ไอเอส และ FK-T สามารถใช้ได้กับทุกพืช ใช้ฉีดพ่นทางใบ กับอุปกรณ์ฉีดพ่นทั่วไป และใช้โดรนบินฉีดพ่นได้เช่นกัน

โรคราน้ำค้างดาวน์ - โรคราน้ำค้างทำให้เกิดจุดสีเหลืองหรือสีเขียวอ่อนบนพื้นผิวด้านบนของใบกับเชื้อราสีขาวบนพื้นผิวด้านล่าง มาตรการป้องกันรวมถึงพืชระยะห่างในระยะที่แนะนำเพื่อให้อากาศไหลเวียนได้ดีและใช้น้ำโดยตรงกับดินเพื่อให้ใบไม้แห้ง หลีกเลี่ยงการปลูกผักขมในปีหน้าถ้าคุณมีปัญหากับโรคราน้ำค้างในปีนี้ สิ่งนี้ทำให้สปอร์ของโรคมีโอกาสที่จะตาย.

ไอเอส เป็นสารอินทรีย์สกัดจากธรรมชาติทั้งหมด โดยอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงอันทันสมัย 'การควบคุมประจุไฟฟ้า' สามารถฉีดพ่นได้ก่อนการเก็บเกี่ยว โดยไม่มีสารพิษตกค้าง ปลอดภัยต่อผู้ใช้ และผู้บริโภค

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม ไอเอส และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม


สั่งซื้อ
โทร 0909-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

ปุ๋ย FK-1 เร่งโต สำหรับพืชต่างๆ ประกอบด้วย ธาตุหลัก สารสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ สารจับใบ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี

http://www.farmkaset..link..

อัตราส่วนการผสม
- แกะกล่องออกมามี 2 ถุง ต้องใช้พร้อมกันทั้งสองถุง
- ตักถุงแรก 1-2 ช้อนโต๊ะ ถุงที่สอง 1-2 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร
- คนให้แตกตัวละลายเข้ากับน้ำ
- ฉีดพ่นทางใบพืช

ธาตุหลัก ธาตุรอง และธาตุเสริม จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช และถูกดึงออกจากดินในทุกๆรอบการปลูกพืช ซึ่งปุ๋ยทั่วๆไป ไม่เคยเติมธาตุเหล่านี้ ซึ่งธาตุรองธาตุเสริมที่ขาด จะกลายเป็นข้อจำกัดการเจริญเติบโตของพืช เนื่องจาก "พืชจะเจริญเติบโตได้มากที่สุด เท่ากับธาตุอาหารที่มีต่ำที่สุด" ตามกฎ Liebig s law of the minimum

ปุ๋ยตรา FK ประกอบด้วย ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช จึงทำให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เกิดอาการขาดธาตุ ซึ่งบางอย่าง เป็นธาตุที่ปุ๋ยอินทรีย์ไม่สามารถให้ได้

เมื่อพืช ได้รับธาตุอาหารที่ขาดไป ธาตุอาหารพืชต่างๆ ที่มีอยู่แล้วในดิน ที่พืชไม่เคยดูดกินไปใช้ประโยชน์ได้ ก็สามารถนำไปใช้ได้ เนื่องจาก ธาตุบางตัว เป็นตัวนำพาธาตุอื่นๆ เช่น

- ขาดธาตุ แมกนีเซียม (ใส่ปุ๋ยเยอะ ฉีดทางใบก็เยอะ แต่พืชก็ยังเหลือง ไม่สมบูรณ์) ธาตุแมกนีเซียม [Mg] เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของคลอโรฟิลล์ และก็มีความสำคัญในกระบวนการสร้าง ATP โดยทำหน้าที่เป็นโคแฟกเตอร์ (enzyme cofactor).
การขาดแมกนีเซียม อาจทำให้เกิดอาการเหลืองระหว่างเส้นใบ (interveinal chlorosis).

- ขาดธาตุ สังกะสี (พืชชะงักการเจริญเติบโต เพราะขาดสังกะสี) ธาตุสังกะสี [Zn] เป็นส่วนสำคัญสำหรับเอนไซม์หลายชนิดและเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการถอดรหัสพันธุกรรม (DNA transcription).
การขาดสังกะสี โดยทั่วไปแล้วจะทำให้การเติบโตของใบชะงักงัน

การสั่งซื้อ ส่งฟรีถึงบ้าน เก็บเงินปลายทาง

โทร 090-592-8614

ไลน์ไอดี http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ฟาร์มเกษตร http://www.farmkaset..link..

