การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 ฉีดพ่นป้องกันและกำจัดเพลี้ยแป้ง ศัตรูพืชสำหรับต้นมะนาว

เพลี้ยแป้ง เป็นศัตรูพืชตัวร้ายที่สร้างปัญหาให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมะนาวเป็นอย่างมาก เพลี้ยแป้งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากต้นมะนาว ทำให้ใบเหลือง แคระแกร็น ผลผลิตลดลง

สูตรเด็ด ในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยแป้งบนต้นมะนาว คือ การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 ฉีดพ่น

INVET

ชื่อสามัญ: ไดโนเตฟูราน
เป็นยาฆ่าแมลงชนิดดูดซึม
ออกฤทธิ์กว้าง กำจัดแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิด รวมถึงเพลี้ยแป้ง
มีประสิทธิภาพสูง ออกฤทธิ์เร็ว และยาวนาน

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5

ประกอบด้วยธาตุอาหารไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม
ช่วยให้ต้นมะนาวเจริญเติบโต ใบเขียว ออกดอก ออกผล
วิธีผสมและฉีดพ่น

เตรียมถังผสมขนาด 20 ลิตร
ใส่น้ำลงในถังผสมประมาณ 20 ลิตร
ใส่ INVET 20 กรัม
ใส่ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 25 กรัม
คนให้เข้ากันจนละลาย
เติมน้ำให้เต็มถัง
ฉีดพ่นให้ทั่วใบ ลำต้น และใต้ใบ โดยเฉพาะบริเวณที่มีเพลี้ยแป้ง
ฉีดพ่นในช่วงเช้าหรือเย็น อากาศไม่ร้อนจัด
ฉีดพ่น 2-3 ครั้ง ห่างกัน 7-10 วัน

ข้อควรระวัง

สวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ แว่นตา และเสื้อผ้าหนา เมื่อผสมและฉีดพ่น
ห้ามฉีดพ่นในขณะที่มีลมแรง
ห้ามฉีดพ่นในแหล่งน้ำ
เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
อ่านฉลากก่อนใช้ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

ข้อดีของการใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5

กำจัดเพลี้ยแป้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วยให้ต้นมะนาวเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง
ใบเขียว ฟู ผลสมบูรณ์
เพิ่มผลผลิตและคุณภาพของมะนาว
ใช้สะดวก ประหยัดเวลา

การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยแป้ง ช่วยให้เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตมะนาวที่มีคุณภาพดี

หมายเหตุ: ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้น เกษตรกรควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนใช้งานจริง และควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากของยาฆ่าแมลงอย่างเคร่งครัด

อัตราส่วนผสม อิทเวท ป้องกันกำจัดเพลี้ย
20กรัม ต่อน้ำ 20ลิตร *ควรผสมฉีดพ่นไปพร้อมกับ สตาร์เฟอร์สูตร 30-20-5 เพื่อให้พืชฟื้นตัวจากการเข้าทำลายของเพลี้ยได้เร็ว และกลับมาเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

อัตราส่วนผสมใช้ ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ (ทุกสูตร)
อัตราส่วน 25 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
ถัง 16-20 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 25 กรัม (1ช้อนโต๊ะ)
ถัง 200 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 250 กรัม (1ส่วน4ถุง)

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 1 ถุง บรรจุ 1 กิโลกรัม ผสมน้ำได้ 800 ลิตร ใช้ได้ประมาณ 10 ไร่

📌สั่งซื้อ สอบถาม

»โทร 097-918-3530
»ไลน์ janemini1112

🔎ซื้อกับลาซาด้า ช้อปปี้
.
» ซื้อสินค้า ที่ช้อปปี้: http://ไปที่..link..
.
» ซื้อสินค้า ที่ลาซาด้า: http://ไปที่..link..

