[sort by : last post | top views]..
+ โพสเรื่องใหม่ | ^ เลือกหน้า | All contents
3589 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 358 หน้า, หน้าที่ 359 มี 9 รายการ

การป้องกันกำจัด ยางพาราใบร่วง หรือ โรคเชื้อราไฟทอฟธอร่า ในยางพารา
การป้องกันกำจัด ยางพาราใบร่วง หรือ โรคเชื้อราไฟทอฟธอร่า ในยางพารา



ยางพารา เช่นเดียวกับพืชทุกชนิด มีความอ่อนไหวต่อโรคต่าง ๆ ที่ทำให้ผลผลิตและคุณภาพลดลง หนึ่งในโรคที่สร้างความเสียหายให้กับยางพารามากที่สุดคือไฟทอฟธอรา แสดงอาการทำให้ ยางพาราใบร่วง และเป็นโรคเชื้อราที่ทำลายรากพืช ทำให้การเจริญเติบโตและผลผลิตลดลง

ไอเอส เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ใช้ป้องกันและกำจัดโรคราในพืช ทำงานโดยการควบคุมความเข้มข้นของไอออนในเนื้อเยื่อของพืช ทำให้ไม่เอื้ออำนวยต่อเชื้อรา ในการใช้ ไอเอส ให้ผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร แล้วฉีดพ่นลงบนต้นยาง สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าได้ฉีดพ่นสารละลายให้ทั่วถึงทุกส่วนของต้นไม้ โดยเฉพาะที่ใบ และฉีดพ่นลงดินเพื่อช่วยระบบราก ซึ่งเป็นจุดที่ไวต่อไฟทอฟธอรามากที่สุด ทำซ้ำทุกสองสัปดาห์เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด.

ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK1 เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยเพิ่มผลผลิตยางพาราได้สูงสุด ประกอบด้วยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว ซึ่งทั้งหมดนี้จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช FK1 เมื่อแกะกล่องออกมาจะพบสองถุง ต้องผสมใช้พร้อมกัน ให้ผสมถุงแรก 50 กรัมกับถุงที่สอง 50 กรัมในน้ำ 20 ลิตร แล้วฉีดพ่นลงบนต้นยาง สารลดแรงตึงผิวใน FK1 ช่วยให้ปุ๋ยซึมเข้าใบ ทำให้พืชดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทาซ้ำทุกสองสัปดาห์เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด.

การใช้ ไอเอส และ FK1 ร่วมกัน ผสมและฉีดพ่นไปพร้อมกัน สามารถช่วยป้องกันและกำจัด ไฟทอฟธอร่า ในยางในขณะที่เพิ่มผลผลิตสูงสุด โดยการควบคุมความเข้มข้นของไอออนในเนื้อเยื่อของพืชด้วย ไอเอส ต้นยางจะต้านทานต่อเชื้อรา ในขณะที่สารอาหารใน FK1 ช่วยให้พืชเติบโตและพัฒนา ทำให้ได้ผลผลิตยางคุณภาพสูง.

โดยสรุป การป้องกันและกำจัดไฟทอฟธอร่าในยางพารามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาผลผลิตและคุณภาพของพืชผล เมื่อใช้ ไอเอส และ FK1 เกษตรกรสามารถควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มผลผลิตให้ได้สูงสุด สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามอัตราการผสมที่แนะนำและกำหนดการใช้งานสำหรับผลิตภัณฑ์ทั้งสองเพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพสูงสุด

ยางพารา เช่นเดียวกับพืชทุกชนิด มีความอ่อนไหวต่อโรคต่าง ๆ ที่ทำให้ผลผลิตและคุณภาพลดลง หนึ่งในโรคที่สร้างความเสียหายให้กับยางพารามากที่สุดคือไฟทอฟธอรา แสดงอาการทำให้ ยางพาราใบร่วง และเป็นโรคเชื้อราที่ทำลายรากพืช ทำให้การเจริญเติบโตและผลผลิตลดลง_

ไอเอส เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ใช้ป้องกันและกำจัดโรคราในพืช ทำงานโดยการควบคุมความเข้มข้นของไอออนในเนื้อเยื่อของพืช ทำให้ไม่เอื้ออำนวยต่อเชื้อรา ในการใช้ ไอเอส ให้ผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร แล้วฉีดพ่นลงบนต้นยาง สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าได้ฉีดพ่นสารละลายให้ทั่วถึงทุกส่วนของต้นไม้ โดยเฉพาะที่ใบ และฉีดพ่นลงดินเพื่อช่วยระบบราก ซึ่งเป็นจุดที่ไวต่อไฟทอฟธอรามากที่สุด ทำซ้ำทุกสองสัปดาห์เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด.

ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK1 เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยเพิ่มผลผลิตยางพาราได้สูงสุด ประกอบด้วยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว ซึ่งทั้งหมดนี้จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช FK1 เมื่อแกะกล่องออกมาจะพบสองถุง ต้องผสมใช้พร้อมกัน ให้ผสมถุงแรก 50 กรัมกับถุงที่สอง 50 กรัมในน้ำ 20 ลิตร แล้วฉีดพ่นลงบนต้นยาง สารลดแรงตึงผิวใน FK1 ช่วยให้ปุ๋ยซึมเข้าใบ ทำให้พืชดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทาซ้ำทุกสองสัปดาห์เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด.

การใช้ ไอเอส และ FK1 ร่วมกัน ผสมและฉีดพ่นไปพร้อมกัน สามารถช่วยป้องกันและกำจัด ไฟทอฟธอร่า ในยางในขณะที่เพิ่มผลผลิตสูงสุด โดยการควบคุมความเข้มข้นของไอออนในเนื้อเยื่อของพืชด้วย ไอเอส ต้นยางจะต้านทานต่อเชื้อรา ในขณะที่สารอาหารใน FK1 ช่วยให้พืชเติบโตและพัฒนา ทำให้ได้ผลผลิตยางคุณภาพสูง.

โดยสรุป การป้องกันและกำจัดไฟทอฟธอร่าในยางพารามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาผลผลิตและคุณภาพของพืชผล เมื่อใช้ ไอเอส และ FK1 เกษตรกรสามารถควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มผลผลิตให้ได้สูงสุด สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามอัตราการผสมที่แนะนำและกำหนดการใช้งานสำหรับผลิตภัณฑ์ทั้งสองเพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพสูงสุด

http://ไปที่..link..

เลือกซื้อ ไอเอส และ FK-1 เลื่อนลงล่างอีกนิดนะคะ
ฮิวมิค แอซิด ฟาร์มิค - เทคโนโลยีที่เสริมสร้างการเจริญเติบโตของต้นอะโวคาโด้
ฮิวมิค แอซิด ฟาร์มิค - เทคโนโลยีที่เสริมสร้างการเจริญเติบโตของต้นอะโวคาโด้
ฮิวมิค แอซิด ฟาร์มิค - เทคโนโลยีที่เสริมสร้างการเจริญเติบโตของต้นอะโวคาโด้

ในปัจจุบันที่เกษตรกรผู้ปลูกต้นอะโวคาโด้กำลังมองหาวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของผลผลิตของพืชของพวกเขา การใช้สารออกฤทธิ์ฮิวมิค ที่มีชื่อว่า ฮิวมิค แอซิด จากยี่ห้อฟาร์มิคกลายเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพสูงในการปรับปรุงระบบรากของต้นอะโวคาโด้ เพื่อให้พืชสามารถดูดน้ำและธาตุอาหารได้มากขึ้น ทำให้การเจริญเติบโตของพืชเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. สารออกฤทธิ์ฮิวมิค แอซิด

ฮิวมิค แอซิดเป็นสารออกฤทธิ์ที่ได้มาจากกระบวนการสกัดจากธรรมชาติ เช่น กระดูกปลา ไข่ปลา และวัตถุดิบธรรมชาติอื่น ๆ ที่เติมเต็มด้วยเอนไซม์และกรดอะมิโน เป็นสารที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืช และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซับธาตุอาหาร

2. ประโยชน์ของฮิวมิค แอซิด ยี่ห้อ ฟาร์มิค สำหรับต้นอะโวคาโด้

ฟื้นระบบราก: ฮิวมิค แอซิดช่วยในการฟื้นฟูระบบรากของต้นอะโวคาโด้ที่ได้รับความเสียหายจากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยในการเพิ่มพื้นที่ดูดซับน้ำและสารอาหาร

ปลดปล่อยธาตุอาหาร: ฮิวมิค แอซิดช่วยในการปลดปล่อยธาตุอาหารในดินให้พืชสามารถดูดซับได้มากขึ้น ทำให้พืชมีพลังงานและสารอาหารที่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโต

ปรับปรุงโครงสร้างดิน: ฮิวมิค แอซิดช่วยในการเรียกคืนความอุดมสมบูรณ์ของดิน และปรับปรุงโครงสร้างดินในทิศทางที่ดี

ช่วยในการระบายน้ำ: สารสกัดจากฮิวมิค แอซิดช่วยลดปัญหาการเกิดน้ำขังในดิน ทำให้น้ำซึมผ่านดินได้ดีขึ้น

สร้างระบบรากฝอย: การใช้ฮิวมิค แอซิดช่วยในการสร้างระบบรากฝอยที่แข็งแรงและแผ่พันธุ์อย่างดี เพื่อให้พืชมีความต้านทานต่อสภาพแวดล้อมที่ทับซ้อน

3. การใช้งานฮิวมิค แอซิดในการฉีดพ่น

การใช้ฮิวมิค แอซิดในการฉีดพ่นสามารถทำได้ตั้งแต่ขณะที่ต้นอะโวคาโด้เริ่มงอกและตลอดระยะเวลาการเจริญเติบโต การฉีดพ่นสารฮิวมิค แอซิดในช่วงที่เหมาะสมจะช่วยให้พืชได้รับประสิทธิภาพมากที่สุด