FK-1 จาก ช้อปปี้ http://www.farmkaset..link..

FK-1 จาก ลาซาด้า http://www.farmkaset..link..

วันนี้สวน FK มีนกหัวขวานแวะเวียนมา จับภาพได้พอดีเลย..

เพลี้ย พวกหนึ่งเลื่องชื่อ ทำลาย พืชผล แพร่ ระบาดปะปน นาไร่ ดูด กินน้ำเลี้ยงพืช ชั่วช้า จัญไร ฆ่า ล้างบางสิ้นไป ฉีดพ่น มาคาฯ

โรคเชื้อราเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการสูญเสียผลผลิตในการปลูกมันสำปะหลัง เพื่อป้องกันและกำจัดโรคเหล่านี้ สิ่งสำคัญคือต้องใช้กลยุทธ์การจัดการที่มีประสิทธิภาพ บทความนี้นำเสนอสองกลยุทธ์ดังกล่าว - การใช้ IS และ FK-1

IS คือส่วนผสมของสารอินทรีย์ที่สามารถป้องกันและกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา แนะนำให้ผสม 50 ซีซี. ของ IS กับน้ำ 20 ลิตร แล้วนำไปใช้กับพืชที่ได้รับผลกระทบ สารผสมนี้มีประสิทธิภาพในการควบคุมโรคเชื้อราต่างๆ ในมันสำปะหลัง รวมทั้งโรคราแป้งและโรคแอนแทรคโนส

FK-1 เป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่อุดมด้วยสารอาหารซึ่งสามารถใช้บำรุงพืชและป้องกันโรคจากเชื้อรา ประกอบด้วยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว อัตราส่วนผสมที่แนะนำคือ 50 กรัมของถุงแรก (ธาตุหลัก) และ 50 กรัมของถุงที่สอง (ธาตุเสริม) ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ส่วนผสมนี้สามารถใช้กับพืชในช่วงฤดูปลูกเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อโรคเชื้อรา

สรุปได้ว่าการใช้ IS และ FK-1 สามารถป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในมันสำปะหลังได้ผลดี สารประกอบอินทรีย์เหล่านี้ปลอดภัยต่อการใช้งานและสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชมันสำปะหลัง ด้วยการใช้กลยุทธ์การจัดการเหล่านี้ เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิตและลดผลกระทบของโรคเชื้อราในพืชผลของพวกเขา

ข้อมูลทางด้านล่างนี้ เป็นการปลูกมังคุดให้ได้ผลผลิตทีดี FK-1 และ FK-3 เป็นปุ๋ยทางใบประสิทธิภาพสูง ใช้เพิ่มผลผลิต และคุณภาพของผลมังคุดได้ดี

ฉีดพ่น FK-1 ในช่วงที่ต้องการเร่งการเจริญเติบโตของมังคุด ปุ๋ยน้ำ FK-1 จะส่งเสริมการเจริญเติบโต ขยายทรงพุ่ม สร้างความเขียวของใบ ทำให้ระบบรากแข็งแรงดูดกินอาหารได้ดีขึ้น มีสารสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ ประกอบอยู่ใน FK-1 ส่งเสริมกระบวนการสร้างอาหารให้กับต้นมังคุด มังคุดจึงโตใบ เขียวสมบูรณ์ แข็งแรง ต้านทานต่อโรคพืชได้ดีขึ้น

ฉีดพ่น FK-3 เมื่อมังคุดเริ่มติดผล ทำให้มังคุดผลโต น้ำหนักดี มีคุณภาพดี FK-3 ประกอบด้วยธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการส่งเสริมผลผลิตมังคุดอย่างครบถ้วน เน้นให้ ธาตุ โพแตสเซียม (K) สูงมาเป็นพิเศษถึง 40% จึงเน้นไปที่การส่งเสริมกระบวนการสะสมอาหารไปที่ผลมังคุดโดยตรง ทำให้มังคุดผลโต คุณภาพดี มีน้ำหนัก จึงได้ผลผลิตที่สูงขึ้น

