หนอนหัวดำมะพร้าว หนอนผีเสื้อ หนอนกินใบผัก หนอนบุ้ง หนอนคืบละหุ่ง

วิธีการใช้งาน

- ผสมน้ำ 75 กรัมหรือ 6 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร

- ฉีดพ่น ใบ กิ่ง ก้าน และ ลำต้น

- ฉีดพ่นเฉพาะในช่วงเย็นตอนที่มีแดดร่ม ลมสงบ

- ฉีดทุก 3-5 วัน

- สามารถใช้รวมกับเชื้อเมธาไรเซียม และ บิวเวอร์เรีย

- ไม่ควรใช้ร่วมกับยาเคมี

ปลอดภัยต่อพืช สัตว์ และมนุษย์ จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค และผู้ใช้

ไม่มีพิษตกค้างเมื่อพ่น สามารถนำพืชมาบริโภคได้ทันที
มีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ จึงสามารถใช้แทนสารเคมีกำจัดแมลง ศัตรูพืชได้

❌ไม่ควรผสมเชื้อ บี ที กับสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช โดยเฉพาะสารที่ออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรีย เช่น สารปฏิชีวนะและสารประกอบทองแดง คอปเปอร์ คลอไรด์ เป็นต้น❌

!! ควรฉีดพ่นช่วงเช้าหรือเย็นที่มีแสงแดดอ่อน 06.00-09.00 น. หรือ 16.00-18.00 น.!!
** เพิ่มประสิทธิภาพจุลินทรีย์ ควรเเช่เชื้ออย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้เชื้อกระจายตัว**
** ควรผสมสารจับใบทุกครั้ง **
**หลีกเลี่ยงการฉีดพ่นขนาดมีแสงแดดจัด หรือลมพัดแรง **

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

IS: สารต้านเชื้อราอินทรีย์ที่ปฏิวัติการปลูกทุเรียน

ทุเรียนซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น "ราชาแห่งผลไม้" เป็นอาหารอันโอชะอันเป็นที่รักของเขตร้อน ขึ้นชื่อเรื่องกลิ่นอันโดดเด่นและรสชาติที่เข้มข้น อย่างไรก็ตาม ต้นทุเรียนมีความไวสูงต่อโรคเชื้อราต่างๆ เช่น โรคใบจุด โรคใบไหม้ โรคราแป้ง และโรคราดำ การติดเชื้อราเหล่านี้สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อต้นไม้ ส่งผลให้ผลผลิตลดลงและคุณภาพของผลไม่ดี เพื่อต่อสู้กับความท้าทายนี้ นักวิจัยและพัฒนาจึงได้แนะนำ IS ซึ่งเป็นสารต้านเชื้อราอินทรีย์ที่ได้จากส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด

จากการวิจัยและพัฒนาอย่างพิถีพิถัน IS ได้กลายเป็นโซลูชั่นที่ก้าวล้ำในการควบคุมและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราที่มีผลต่อต้นทุเรียน ซึ่งแตกต่างจากสารกำจัดเชื้อราสังเคราะห์ที่มักก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม IS ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อสร้างสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของเชื้อราที่ผิวใบพืช ทำให้ไม่ต้องใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หนึ่งในจุดแข็งที่สำคัญของ IS อยู่ที่ความสามารถในการยึดติดกับผิวใบพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลักษณะนี้ช่วยให้สร้างเกราะป้องกันป้องกันเชื้อราจากการเจาะใบและทำให้เกิดความเสียหาย ด้วยการเพิ่มคุณสมบัติการยึดเกาะ IS ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการครอบคลุมที่ดีขึ้นและการปกป้องที่ยาวนานขึ้น ส่งเสริมสุขภาพโดยรวมและความมีชีวิตชีวาของต้นทุเรียน

สิ่งที่ทำให้ IS แตกต่างคือความมุ่งมั่นที่จะใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติเท่านั้น กระบวนการพัฒนาเกี่ยวข้องกับการเลือกส่วนประกอบอินทรีย์อย่างระมัดระวังพร้อมคุณสมบัติต้านเชื้อราที่พิสูจน์แล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ยังคงปลอดภัยต่อทั้งผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้พลังแห่งธรรมชาติ IS ให้วิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการต่อสู้กับโรคเชื้อราในการปลูกทุเรียน