การใช้ฮิวมิค แอซิดจากยี่ห้อฟาร์มิคในการปลูกต้นอะโวคาโด้เป็นทางเลือกที่ดีเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของผลผลิต ซึ่งไม่เพียงเท่านั้นที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของพืช แต่ยังเป็นการอนุรักษ์และปรับปรุงสภาพดินในทิศทางที่ดี เป็นการนำเทคโนโลยีทางการเกษตรมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตต้นอะโวคาโด้ให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุดอย่างทั่วถึง


📌สั่งซื้อ สอบถาม

»โทร 097-918-3530
»ไลน์ janemini1112

🔎ซื้อกับลาซาด้า ช้อปปี้
.
» ซื้อฟาร์มิค ที่ช้อปปี้: http://ไปที่..link..
.
» ซื้อฟาร์มิค ที่ลาซาด้า: http://ไปที่..link..
อ่าน:3621
ปุ๋ยสำหรับมันสำปะหลัง ปุ๋ยเร่งโต และเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลัง
ปุ๋ยสำหรับมันสำปะหลัง ปุ๋ยเร่งโต และเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลัง
ฉีดพ่น ปุ๋ย FK ให้ถูกต้อง ตามระยะการเจริญเติบโตของมันสำปะหลัง ทำให้ต้นมันสำปะหลังได้รับธาตุอาหารตรงตามความต้องการ ในช่วงของการเจริญเติบโตนั้นๆ สามารถเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังได้เป็นอย่างดี

FK-1 ฉีดพ่นมันสำปะหลัง ตั้งแต่ระยะงอก ไปจนถึง 4 เดือน ให้ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม สารสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต แตกยอด ผลิใบ ขยายทรงพุ่ม เมื่อมันสำปะหลังเจริญเติบโต มีความสมบูรณ์แข็งแรง จะต้านทานต่อโรคได้ดีขึ้น สังเคราะห์แสงได้ดี ทำให้แทงหัว และขยายขนาดหัวได้ดี

FK-3C ฉีดพ่นมันสำปะหลัง อายุ 4 เดือนขึ้นไป เน้นธาตุ โพแตสเซียม (K) ที่ส่งเสริมกระบวนการเคลื่อนย้ายแป้งและน้ำตาล ไปสะสมลงหัว ทำให้มันสำปะหลังหัวโต มีขนาดใหญ่ น้ำหนักดี เปอร์เซ็นแป้งสูงขึ้น

การสั่งซื้อ

โทร 090-592-8614

ไลน์ไอดี http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ฟาร์มเกษตร http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ช้อปปี้ http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ลาซาด้า http://www.farmkaset..link..
ดินมีปัญหา ไม่เหมาะกับการเพาะปลูก รู้ปัญหา แก้ได้ ตรวจดินกับ iLab
ดินมีปัญหา ไม่เหมาะกับการเพาะปลูก รู้ปัญหา แก้ได้ ตรวจดินกับ iLab
ดินที่มีปัญหาทางด้านการเกษตร หมายถึง ดินที่มีสมบัติทางกายภาพและเคมีไม่เหมาะสม หรือเหมาะสมน้อยสำหรับการเพาะปลูก ทำให้พืชไม่สามารถเจริญเติบโตและให้ผลผลิตตามปกติได้

ส่วนใหญ่เป็นดินที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ได้แก่ ดินเค็ม ดินเปรี้ยวจัด ดินทรายจัด ดินอินทรีย์. ดินปนกรวด และดินตื้น นอกจากนี้ยังรวมถึงพื้นที่ที่มีความลาดชันสูง ซึ่งถ้ามีการใช้ประโยชน์ด้านการเกษตรแล้ว จะทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศและสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรง หากว่าจะใช้ดินเหล่านี้ในการปลูกพืชแล้ว จำเป็นต้องมีการจัดการเพื่อแก้ไขสภาพของดินให้เหมาะสมก่อนการปลูกพืชตามวิธีการปกติเสียก่อน
ดินที่มีปัญหาประเภทต่างๆ ที่พบในประเทศไทย

1.ดินเปรี้ยวจัด

ดินเปรี้ยวจัด หมายถึง ดินที่มีสภาพความเป็นกรดสูงมาก เนื่องจากอาจจะมี กำลังมี หรือได้เคยมีกรดกำมะถันซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเกิดดินชนิดนี้อยู่ในหน้าตัดของดิน และปริมาณของกรดกำมะถันที่เกิดขึ้นนั้น มีมากพอที่จะมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสมบัติของดิน และการเจริญเติบโตของพืชในบริเวณนั้น

การเกิดดินเปรี้ยวจัด..

เป็นผลสืบเนื่องมาจากกระบวนการกำเนิดของดิน ซึ่งเกี่ยวข้องกับตะกอนน้ำทะเลหรือตะกอนน้ำกร่อย ทำให้เกิดการสะสมสารประกอบกำมะถันขึ้นในดิน ซึ่งเมื่อดินแห้ง สารประกอบกำมะถันเหล่านี้จะแปรสภาพทำให้เกิดกรดกำมะถันขึ้นในดิน ทำให้ดินเป็นกรดสูงมากจนมีผลกระทบต่อพืชที่ปลูก โดยทั่วไปจะมีค่าความเป็นกรดเป็นด่าง หรือพีเอช (pH) ต่ำกว่า 4.0 และมักจะพบจุดประสีเหลืองฟางข้าว ของสารจาโรไซต์ (jarosite) ในชั้นดินล่าง

แบ่งได้เป็น 3 ประเภท ตามระดับความลึกของจุดประสีเหลืองฟางข้าวที่พบ ได้แก่

1.ดินเปรี้ยวจัดระดับตื้น พบจาโรไซต์ภายใน 50 ซม. จากผิวดิน

2. ดินเปรี้ยวจัดระดับลึกปานกลาง พบจาโรไซต์ภายในช่วง 50-100 ซม. จากผิวดิน

3. ดินเปรี้ยวจัดระดับลึก พบจาโรไซต์ที่ระดับความลึกมากกว่า 100 ซม.จากผิวดิน

ปัญหาที่เกิดจากดินเปรี้ยวจัด

การที่ดินมีความเป็นกรดสูงเกินไปทำให้เกิดการขาดแคลนธาตุอาหารที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช เช่น ไนโตรเจน และฟอสฟอรัส นอกจากนี้สภาพที่เป็นกรดสูงยังทำให้ธาตุเหล็กและอะลูมินัมละลายออกมาอยู่ในดินมากจนถึงระดับที่เป็นพิษต่อพืชที่ปลูก

การปรับปรุงดินเปรี้ยวจัด มีหลายวิธี สำหรับดินที่มีปฏิกิริยาของดินเป็นกรดไม่รุนแรง อาจใช้วิธีการทำให้กรดเจือจางลง โดยการใช้น้ำชะล้างความเป็นกรดในดิน หรือการขังน้ำไว้นานๆ แล้วระบายออกก่อนปลูกพืช ร่วมกับการเลือกพันธุ์พืชที่ทนต่อดินกรด สำหรับการจัดการดินที่มีปฏิกิริยาของดินเป็นกรดรุนแรงมาก จะใช้วิธีการใส่วัสดุปูน เช่น ปูนมาร์ล ปูนขาว หินปูนบด หินปูนฝุ่น ผสมคลุกเคล้ากับหน้าดินในอัตราที่เหมาะสมตามความต้องการปูนของดิน เพื่อช่วยลดความเป็นกรดในดิน หรือใช้ปูนควบคู่ไปกับการใช้น้ำชะล้างและควบคุมระดับน้ำใต้ดิน ซึ่งเป็นวิธีการที่สมบูรณ์ที่สุดและใช้ได้ผลมากในพื้นที่ซึ่งดินเป็นกรดรุนแรงมากและถูกปล่อยทิ้งร้างเป็นเวลานาน

2.ดินอินทรีย์...

ดินอินทรีย์ หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “ดินพรุ” หมายถึง ดินที่เกิดจากการสะสมเศษซากอินทรีย์ ที่เกิดจากการสลายตัวเน่าเปื่อยของพืชพรรณไม้ตามธรรมชาติ ที่ขึ้นอยู่ในแอ่งที่ลุ่มต่ำมีน้ำแช่ขังเป็นเวลานาน จนเกิดการสะสมเป็นชั้นดินอินทรีย์ที่หนากว่า 40 ซม

ดินอินทรีย์ที่พบในประเทศไทย ส่วนใหญ่มักจะเกี่ยวข้องกับพื้นที่ที่เกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลง บริเวณชายฝั่งทะเลที่เคยมีน้ำขึ้นลงท่วมถึง จนเกิดเป็นแอ่งต่ำปิด ที่น้ำทะเลไม่สามารถเข้าถึงได้อีก เนื่องจากมีสันทรายปิดกั้นไว้ ต่อมานานวันเข้าน้ำทะเลที่แช่ขังอยู่จึงค่อยๆ จืดลงและมีพืชพวกหญ้าหรือกกงอกขึ้นมา เมื่อพืชเหล่านี้ตายทับถมกันจนพื้นที่ตื้นเขินขึ้น ต้นไม้เล็กใหญ่จึงขึ้นมาแทนที่ เกิดเป็นป่าชนิดที่เรียกว่า “ป่าพรุ” ต่อมาต้นไม้ใหญ่น้อยล้มตายลงตามอายุทับถมลงในแอ่งน้ำขัง ที่อัตราการย่อยสลายของเศษซากพืชเกิดขึ้นได้อย่างช้าๆ จึงเกิดการทับถมอินทรียสารเกิดเป็นชั้นดินอินทรีย์ที่หนาขึ้นเรื่อยๆ