การปลูกมังคุดให้ได้ผลผลิตดี

การวางผังปลูก มี 2 ระบบ คือ ระบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือสามเหลี่ยมด้านเท่า ระยะระหว่างแถวและต้น 8×8 เมตร หรือ 10×10 และระบบแถวกว้างต้นชิด ระยะปลูกระหว่างแถว 8×3 เมตร หรือ 10×5 เมตร

วิธีการปลูก มี 2 แบบ คือ การปลูกแบบเตรียมหลุมปลูก เหมาะกับพื้นที่ค่อนข้างแห้งแล้ง และการปลูกแบบนั่นแท่นหรือยกโคก เหมาะกับพื้นที่ฝนตกชุก ช่วยให้ดินระบายน้ำได้ดีขึ้น

การลดต้นทุน
ใช้ระยะปลูกและวิธีปลูกที่เหมาะสม สะดวกต่อการจัดการแปลงและการดูแลรักษา ทำให้ผลผลิตสูงและมีคุณภาพ

5. การใส่ปุ๋ยให้กับมังคุด
เก็บตัวอย่างดินและตัวอย่างพืชส่งวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหารและใส่ปุ๋ยให้สอดคล้องกับค่าวิเคราะห์ดินและใบ หรือ

การใส่ปุ๋ยหลังการเก็บเกี่ยว: ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ อัตรา 20-30 กิโลกรัม/ต้น ร่วมกับใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา (กิโลกรัม/ต้น) 1/3 ของเส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม

การใส่ปุ๋ยในช่วงพัฒนาของผล: ใส่ปุ๋ยสัดส่วน 3:1:4 เช่นปุ๋ยสูตร 15-5-20 อัตรา(กิโลกรัม/ต้น) 1 ใน 3 ของเส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม หรือตามค่าวิเคราะห์ดินหลังการติดผลทันที ร่วมกับพ่นปุ๋ยทางใบสัดส่วน 4:1:6 อัตรา 100 กรัม/น้ำ 20 ลิตร

การลดต้นทุน
ใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและความต้องการของพืช และใส่ 3 ครั้ง หลังเก็บเกี่ยว ก่อนออกดอก และเมื่อติดผลผสมปุ๋ยใช้เองลดต้นทุนค่าปุ๋ยได้ 30-50ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมีและปุ๋ยชีวภาพให้ปุ๋ยในระบบน้ำ ลดต้นทุนการใช้แรงงาน 15-20%

การให้น้ำ
ให้น้ำเพียงพอกับความต้องการของมังคุดในแต่ละช่วงการเจริญเติบโต
ระยะติดผล อายุผลประมาณ 5 สัปดาห์ ให้น้ำทุก 3 วัน อัตรา 80% ของการให้น้ำปกติ
ระยะอายุผล 5 สัปดาห์ถึงก่อน 10 สัปดาห์ ให้น้ำอัตรา 90% ของการให้น้ำปกติ
ระยะอายุผลประมาณ 10-12 สัปดาห์ถึงเก็บเกี่ยว ให้น้ำอัตรา 80% ของการให้น้ำปกติ

7. การดูแลรักษา
การพรางแสง เพื่อให้ร่มเงาในช่วงแรกของการเจริญเติบโต อาจใช้วัสดุธรรมชาติช่วยพรางแสง หรืออาจปลูกต้นไม้โตเร็วระหว่างแถวมังคุด เช่น กล้วย ทองหลาง

การตัดแต่งและควบคุมทรงพุ่ม
มังคุดต้นเล็ก ตัดแต่งเฉพาะกิ่งด้านล่างให้สูงจากพื้นดินประมาณ 50 เซนติเมตร และกิ่งที่ซ้อนทับกันจนแน่นทึบออก

มังคุดที่ให้ผลผลิตแล้ว ตัดแต่งกิ่งที่อยู่ด้านข้างของทรงพุ่มที่ประสานกันออก ให้มีช่องว่างระหว่างชายพุ่มโดยรอบกับต้นข้างเคียงประมาณ 50-70 เซนติเมตร ตัดยอดที่สูงเกินต้องการออก ตัดกิ่งประธานหรือกิ่งรองออกด้านละ 1-5 กิ่ง ให้เลี้ยงกิ่งแขนงที่อยู่ในทรงพุ่มไว้เพื่อได้ผลผลิตเพิ่ม