การประยุกต์ใช้ IS กับต้นทุเรียนนั้นง่ายและใช้งานง่าย เกษตรกรสามารถฉีดพ่นสารเคมีบนใบได้ง่ายเพื่อให้ครอบคลุมทั่วถึง ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เกิดจากความสามารถในการควบคุมสภาพแวดล้อมบนผิวใบ ทำให้เชื้อราไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโต ผลก็คือ ต้นทุเรียนที่ได้รับการบำบัดด้วย IS จะแสดงความต้านทานต่อโรคเชื้อราได้ดีขึ้น ทำให้ใบแข็งแรงขึ้นและให้ผลผลิตสูงขึ้น

นอกจากนี้ IS ยังมีข้อดีหลายประการเหนือสารฆ่าเชื้อราทั่วไป ธรรมชาติอินทรีย์ช่วยลดความเสี่ยงของสารเคมีตกค้างบนผลไม้ที่เก็บเกี่ยว ทำให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคและตอบสนองความต้องการของตลาดที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ การไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ยังช่วยลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับแมลงและจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศภายในสวนทุเรียน

การนำ IS มาใช้ในอุตสาหกรรมการปลูกทุเรียนถือเป็นก้าวสำคัญของการทำเกษตรแบบยั่งยืน ด้วยการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เกษตรกรสามารถต่อสู้กับโรคเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพของทั้งระบบนิเวศและผู้บริโภค สารต้านเชื้อราอินทรีย์นี้ไม่เพียงแต่ปกป้องชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสวนทุเรียนเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มคุณภาพโดยรวมและชื่อเสียงของผลทุเรียนทั่วโลกอีกด้วย

ในขณะที่ความต้องการผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง IS จึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งนวัตกรรมและความยั่งยืนในการปลูกทุเรียน ความสำเร็จดังกล่าวเน้นให้เห็นถึงศักยภาพในการใช้ประโยชน์จากโซลูชันที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติเพื่อจัดการกับความท้าทายด้านการเกษตร ปูทางไปสู่อนาคตที่สมานฉันท์และยืดหยุ่นมากขึ้นสำหรับทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

เชื้อราไตรโคเดอร์มาเป็นกลุ่มเชื้อราที่นิยมใช้ในการเกษตรและพืชสวน เป็นสารชีวภัณฑ์ป้องกันและควบคุมโรคพืชที่เกิดจากเชื้อโรคในดิน เชื้อราไตรโคเดอร์มาชนิดนี้เป็นที่รู้จักในด้านความสามารถในการผลิตเอนไซม์ที่สามารถทำลายผนังเซลล์ของเชื้อราชนิดอื่นๆ ได้ รวมถึงความสามารถในการผลิตยาปฏิชีวนะและสารประกอบอื่นๆ ที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราชนิดอื่นๆ ได้

เชื้อราไตรโคเดอร์มาสามารถใช้กับดินรอบโคนต้นสับปะรดได้ เพื่อป้องกันและควบคุมโรครากเน่าและโคนเน่าชนิดอื่นๆ นอกจากนี้เชื้อราไตรโคเดอร์มายี่ห้อ Trichorex ยังเป็นสูตรเฉพาะสำหรับใช้ในสับปะรดและได้รับการออกแบบให้มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมการเน่าและส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช

การใช้เชื้อรา Trichoderma หรือ Trichorex ในการป้องกันและกำจัดโรครากเน่าและโคนเน่าในสับปะรด ควรใช้เชื้อราตามคำแนะนำของผู้ผลิต โดยทั่วไปแล้วจะเกี่ยวข้องกับการผสมเชื้อรากับน้ำและนำไปใช้กับดินรอบโคนต้นสับปะรด สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามอัตราและความถี่ของการใช้ที่แนะนำเพื่อให้แน่ใจว่าเชื้อราถูกนำไปใช้ในระดับที่เหมาะสมเพื่อให้มีประสิทธิภาพ