โรคเชื้อราที่พบในดอกทานตะวันสามารถมีหลายชนิด และมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและการผลิตของพืชได้ นอกจากนี้ยังสามารถก่อให้เกิดความเสียหายทั้งด้านดอกและเมล็ดที่มีผลต่อผลผลิตทั้งหมดของดอกทานตะวันด้วย

นานาปัญหาทางที่สามารถเกิดขึ้นได้ในดอกทานตะวันเนื่องจากเชื้อรามีดังนี้:

โรคราน้ำค้าง (Downy Mildew): เป็นโรคที่มักเกิดในสภาพอากาศที่ชื้น เชื้อราจะเจริญที่ผิวใต้ของใบและดอกทำให้เกิดแผลสีเหลือง และมีความเป็นหยดน้ำค้างที่เป็นเส้นใต้ใบ

โรคราในดอก (Botrytis): เกิดจากเชื้อรา Botrytis cinerea ที่ระบาดในสภาพอากาศที่ชื้น มักเป็นปัญหาในฤดูฝน สาเหตุทำให้เกิดแผลสีน้ำตาลบนดอก และอาจเกิดความเสียหายต่อเมล็ด

โรคแอนแทรคโนส (Alternaria Leaf Spot): เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อรา Alternaria ทำให้เกิดจุดสีน้ำตาลที่ผิวใบ และอาจกระจายไปยังดอก

โรคใบจุดสนิม (Rust): เกิดจากเชื้อรา Puccinia helianthi ทำให้เกิดจุดสีน้ำตาลที่ผิวใบ และส่งผลให้ใบแห้ง

การจัดการโรคเชื้อราในดอกทานตะวันสามารถทำได้โดยการใช้สารป้องกันกำจัดโรคที่เหมาะสม การบำรุงรักษาที่ดีเช่นการลดความชื้นที่มีต่ำได้ การตัดแต่งและกำจัดส่วนที่เป็นโรค การป้องกันการระบาดของโรคด้วยการพ่นสารป้องกันกำจัดโรคที่มีประสิทธิภาพ และการเลือกใช้พันธุ์ที่ต้านทานโรคได้ดี.

.
ไอเอส เป็นสารอินทรีย์ ป้องกัน กำจัด โรคต้นดอกทานตะวัน จากเชื้อราหลายชนิด
ไอเอส สามารถป้องกันกำจัดโรคเชื้อราต่างๆ ในพืชทุกชนิดได้เช่นกัน
.
สั่งซื้อ ไอเอส ได้ที่ ลาซาด้า คลิก http://ไปที่..link.. .
หรือ โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset
.

เพลี้ยทำลายต้นมะเขือเทศได้และมักจะเป็นปัญหาที่พบบ่อยในการปลูกพืชเหล่านี้ มีหลายชนิดของเพลี้ยที่สามารถทำลายมะเขือเทศได้ บางชนิดที่พบบ่อยได้แก่เพลี้ยหอย เพลี้ยกระโดด เพลี้ยแป้ง

การป้องกันและควบคุมเพลี้ยในต้นมะเขือเทศสามารถทำได้โดยใช้วิธีต่อไปนี้:

การใช้สารเคมี: สารเคมีเช่น พิริมิฟอส (Pyrethroids) หรือนีโอนิคโตริโดม (Neonicotinoids) สามารถใช้ควบคุมเพลี้ยได้ แต่ต้องใช้ตามคำแนะนำและอัตราที่ระบุในฉลากของผลิตภัณฑ์ และต้องระมัดระวังในการใช้สารเคมีในสวนผัก.

การใช้สารชีวภาพ: สามารถใช้สารชีวภาพ เช่น บีที (Bacillus thuringiensis) หรือแตนเขียน (Neem oil) ที่มีคุณสมบัติทำลายเพลี้ยแต่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในสวนผัก.

การใช้วิธีบำบัดดิน: ทำการปรับปรุงดินในสวนผักเพื่อให้มีสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการขยายพันธุ์ของเพลี้ย.

การตรวจสอบและกำจัดเพลี้ยเสมอ: ตรวจสอบต้นมะเขือเทศอย่างสม่ำเสมอและถ้าพบเพลี้ยในระดับน้อย ให้ใช้มือละเมิดตัวเพลี้ยทิ้ง หรือใช้ฟองน้ำแรงดันสูง (High-pressure water spray) เพื่อล้างเพลี้ยออกจากต้นมะเขือเทศ.

การใช้วิธีผสมผสานของการควบคุมและการป้องกันจะช่วยลดการระบาดของเพลี้ยในสวนผักของคุณได้.