อ้างอิงข้อมูลทางวิชาการ จาก กรมวิชาการเกษตร

ทุเรียน ผลไม้เมืองร้อนอันเป็นที่รักซึ่งขึ้นชื่อเรื่องกลิ่นและเนื้อครีมอันโดดเด่น กำลังเผชิญกับปัญหาทั่วไป—โรคเน่าของผลไม้ การติดเชื้อราที่ทำลายล้างนี้ไม่เพียงแต่ทำให้คุณภาพและรสชาติของผลไม้ลดลงเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับเกษตรกรและผู้ค้าอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าในการวิจัยและพัฒนาได้นำไปสู่การค้นพบ IS ซึ่งเป็นสารต้านเชื้อราอินทรีย์จากธรรมชาติที่ได้จากวัตถุดิบ IS มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมและยับยั้งเชื้อรา สร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเชื้อราบนพื้นผิวของต้นทุเรียน บทความนี้จะสำรวจการพัฒนา คุณสมบัติ และประโยชน์ของ IS โดยเน้นถึงศักยภาพของ IS ว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับการต่อสู้โรคผลเน่าในทุเรียน

การพัฒนา IS เป็นสารต้านเชื้อราเป็นผลมาจากความพยายามในการวิจัยและพัฒนาที่กว้างขวาง โดยมุ่งค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับโรคผลเน่าของผลทุเรียน ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูง นักวิทยาศาสตร์สามารถระบุสารประกอบอินทรีย์จากวัตถุดิบธรรมชาติที่แสดงคุณสมบัติต้านเชื้อราที่มีศักยภาพ สารประกอบเหล่านี้ได้รับการสกัดอย่างระมัดระวัง ทำให้บริสุทธิ์ และรวมกันเพื่อสร้าง IS ซึ่งเป็นสารต้านเชื้อราอินทรีย์ที่ทรงพลังซึ่งปรับแต่งมาโดยเฉพาะเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อราที่ส่งผลต่อต้นทุเรียน

การควบคุมและยับยั้งเชื้อรา:
IS ทำหน้าที่โดยควบคุมสภาพแวดล้อมบนผิวใบของต้นทุเรียน ทำให้เกิดสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตและการขยายพันธุ์ของเชื้อรา เชื้อราต้องการปัจจัยแวดล้อมที่เฉพาะเจาะจง เช่น ความชื้น ระดับ pH และอุณหภูมิในการเจริญเติบโต IS ขัดขวางเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยเหล่านี้ ทำให้เชื้อราสร้างและแพร่กระจายบนพื้นผิวของพืชได้ยาก ด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย IS จึงสามารถป้องกันการเกิดและลุกลามของโรคผลเน่าในทุเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เพิ่มการยึดเกาะและประสิทธิภาพ:
คุณลักษณะที่โดดเด่นอย่างหนึ่งของ IS คือความสามารถในการยึดติดกับพื้นผิวใบพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สารต้านเชื้อราแบบดั้งเดิมมักจะพยายามรักษาให้คงอยู่เป็นเวลานานบนใบ ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพลดลง อย่างไรก็ตาม IS เอาชนะความท้าทายนี้ด้วยการใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มการยึดเกาะกับพื้นผิวใบ ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นนี้ช่วยให้มั่นใจได้ถึงฤทธิ์ต้านเชื้อราที่ยาวนานและทรงพลังยิ่งขึ้น ปกป้องต้นทุเรียนจากการติดเชื้อและโรคต่างๆ

ความปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม:
ลักษณะสำคัญของ IS คือความมุ่งมั่นต่อความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม ซึ่งแตกต่างจากสารฆ่าเชื้อราที่ใช้สารเคมีทั่วไป IS มาจากวัตถุดิบจากธรรมชาติทั้งหมด ทำให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและลดความเสี่ยงของสารเคมีตกค้างที่เป็นอันตราย องค์ประกอบตามธรรมชาตินี้ทำให้มั่นใจได้ว่า IS ปลอดภัยสำหรับเกษตรกร คนงาน และผู้บริโภคที่สัมผัสกับผลทุเรียนที่ผ่านการบำบัดแล้ว ด้วยการส่งเสริมแนวทางที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการจัดการโรคผลเน่าของผลทุเรียน IS จึงนำเสนอทางเลือกที่ได้ผลแทนสารกำจัดเชื้อราทั่วไป

การค้นพบ IS เป็นสารต้านเชื้อราอินทรีย์แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการต่อสู้กับโรคผลเน่าในต้นทุเรียน ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างมากมาย IS ได้คิดค้นสูตรอย่างพิถีพิถันเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและการแพร่กระจายบนผิวใบของต้นทุเรียน การยึดเกาะที่ดีขึ้นและองค์ประกอบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทำให้เป็นโซลูชันที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับเกษตรกร คนงาน และผู้บริโภค ด้วยการเปิดตัวของ IS อุตสาหกรรมทุเรียนสามารถคาดหวังถึงผลผลิตที่ดีขึ้น การสูญเสียทางเศรษฐกิจที่ลดลง และผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับความเพลิดเพลินอย่างต่อเนื่องของอาหารเขตร้อนอันน่ารับประทานนี้


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

พืชเป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศ ให้อาหาร ออกซิเจน และที่พักพิงแก่เรา เพื่อให้พืชเติบโตและพัฒนาได้อย่างถูกต้อง พวกมันต้องการสารอาหารที่จำเป็นต่างๆ หนึ่งในสารอาหารที่สำคัญเหล่านี้คือกรดอะมิโน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของโปรตีน กรดอะมิโนจำเป็นสำหรับการทำงานที่เหมาะสมของพืช และมีบทบาทสำคัญในการผลิตฮอร์โมนพืช ซึ่งควบคุมกระบวนการทางสรีรวิทยาต่างๆ

กระเจี๊ยบเขียวเป็นผักที่มีการบริโภคกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก และเป็นแหล่งสำคัญของสารอาหารต่างๆ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ พืชชนิดนี้เป็นที่รู้จักจากความสามารถในการเจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ร้อนและแห้ง ทำให้เป็นพืชที่ได้รับความนิยมในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน กระเจี๊ยบต้องการกรดอะมิโนจำนวนมากเพื่อผลิตฮอร์โมนพืชที่ช่วยในการสร้างและขยายเซลล์เนื้อเยื่อและการพัฒนาส่วนต่าง ๆ ของพืช

ในบทความนี้ เราจะสำรวจกรดอะมิโนที่จำเป็น 18 ชนิดที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของกระเจี๊ยบเขียว

อะลานีน: กรดอะมิโนนี้ช่วยในการสังเคราะห์โปรตีนและมีส่วนร่วมในกระบวนการเผาผลาญอาหารต่างๆ

อาร์จินีน: อาร์จินีนมีความสำคัญต่อการผลิตไนตริกออกไซด์ ซึ่งช่วยในการควบคุมการเจริญเติบโตของพืช

แอสพาราจีน: แอสพาราจีนจำเป็นสำหรับการทำงานที่เหมาะสมของระบบประสาทและการสังเคราะห์ฮอร์โมนพืช

กรดแอสปาร์ติก: กรดแอสปาร์ติกมีบทบาทสำคัญในวงจร Krebs ซึ่งเกี่ยวข้องกับการผลิต ATP ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักสำหรับเซลล์

ซีสเตอีน: ซีสเตอีนมีส่วนร่วมในการผลิตกลูตาไธโอน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย

กรดกลูตามิก: กรดกลูตามิกจำเป็นต่อการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและการสังเคราะห์โปรตีน

กลูตามีน: กลูตามีนมีส่วนร่วมในการสังเคราะห์นิวคลีโอไทด์และกรดอะมิโนและช่วยในการควบคุมเมแทบอลิซึมของไนโตรเจน

Glycine: Glycine จำเป็นสำหรับการสังเคราะห์โปรตีนและมีส่วนร่วมในกระบวนการเผาผลาญอาหารต่างๆ

ฮิสทิดีน: ฮิสทิดีนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสังเคราะห์นิวคลีโอไทด์และโปรตีนทางชีวภาพ และมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการเจริญเติบโตของพืช

ไอโซลิวซีน: ไอโซลิวซีนมีส่วนร่วมในการสังเคราะห์โปรตีนและจำเป็นสำหรับการควบคุมการเจริญเติบโตของพืช