ลักษณะของดินอินทรีย์

สีดินเป็นสีน้ำตาลแดงเข้มหรือน้ำตาลแดงคล้ำ องค์ประกอบของดินส่วนใหญ่เป็นอินทรียวัตถุทั้งที่ย่อยสลายแล้ว และบางส่วนที่ยังคงสภาพเป็นเศษชิ้นส่วนของพืช เช่น กิ่ง ก้าน ลำต้น หรือราก ที่มีการสะสมเป็นชั้นหนามากกว่า 40 ซม. ขึ้นไป ดินตอนล่างถัดจากชั้นดินอินทรีย์ลงไป จะเป็นดินเลนสีเทาปนน้ำเงินซึ่งเป็นตะกอนน้ำทะเล ซึ่งบางแห่งอาจมีการสะสมสารประกอบกำมะถันที่จะเกิดเป็นดินเปรี้ยวจัด เมื่อมีการระบายน้ำออกจากพื้นที่จนดินอยู่ในสภาพที่แห้งด้วย

ปัญหาของดินอินทรีย์

เป็นดินที่มีชิ้นส่วนของพืชเป็นองค์ประกอบมาก พื้นที่มักจะี่มีน้ำขัง หากระบายน้ำออกจนแห้ง ดินจะยุบตัวมาก มีน้ำหนักเบา ติดไฟง่าย และต้นพืชที่ปลูกไม่สามารถตั้งตรงอยู่ได้ นอกจากนี้ในบริเวณที่มีดินที่มีศักยภาพเป็นดินเปรี้ยวจัดอยู่ตอนล่าง หลังจากมีการระบายน้ำออก ดินจะกลายเป็นดินกรดจัดรุนแรงด้วย

การปรับปรุงแก้ไข

เลือกพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำจืดบริเวณขอบพรุ และมีชั้นวัสดุอินทรีย์หนาน้อยกว่า 100 ซม.จากผิวดิน

มีแนวป้องกันน้ำท่วมร่วมกับคลองระบายน้ำ และคลองส่งน้ำในระบบ ที่สามารถป้องกันอันตรายจากน้ำท่วมได้ เพื่อใช้ปลูกข้าว โดยเลือกปลูกข้าวพันธุ์พื้นเมือง หรือพันธุ์ที่ทนต่อสภาพความเป็นกรดของดิน

ในบริเวณที่ปลูกพืชไร่ ควรมีแนวป้องกันน้ำท่วม และคูระบายน้ำ มีการควบคุมระดับใต้ดินให้คงที่ เพื่อป้องกันการเกิดกรดของดินเพิ่มขึ้น หากดินเป็นกรดจัดมาก ปรับสภาพความเป็นกรดในดิน และเพิ่มความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหาร โดยไถคลุกเคล้าวัสดุปูน หินปูนฝุ่นอัตรา 2.5-3.0 ตัน/ไร่ ให้ทั่วบนสันร่อง และหว่านในร่องคูน้ำ

3.ดินเค็ม

ดินเค็ม หมายถึง ดินที่มีปริมาณเกลือที่ละลายอยู่ในสารละลายดินมากเกินไป จนมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและผลิตผลของพืช เนื่องจากทำให้พืชเกิดอาการขาดน้ำ และมีการสะสมไอออนที่เป็นพิษในพืชมากเกินไป นอกจากนี้ยังทำให้เกิดความไม่สมดุลของธาตุอาหารพืชด้วย

ดินเค็มที่พบในประเทศไทย สามารถจำแนกตามลักษณะการเกิดและสัณฐานภูมิประเทศ ได้ 2 ประเภท คือ

1.ดินเค็มชายฝั่งทะเล

มักพบบริเวณตามแนวชายฝั่งทะเล ซึ่งยังคงมีน้ำท่วมถึง หรือเคยเป็นพื้นที่ๆมีน้ำทะเลท่วมมาก่อน โดยพบมากที่สุดตามแนวฝั่งชายทะเลในภาคใต้ เกิดจากการได้รับอิทธิพลจากการขึ้นลงของน้ำทะเล และทำให้เกิดการสะสมเกลือในดิน

2.ดินเค็มบก พบบริเวณในแอ่งที่ลุ่มหรือตามเชิงเนิน ที่เป็นพื้นที่ต่อเนื่องระหว่างสภาพพื้นที่แบบลูกคลื่น โดยพบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่นที่บริเวณขอบเขตแอ่งโคราช หรือที่แอ่งสกลนคร และพบบ้างในภาคกลางแถบจังหวัดเพชรบุรี

ปัญหาของดินเค็ม

ปลูกพืชไม่ได้ผลหรือผลผลิตลดลงและมีคุณภาพต่ำ เนื่องจากมีปริมาณเกลือที่ละลายได้ในน้ำมากเกินไป จนเป็นอันตรายต่อพืช พืชเกิดอาการขาดน้ำ และได้รับพิษจากธาตุที่เป็นส่วนประกอบของเกลือที่ละลายออกมา

การปรับปรุงแก้ไข

1. การจัดการดินเค็มชายทะเล อาจทำได้ 2 ลักษณะใหญ่ คือ การจัดการให้เหมาะกับสภาพธรรมชาติที่มีอยู่ เช่น การปลูกป่าชายเลน การทำนาเกลือ หรือเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการดัดแปลงสภาพธรรมชาติ เช่น การสร้างเขื่อนปิดกั้นน้ำทะเล เพื่อพัฒนาให้เป็นพื้นที่ปลูกถาวร และการยกเป็นร่องสวนเพื่อปลูกไม้ทนเค็ม เป็นต้น

2. การจัดการดินเค็มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยการใช้เทคโนโลยีพื้นบ้าน เช่น การใช้พืชทนเค็ม การไถกลบพืชปุ๋ยสด ปุ๋ยอินทรีย์ หรือใส่วัสดุปรับปรุงดิน เช่น แกลบ เพื่อปรับปรุงโครงสร้างดิน และความอุดมสมบูรณ์ของดิน หรือการปลูกข้าวโดยใช้ต้นกล้าที่อายุมากกว่าปกติ และปักดำด้วยจำนวนต้นมากกว่าปกติ ในขณะเดียวกัน ก็ต้องระมัดระวังในการทำกิจกรรมบางอย่างที่ จะมีผลกระทบต่อการที่จะทำให้เกลือแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่นได้ เช่น การทำเหมืองเกลือขนาดใหญ่ การตัดไม้ทำลายป่า หรือการสร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ที่มีแหล่งสะสมเกลือ

4.ดินทรายจัด

ดินทรายจัด หมายถึง ดินที่มีเนื้อดินบนเป็นดินทราย หรือดินทรายปนร่วน มีอนุภาคขนาดทรายเป็นองค์ประกอบมากกว่าร้อยละ 85 มีความหนามากกว่า 50 เซนติเมตร

ดินมีการระบายน้ำดีจนถึงดีเกินไป ไม่อุ้มน้ำ ทำให้ดินเก็บน้ำไว้ไม่อยู่ และเกิดการกร่อนได้ง่าย มักเกิดจากวัตถุต้นกำเนิดดินที่เป็นตะกอนเนื้อหยาบ หรือตะกอนทรายชายฝั่งทะเล พบได้ทั้งในพื้นที่ลุ่มและพื้นที่ดอน

ดินทรายในพื้นที่ดอน

พบตามบริเวณหาดทราย สันทรายชายทะเล หรือบริเวณพื้นที่ลาดถึงที่ลาดเชิงเขา เนื้อดินเป็นทรายตลอด มีการระบายน้ำดีมากจนถึงดีมากเกินไป ดินไม่อุ้มน้ำ และเกิดการชะล้างพังทะลายได้ง่ายเนื่องจากอนุภาคดินมีการเกาะตัวกันน้อยมาก ส่วนใหญ่ใช้ปลูกพืชไร่ เช่น มันสำปะหลัง สับปะรด

ดินทรายในพื้นที่ลุ่ม

มักพบตามที่ลุ่มระหว่างสันหาด หรือเนินทรายชายฝั่งทะเล หรือบริเวณที่ราบที่อยู่ใกล้ภูเขาหินทราย ดินมีการระบายน้ำเลวหรือค่อนข้างเลว ทำให้ดินแฉะหรือมีน้ำขังเป็นระยะเวลาสั้นๆ ได้ หลังจากที่มีฝนตกหนัก บางแห่งใช้ทำนา บางแห่งใช้ปลูกพืชไร่ เช่น อ้อย และปอ บางแห่งเป็นทืทิ้งร้าง หรือเป็นทุ่งหญ้าธรรมชาติ

นอกจากนี้ในบางพื้นที่ บริเวณหาดทรายเก่า หรือบริเวณสันทรายชายทะเล โดยเฉพาะในเขตภาคตะวันออกและภาคใต้ อาจพบดินทรายที่มีชั้นดินดานอินทรีย์ ซึ่งเป็นดินทรายที่มีลักษณะเฉพาะตัวคือ ช่วงชั้นดินตอนบนจะเป็นทรายสีขาว แต่เมื่อขุดลึกลงมา จะพบชั้นทรายสีน้ำตาลปนแดงที่เกิดจากการจับตัวกัน ของสารประกอบพวกเหล็ก และอินทรียวัตถุอัดแน่นเป็นชั้นดานในตอนล่าง ซึ่งในช่วงฤดูแล้งชั้นดานในดินนี้ จะแห้งแข็งมากจนรากพืชไม่อาจชอนไชผ่านไปได้ ส่วนในฤดูฝนดินจะเปียกแฉะ ส่วนใหญ่ยังเป็นพื้นที่ป่าเสม็ด ป่าชายหาด ป่าละเมาะ หรือบางแห่งใช้ปลูกมะพร้าว มะม่วงหิมพานต์