.
การป้องกันและกำจัดเพลี้ยแป้งในต้นมะเขือเทศ ทำได้โดยการตรวจสอบดูแลแปลงอย่างสม่ำเสมอ เมื่อตรวจพบเพลี้ย เร่งใช้ยาฉีดพ่น เพื่อป้องกันกำจัด ไม่ให้ลุกลามสร้างความเสียหายมากขึ้น
.
มาคา เป็นสารอินทรีย์ ป้องกัน กำจัด เพลี้ยต่างๆ ในต้นมะเขือเทศ
มาคา สามารถป้องกันกำจัดเพลี้ยต่างๆ ในพืชทุกชนิดได้เช่นกัน
.
สั่งซื้อ มาคา ได้ที่ ลาซาด้า คลิก http://ไปที่..link.. .
หรือ โทร 090-592-8614
.
ไลน์ไอดี @FarmKaset
.

อากาศร้อน และมีฝนตกในบางพื้นที่ระยะนี้ กรมวิชาการเกษตร แนะเกษตรกรผู้ปลูกมะปรางและมะยงชิดให้ระวังโรคแอนแทรคโนส มักพบเชื้อราสาเหตุโรคเข้าทำลายพืชได้ทุกระยะการเจริญเติบโต ใบ พบแผลรูปร่างไม่แน่นอน ขอบแผลชัดเจนสีน้ำตาลเข้ม กลางแผลสีน้ำตาลอ่อนบางใสกว่าเนื้อใบรอบๆ กรณีมีความชื้นสูง แผลจะเพิ่มจำนวนขยายใหญ่อย่างรวดเร็วติดต่อกันทั้งใบ ทำให้ใบบิดเบี้ยวหรือไหม้แห้ง หากรุนแรงถึงระยะออกดอก เชื้อราสาเหตุโรคจะเข้าทำลายช่อดอก โดยเห็นเป็นจุดสีน้ำตาลดำกระจายบนก้านดอก ทำให้ดอกเหี่ยวและหลุดร่วงไม่ติดผล ผลอ่อน จะพบเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลดำและ ร่วงหล่น เชื้อราสาเหตุโรคจะแฝงอยู่ที่ผลอ่อนโดยไม่แสดงอาการของโรค แต่จะแสดงอาการเมื่อผลแก่ โดยพบจุดแผลสีดำเล็กๆ ต่อมาแผลขยายลุกลามและบริเวณแผลอาจพบรอยแตก ทำให้ผลเน่าในที่สุด

เกษตรกรควรหมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบพืชเริ่มมีอาการของโรค ให้ตัดแต่งกิ่งและเก็บส่วนที่เป็นโรคนำไปทำลายทิ้งนอกแปลงปลูก เพื่อลดปริมาณเชื้อสาเหตุโรค และกำจัดวัชพืชรอบโคนต้น เพื่อลดความชื้นในทรงพุ่ม จากนั้น ให้ควบคุมปริมาณธาตุอาหารให้เหมาะสม ไม่ควรใส่ปุ๋ยที่มีค่าไนโตรเจนมากเกินไป ภายหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตเรียบร้อยแล้ว เกษตรกรควรตัดแต่งกิ่งให้ทรงพุ่มโปร่ง โดยเฉพาะกิ่งที่เป็นโรค และเก็บส่วนที่เป็นโรคนำไปทำลายนอกแปลงปลูก เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของโรคในฤดูกาลผลิตต่อไป

สำหรับแหล่งปลูกที่พบการระบาดของโรคเป็นประจำ จะพบในช่วงแตกใบอ่อน เริ่มแทงช่อดอก และหลังติดผลอ่อน เกษตรกรควรพ่นในช่วงติดผลด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืชแมนโคเซบ 80% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารอะซอกซีสโตรบิน 25% เอสซี อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารโพรคลอราซ 45% อีซี อัตรา 15 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 7-10 วัน หากมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเกิดโรค คือ มีฝนตกและอากาศร้อนชื้น ควรพ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืชดังกล่าว เพื่อป้องกันการระบาดของโรค และควรหยุดพ่นสารก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่น้อยกว่า 15 วัน หลีกเลี่ยงการพ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืชในระยะดอกบาน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อแมลงช่วยผสมเกสรของพืช

ป้องกัน ยับยั้งด้วย ไอเอส สารอินทรีย์ ในอัตราส่วน 50ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร

📌 ไอเอส ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.farmkaset..link..
📌 ไอเอส ข้อมูลรายละเอียด และโปรโมชั่น ที่ลิงค์นี้นะค่ะ http://www.farmkaset..link..
✅ ปลอดสารพิษ ✅ จากธรรมชาติ ✅ ปลอดภัยต่อทั้งผู้ใช้และผู้บริโภค

🚚 มีบริการเก็บเงินปลายทางฟรี ไม่ต้องโอน

📞 โทรสอบถามหรือสั่งซื้อ 090-592-8614

👉 แอดไลน์ไอดี FarmKaset หรือคลิก http://www.farmkaset..link..
👉 สอบถามสั่งซื้อทางเพจ ฟาร์มเกษตร หรือคลิก http://www.farmkaset..link..
ขอบคุณข้อมูลจาก stock.newsplus.co.th/186810

ปุ๋ยตรา FK เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับเกษตรกรและชาวสวนจำนวนมาก เนื่องจากปุ๋ยสูตรครอบคลุมและมีประสิทธิภาพในการเจริญเติบโตของพืช โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปุ๋ย FK-1 ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับใช้กับต้นน้อยหน่าและมีส่วนผสมของธาตุอาหารหลักและธาตุอาหารรอง ได้แก่ แมกนีเซียม สังกะสี ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม รวมทั้งสารลดแรงตึงผิวเพื่อช่วยในการดูดซึมและกระจาย ของสารอาหารเหล่านี้

ประโยชน์หลักประการหนึ่งของการใช้ปุ๋ย FK-1 กับต้นน้อยหน่าคือความสามารถในการเร่งการเจริญเติบโต สิ่งนี้ทำได้โดยการรวมสารอาหารที่จำเป็น เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ซึ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาและการเจริญเติบโตของพืชอย่างเหมาะสม สารลดแรงตึงผิวในปุ๋ยยังช่วยให้แน่ใจว่าสารอาหารเหล่านี้ถูกดูดซึมและกระจายอย่างมีประสิทธิภาพทั่วทั้งต้นพืช ส่งเสริมการเจริญเติบโตและสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น

นอกจากการส่งเสริมการเจริญเติบโตโดยรวมแล้ว ปุ๋ย FK-1 ยังสามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพของผลน้อยหน่าได้อีกด้วย สิ่งนี้ทำได้โดยการรวมธาตุต่างๆ เช่น แมกนีเซียมและสังกะสี ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาผลไม้และรสชาติที่เหมาะสม โดยการให้สารอาหารเหล่านี้ ปุ๋ย FK-1 สามารถช่วยให้ต้นน้อยหน่าผลิตผลไม้คุณภาพสูงที่มีน้ำหนักและรสชาติที่ดี

แม้ว่าปุ๋ย FK-1 จะเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเจริญเติบโตและการพัฒนาโดยรวมของต้นน้อยหน่า แต่ปุ๋ย FK-3 นั้นได้รับการคิดค้นสูตรขึ้นโดยเฉพาะเพื่อมุ่งเน้นที่การเพิ่มผลผลิต สลับมาฉีดพ่น FK-3 ในระยะน้อยหน่าเริ่มติดผล ปุ๋ยนี้มีโพแทสเซียมสูงเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในการส่งเสริมการผลิตผลไม้ในพืชหลายชนิด ด้วยการให้โพแทสเซียมปริมาณเข้มข้น ปุ๋ย FK-3 สามารถช่วยเพิ่มผลผลิตของต้นน้อยหน่า นำไปสู่ผลผลิตที่มากขึ้นของผลไม้คุณภาพสูง

โดยทั่วไปแล้ว ปุ๋ยตรา FK เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับสนับสนุนการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืชหลากหลายชนิด รวมถึงน้อยหน่า ด้วยการผสมผสานสารอาหารที่จำเป็นและสารลดแรงตึงผิวเข้าด้วยกัน ปุ๋ยเหล่านี้สามารถช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชและปรับปรุงคุณภาพของผลไม้ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากปุ๋ยเหล่านี้ สิ่งสำคัญคือต้องทำตามคำแนะนำการใช้ที่แนะนำและใช้ในเวลาที่เหมาะสม เช่น เมื่อเริ่มติดผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

สนใจปุ๋ย FK1 และ FK-3 ช่องทางสั่งซื้อ

ลาซาด้า

FK-1 บนลาซาด้า http://ไปที่..link..