ลิวซีน: ลิวซีนจำเป็นสำหรับการสังเคราะห์โปรตีนและมีส่วนร่วมในกระบวนการเมแทบอลิซึมต่างๆ

ไลซีน: ไลซีนมีความสำคัญต่อการสังเคราะห์โปรตีนและมีส่วนร่วมในการควบคุมการเจริญเติบโตของพืช

เมไธโอนีน: เมไทโอนีนจำเป็นสำหรับการสังเคราะห์โปรตีนและเกี่ยวข้องกับการควบคุมเมแทบอลิซึมของไนโตรเจน

Phenylalanine: Phenylalanine จำเป็นสำหรับการสังเคราะห์โปรตีนและเกี่ยวข้องกับการควบคุมการเจริญเติบโตของพืช

Proline: Proline มีส่วนร่วมในการสังเคราะห์โปรตีนและช่วยในการควบคุมการเจริญเติบโตของพืช

ซีรีน: ซีรีนจำเป็นสำหรับการสังเคราะห์โปรตีนและมีส่วนร่วมในกระบวนการเผาผลาญอาหารต่างๆ

ธรีโอนีน: ธรีโอนีนจำเป็นต่อการสังเคราะห์โปรตีนและมีส่วนร่วมในการควบคุมการเจริญเติบโตของพืช

วาลีน: วาลีนจำเป็นสำหรับการสังเคราะห์โปรตีนและเกี่ยวข้องกับการควบคุมการเจริญเติบโตของพืช

โดยสรุปแล้ว กรดอะมิโนมีบทบาทสำคัญในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช กระเจี๊ยบเขียวจะเติบโตได้เต็มที่นั้นต้องการกรดอะมิโนจำเป็น 18 ชนิดดังกล่าวข้างต้น กรดอะมิโนเหล่านี้ช่วยในการผลิตฮอร์โมนพืช ซึ่งควบคุมกระบวนการทางสรีรวิทยาต่างๆ รวมถึงการสร้างและการขยายตัวของเซลล์เนื้อเยื่อและการพัฒนาส่วนต่างๆ ของพืช โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระเจี๊ยบเขียวได้รับอะมิโนที่จำเป็นในปริมาณที่เหมาะสม

วิธีการใช้
ผสมน้ำฉีดพ่น
พืชผัก 10-20 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
นาข้าว พืชไร่ ไม้ผล 20-40 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
ผสมระบบน้ำหยด 500 มล.ต่อ 1 ไร่
ควรฉีดพ่น 2 ครั้งต่อเดือน
ไม่ควรฉีดพ่นระยะพืชออกดอก

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

อะมิโนโปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช พวกมันมีบทบาทสำคัญในการผลิตฮอร์โมนพืชที่กระตุ้นการเจริญเติบโตและการขยายตัวของเซลล์เนื้อเยื่อ ผักบุ้งเป็นพืชปีนเขาที่ขึ้นชื่อเรื่องดอกที่บานสะพรั่งสวยงาม เป็นเพียงหนึ่งในพืช 18 ชนิดที่ได้รับประโยชน์จากการเสริมโปรตีนอะมิโน

อะมิโน-โปรตีนทำงานโดยกระตุ้นการแบ่งตัวและการยืดตัวของเซลล์ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาส่วนต่างๆ ของพืช ส่งผลให้การเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นและมีรูปร่างที่สมบูรณ์แข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ อะมิโนโปรตีนยังสามารถเพิ่มความสามารถของพืชในการดูดซึมและใช้สารอาหารอื่นๆ ซึ่งนำไปสู่การเติบโตและการพัฒนาที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

วิธีหนึ่งที่ใช้บ่อยที่สุดในการใช้อะมิโนโปรตีนคือการผสมกับน้ำแล้วฉีดเป็นสเปรย์ สำหรับผัก อัตราส่วนที่แนะนำคืออะมิโนโปรตีน 10-20 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร ส่วนนาข้าว พืชไร่ และไม้ผล แนะนำให้ใช้ความเข้มข้นสูงกว่านี้ 20-40 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร สำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น เมื่อใช้ระบบน้ำหยด แนะนำให้ใช้อะมิโนโปรตีน 500 มล. ต่อพื้นที่ 1 ไร่

สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าไม่ควรฉีดพ่นอะมิโนโปรตีนในช่วงระยะออกดอกของพืช เนื่องจากอาจรบกวนการเจริญเติบโตตามธรรมชาติและกระบวนการพัฒนา ทางที่ดีควรฉีดพ่นอะมิโนโปรตีนเดือนละสองครั้งในช่วงระยะการเจริญเติบโตของพืชเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

นอกเหนือจากการส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชที่ดีแล้ว อะมิโนโปรตีนยังสามารถช่วยเพิ่มผลผลิตของพืชผลและคุณภาพของพืชโดยรวมอีกด้วย ด้วยการให้สารอาหารที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาพืช โปรตีนอะมิโนสามารถช่วยให้เกษตรกรและชาวสวนผลิตพืชผลที่อุดมสมบูรณ์และมีสุขภาพดีขึ้นได้

สรุปได้ว่า อะมิโนโปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช พวกมันสามารถช่วยกระตุ้นการแบ่งตัวและการยืดตัวของเซลล์ ส่งผลให้พืชสมบูรณ์แข็งแรงขึ้น ผสมอะมิโนโปรตีนกับน้ำและใช้เป็นสเปรย์ เกษตรกรและชาวสวนสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชที่ดีและเพิ่มผลผลิตพืชผล อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องปฏิบัติตามแนวทางการใช้งานที่แนะนำและหลีกเลี่ยงการฉีดพ่นในช่วงระยะออกดอกเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

ต้นกล้วยมีความเสี่ยงต่อโรคเชื้อราต่างๆ รวมถึงโรคใบจุด ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมากต่อต้นและทำให้ผลผลิตลดลง_

ไอเอส เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในพืช สารประกอบนี้ทำงานโดยการควบคุมไอออนในพืช ซึ่งจะช่วยป้องกันการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเชื้อรา วิธีใช้ ไอเอส ผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร แล้วฉีดพ่นบนต้นกล้วย สามารถใช้ส่วนผสมนี้เป็นประจำเพื่อป้องกันโรคใบจุดและโรคเชื้อราอื่น ๆ ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพืช_

นอกจาก ไอเอส แล้ว ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK1 ยังสามารถใช้เพื่อเพิ่มผลผลิตสูงสุดและปกป้องต้นกล้วยจากโรคได้ด้วยการเสริมสร้างภูมิต้านทาน_ FK1 ประกอบด้วยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว ซึ่งทั้งหมดทำงานร่วมกันเพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตและความสมบูรณ์ของพืช ไนโตรเจนช่วยเร่งการเจริญเติบโตและเร่งการเจริญเติบโตของใบเขียว ส่วนฟอสฟอรัสทำหน้าที่เป็นตัวเร่งดอก เปิดตาดอก และเร่งระบบราก โพแทสเซียมทำหน้าที่เป็นตัวเร่งผลผลิตและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของพืชต่อโรค_

FK1 เมื่อแกะกล่องออกมา จะพบสองถุงบรรจุถุงละ 1 กก. ต้องผสมใช้พร้อมกัน ใช้ 50 กรัมของถุงแรกและ 50 กรัมของถุงที่สอง ผสมละลายลงในน้ำ 20 ลิตร คนให้ละลายแล้วฉีดพ่นบนต้นกล้วย ส่วนผสมนี้สามารถใช้เป็นประจำเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ดีและปกป้องพืชจากโรค_

หมายเหตุ สามารถผสม ไอเอส และ FK1 ฉีดพ่นไปพร้อมกัน เพื่อป้องกันกำจัดโรค และเร่งบำรุงส่งเสริมผลผลิตไปในตัว_

สรุปได้ว่าการใช้ ไอเอส และ FK1 สามารถช่วยป้องกันและกำจัดโรคใบจุดในกล้วยได้ เมื่อใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็นประจำ เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยจะสามารถเพิ่มผลผลิตให้กับพืชของตน และมั่นใจได้ว่าจะได้ผลผลิตที่ดีต่อสุขภาพและอุดมสมบูรณ์

http://ไปที่..link..

เลือกซื้อ ไอเอส และ FK-1 เลื่อนลงล่างอีกนิดนะคะ