ปัญหาดินทราย

ดินระบายน้ำดีเกินไป อุ้มน้ำได้น้อย มีความสามารถในการจับหรือแลกเปลี่ยนประจุธาตุอาหารต่ำ ความอุดมสมบูรณ์ต่ำมาก มีธาตุอาหารน้อย เกิดการชะล้างพังทลายได้ง่าย

การปรับปรุงแก้ไข

ปรับปรุงบำรุงดินดินและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน โดยการใช้ปุ๋ยเคมี และปุ๋ยอินทรีย์ เช่นปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หรือปลูกพชปุ๋ยสดแล้วไถกลบ เพื่อเพิ่มความสามารถในการอุ้มน้ำของดิน และปริมาณธาตุอาหารให้เพียงพอแก่ความต้องการของพืช และควรจะต้องมีระบบการอนุรักษ์ดินและน้ำอย่างเหมาะสม

5.ดินตื้น

ดินตี้น หมายถึง ดินที่มีชั้นลูกรัง ก้อนกรวด เศษหิน ปะปนอยู่ในเนื้อดิน หรือมีชั้นหินปูนมาร์ล หรือพบชั้นหินพื้น อยู่ตื้นกว่า 50 เซนติเมตรจากผิวดิน เนื้อดินจะมีปริมาณชิ้นส่วนหยาบ กรวด หรือลูกรังปนอยู่ มากกว่าร้อยละ 35 ทำให้มีปริมาตรของดินน้อย ดินจึงอุ้มน้ำได้น้อย มักขาดแคลนน้ำในฤดูฝนทิ้งช่วง ส่งผลให้พืชไม่สามารถเจริญเติบโตได้ดี และให้ผลผลิตต่ำ

แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ

1) ดินตื้นที่มีการระบายน้ำเลว พบในบริเวณที่ราบต่ำที่มีน้ำขังในช่วงฤดูฝน แสดงว่าดินมีการระบายน้ำค่อนข้างเลว ขุดลงไปจากผิวดินที่ระดับความลึก 25-50 เซนติเมตร มีกรวดหรือลูกรังปนอยู่ในเนื้อดินมากกว่า 35 เปอร์เซ็นโดยปริมาตร ถ้าขุดลึกลงมาถัดไปจะเป็นชั้นดินที่มีศิลาแลงอ่อนปนทับอยู่บนชั้นหินผุ

2) ดินตื้นปนลูกรังหรือกรวดที่มีการระบายน้ำดี พบตามพื้นที่ลอนลาดหรือเนินเขา ตั้งแต่บริเวณผิวดินลงไปมีลูกรังหรือหินกรวดมนปะปนอยู่ในดินมากกว่า 35 เปอร์เซ็นต์โดยปริมาตร และดินประเภทนี้บางแห่งก็มีก้อนลูกรังหรือศิลาแดงโผล่กระจัดกระจายทั่วไปที่บริเวณผิวดิน

3) ดินตื้นปนหินมีการระบายน้ำดี พบตามพื้นที่ลอนลาดหรือบริเวณเนินภูเขา ดินประเภทนี้เมื่อขุดลงไปที่ความลึกประมาณ 30- 50 เซนติเมตร จะพบเศษหินแตกชิ้นน้อยใหญ่ปะปนอยู่ในเนื้อดินมากกว่า 35 เปอร์เซ็นโดยปริมาตร บางแห่งพบหินผุหรือหินแข็งปะปนอยู่กับเศษหิน บางแห่งมีก้อนหินและหินโผล่กระจัดกระจายทั่วไปตามหน้าดิน

4) ดินตื้นปนปูนมาร์ล พบตามพื้นที่ลาดถึงพื้นที่ลอนลาด หรือบริเวณที่ลาดเชิงเขา เมื่อขุดลงไปในระดับความลึกที่ 20-50 เซนติเมตร จะพบสารประกอบจำพวกแคลเซียมหรือแมกนิเซียมคาร์บอเนตปนอยู่ ทำให้ดินประเภทนี้จัดว่าเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง แต่มีข้อเสียคือมีปฏิกิริยาเป็นด่าง เป็นข้อจำกัดต่อพืชบางชนิดที่ไวต่อความเป็นด่าง เช่น สัปปะรด

การเกิดดินตี้น

เกิดมาจากวัตถุกำเนิดดิน เช่น หินดินดานเชิงเขา หรือเศษหินเชิงเขา ที่ส่วนใหญ่เป็นพวกหินตะกอนเนื้อหยาบ คือ หินทราย หินกรวดมน แตกกระจัดกระจายร่วงหล่นออกมาทับทมเกะกะอยู่บริเวณเชิงเขา หรือเป็นผลจากกระบวนการทางดินที่ทำให้เกิดการสะสมปูนมาร์ลหรือศิลาแลงในดิน

ปัญหาดินตี้น

ดินตื้นนั้นเป็นดินที่ไม่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกเพราะ มีปริมาณชิ้นส่วนหยาบปนอยู่ในดินมาก ทำให้มีเนื้อดินน้อย มีธาตุอาหารน้อย ไม่อุ้มน้ำ ชั้นล่างของดินชนิดนี้จะแน่นทึบรากพืชชอนไชไปได้ยาก พืชไม่สามารถเจริญเติบโตได้อย่างปกติ

การปรับปรุงแก้ไข

การจัดการดินในพื้นที่เหล่านี้จะต้องกระทำอย่างระมัดระวัง ควรเลือกทำการเกษตรในพื้นที่ที่มีหน้าดินหนามากกว่า 25 ซม. และไม่มีก้อนกรวดหรือลูกรังกระจัดกระจายอยู่ที่ผิวดินมาก ปรับปรุงดินด้วยการไถกลบพืชปุ๋ยสด ร่วมกับการปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกอัตรา 2-3 ตัน/ไร่ หรือขุดหลุมปลูกไม้ผลขนาด 75x75x75 ซม. หรือถึงชั้นหินพื้น และปรับปรุงหลุมปลูกด้วยหน้าดิน ที่ไม่มีก้อนกรวดหรือลูกรังร่วมกับปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก ใช้ปุ๋ยเคมีตามชนิดพืชที่ปลูก ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์น้ำและผลิตภัณฑ์สารเร่ง พด.3 และพด.7 หรือพัฒนาเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์

ข้อมูลจาก http://www.farmkaset..link..
อ่าน:3621
กำจัดแมลงศัตรูพืช ยาฆ่าเพลี้ยแป้ง ในฝรั่ง และ พืชทุกชนิด บิวทาเร็กซ์ โดย ไดโนเร็กซ์
กำจัดแมลงศัตรูพืช ยาฆ่าเพลี้ยแป้ง ในฝรั่ง และ พืชทุกชนิด บิวทาเร็กซ์ โดย ไดโนเร็กซ์
กำจัดแมลงศัตรูพืช ยาฆ่าเพลี้ยแป้ง ในฝรั่ง และ พืชทุกชนิด บิวทาเร็กซ์ โดย ไดโนเร็กซ์
บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียม หรือที่รู้จักในชื่อแบรนด์ บิวทาเร็กซ์ เป็นวิธีการป้องกันและกำจัดเพลี้ยแป้งในผลฝรั่งอย่างได้ผล เพลี้ยแป้งเป็นปัญหาศัตรูพืชทั่วไปในสวนฝรั่ง และสามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อต้นและผลของมัน เพื่อต่อสู้กับปัญหานี้ เกษตรกรจำนวนมากหันมาใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช แต่สิ่งเหล่านี้อาจส่งผลเสียต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์

Methharicium ผสม Beauveria เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและยั่งยืน สารควบคุมศัตรูพืชโดยชีววิธีนี้เป็นส่วนผสมของเชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ 2 ชนิดคือ Beauveria bassiana และ Metharicium anisopliae ซึ่งติดเชื้อและฆ่าเพลี้ยแป้ง เชื้อรา Beauveria ทำหน้าที่เป็นสารควบคุมหลัก ในขณะที่ Metharicium ให้การควบคุมเพิ่มเติมและลดการพัฒนาความต้านทานของเพลี้ยแป้ง

เชื้อราที่ผสมกันนี้ใช้กับต้นฝรั่งในลักษณะสเปรย์หรือฝุ่น และจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อใช้เพื่อป้องกันก่อนที่เพลี้ยแป้งจะเพิ่มจำนวน สปอร์ของบิวเวอเรียและเมธาริเซียมเกาะติดกับตัวเพลี้ยแป้งและแพร่เชื้อไปสู่ความตายในที่สุด วิธีการควบคุมสัตว์รบกวนนี้ไม่เพียงแต่มุ่งเป้าไปที่เพลี้ยแป้งเท่านั้น แต่ยังทิ้งผู้ล่าตามธรรมชาติของสัตว์รบกวนเหล่านี้ เช่น เต่าทองและตัวต่อซึ่งสามารถควบคุมประชากรได้ต่อไปในอนาคต

นอกจากจะปลอดภัยและยั่งยืนแล้ว Methharicium ผสมบิวเวอเรียยังแสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมประชากรเพลี้ยแป้งในสวนฝรั่ง ใช้งานง่ายและเข้ากันได้กับวิธีการควบคุมศัตรูพืชอื่น ๆ รวมถึงสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ทำให้เป็นทางออกที่หลากหลายสำหรับเกษตรกร เมธาริเซียมผสมบิวเวอเรียยังมีประสิทธิภาพต่อศัตรูพืชชนิดอื่นๆ เช่น เพลี้ยไฟ ไร และเพลี้ย ทำให้เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับโปรแกรมการจัดการศัตรูพืชแบบบูรณาการ