FK-3 บนลาซาด้า http://ไปที่..link..

ช้อปปี้

FK-1 บนช้อปปี้ http://ไปที่..link..

FK-3 บนช้อปปี้ http://ไปที่..link..

โทร 090-592-8614

ไลน์ไอดี @FarmKaset

โรคกุ้งแห้งที่เกิดจากเชื้อราก่อโรคเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อการเพาะปลูกและผลผลิตของต้นพริก สารฆ่าเชื้อราทั่วไปอาจควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่มักมีสารเคมีสังเคราะห์ที่อาจเป็นอันตรายต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ เพื่อรับมือกับความท้าทายนี้ นักวิจัยได้พัฒนา IS ซึ่งเป็นสารต้านเชื้อราอินทรีย์ที่ได้จากส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด โซลูชั่นนวัตกรรมนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อกำจัดโรคกุ้งแห้งโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม

วิจัยและพัฒนา

การพัฒนา IS เป็นสารต้านเชื้อราที่มีประสิทธิภาพเกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนาอย่างกว้างขวาง นักวิทยาศาสตร์ศึกษาส่วนผสมจากธรรมชาติหลายชนิดและคุณสมบัติในการต้านเชื้อราเพื่อระบุส่วนประกอบที่มีศักยภาพมากที่สุด จากการทดสอบและทดลองอย่างเข้มงวด พวกเขาค้นพบส่วนผสมของสารประกอบอินทรีย์ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราอย่างมาก ความก้าวหน้านี้นำไปสู่การคิดค้น IS ซึ่งเป็นสารดับเพลิงที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรคกุ้งแห้งในสารสกัดจากพริก

การควบคุมและยับยั้งเชื้อรา

IS ทำหน้าที่โดยการควบคุมสภาพแวดล้อมที่ผิวใบพืช ทำให้เกิดสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตและการขยายพันธุ์ของเชื้อรา เชื้อราเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและชื้น ซึ่งเหมาะสำหรับการพัฒนาของเชื้อรา โดยการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นผิว IS ทำลายสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยนี้ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและป้องกันการแพร่กระจายของโรคต่อไป

เพิ่มความยึดมั่นและประสิทธิภาพ

ข้อได้เปรียบที่สำคัญอย่างหนึ่งของ IS คือความสามารถในการยึดติดกับผิวใบของพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ การกำหนดสูตรของ IS ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการครอบคลุมที่ดีขึ้นและการสัมผัสกับเชื้อราที่ก่อโรคเป็นเวลานาน เพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดโรค คุณสมบัติการยึดเกาะที่ได้รับการปรับปรุงจะเพิ่มประสิทธิภาพของสารต้านเชื้อรา ลดความจำเป็นในการทาซ้ำบ่อยๆ และลดความเสี่ยงของการเกิดซ้ำของโรค

ความปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม

ความปลอดภัยของ IS สำหรับทั้งผู้ใช้และสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ซึ่งแตกต่างจากสารฆ่าเชื้อราที่ใช้สารเคมีทั่วไป IS มาจากส่วนผสมจากธรรมชาติและไม่มีสารสังเคราะห์ที่เป็นอันตราย วิธีการแบบออร์แกนิกนี้ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการสัมผัสสารเคมีต่อเกษตรกร ผู้บริโภค และระบบนิเวศได้อย่างมาก นอกจากนี้ IS ยังผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดเพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย โดยเป็นไปตามมาตรฐานการกำกับดูแลที่เข้มงวดสำหรับการใช้งานด้านการเกษตร

บทสรุป

IS แสดงถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการต่อสู้กับโรคกุ้งแห้งในสารสกัดจากพริก ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างกว้างขวาง สารต้านเชื้อราอินทรีย์นี้ได้แสดงให้เห็นประสิทธิภาพสูงในการควบคุมและยับยั้งเชื้อราที่ก่อโรค ด้วยการสร้างสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของเชื้อราและเพิ่มการยึดเกาะกับใบพืช ระบบ IS นำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนสำหรับเกษตรกร ในขณะเดียวกันก็รับประกันความปลอดภัยของผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม การนำระบบ IS มาใช้ เกษตรกรสามารถต่อสู้กับโรคกุ้งแห้งได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลผลิตพริกที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้นโดยใช้วิธีการที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ

ไอเอส ขนาด 3 ลิตร
อัตรส่วนการใช้ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
1 แกลลอน ผสมน้ำได้ 1200 ลิตร ใช้ได้ 15 ไร่


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

การปลูกลำไยให้ได้ผลผลิตสูงสุด: วิธีการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1

ลำไยหรือที่เรียกว่า ผลไม้ตามังกร เป็นผลไม้ที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการซึ่งมีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการปลูกในหลายประเทศทั่วโลกและเป็นผลไม้ยอดนิยมในอาหารหลายประเภท ลำไยเป็นผลไม้เมืองร้อนที่ต้องปลูกในสภาพอากาศที่อบอุ่นและชื้น เป็นผลไม้ลูกกลมๆ เล็กๆ มีรสหวานฉ่ำ มีรสชาติคล้ายลิ้นจี่

หากคุณเป็นเกษตรกรหรือชาวสวนที่ต้องการปลูกลำไยให้ได้ผลผลิตสูงสุด คุณอาจสนใจใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 FK-1 เป็นปุ๋ยที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษซึ่งมีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว เป็นปุ๋ยที่ละลายน้ำได้ซึ่งฉีดพ่นไปที่ใบพืชโดยตรง ซึ่งจะดูดซึมและนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว

การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นเรื่องง่าย เมื่อแกะปุ๋ยออกมาจะพบถุงปุ๋ย 2 ถุง ถุงละ 1 กิโลกรัม คุณต้องผสมสองถุงเพื่อใช้ในเวลาเดียวกัน การใช้ FK-1 ให้ผสมถุงแรก 50 กรัมกับถุง 50 กรัมที่สองในน้ำ 20 ลิตร แล้วฉีดพ่นบนใบของต้นลำไย

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 คือช่วงระยะการเจริญเติบโตของต้นลำไย โดยปกติจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนเมื่อต้นไม้กำลังผลิใบและกิ่งก้านใหม่ การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ในช่วงเวลานี้ คุณจะสามารถเพิ่มผลผลิตของต้นลำไยได้สูงสุด

ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 มีสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วนที่ต้นลำไยต้องการในการเจริญเติบโตและออกผล ไนโตรเจนมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของใบ ในขณะที่ฟอสฟอรัสมีความสำคัญต่อการพัฒนาของรากและการสร้างดอก โพแทสเซียมมีความสำคัญต่อสุขภาพของพืชโดยรวม ในขณะที่แมกนีเซียมมีความสำคัญต่อการสังเคราะห์แสง สังกะสีมีความสำคัญต่อการพัฒนาและคุณภาพของผลไม้ ในขณะที่สารลดแรงตึงผิวช่วยให้ปุ๋ยกระจายทั่วใบอย่างสม่ำเสมอ

นอกจากการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 แล้ว ยังมีสิ่งอื่นๆ ที่คุณสามารถทำได้เพื่อเพิ่มผลผลิตสูงสุดให้กับต้นลำไยของคุณ สิ่งที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งคือการให้น้ำที่เหมาะสมแก่ต้นไม้ของคุณ ต้นลำไยต้องการการรดน้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เติบโตและออกผล พวกเขายังต้องการดินที่ระบายน้ำได้ดีซึ่งอุดมไปด้วยอินทรียวัตถุ

สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่คุณสามารถทำได้คือการตัดแต่งกิ่งต้นลำไยของคุณอย่างสม่ำเสมอ การตัดแต่งกิ่งช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตใหม่และส่งเสริมการผลิตผลไม้ นอกจากนี้ยังช่วยรักษารูปร่างและขนาดของต้นไม้

สรุป หากคุณต้องการปลูกลำไยให้ได้ผลผลิตสูงสุด การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นทางเลือกที่ดี FK-1 มีสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วนที่ต้นลำไยต้องการในการเจริญเติบโตและออกผล ด้วยการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ในช่วงการเจริญเติบโตของต้นลำไย คุณจะสามารถเพิ่มผลผลิตได้สูงสุดและเพลิดเพลินกับการเก็บเกี่ยวผลไม้ที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