สิ่งสำคัญคือต้องระลึกไว้เสมอว่าเชื้อราไตรโคเดอร์มาและสารชีวภัณฑ์อื่น ๆ ไม่สามารถทดแทนการปฏิบัติทางเกี่ยวกับการเพาะปลูกที่ดี เช่น การให้น้ำและการใส่ปุ๋ยอย่างเหมาะสม และควรใช้เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการจัดการโรคโดยรวม

ไตรโคเร็กซ์ : เชื้อไตรโคเดอร์มา

ช่วยป้องกันและยับยั้งโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นใบเหลือง รากเน่า
โคนเน่า ไฟท้อปเธอร่าในทุเรียนโรคแคงเกอร์ในส้ม - มะนาว
โรคทลายปาล์มเน่าโรคแอนแทรกโนสใน มะละกอ แตงโม แตงกวาโรคใบจุด ใบแห้ง
โรคกาบใบเน่า โรคกาบใบแห้งโรคไหม้ในข้าว โรคกุ้งแห้งในพริก
โรคผลเน่าไตรโคเร็กซ์

ใช้อย่างไร

1. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณกิ่ง ก้าน ใบ หรือราดบริเวณโคนต้น

2. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อปุ๋ยอินทรีย์ 20 กก.ในการปลูกหรือรองก้นหลุมก่อนปลูก

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อบิวเวอร์เรียและเมธาไรเซียม ควรฉีดสลับกันทุก 7-10 วัน *

ผลิตภัณฑ์ของเราดีกว่าอย่างไร
1.มีห้องปฏิบัติการเพาะเชื้อจุลินทรีย์
- คัดสายพันธุ์เฉพาะ ผ่านการทดสอบ/วิจัย
- สายพันธุ์เชื้อผ่านการตรวจจาก วว.และ สวทช
2.เชื้อจุลินทรีย์เลี้ยงในอุณหภูมิที่เหมาะสม
- มีตู้บ่มเชื้อควบคุมอุณหภูมิ
- ได้เชื้อจุลินทรีย์สมบูรณ์ แข็งแรง
3.มีห้องสำหรับการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์
- เพื่อลดการปนเปื้อนระหว่างการเพาะเชื้อ
- ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น แสง
4.ควบคุมคุณภาพเชื้อจุลินทรีย์ตลอดการผลิต

ป้องกันกำจัดโรคพืช
-โรคใบเหลือง ใบเหี่ยว
-โรคใบจุด ราน้ำค้าง
-โรคราแป้ง
-โรคราสีชมพู กาบใบแห้ง
-โรคผลเน่า ในพริกทุเรียน
-โรคใบไหม้
-โรคเหี่ยวเขียว เหี่ยวเหลือง
-โรครากเน่าโคนเน่า
-โรคเมล็ดเน่า

กลไกการป้องกันโรคพืช
1.เจริญเติบโต แข่งขัน แย่งอาหาร น้ำ และที่อยู่กับเชื้อราสาเหตุโรคพืช
จึงทำให้เชื้อโรคลดปริมาณ ลงอย่างรวดเร็ว
2.การสร้างสารปฏิชีวนะ มาทำลายผนังเซลล์เชื้อราโรคพืช
ทำให้เส้นใยเชื้อราโรคพืชเกิดการไหม้ และตาย 
3.เป็นปรสิต สร้างเส้นใยพันรัดน้ำเลี้ยงจากเชื้อโรคพืช
ทำให้เส้นใยสลายลดการขยาย เผ่าพันธุ์ลง


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

ในการแสวงหาการปฏิบัติทางการเกษตรที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นักวิจัยได้หันไปใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อค้นหาและพัฒนาโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ หนึ่งในความก้าวหน้าดังกล่าวคือการใช้อัลคาลอยด์ที่สกัดจากธรรมชาติ โดยมี Maca เป็นตัวอย่างที่โดดเด่น อัลคาลอยด์ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันเหล่านี้รวมกันโดยใช้หลักการเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อสร้างสารควบคุมศัตรูพืชที่มีประสิทธิภาพสูงซึ่งปลอดภัยต่อผู้ใช้ ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม ในบทความนี้เราจะมาศึกษาคุณสมบัติอันโดดเด่นของ Maca alkaloid และบทบาทในการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชในต้นทุเรียน พร้อมทั้งกล่าวถึงปัญหาการดื้อยาที่เกิดจากการใช้สารเคมีเป็นเวลานาน

Maca Alkaloid: อาวุธของธรรมชาติในการต่อต้านแมลงศัตรูพืช

Maca ซึ่งเป็นสารอัลคาลอยด์ที่มีศักยภาพซึ่งสกัดจากแหล่งธรรมชาติ ได้รับการยอมรับว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมสัตว์รบกวน อัลคาลอยด์เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่พบในพืชหลายชนิดและมีคุณสมบัติเฉพาะที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Maca ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในการต่อสู้กับแมลงศัตรูพืชหลากหลายชนิด รวมถึงเพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟ และเพลี้ยที่มักจะรบกวนต้นทุเรียน

สูตรเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น

การพัฒนา Maca alkaloid นั้นเกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้หลักการเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อรวมและรวมส่วนประกอบที่ออกฤทธิ์ของมันเข้าด้วยกัน กระบวนการคัดเลือกและการกำหนดสูตรที่พิถีพิถันนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้จะคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพในการต่อต้านศัตรูพืชเป้าหมายในระดับสูง ด้วยการใช้พลังของอัลคาลอยด์ โหมดการทำงานที่ไม่เฉพาะเจาะจงของ Maca จะป้องกันไม่ให้แมลงพัฒนาความต้านทาน ซึ่งแตกต่างจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช

ป้องกันการดื้อยาและสารเคมีตกค้าง

ความท้าทายที่สำคัญอย่างหนึ่งในการควบคุมศัตรูพืชคือการพัฒนาการดื้อยาของประชากรแมลงเนื่องจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม Maca alkaloid เสนอวิธีแก้ปัญหานี้ วิธีการออกฤทธิ์ที่ไม่เฉพาะเจาะจงทำให้แมลงปรับตัวและพัฒนาความต้านทานได้ยากเมื่อเวลาผ่านไป ลักษณะเฉพาะนี้ช่วยให้แน่ใจว่าประสิทธิภาพของ Maca ยังคงสม่ำเสมอแม้ใช้ซ้ำ ซึ่งเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนในระยะยาวสำหรับเกษตรกร

นอกจากนี้ Maca alkaloid ไม่ทิ้งสารพิษตกค้างในดินหรือน้ำ จึงเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายช่วยลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการปนเปื้อนของดินและน้ำ ทำให้มั่นใจในความปลอดภัยของทั้งผู้ใช้และผู้บริโภค คุณลักษณะนี้มีความสำคัญสูงสุดในการเกษตรสมัยใหม่ ซึ่งเน้นการปฏิบัติที่ยั่งยืนและสุขภาพของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก

FK-1: สารอาหารพืชเพื่อการเจริญเติบโตที่เพิ่มขึ้น

นอกจากคุณสมบัติในการควบคุมศัตรูพืชแล้ว FK-1 ยังนำเสนอสารอาหารพืชที่ครอบคลุมอีกด้วย FK-1 ประกอบด้วยถุง 2 ใบ ถุงแรกเป็นธาตุหลักที่มีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม (NPK) ในขณะที่ถุงที่สองมีธาตุเสริม เช่น แมกนีเซียมและสังกะสี พร้อมด้วยสารลดแรงตึงผิว การผสมผสานที่สมดุลนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าพืชจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดี

หากต้องการใช้ FK-1 เพียงผสม 50 กรัมของถุงแรก (NPK) และ 50 กรัมของถุงที่สอง (อาหารเสริม) กับน้ำ 20 ลิตร อัตราส่วนผสมที่เหมาะสมนี้ช่วยให้พืชได้รับสารอาหารที่จำเป็นในสัดส่วนที่เหมาะสมเพื่อประโยชน์สูงสุด

บทสรุป

การใช้ Maca alkaloid ในการควบคุมศัตรูพืชถือเป็นก้าวสำคัญของการเกษตรแบบยั่งยืน ด้วยการใช้พลังของอัลคาลอยด์ที่สกัดจากธรรมชาติ เกษตรกรสามารถป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ลดความเสี่ยงของการดื้อยา วิธีการดำเนินการที่ไม่เฉพาะเจาะจงของ Maca ช่วยให้มั่นใจได้ว่าแมลงไม่สามารถพัฒนาความต้านทานได้ และธรรมชาติที่ปราศจากสารตกค้างทำให้ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม ผู้ใช้ และผู้บริโภค

นอกจากนี้ FK-1 ยังให้สารอาหารที่สมดุลซึ่งช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช เมื่อทำตามอัตราส่วนการผสมที่แนะนำ เกษตรกรสามารถมั่นใจได้ว่าพืชของพวกเขาได้รับสารอาหารที่จำเป็นสำหรับสุขภาพและผลผลิตที่ดีที่สุด

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

ทุเรียนที่ได้ชื่อว่าเป็น "ราชาแห่งผลไม้" เป็นที่ต้องการอย่างมากในด้านรสชาติและกลิ่นหอมเฉพาะตัว อย่างไรก็ตาม ต้นทุเรียนมีความไวต่อโรคต่างๆ โดยโรคแอนแทรกโนสเป็นหนึ่งในเชื้อราที่พบได้บ่อยและร้ายแรงที่สุด เพื่อต่อสู้กับปัญหานี้ นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาวิธีแก้ปัญหาจากธรรมชาติที่เรียกว่า IS ซึ่งเป็นสารอินทรีย์ที่ยับยั้งเชื้อราและกำจัดโรค ด้วยการวิจัยและพัฒนาอย่างพิถีพิถัน เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ให้วิธีการที่มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อรา ในขณะเดียวกันก็รับประกันความปลอดภัยของผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม

ทำความเข้าใจโรคแอนแทรกโนสและผลกระทบต่อทุเรียน

โรคแอนแทรคโนสเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อราที่ส่งผลกระทบต่อพืชผลหลายชนิดรวมถึงทุเรียน โดยมุ่งเป้าที่ใบ ลำต้น และผลเป็นหลัก นำไปสู่การร่วงหล่น ผลเน่า และการสูญเสียผลผลิตอย่างมาก เชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคแอนแทรคโนสเจริญเติบโตได้ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและชื้น และสามารถแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดภัยคุกคามร้ายแรงต่อสวนทุเรียนทั่วโลก

โซลูชัน IS: การควบคุมพลังแห่งธรรมชาติ

การพัฒนา IS ได้ปฏิวัติวิธีที่เราต่อสู้กับโรคแอนแทรคโนสในทุเรียน สารอินทรีย์นี้ได้มาจากส่วนผสมจากธรรมชาติที่คัดสรรมาอย่างดี ทำให้มีทั้งประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความพยายามในการวิจัยและพัฒนาอย่างกว้างขวางมุ่งเน้นไปที่การระบุสารดับเพลิงที่มีประสิทธิภาพสูงซึ่งสามารถควบคุมและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา

วิธีการทำงาน

IS ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมบนผิวใบทุเรียนที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเชื้อรา ด้วยการควบคุมปัจจัยเฉพาะ เช่น อุณหภูมิ ความชื้น และระดับค่า pH ระบบ IS ช่วยให้มั่นใจได้ว่าสภาวะที่เชื้อราจะเจริญเติบโตได้หยุดชะงัก สิ่งนี้ยับยั้งการเจริญเติบโตและป้องกันการแพร่กระจายของโรคแอนแทรคโนส

การยึดเกาะที่เพิ่มขึ้นเพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

นอกเหนือจากคุณสมบัติป้องกันเชื้อราแล้ว IS ยังมีความสามารถในการยึดเกาะที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งหมายความว่าเมื่อนำไปใช้กับพื้นผิวใบพืชแล้ว จะยึดเกาะได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้มั่นใจได้ถึงการปกปิดที่ดีขึ้นและการปกป้องที่ยาวนานขึ้น โดยการสร้างสิ่งกีดขวางจากสปอร์ของเชื้อราและป้องกันไม่ให้เข้าสู่เนื้อเยื่อพืช IS ช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อแอนแทรคโนสได้อย่างมาก

ความปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม

ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของ IS คือองค์ประกอบอินทรีย์ ซึ่งทำให้ปลอดภัยสำหรับทั้งผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม ซึ่งแตกต่างจากสารเคมีกำจัดเชื้อราทั่วไป IS ไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายไว้บนผลไม้หรือเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของมนุษย์ สอดคล้องกับแนวทางการทำฟาร์มแบบยั่งยืนและสามารถบูรณาการเข้ากับระบบการเกษตรที่มีอยู่ได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีผลเสียต่อระบบนิเวศ

บทสรุป

การนำ IS ซึ่งเป็นสารอินทรีย์ที่มีสูตรเฉพาะเพื่อต่อสู้กับโรคแอนแทรคโนสในทุเรียน นับเป็นความก้าวหน้าในการควบคุมและจัดการโรค ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างครอบคลุม โซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมนี้ใช้ประโยชน์จากพลังของธรรมชาติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและปกป้องต้นทุเรียนจากโรค ด้วยการสร้างสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการแพร่กระจายของเชื้อราและเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะ ระบบ IS ช่วยให้มั่นใจได้ว่าสวนทุเรียนสามารถเจริญเติบโตได้ในขณะที่ยังคงรักษาความปลอดภัยของผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม ด้วยการถือกำเนิดของ IS อนาคตของการปลูกทุเรียนดูสดใสขึ้น มีแนวโน้มว่าจะให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นและคุณภาพผลไม้ที่ดีขึ้นสำหรับผู้ชื่นชอบทุเรียนทั่วโลก

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

Bacillus ยี่ห้อ Basirex เป็นจุลินทรีย์กำจัดแมลงที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันและกำจัดหนอนเจาะสมอฝ้ายในมะเขือเทศ วิธีการแก้ปัญหาที่เป็นนวัตกรรมนี้ได้รับการพัฒนาโดยนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ด้านการเกษตรชั้นนำ และเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนในการควบคุมศัตรูพืชในมะเขือเทศ ในบทความนี้ เราจะพิจารณาแบรนด์ Bacillus ของ Bacillus ให้ละเอียดยิ่งขึ้น และสำรวจประโยชน์ การใช้งาน และผลกระทบต่ออุตสาหกรรมมะเขือเทศ

Bacillus ยี่ห้อ Basirix คืออะไร?

Bacillus ยี่ห้อ Basirex เป็นสารกำจัดแมลงชีวภาพที่มี Bacillus thuringiensis ซึ่งเป็นแบคทีเรียในดินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งเป็นพิษต่อแมลงศัตรูพืชหลายชนิด จุลินทรีย์ชนิดนี้สร้างโปรตีนที่เป็นพิษต่อตัวอ่อนของหนอนเจาะสมอฝ้าย ทำให้หยุดกินอาหารและตายในที่สุด Bacillus ยี่ห้อ Basirex ได้รับการคิดค้นขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าสปอร์ของ Bacillus thuringiensis ถูกส่งไปยังศัตรูพืชเป้าหมายด้วยวิธีที่เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด

ประโยชน์ของบาซิลลัส ตราบาซิเร็กซ์

ประโยชน์หลักอย่างหนึ่งของ Bacillus ยี่ห้อ Basirex คือมันเป็นยาฆ่าแมลงที่คัดเลือกและกำหนดเป้าหมายสูง ไม่เหมือนกับยาฆ่าแมลงทั่วไปหลายชนิดตรงที่มันไม่ทำอันตรายต่อแมลงที่มีประโยชน์ เช่น ผึ้งและแมลงเต่าทอง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผสมเกสรและควบคุมศัตรูพืช ซึ่งหมายความว่าเกษตรกรสามารถใช้แบรนด์ Bacillus Basirix ได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่ไม่ได้ตั้งใจจากการทำร้ายสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในระบบนิเวศ

ข้อดีอีกอย่างของ Bacillus ยี่ห้อ Basirix คือปลอดภัยต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายบนพืชผลหรือในดิน และไม่ก่อให้เกิดการดื้อยาฆ่าแมลง สิ่งนี้ทำให้เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนสำหรับการควบคุมสัตว์รบกวนที่สามารถใช้ได้นานหลายปีโดยไม่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม

การใช้ Bacillus ตรา Basirex

Bacillus ยี่ห้อ Basirex สามารถนำไปใช้กับพืชมะเขือเทศได้โดยใช้วิธีการต่างๆ รวมถึงการฉีดพ่นทางใบ การทำให้ดินเปียกชุ่ม และการบำรุงเมล็ด วิธีการใช้ขึ้นอยู่กับระยะของพืช ความรุนแรงของศัตรูพืช และความชอบของเกษตรกร โดยทั่วไปควรใช้ Bacillus ยี่ห้อ Basirix ที่สัญญาณแรกของการรบกวนของศัตรูพืชและทำซ้ำตามความจำเป็นเพื่อรักษาการควบคุม

กระทบต่ออุตสาหกรรมมะเขือเทศ

หนอนเจาะสมอฝ้ายเป็นศัตรูพืชที่สำคัญของพืชมะเขือเทศ ทำให้ผลไม้เสียหายและผลผลิตลดลง สารกำจัดศัตรูพืชแบบดั้งเดิมที่ใช้ในการควบคุมศัตรูพืชเหล่านี้อาจเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและอาจนำไปสู่การพัฒนาของความต้านทานต่อประชากรศัตรูพืช Bacillus brand Basirix นำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสำหรับการควบคุมหนอนเจาะสมอฝ้ายในมะเขือเทศโดยไม่ทำอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตอื่นหรือทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตราย

โดยสรุป Bacillus ยี่ห้อ Basirex เป็นวิธีแก้ปัญหาที่เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับการป้องกันและกำจัดหนอนเจาะสมอฝ้ายในมะเขือเทศ ยาฆ่าแมลงชีวภาพนี้นำเสนอวิธีการควบคุมศัตรูพืชที่คัดสรรและตรงเป้าหมายซึ่งปลอดภัยต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม เมื่อใช้ Bacillus แบรนด์ Basirix เกษตรกรสามารถปรับปรุงผลผลิตพืชผลและลดผลกระทบด้านลบของยาฆ่าแมลงต่อระบบนิเวศ

บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ

ช่วยป้องกันและกำจัดแมลงในระยะ หนอน ในสวนไร่และแปลงผัก เช่น

หนอนใยผัก หนอนคืบกะหล่ำ หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม
หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนร่าน หนอนแปะใบส้ม หนอนไหมป่า
หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด หนอนแก้วส้ม หนอนกินสนสามใบ
หนอนหัวดำมะพร้าว หนอนผีเสื้อ หนอนกินใบผัก หนอนบุ้ง หนอนคืบละหุ่ง

วิธีการใช้งาน

- ผสมน้ำ 75 กรัมหรือ 6 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร

- ฉีดพ่น ใบ กิ่ง ก้าน และ ลำต้น

- ฉีดพ่นเฉพาะในช่วงเย็นตอนที่มีแดดร่ม ลมสงบ

- ฉีดทุก 3-5 วัน

- สามารถใช้รวมกับเชื้อเมธาไรเซียม และ บิวเวอร์เรีย

- ไม่ควรใช้ร่วมกับยาเคมี

ปลอดภัยต่อพืช สัตว์ และมนุษย์ จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค และผู้ใช้

ไม่มีพิษตกค้างเมื่อพ่น สามารถนำพืชมาบริโภคได้ทันที
มีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ จึงสามารถใช้แทนสารเคมีกำจัดแมลง ศัตรูพืชได้

❌ไม่ควรผสมเชื้อ บี ที กับสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช โดยเฉพาะสารที่ออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรีย เช่น สารปฏิชีวนะและสารประกอบทองแดง คอปเปอร์ คลอไรด์ เป็นต้น❌

!! ควรฉีดพ่นช่วงเช้าหรือเย็นที่มีแสงแดดอ่อน 06.00-09.00 น. หรือ 16.00-18.00 น.!!
** เพิ่มประสิทธิภาพจุลินทรีย์ ควรเเช่เชื้ออย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้เชื้อกระจายตัว**
** ควรผสมสารจับใบทุกครั้ง **
**หลีกเลี่ยงการฉีดพ่นขนาดมีแสงแดดจัด หรือลมพัดแรง **บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ**

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..