โดยสรุป สารบิวเวอเรียผสมเมธาริเซียมเป็นทางออกที่ปลอดภัยและยั่งยืนสำหรับการป้องกันและกำจัดเพลี้ยแป้งในผลฝรั่ง สารควบคุมศัตรูพืชโดยชีววิธีนี้มีประสิทธิภาพสูง ใช้งานง่าย และเข้ากันได้กับวิธีการควบคุมศัตรูพืชอื่นๆ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับเกษตรกรที่ต้องการปกป้องสวนฝรั่งของตน

เชื้อบิวเวอร์เรีย + เมธาไรเซียม
เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดสรรจุลินทรีย์ 2 ชนิดมี คุณสมบัติโดดเด่นมาผสมผสานใช้ในการป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ปลวก เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอน เป็นต้น

บิวทาเร็กซ์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณ กิ่ง ก้าน ใบ หรือบริเวณที่แมลงระบาด
2. ฉีดพ่นได้ทุก 7-10 วัน

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อไตรโคเดอร์มา และ ยากำจัดเชื้อรา หากต้องการใช้ร่วมควรเว้น ระยะฉีดพ่น 7-10 วัน *

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย บิวทาเร็กซ์..
ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช
เชื้อดีที่สุดสำหรับชาวเกษตรกร
ปริมาณเชื้อที่ดีและได้ผล
ให้อาหารเฉพาะของเชื้อแต่ละตัว

เชื้อจะไปเติบโตในแมลง ปกคลุมตัวแมลง ทำให้แมลงแห้งตายในที่สุด
ปลอดภัยไม่มีสารเคมี
แมลงดื้อยา ใช้ได้ต่อเนื่อง
เป็นยาเย็น ใช้ได้ทุกพืช และทุกช่วงอายุของพืช

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link..
การป้องกันกำจัด โรคใบจุด โรคใบจุดนูน ในยางพารา
การป้องกันกำจัด โรคใบจุด โรคใบจุดนูน ในยางพารา



ยางพารา มีความไวต่อโรคต่างๆ รวมถึงโรคใบจุด หรือโรคใบจุดนูน ที่เกิดจากเชื้อรา Colletotrichum gloeosporioides โรคนี้อาจทำให้ผลผลิตลดลงอย่างมาก คุณภาพลดลง และอาจทำให้พืชตายได้ ดังนั้นการป้องกันและกำจัดโรคจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาผลผลิตและความยั่งยืนในการปลูกยาง.

ไอเอส เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันและรักษาโรคเชื้อราในพืช ทำงานโดยควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อราผ่านกลไกการแลกเปลี่ยนไอออน ซึ่งทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ของเชื้อโรค เพื่อป้องกันและกำจัดโรคใบจุด Colletotrichum การใช้ ไอเอส ให้ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วใบยาง ควรทำซ้ำทุก 7-14 วัน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค.

ผสมปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK1 ฉีดพ่นไปพร้อมกับ ไอเอส เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มผลผลิตยางพาราพร้อมป้องกันโรคเชื้อรา ปุ๋ย FK1 ประกอบด้วยธาตุอาหารที่จำเป็น ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาของพืช สารลดแรงตึงผิวในปุ๋ย FK1 ช่วยปรับปรุงการดูดซึมสารอาหารและลดแรงตึงผิวของสารละลาย ทำให้กระจายบนใบได้ง่ายขึ้น.

ปุ๋ย FK1 1 กล่อง น้ำหนัก 2 กก. เมื่อแกะกล่องออกมา จะพบสองถุง ต้องผสมใช้พร้อมกัน นำถุงแรก 50 กรัม และถุงที่สอง 50 กรัม คนให้ละลายในน้ำ 20 ลิตร ควรฉีดพ่นให้ทั่วใบยางทุก 7-14 วัน ขึ้นอยู่กับระยะการเจริญเติบโตของพืช หมายเหตุ สามารถผสม ไอเอส 50 ซีซี คนให้ละลายไปพร้อมกันและฉีดพ่นไปด้วยกัน.

การผสม ไอเอส และ FK-1 ฉีดพ่นไปพร้อมกัน สามารถแก้ปัญหาที่ครอบคลุมสำหรับการป้องกันและกำจัดโรคใบจุด Colletotrichum ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมผลผลิตสูงสุดในการปลูกยาง การบำบัดด้วย ไอเอส สามารถควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อรา ในขณะที่ปุ๋ย FK1 สามารถให้สารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาของพืช.

โดยสรุปแล้ว การป้องกันและกำจัดโรคใบจุดคอลเลโตตริกรัมในยางพารามีความสำคัญต่อการรักษาผลผลิตและความยั่งยืน ไอเอส และ FK1 เป็นโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพที่สามารถให้แนวทางที่ครอบคลุมในการป้องกันโรคและส่งเสริมผลผลิตสูงสุด การใช้วิธีแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างเหมาะสมสามารถช่วยรักษาคุณภาพของต้นยาง ส่งเสริมการผลิตน้ำยาง สามารถป้องกันกำจัดโรค และเพิ่มผลผลิตได้เป็นอย่างดี

http://ไปที่..link..

เลือกซื้อ ไอเอส และ FK-1 เลื่อนลงล่างอีกนิดนะคะ
การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 ฉีดพ่นป้องกันและกำจัดเพลี้ยไฟ ศัตรูพืชสำหรับต้นสตอเบอร์รี่
การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 ฉีดพ่นป้องกันและกำจัดเพลี้ยไฟ ศัตรูพืชสำหรับต้นสตอเบอร์รี่
การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 ฉีดพ่นป้องกันและกำจัดเพลี้ยไฟ ศัตรูพืชสำหรับต้นสตอเบอร์รี่
เพลี้ยไฟ เป็นศัตรูพืชสำคัญที่พบได้บ่อยในสวนสตอเบอร์รี่ มักสร้างความเสียหายโดยดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบอ่อน ดอก และผล ทำให้ใบเหลือง ยุบ ผลไม่สมบูรณ์ และร่วงหล่น ส่งผลต่อผลผลิตและคุณภาพของสตอเบอร์รี่

การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยไฟ สูตรผสมนี้ช่วยทั้งกำจัดศัตรูพืชและเสริมสร้างการเจริญเติบโตของต้นสตอเบอร์รี่

วิธีการผสมและฉีดพ่น

เตรียมถังผสมขนาด 20 ลิตร
ใส่น้ำลงในถังผสมประมาณ 20 ลิตร
ใส่ INVET (ไดโนเตฟูราน) 20 กรัม
ใส่ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 25 กรัม
คนให้เข้ากันจนละลาย
เติมน้ำให้เต็มถัง
ฉีดพ่นให้ทั่วใบ ลำต้น และใต้ใบ โดยเฉพาะบริเวณที่มีเพลี้ยไฟ
ฉีดพ่นในช่วงเช้าหรือเย็น อากาศไม่ร้อนจัด
ฉีดพ่น 2-3 ครั้ง ห่างกัน 7-10 วัน

ข้อควรระวัง

สวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ แว่นตา และเสื้อผ้าหนา เมื่อผสมและฉีดพ่น
ห้ามฉีดพ่นในขณะที่มีลมแรง
ห้ามฉีดพ่นในแหล่งน้ำ
เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
อ่านฉลากก่อนใช้ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ข้อดีของการใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5

กำจัดเพลี้ยไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วยให้ต้นสตอเบอร์รี่เจริญเติบโตอย่างแข็งแรง
ใบเขียว ฟู ผลสมบูรณ์
เพิ่มผลผลิตและคุณภาพของสตอเบอร์รี่
ใช้สะดวก ประหยัดเวลา
การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยไฟ ช่วยให้เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตสตอเบอร์รี่ที่มีคุณภาพดี

อัตราส่วนผสม อิทเวท ป้องกันกำจัดเพลี้ย
20กรัม ต่อน้ำ 20ลิตร *ควรผสมฉีดพ่นไปพร้อมกับ สตาร์เฟอร์สูตร 30-20-5 เพื่อให้พืชฟื้นตัวจากการเข้าทำลายของเพลี้ยได้เร็ว และกลับมาเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

อัตราส่วนผสมใช้ ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ (ทุกสูตร)
อัตราส่วน 25 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
ถัง 16-20 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 25 กรัม (1ช้อนโต๊ะ)
ถัง 200 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 250 กรัม (1ส่วน4ถุง)

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 1 ถุง บรรจุ 1 กิโลกรัม ผสมน้ำได้ 800 ลิตร ใช้ได้ประมาณ 10 ไร่

📌สั่งซื้อ สอบถาม

»โทร 097-918-3530
»ไลน์ janemini1112

🔎ซื้อกับลาซาด้า ช้อปปี้
.
» ซื้อสินค้า ที่ช้อปปี้: http://ไปที่..link..
.
» ซื้อสินค้า ที่ลาซาด้า: http://ไปที่..link..
อ่าน:3620
ท้าวเวสสุวรรณ เหล็กน้ำพี้ ค้าขายดี ทรัพย์สมบัติมั่นคง เสริมมงคล ป้องกันคุณไสยและสิ่งเลวร้าย ปกป้องคุ้มครองผู้บูชา
ท้าวเวสสุวรรณ เหล็กน้ำพี้ ค้าขายดี ทรัพย์สมบัติมั่นคง เสริมมงคล ป้องกันคุณไสยและสิ่งเลวร้าย ปกป้องคุ้มครองผู้บูชา
ท้าวเวสสุวรรณ เหล็กน้ำพี้ ค้าขายดี ทรัพย์สมบัติมั่นคง เสริมมงคล ป้องกันคุณไสยและสิ่งเลวร้าย ปกป้องคุ้มครองผู้บูชา
ท้าวเวสสุวรรณ สุดยอดพลังจากเหล็กน้ำพี้

พลังศักดิ์สิทธิ์จากแร่เหล็กน้ำพี้

ท้าวเวสสุวรรณ สลักบนแผ่นเหล็กน้ำพี้ ผลงานอันทรงพลัง เต็มเปี่ยมไปด้วยความศรัทธาและความเชื่อ ผสมผสานพลังแห่งเทพเจ้าและพลังแร่ธาตุล้ำค่า

เหล็กน้ำพี้ แร่มหัศจรรย์ ตระกูลเหล็กไหล เชื่อกันว่ามีพลังในตัว เปี่ยมด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ ป้องกันคุณไสย สิ่งเลวร้าย และภัยมืดต่างๆ

ท้าวเวสสุวรรณ เทพแห่งโชคลาภและความมั่งคั่ง ผู้คุ้มครองโลกมนุษย์ ปกปักรักษาขุมทรัพย์สมบัติ

พลังอันยิ่งใหญ่

เสริมดวงชะตา มั่งคั่ง ร่ำรวย
ค้าขายดี ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง
ป้องกันภัยอันตราย ภูตผีปีศาจ
ขจัดอุปสรรค ปัญหาต่างๆ
เสริมอำนาจ บารมี
คุ้มครองรักษา ปลอดภัย

แผ่นเหล็กน้ำพี้ ตีขึ้นรูปในลักษณะเดียวกับใบดาบเหล็กน้ำพี้ พลังเข้มข้น เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์

การบูชาท้าวเวสสุวรรณ

เสริมดวงด้านโชคลาภ เงินทอง
ป้องกันภัยจากมนต์ดำ ภูตผีปีศาจ
เสริมอำนาจ บารมี
คุ้มครองรักษา ปลอดภัย

ท้าวเวสสุวรรณ สลักบนแผ่นเหล็กน้ำพี้ ตัวเลือกอันทรงพลัง เหมาะสำหรับผู้ศรัทธา ใฝ่หาความมั่งคั่ง ปกป้องคุ้มครอง

หมายเหตุ: บทความนี้เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับความเชื่อและประเพณี ไม่ได้เป็นการชี้นำหรือบังคับให้ผู้อ่านศรัทธา ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคล

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ

* เสริมดวงชะตา มั่งคั่ง ร่ำรวย
* ค้าขายดี กิจการเจริญรุ่งเรือง
* ป้องกันภัยอันตราย แคล้วคลาดปลอดภัย
* ป้องกันคุณไสย มนต์ดำ ภูตผีปีศาจ

รายละเอียดวัตถุมงคล

* วัสดุ : แผ่นเหล็กน้ำพี้
* ลวดลาย : ท้าวเวสสุวรรณ
* ขนาด : กว้าง 25 มม. สูง 40 มม. หนา 5 มม.
* น้ำหนัก : 43 กรัม

สนใจเช่าบูชา

ลาซาด้า http://ไปที่..link..
.
ช้อปปี้ http://ไปที่..link..
อยากถ่ายรูป ให้ได้ภาพชัดตื้น หรือหน้าชัดหลังเบลอ ไม่ยาก แค่เข้าใจค่า f
อยากถ่ายรูป ให้ได้ภาพชัดตื้น หรือหน้าชัดหลังเบลอ ไม่ยาก แค่เข้าใจค่า f

ค่า f คือค่าของขนาดรูรับแสง ซึ่งเรามักเรียกมันว่า F-number หรือ F-stop เจ้าตัวค่า f นี้ จะแสดงเป็นตัวเลข เช่น f/5.6 , f/8 , f/22 หรือ f/32 เป็นต้น

.

สำหรับในการเรียกขนาดของรูรับแสงของเลนส์ ค่า f น้อยๆ นั้น เขาจะหมายถึงรูรับแสงจะเปิดกว้าง ทำให้แสงเข้าสู่กล้องได้มาก ค่า f ยิ่งน้อย รูรับแสงก็ยิ่งเปิดกว้าง และในทางตรงกันข้าม ถ้า f มากๆ รูรับแสงก็จะยิ่งเปิดแคบลง แสงก็จะสามารถเข้าได้น้อยลงตามไปด้วย (ค่า f ยิ่งมากรูรับแสงยิ่งเปิดแคบลง และค่า f ยิ่งน้อยรูรับแสงก็ยิ่งเปิดกว้าง)

.

ค่า f น้อย — รูรับแสงเปิดกว้าง – แสงเข้าได้มาก – เกิดภาพชัดตื้น

ค่า f มาก — รูรับแสงเปิดแคบลง – แสงเข้าได้น้อย – เกิดภาพชัดลึก

อ่าน:3620
โรคส้มโอ จุดสนิม ราสีชมพู ส้มโอใบไหม้ สแคป โรคราต่างๆ ใช้ ไอเอส + FKธรรมชาตินิยม
โรคส้มโอ จุดสนิม ราสีชมพู ส้มโอใบไหม้ สแคป โรคราต่างๆ ใช้ ไอเอส + FKธรรมชาตินิยม
โรคส้มโอ ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา ที่พบบ่อย ทั่วทั้งประเทศไทย ได้แก่ โรคราดำส้มโอ โรคราสีชมพูในส้มโอ โรคส้มโอจุดสนิม โรคสแคป

โรคสแคปที่เกิดกับส้มโอ หรือ ส้มโอยางไหล มีสาเหตุจากเชื้อรา อาการจะเป็นแผลนูนสีน้ำตาล ที่ใบส้มโอส หากเกิดกับผลส้มโอ จะพบรอยบุ๋มที่ใต้ผล หากเป็นหนัก จะพบยางไหลออกมา

โรคราสีชมพูในส้มโอ มีสาเหตุจากเชื้อรา พบที่เปลือกกิ่งของต้นส้มโอ เป็นจุดสีน้ำตาล และลุกลามจนทำให้กิ่งส้มโอแห้งตายได้ และราสีชมพู จะเกิดที่กิ่งที่แห้ง ส่งผลให้ ส้มโอใบเหี่ยว ส้มโอใบร่วง

โรคราดำส้มโอ พบราดำ ขึ้นตามใบ และผลของส้มโอ ราดำจะปกคลุมใบ ทำให้ส้มโอสังเคราะห์แสงได้ไม่ดี โตช้า ผลอ่อนร่วง ผลผลิตน้อยลง ไม่สวยงาม คุณภาพไม่ดี

การป้องกันกำจัด

ชุดคู่ป้องกันกำจัด บวกด้วยฟื้นฟูบำรุง

ไอเอส สารอินทรีย์ ป้องกัน กำจัด ยับยั้งโรคพืช ที่มีสาเหตุจากเชื้อราต่างๆ โรคใบไหม้ ใบจุด ยอดแห้ง ราสนิม ราน้ำค้าง แอนแทรคโนส ไฟทอปโธร่า

และ FKธรรมชาตินิยม ฟื้นฟู แก้ต้นโทรม ราพืชไม่กินปุ๋ย อาการใบซีด ใบเหลือง ต้นแคระ อาการขาดธาตุอาหารของพืช

โรคพืช ที่มีสาเหตุจากเชื้อราต่างๆ ใช้ ไอเอส สารอินทรีย์ ป้องกัน กำจัดโรคพืช ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา ยกตัวอย่างโรคพืช ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา เช่น อาการ ใบไหม้ ใบจุด ใบขีดสีน้ำต้าง โรคใบติด ราสนิม ราน้ำค้าง โรคกุ้งแห้ง แอนแทรคโนส ไฟท็อปโธร่า เป็นต้น

ทั้งอาการใบไหม้ และใบเหลือง เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาจเกิดได้จากโรค และการขาดธาตุอาหารพืชที่จำเป็น รวมถึงการให้น้ำ และการได้รับแสงแดด ซึ่งการพิจารณาสาเหตุนั้น ต้องสังเกตุอาการ และแก้ปัญหาทีละจุด

ไอเอส สารอินทรีย์ ป้องกันกำจัดโรคพืชต่างๆ ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา

FKธรรมชาตินิยม แก้ปัญหาโรคพืช ที่เกิดจากการขาดธาตุอาหารพืชต่างๆ และส่งเสริมการเจริญเติบโต ตลอดไปถึง การส่งเสริมผลผลิตพืช

ยกตัวอย่างเช่น

อาการใบไหม้ และอาการต่างๆ ที่เกิดจากโรคเชื้อรา
- โรคใบไหม้ โรคใบจุด และโรคใบขีดสีน้ำตาล จะต่างจากการขาดธาตุที่สังเกตุได้คือ โรคที่มีสาเหตุจากเชื้อรา จะลุกลามไปยังใบไหม้ และลุกลามขยายวงไปยังต้นข้างเคียง
- โรคราแป้ง ราสนิม ราน้ำค้าง มีการลุกลามติดต่อเช่นกัน

อาการใบไหม้ และอาการต่างๆ ที่เกิดจากการขาดธาตุ
- ขาด โพแทสเซียม ที่ใบแก่จะเหลืองซีด ขอบใบมีจุดสีน้ำตาลไหม้
- ขาด แมกนีเซียม ใบจะมีจุดเหลืองทั่วทั้งใบ ที่ปลายใบจะแห้ง
- ขาด สังกะสี ใบจะมีจุดเหลืองคล้ายราสนิม

อาการใบเหลือง ใบซีด ก็เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- ใบเหลือง จากการขาดธาตุ ไนโตรเจน
- ใบเหลือง เพราะได้รับแสงไม่เพียงพอ
- ใบเหลือง เพราะรดน้ำมาก หรือน้อยจนเกินไป
- ใบเหลือง เพราะค่า pH หรือความเป็นกรดด่างของดิน ไม่เหมาะสม
- ใบเหลือง เพราะขาดธาตุเหล็ก
- ใบเหลือง เพราะพืชลดจำนวนคลอโรฟิลล์ เพราะการขาดธาตุรอง หรือธาตุเสริมบางอย่าง

อาการใบไหม้และโรคต่างๆ ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา ฉีดพ่น ไอเอส สารอินทรีย์ ทุก 3-5 วัน

อาการของพืช ที่เกิดจากการขาดธาตุต่างๆ ฉีดพ่น FK ธรรมชาตินิยม

หมายเหตุ สามารถ ผสม ไอเอส และ FK ธรรมชาตินิยม ฉีดพ่นไปพร้อมกันในคราวเดียว

อัตราส่วนผสม
ไอเอส 50ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร
FKธรรมชาตินิยม 50ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร
สามารถผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันได้
*สำหรับท่านที่พ่นด้วย ฟ็อกกี้ ขนาด 1-2ลิตร ใช้ฝา FKธรรมชาตินิยมตวงประมาณ 2ฝา


การสั่งซื้อ

โทร 090-592-8614

ไลน์ไอดี http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ฟาร์มเกษตร http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ช้อปปี้ http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ลาซาด้า http://www.farmkaset..link..
3589 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 358 หน้า, หน้าที่ 359 มี 9 รายการ
|-Page 94 of 359-|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 36 | 37 | 38 | 39 | 40 | 41 | 42 | 43 | 44 | 45 | 46 | 47 | 48 | 49 | 50 | 51 | 52 | 53 | 54 | 55 | 56 | 57 | 58 | 59 | 60 | 61 | 62 | 63 | 64 | 65 | 66 | 67 | 68 | 69 | 70 | 71 | 72 | 73 | 74 | 75 | 76 | 77 | 78 | 79 | 80 | 81 | 82 | 83 | 84 | 85 | 86 | 87 | 88 | 89 | 90 | 91 | 92 | 93 | 94 | 95 | 96 | 97 | 98 | 99 | 100 | 101 | 102 | 103 | 104 | 105 | 106 | 107 | 108 | 109 | 110 | 111 | 112 | 113 | 114 | 115 | 116 | 117 | 118 | 119 | 120 | 121 | 122 | 123 | 124 | 125 | 126 | 127 | 128 | 129 | 130 | 131 | 132 | 133 | 134 | 135 | 136 | 137 | 138 | 139 | 140 | 141 | 142 | 143 | 144 | 145 | 146 | 147 | 148 | 149 | 150 | 151 | 152 | 153 | 154 | 155 | 156 | 157 | 158 | 159 | 160 | 161 | 162 | 163 | 164 | 165 | 166 | 167 | 168 | 169 | 170 | 171 | 172 | 173 | 174 | 175 | 176 | 177 | 178 | 179 | 180 | 181 | 182 | 183 | 184 | 185 | 186 | 187 | 188 | 189 | 190 | 191 | 192 | 193 | 194 | 195 | 196 | 197 | 198 | 199 | 200 | 201 | 202 | 203 | 204 | 205 | 206 | 207 | 208 | 209 | 210 | 211 | 212 | 213 | 214 | 215 | 216 | 217 | 218 | 219 | 220 | 221 | 222 | 223 | 224 | 225 | 226 | 227 | 228 | 229 | 230 | 231 | 232 | 233 | 234 | 235 | 236 | 237 | 238 | 239 | 240 | 241 | 242 | 243 | 244 | 245 | 246 | 247 | 248 | 249 | 250 | 251 | 252 | 253 | 254 | 255 | 256 | 257 | 258 | 259 | 260 | 261 | 262 | 263 | 264 | 265 | 266 | 267 | 268 | 269 | 270 | 271 | 272 | 273 | 274 | 275 | 276 | 277 | 278 | 279 | 280 | 281 | 282 | 283 | 284 | 285 | 286 | 287 | 288 | 289 | 290 | 291 | 292 | 293 | 294 | 295 | 296 | 297 | 298 | 299 | 300 | 301 | 302 | 303 | 304 | 305 | 306 | 307 | 308 | 309 | 310 | 311 | 312 | 313 | 314 | 315 | 316 | 317 | 318 | 319 | 320 | 321 | 322 | 323 | 324 | 325 | 326 | 327 | 328 | 329 | 330 | 331 | 332 | 333 | 334 | 335 | 336 | 337 | 338 | 339 | 340 | 341 | 342 | 343 | 344 | 345 | 346 | 347 | 348 | 349 | 350 | 351 | 352 | 353 | 354 | 355 | 356 | 357 | 358 | 359 |


โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset

กลุ่มสินค้าขายดีมาก

ฮิวมิค FK
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
ไทอะมีทอกแซม
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
แพนน่อน
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ


กลุ่มทางใบปุ๋ยประสิทธิภาพสูง
*โปรดอ่าน ใช้ FK-1 ในช่วงแรก เพื่อเร่งโต เร่งราก เร่งดอก จับคู่กับ FK-3 ในช่วงเร่งผลผลิต พืชออกผลทุกชนิด ใช้ FK-1 กับ FK-3, นาข้าว ใช้ FK-1 กับ FK-3R (Rice), ไร่อ้อย ใช้ FK-1 กับ FK-3S (Sugarcane), มันสำปะหลัง ใช้ FK-1 กับ FK-3C (Cassava)

FK-1
สั่ง FK-1 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3
สั่ง FK-3 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3S
สั่ง FK-3S กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3R
สั่ง FK-3R กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3C
สั่ง FK-3C กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มอินทรีย์ ปุ๋ย ยาปราบฯ
ที่ขายดีที่สุดบน ลาซาด้า

FKT250-IS250-499B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 1ลิตร
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 3ลิตร
สั่งไอเอส3ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
มาคา
สั่งมาคากับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอกี้-บีที
สั่งไอกี้-บีทีกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L
สั่ง FK-T 1ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK ธรรมชาตินิยม
สั่งFK-T 250ซีซี กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 250ซีซี
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-IS1L-970B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-MAKA-980B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-AiKi-990B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มเคมียาปราบฯประสิทธิภาพสูง

invet
สั่ง อินเวท กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
metalaxyl
สั่ง เมทาแลคซิล กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
carron
สั่ง คาร์รอน กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มปุ๋ยทางใบผสมสูตรเองได้
เว็บระบบคำนวณการผสมปุ๋ย


starfer 30-20-5
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 10-40-10
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 15-5-30
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
maxza
สั่ง แม็กซ่า กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้



บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
Central Laboratory (Thailand) Co.,Ltd.

ให้บริการตรวจวิเคราะห์
ตรวจฉลากโภชนาการ
ตรวจสารสำคัญกัญชา/กัญชง
ตรวจน้ำใช้ในกระบวนการผลิต
ฟอร์มขอใบเสนอราคา
สำหรับตรวจวิเคราะห์อื่นๆ ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร (ตรวจวิเคราะห์ได้ทุกอย่าง) โปรดกรอก ฟอร์มขอใบเสนอราคา
ตรวจขึ้นทะเบียนปุ๋ยเคมี
ตรวจสารพิษตกค้างเพื่อการส่งออก
ตรวจผักสดปลอดเชื้อจุลินทรีย์ E. coli, Salmonella spp.
ส่งตัวอย่างมะละกอ เพื่อการทดสอบการดัดแปลงพันธุกรรม
ส่งตัวอย่างเพื่อทดสอบ ปริมาณอะฟลาทอกซินในเมล็ดแมงลัก ลูกเดือย และพริกแห้ง เพื่อส่งออกนอกราชอาณาจักร
Hardline Test Application
ปุ๋ยคุณภาพสูง
พืชทุกชนิด | ปุ๋ยทุเรียน | ปุ๋ยมันสำปะหลัง | ปุ๋ยสำหรับไร่อ้อย | ปุ๋ยนาข้าว | ปุ๋ยยางพารา | ปุ๋ยมะพร้าว | ปุ๋ยข้าวโพด | ปุ๋ยปาล์ม | ปุ๋ยสับปะรด | ปุ๋ยถั่วเหลือง | ปุ๋ยพริกไทย | ปุ๋ยกาแฟ | ปุ๋ยมะนาว | ปุ๋ยส้ม | ปุ๋ยลำไย | ปุ๋ยลิ้นจี่ | ปุ๋ยหน่อไม้ฝรั่ง | ปุ๋ยกระเจี๊ยบเขียว | ปุ๋ยมังคุด | ปุ๋ยมันฝรั่ง | ปุ๋ยหอมหัวใหญ่ | ปุ๋ยกระเทียม | ปุ๋ยหอมแดง | ปุ๋ยมะเขือเทศ | ปุ๋ยกล้วยไม้ | ปุ๋ยอินทผลัม | ปุ๋ยน้อยหน่า | ปุ๋ยชมพู่ | ปุ๋ยเงาะ | ปุ๋ยมะม่วง | ปุ๋ยมะขาม | ปุ๋ยพริก
ยาอินทรีย์แก้โรคพืช
โรคใบไหม้ | ทุเรียนใบติด | มันสำปะหลังใบไหม้ | โรคอ้อยใบไหม้ | ข้าวใบไหม้ | ยางพาราใบไหม้ | โรคมะพร้าวใบไหม้ | โรคราน้ำค้างข้าวโพด | ปาล์มใบไหม้ | โรคสับปะรด | โรคราน้ำค้างถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟใบไหม้ | ราสนิมมะนาว | ส้มใบไหม้ | ลำไยใบไหม้ | ลิ้นจี่ใบไหม้ | หน่อไม้ฝรั่งลำต้นไหม้ | กระเจี๊ยบเขียวฝักลาย | โรคใบจุดมังคุด | มันฝรั่งใบใหม้ | โรคหอมเลื้อย | โรคใบจุดกระเทียม | โรคหอมแดง | ราแป้งมะเขือเทศ | โรคจุดสนิมกล้วยไม้ | อินทผลัมใบไหม้ | น้อยหน่าดอกร่วง | ชมพู่ใบไหม้ | เงาะใบไหม้ | มะม่วงใบไหม้ | ราแป้งมะขาม | โรคพริก
ยาเคมี กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยทุเรียน | เพลี้ยมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยข้าว | เพลี้ยยางพารา | เพลี้ยมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยสับปะรด | เพลี้ยถั่วเหลือง | เพลี้ยพริกไทย | เพลี้ยกาแฟ | เพลี้ยมะนาว | เพลี้ยส้ม | เพลี้ยลำไย | เพลี้ยลิ้นจี่ | เพลี้ยหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยมังคุด | เพลี้ยมันฝรั่ง | เพลี้ยหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยกระเทียม | เพลี้ยหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยกล้วยไม้ | เพลี้ยอินทผาลัม | เพลี้ยน้อยหน่า | เพลี้ยชมพู่ | เพลี้ยเงาะ | เพลี้ยมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยพริก
ยาเคมี กำจัดโรคพืช
โรคใบไหม้ | โรคทุเรียน | โรคมันสำปะหลัง | โรคอ้อย | โรคข้าว | โรคยางพารา | โรคมะพร้าว | โรคข้าวโพด | โรคปาล์ม | โรคสับปะรด | โรคถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟ | โรคมะนาว | โรคส้ม | โรคลำไย | โรคลิ้นจี่ | โรคหน่อไม้ฝรั่ง | โรคกระเจี๊ยบเขียว | โรคมังคุด | โรคมันฝรั่ง | โรคหอม | โรคกระเทียม | โรคหอมแดง | โรคมะเขือเทศ | โรคกล้วยไม้ | โรคอินทผาลัม | โรคน้อยหน่า | โรคชมพู่ | โรคเงาะ | โรคมะม่วง | โรคมะขาม | โรคพริก
ยาอินทรีย์ กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน | เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยศัตรูข้าว | เพลี้ยแป้งยางพารา | เพลี้ยศัตรูมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยอ่อนปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยแป้งสับปะรด | เพลี้ยอ่อนถั่วเหลือง | เพลี้ยแป้งพริกไทย | เพลี้ยแป้งกาแฟ | เพลี้ยไฟมะนาว | เพลี้ยไฟส้ม | เพลี้ยแป้งลำไย | เพลี้ยแป้งลิ้นจี่ | เพลี้ยไฟหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยจักจั่นฝ้ายกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยไฟมังคุด | เพลี้ยจักจั่นมันฝรั่ง | เพลี้ยไฟหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยไฟกระเทียม | เพลี้ยไฟหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยไฟกล้วยไม้ | เพลี้ยแป้งอินทผาลัม | เพลี้ยแป้งน้อยหน่า | เพลี้ยไฟชมพู่ | เพลี้ยแป้งเงาะ | เพลี้ยจักจั่นมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยไฟพริก
สารชีวินทรีย์ กำจัดหนอนต่างๆ
กำจัดหนอนศัตรูพืช | กำจัดหนอนทุเรียน | กำจัดหนอนมันสำปะหลัง | กำจัดหนอนกออ้อย | กำจัดหนอนในนาข้าว | กำจัดหนอนในสวนยางพารา | กำจัดหนอนมะพร้าว | กำจัดหนอนข้าวโพด | กำจัดหนอนปาล์มน้ำมัน | กำจัดหนอนสับปะรด | กำจัดหนอนถั่วเหลือง | กำจัดหนอนพริกไทย | กำจัดหนอนกาแฟ | กำจัดหนอนมะนาว | กำจัดหนอนส้ม | กำจัดหนอนลำไย | กำจัดหนอนลิ้นจี่ | กำจัดหนอนหน่อไม้ฝรั่ง | กำจัดหนอนกระเจี๊ยบเขียว | กำจัดหนอนมังคุด | กำจัดหนอนมันฝรั่ง | กำจัดหนอนหอมหัวใหญ่ | กำจัดหนอนกระเทียม | กำจัดหนอนหอมแดง | กำจัดหนอนมะเขือเทศ | กำจัดหนอนกล้วยไม้ | กำจัดหนอนอินทผาลัม | กำจัดหนอนน้อยหน่า | กำจัดหนอนชมพู่ | กำจัดหนอนเงาะ | กำจัดหนอนมะม่วง | กำจัดหนอนมะขาม | กำจัดหนอนพริก
iLab.work ผู้ใช้บริการตรวจวิเคราะห์ค่าธาตุอาหารใน ดิน น้ำ ปุ๋ย พืช กากอุตสาหกรรม มาตฐาน ISO/IEC 17025


ตรวจง่ายนับ 1 2 3 มาตฐาน ISO/IEC 17025
1.เลือกและคำนวณค่าตรวจที่หน้าเว็บ คลิก
2.ส่งดินเข้าห้อง LAB (ไปรษณีย์,เคอรี่,แฟรช)
3.อ่านผลออนไลน์ (เราจัดส่งต้นฉบับผลวิเคราะห์ ไปตามที่อยู่ที่ให้ไว้เช่นกัน)
→เริ่มกันเลย เลือกค่าที่ต้องการวิเคราะห์
[มีชุดโปรฯแนะนำลดพิเศษ หรือเลือกเองได้]
ปุ๋ยสำหรับอ้อย เพื่อบำรุงผลผลิต การแก้โรคอ้อย ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา ป้องกันกำจัดเพลี้ย ในไร่อ้อย
Update: 2563/06/18 17:25:32 - Views: 5021
กำจัดเพลี้ย ใน ต้นขนุน เร่งฟื้นฟูจากการเข้าทำลายของเพลี้ย บิวทาเร็กซ์ ปุ๋ยน้ำอะมิโน โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/05/10 15:53:46 - Views: 3595
เชื้อรา ไฟทอปธอร่า ใน ทุเรียน
Update: 2566/02/28 12:26:22 - Views: 3592
ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 3 สูตรที่ครอบคลุมทุกระยะการเจริญเติบโตของต้นมะขาม
Update: 2567/02/12 14:44:00 - Views: 3484
คาดการณ์ราคารับซื้อมะพร้าวในประเทศไทย ปี 2568
Update: 2567/11/28 06:42:10 - Views: 359
ปุ๋ยสำหรับมะยงชิด ปุ๋ยน้ำสำหรับมะปรางหวาน FK-1 โตไว ใบเขียว ระบบรากแข็งแรง ผลโต น้ำหนักดี
Update: 2564/09/16 01:31:37 - Views: 3559
ประโยชน์ของการปลูกพืชหมุนเวียนในการเกษตร
Update: 2566/01/05 08:34:29 - Views: 3721
โรครากเน่าโคนเน่าในต้นส้มเขียวหวาน: สาเหตุ อาการ และวิธีการป้องกันและรักษา
Update: 2566/11/08 09:46:10 - Views: 3464
กำจัดหนอนชอนใบส้มโอ
Update: 2564/08/17 02:31:34 - Views: 3586
ยาฉีดเงาะ หนอนเจาะผลเงาะ หนอนคืบ ใช้ ไอกี้ เพลี้ยไฟในเงาะ เพลี้ยต่างๆ ใช้ มาคา ส่วนโรคเงาะที่เกิดจากเชื้อรา..
Update: 2563/04/11 13:21:30 - Views: 4024
การจัดการเพลี้ยในต้นลองกอง: วิธีป้องกันและควบคุมเพลี้ยในการเพาะปลูกลองกอง
Update: 2566/11/11 12:14:29 - Views: 3614
การจัดการและป้องกันการทำลายของหนอนชอนใบในต้นส้ม
Update: 2566/11/14 13:15:47 - Views: 3545
โรคที่เกิดกับอ้อย พันธุ์ขอนแก่น 3
Update: 2564/01/25 12:28:56 - Views: 3934
ฆ่าหนอนต้อง ไอกี้ เพลี้ยตัวดีต้องเจอ มาคา | ส่งฟรีถึงบ้านทั่วไทยใน 1-3 วัน ชำระเงินปลายทาง
Update: 2563/03/21 10:02:45 - Views: 3508
สุดยอดสมุนไพรจีนมากคุณค่า 13 ชนิดที่ควรรู้
Update: 2563/02/14 08:49:19 - Views: 3754
ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 3 สูตร: เสริมสร้างความสมบูรณ์แบบที่ช่วยสนับสนุนการเจริญเติบโตของแตงโม
Update: 2567/02/13 09:02:55 - Views: 3530
ป้องกันกำจัดหนอนกอข้าว สาเหตุข้าวเมล็ดลีบ อาการข้าวฝักดาบ ทำให้ข้าวมีผลผลิตต่ำ
Update: 2567/05/20 12:01:05 - Views: 3743
สถานการณ์ทุเรียนไทยปี 2568: โอกาสทางการค้าและปัญหาภายในประเทศที่ต้องจับตา
Update: 2568/03/22 08:16:58 - Views: 288
ผสมปุ๋ย สูตร เร่งดอก เร่งผล สูตร 9-25-25 หรือ 8-24-24 ใช้เองง่ายๆ ใช้แอพผสมปุ๋ยช่วยคำนวณส่วนผสม
Update: 2566/01/31 09:26:28 - Views: 4815
โรคใบไหม้ ในพืชต่างๆ ราน้ำค้าง ราสนิม ใบจุด พืชขาดธาตุอาหาร ใช้ ไอเอส + FKธรรมชาตินิยม #โรคใบไหม้ #โรคพืชจากเชื้อรา
Update: 2564/11/01 08:17:32 - Views: 3489
GA4 © FarmKaset.ORG | สถาบันอนุญาโตตุลาการ : 2022