การปลูกสับปะรดให้ได้ผลผลิตสูงสุดด้วยปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1

สับปะรดเป็นผลไม้เมืองร้อนที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในด้านรสชาติที่หวานอมเปรี้ยว อีกทั้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูงอีกด้วย พวกเขายังเป็นพืชที่ให้ผลกำไรแก่เกษตรกรเนื่องจากความต้องการสับปะรดทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในการปลูกสับปะรดให้ประสบผลสำเร็จ เกษตรกรต้องแน่ใจว่าได้ให้สารอาหารและการดูแลที่เหมาะสมแก่พืช วิธีหนึ่งที่ได้ผลคือการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ เช่น FK-1 ซึ่งมีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว

ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นสูตรพิเศษเพื่อตอบสนองความต้องการทางโภชนาการของสับปะรดและพืชอื่นๆ เป็นปุ๋ยคุณภาพสูง ใช้งานง่าย และให้ผลดีเยี่ยม FK-1 แต่ละกล่องมีน้ำหนัก 2 กก. และบรรจุสองถุง ๆ ละ 1 กก. การใช้ปุ๋ยทั้งสองถุงต้องผสมในอัตราส่วนที่ถูกต้องแล้วละลายน้ำก่อนฉีดพ่นพืช

ในการผสมปุ๋ย เกษตรกรควรตวงถุงแรก 50 กรัม และถุงที่สอง 50 กรัม จากนั้นควรเติมปริมาณเหล่านี้ลงในน้ำ 20 ลิตรแล้วคนส่วนผสมจนกว่าปุ๋ยจะละลายหมด จากนั้นนำสารละลายที่ได้ไปฉีดพ่นบนต้นสับปะรด เพื่อให้ครอบคลุมทุกส่วนของพืช รวมทั้งใบ ลำต้น และผล

การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 กับสับปะรดมีประโยชน์หลายประการ ขั้นแรกให้สารอาหารที่จำเป็นแก่พืชซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตสูงสุด ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช และมักจะขาดแคลนในดินที่ปลูกสับปะรด แมกนีเซียมและสังกะสียังเป็นธาตุอาหารรองที่สำคัญซึ่งช่วยปรับปรุงการเจริญเติบโตของพืช ในขณะที่สารลดแรงตึงผิวในปุ๋ยจะช่วยให้สารละลายยึดติดกับพื้นผิวของพืช ทำให้มั่นใจได้ว่าธาตุอาหารจะถูกดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประการที่สอง การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบเช่น FK-1 มีประสิทธิภาพมากกว่าการใส่ปุ๋ยทางดิน เมื่อนำไปใช้กับใบ พืชจะดูดซึมธาตุอาหารในปุ๋ยได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เติบโตเร็วขึ้นและให้ผลผลิตสูงขึ้น นอกจากนี้ ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบยังช่วยลดความเสี่ยงของการชะล้างสารอาหารและการไหลบ่า ซึ่งสามารถปนเปื้อนแหล่งน้ำใกล้เคียงได้

สุดท้าย การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 สามารถช่วยเกษตรกรประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย เนื่องจากใช้กับพืชโดยตรง จึงไม่จำเป็นต้องพรวนดินหรือใส่ปุ๋ยทั่วทั้งแปลง สิ่งนี้สามารถลดต้นทุนแรงงานและประหยัดเวลาของเกษตรกร ทำให้พวกเขาสามารถมุ่งเน้นไปที่ด้านอื่น ๆ ของฟาร์มของตนได้

โดยสรุปแล้ว การปลูกสับปะรดเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุดจำเป็นต้องให้สารอาหารและการดูแลที่เหมาะสมแก่พืช การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการตอบสนองความต้องการทางโภชนาการของสับปะรด และเพิ่มการเจริญเติบโตและผลผลิตของสับปะรด ทำตามอัตราส่วนการผสมและใช้ปุ๋ยอย่างถูกต้อง เกษตรกรสามารถได้รับประโยชน์จากต้นสับปะรดที่แข็งแรงและเจริญเติบโตดีซึ่งให้ผลที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน