การปลูกข้าวให้ได้ผลผลิตที่ดีและมีคุณภาพไม่ได้ต้องการแค่น้ำและแสงแดดเท่านั้น ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 3 สูตรต่างๆ ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการของต้นข้าวในแต่ละช่วงอายุ ทำให้ข้าวเติบโตไว ให้ผลผลิตสูง และมีคุณภาพที่ยอดเยี่ยม

1. สูตร 30-20-5: สูตรเร่งการเจริญเติบโต

สูตรนี้เหมาะสำหรับข้าวที่ต้องการการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว ช่วยให้ต้นข้าวโตไว ใบข้าวเขียวสดใส และระบบรากเสถียร สารอาหารที่ประกอบด้วย 30% ไนโตรเจน (N) 20% ฟอสฟอรัส (P) 5% โปแตสเซียม (K) ช่วยกระตุ้นการสร้างโครงสร้างพืชและกระตุ้นการสร้างพลังงานในกระบวนการสังเคราะห์แสง

2. สูตรระยะตั้งท้อง: เร่งการเจริญเติบโตของราก

เมื่อข้าวอยู่ในระยะตั้งท้อง สูตรนี้ช่วยเสริมสร้างระบบรากที่แข็งแรง และสะสมแป้งในราก สารอาหารที่มีในสูตรประกอบด้วย 25% ไนโตรเจน (N) 15% ฟอสฟอรัส (P) 10% โปแตสเซียม (K) ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในระบบรากและกระตุ้นการสะสมแป้งในข้าว

3. สูตรระยะออกรวง: ขยายขนาด ข้าวเมล็ดเต็ม รวงใหญ่ รวงยาว

เมื่อข้าวอยู่ในระยะออกรวง สูตรนี้ช่วยให้ข้าวขยายขนาดได้มากที่สุด สารอาหารที่ครอบคลุมในสูตรประกอบด้วย 20% ไนโตรเจน (N) 25% ฟอสฟอรัส (P) 10% โปแตสเซียม (K) ช่วยเพิ่มขนาดของรวงและเพิ่มน้ำหนักของข้าวเมล็ด

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 3 สูตรที่ช่วยให้ข้าวเติบโตอย่างสมบูรณ์ มั่นใจได้ในผลผลิตที่มีคุณภาพและมีราคาที่คุ้มค่า

🌿ฉีดพ่นทางใบ อัตราผสม 25 กรัม(2ช้อนโต๊ะ) ต่อน้ำ 20 ลิตร
ถัง 16-20 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 25 กรัม (2ช้อนโต๊ะ)
ถัง 200 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 250 กรัม (1ส่วน4ถุง)
.
🌳ปุ๋ยทางใบสูตรสูง 3สูตรหลัก ที่ใช้ได้กับทุกพืช
- เร่งโตเร่งต้นเร่งใบเร่งเขียว สูตร 30-20-5
- เร่งระบบราก เร่งดอก สูตร 10-40-10
- เพิ่มผลผลิต ขยายขนาดผล สูตร 15-5-30
.
∞ ผสมปุ๋ยทางใบเป็นสูตรต่างๆได้ตามต้องการ
» เราพัฒนาระบบคำนวณสูตรผสมปุ๋ยให้ใช้ฟรี
» ใช้ปุ๋ย 3สูตรหลักด้านบน ผสมได้หลากหลายสูตรสูง ใช้ได้กับทุกพืช
£ มีเอกสารแนบวิธีการผสมลงในกล่อง

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 1 ถุง บรรจุ 1 กิโลกรัม ผสมน้ำได้ 800 ลิตร ใช้ได้ประมาณ 10 ไร่



📌สั่งซื้อ สอบถาม

»โทร 097-918-3530
»ไลน์ janemini1112

🔎ซื้อกับลาซาด้า ช้อปปี้
.
» ซื้อFK-1 ที่ช้อปปี้: http://ไปที่..link..
.
» ซื้อFK-1 ที่ลาซาด้า: http://ไปที่..link..

เพชรสังฆาต มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Veld grape มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า cissus quadrangularis เพชรสังฆาตเป็นไม้เถาลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยม เป็นข้อปล้องๆต่อกัน เพชรสังฆาตสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณทางยามากมาย ช่วยรักษาโรคได้ผลชะงัด

รักษาริดสีดวงทวาร
เพชรสังฆาตมีสรรพคุณใช้เป็นยารักษาริดสีดวง สำหรับคนที่เป็นโรคริดสีดวงทวาร จะเกิดภาวะเลือดดำคั่งจนทำให้ส่วนปลายสุดของลำไส้ใหญ่เกิดอาการโป่งพองคล้ายกับมีติ่งยื่นออกมาจากทวารหนัก การรับประทานเพชรสังฆาตจึงช่วยลดอาการอักเสบ รวมทั้งช่วยทำให้หลอดเลือดดำที่บวมเป่งอยู่บริเวณทวารหนักหดตัวลงได้อีกด้วย

เนื่องจากเพชรสังฆาตสดจะมีรสขมและทำให้คันคอมาก เพราะเพชรสังฆาตมีสารแคลเซียมออกซาเลต สารนี้จะมีผลึกรูปเข็มที่สามารถทิ่มแทงทำให้เกิดอาการระคายเคืองภายในช่องปากและคอได้ ดังนั้นแนะนำให้รับประทานเพชรสังฆาตแบบแคปซูล โดยรับประทานครั้งละ 3 แคปซูล วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร เป็นเวลาประมาณ 1 เดือน จะช่วยให้อาการดีขึ้น

ข้อมูลจาก health.mthai.com/howto/health-care/26294.html

🏆ทดแทนปุ๋ยเม็ด! ผลโตแน่นอน สำหรับพืชออกผลทุกชนิด ให้ โพแตสเซียม มากถึง 40 เปอร์เซนต์ เพื่อ เร่งผล ขนาดขนาดผล เพิ่มน้ำหนัก เพิ่มคุณภาพ เร่งผลโต น้ำหนักดี แน่นอน

❗ทราบหรือยัง? หัวเชื้อ ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริมเหล่านี้ ใช้สเปรย์ลงบนปุ๋ยเม็ด ในขั้นตอนการปั้นเม็ดเช่นกัน

ใช้ได้กับพืชออกผล และพืชลงหัว ทุกชนิด 🍉🥕🌽🍠🥜🥥🥕🍑🍓🍊🍅🍍🌶🧄

👍เชื่อถือได้ ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร
– ธาตุหลัก ทะเบียนเลขที่ 1637/2563
– สารสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ รส. 1727/2563

👌ใช้ง่าย เพียงแค่ผสมน้ำ ฉีดพ่น หรือราดลงโคน
– หนึ่งชุดมีสองถุง ผสมใช้พร้อมกัน (บรรจุถุงละ 1กิโลกรัม สองถุงรวม 2กิโลกรัม)
– มีสารจับใบในตัว
– ตักถุงละ 50กรัม ต่อน้ำ 20ลิตร (50กรัม ประมาณ 2ช้อนโต๊ะ)

💪เน้นโพแตสเซียมมากเป็นพิเศษ ถึง 40% พืชโตไว สมบรณ์ ผลผลิตดีขึ้น ต้านทานต่อโรคได้ดี ได้ทั้งธาตุหลัก ธาตุเสริม
🌳ธาตุ N ไนโตรเจน 5 เปอร์เซ็นต์ ช่วยพืชโตไว ใบเขียวตั้งตัวได้ สร้างโปรตีน สร้างอาหาร สร้างพลังงานให้กับพืช
🌞ธาตุ P ฟอสฟอรัส 10 เปอร์เซ็นต์ ช่วยสังเคราะห์แสง ผลิตแป้งและน้ำตาล กระตุ้นการออกดอก กระตุ้นราก
🌽ธาตุ K โพแตสเซียม 40 เปอร์เซ็นต์ สร้างโปรตีน เพิ่มคุณภาพผลผลิต ลดโรคพืช
💫ธาตุ Mg แมกนีเซียม 23 เปอร์เซ็นต์ สังเคราะห์กรดอะมิโน วิตามิน ไขมันและน้ำตาล ช่วยสังเคราะห์แสง กระตุ้นเอนไซม์
✨ธาตุ Zn สังกะสี 10 เปอร์เซ็นต์ ช่วยสังเคราะห์ฮอร์โมนออกซิน คลอโรฟิลล์และแป้ง ควบคุมการย่อยน้ำตาลของพืช ควบคุมการเจริญเติบโตของพืช

สั่งซื้อกับ ลาซาด้า
คลิก http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ช้อปปี้
คลิก http://www.farmkaset..link..

ลูกค้ามีปัญหา โรคเชื้อราในกุหลาบ ซึ่งปลูกอยู่ เกือบ 700 ต้น สั่งซื้อ ไอเอส ขนาด 3 ลิตรไปใช้ และชื่นชอบ ติดต่อมา สั่งซื้อรอบสอง เลือกชุดโปร ไอเอส+FKธรรมชาตินิยม แจ้งว่า ใช้ได้ดีมาก จากนั้นเจอปัญหาเพลี้ย ก็มาสั่ง ชุดโปร มาคา+FKธรรมชาตินิยม ไปใช้อีก ขอบคุณมากนะคะ

ไอเอส และ FK-T สามารถใช้ได้กับทุกพืช ใช้ฉีดพ่นทางใบ กับอุปกรณ์ฉีดพ่นทั่วไป และใช้โดรนบินฉีดพ่นได้เช่นกัน

สาเหตุของโรคจุดดำในอะโวคาโด
สาเหตุของโรคจุดดำในอะโวคาโดเกิดจากเชื้อรา Colletotrichum gloeosporioides ที่มาพร้อมกับสภาพอากาศร้อน และมีฝนตกหนัก และสามารถเกิดขึ้นได้ทุกระยะการเจริญเติบโตของอะโวคาโด
อาการของโรคจุดดำในอะโวคาโด
- ใบของอะโวคาโดจะมีจุดแผลสีน้ำตาลเข้ม หากออาการรุนแรงจะลุกลามอย่างรวดเร็ว ใบจะแห้งและร่วงไปในที่สุด
- กิ่ง ก้านใบ และก้านช่อดอก จะมีแผลจุดหรือขีดสีม่วงเกิดขึ้น ทำให้ก้านใบและกิ่งแห้ง ช่อดอกจะเหี่ยวแห้งหากเกิดแผลที่ก้ารช่อดอก และจะร่วงก่อนติดผล
- ผลอ่อนจะเกิดจุดแผลสีน้ำตาลถึงดำ หากอาการรุนแรงผลจะหลุดร่วงก่อนกำหนด
- ผลแก่ มักพบในระยะใกล้เก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว เกิดแผลจุดสีน้ำตาลถึงดำรูปร่างกลม ต่อมาแผลขยายลุกลามเป็นแผลยุบตัวในเนื้อผล ทำให้ผลเน่า

ไอเอส เป็นสารอินทรีย์สกัดจากธรรมชาติทั้งหมด โดยอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงอันทันสมัย 'การควบคุมประจุไฟฟ้า' สามารถฉีดพ่นได้ก่อนการเก็บเกี่ยว โดยไม่มีสารพิษตกค้าง ปลอดภัยต่อผู้ใช้ และผู้บริโภค

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม ไอเอส และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม


สั่งซื้อ
โทร 0909-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

เพลี้ย (Homoptera: Aphididae) เป็นศัตรูพืชทั่วไปที่เป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อพืชตระกูลกะหล่ำดอกทั่วโลก แมลงตัวเล็ก ๆ เหล่านี้กินน้ำเลี้ยงของพืช ทำให้การเจริญเติบโตแคระแกรน ใบเหลือง และผลผลิตลดลง เพื่อต่อสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ได้มีการพัฒนาวิธีการต่างๆ ในการควบคุมเพลี้ย รวมถึงการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและสารชีวภาพ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Beauveria ผสม Methharicium โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์ Butarex ได้กลายเป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับการป้องกันและกำจัดเพลี้ยในกะหล่ำดอก

Beauveria mix Methharicium เป็นสารกำจัดศัตรูพืชชีวภาพที่รวมเชื้อราก่อโรค 2 สายพันธุ์ ได้แก่ Beauveria bassiana และ Metharizium anisopliae เชื้อราเหล่านี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติและได้รับการวิจัยอย่างกว้างขวางถึงความสามารถในการควบคุมแมลงศัตรูพืชได้หลากหลายชนิด เมื่อนำไปใช้กับพืชกะหล่ำดอก สปอร์ของเชื้อราเหล่านี้จะเกาะติดกับหนังกำพร้าของเพลี้ย เมื่อติดแล้ว สปอร์จะงอก เจาะโครงกระดูกภายนอกของเพลี้ยและทำให้แมลงติดเชื้อด้วยเชื้อรา จากนั้นเชื้อราจะเติบโตและเพิ่มจำนวนภายในตัวเพลี้ย ในที่สุดก็นำไปสู่การตาย

ประโยชน์ของการใช้บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียม (ยี่ห้อบิวทาเร็กซ์) เพื่อควบคุมเพลี้ย:

เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมแตกต่างจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช เป็นสารชีวภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์ และมีผลกระทบต่อแมลงที่มีประโยชน์น้อยที่สุด เช่น เต่าทองและผึ้ง

ผลิตผลที่ปราศจากสารตกค้าง: การใช้บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียมช่วยให้มั่นใจได้ว่าพืชกะหล่ำดอกยังคงปราศจากสารเคมีตกค้าง ทำให้เหมาะสำหรับการทำเกษตรอินทรีย์และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคสำหรับผลผลิตที่ดีต่อสุขภาพและปราศจากยาฆ่าแมลง

การดำเนินการตามเป้าหมาย: สารกำจัดศัตรูพืชชีวภาพนี้มุ่งเป้าหมายไปที่เพลี้ยโดยเฉพาะ เพื่อลดความเสี่ยงต่ออันตรายต่อแมลงที่มีประโยชน์อื่น ๆ หรือสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมาย

การพัฒนาความต้านทานลดลง: เมื่อเวลาผ่านไปเพลี้ยอ่อนสามารถพัฒนาความต้านทานต่อสารเคมีกำจัดศัตรูพืช อย่างไรก็ตาม Beauveria ผสม Methharicium ทำงานผ่านโหมดการทำงานที่แตกต่างกัน ทำให้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพแม้กับประชากรเพลี้ยที่ดื้อยา

เข้ากันได้กับหลักปฏิบัติในการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน (IPM): บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียมสามารถรวมเข้ากับโปรแกรม IPM ช่วยให้สามารถจัดการสัตว์รบกวนแบบองค์รวมได้โดยการรวมกลยุทธ์การควบคุมที่หลากหลาย

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเมื่อใช้บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียม (ยี่ห้อบิวทาเร็กซ์) ในการควบคุมเพลี้ยในกะหล่ำดอก สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามแนวทางที่แนะนำ:

ระยะเวลา: ใช้ยาฆ่าแมลงเมื่อเพลี้ยอ่อนมีอยู่แต่ยังไม่ถึงระดับที่เป็นอันตราย เนื่องจากการแทรกแซงตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันการแพร่ระบาด

วิธีการสมัคร: ทำตามคำแนะนำของผู้ผลิตสำหรับปริมาณและวิธีการสมัครที่ถูกต้อง ซึ่งอาจรวมถึงการฉีดพ่นผลิตภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอบนต้นกะหล่ำ เพื่อให้แน่ใจว่าครอบคลุมทั่วบริเวณใบและบริเวณที่เพลี้ยรบกวน

การพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม: ปัจจัยต่างๆ เช่น อุณหภูมิ ความชื้น และแสงแดด สามารถมีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพของบิวเวอเรียผสมเมธาริเซียม ปรึกษาฉลากผลิตภัณฑ์หรือขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรเพื่อกำหนดเงื่อนไขที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการใช้งาน

การตรวจสอบและการประยุกต์ใช้ซ้ำ: ตรวจสอบพืชกะหล่ำดอกอย่างสม่ำเสมอเพื่อหากิจกรรมของเพลี้ยหลังการใช้ หากจำเป็น ให้ใช้บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียมอีกครั้งตามช่วงเวลาที่แนะนำระหว่างการใช้งานเพื่อรักษาการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ

บทสรุป:
Beauveria ผสม Methharicium โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์ Butarex นำเสนอโซลูชั่นที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นทางออกสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกกะหล่ำดอกในการป้องกันและกำจัด aph

อะมิโนโปรตีนจำเป็นต่อพืช 18 ชนิด ช่วนในการส้รางฮอร์โมนพืช โตไว ผลใหญ่ แข็งแรง ทนแล้ง ทนโรค ทำไห้เกิดการสร้างและขยายขนาดของเซลล์เนื้อเยื่อ และพัฒนาส่วนต่างๆของพืชเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบ ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

IS: สารต้านเชื้อราอินทรีย์ที่กำจัดโรคใบจุดในมะเขือเทศ

โรคใบจุดที่เกิดจากเชื้อราหลายชนิดเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับผู้ปลูกมะเขือเทศทั่วโลก เชื้อราก่อโรคเหล่านี้สามารถทำลายล้างต้นมะเขือเทศ ทำให้ใบเปลี่ยนสี ใบร่วง และทำให้ผลผลิตพืชลดลงในที่สุด วิธีการแบบดั้งเดิมในการควบคุมโรคเชื้อรามักเกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมีฆ่าเชื้อรา ซึ่งอาจสร้างความกังวลเกี่ยวกับผลเสียที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณการวิจัยและพัฒนาที่กว้างขวาง ความก้าวหน้าได้เกิดขึ้นในรูปแบบของ IS ซึ่งเป็นสารต้านเชื้อราอินทรีย์ที่ได้จากส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด

พัฒนาผ่านการศึกษาทางวิทยาศาสตร์อย่างเข้มงวด IS ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับต่อสู้กับโรคใบจุดในมะเขือเทศ สูตรประกอบด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติที่คัดสรรมาอย่างดีซึ่งมีคุณสมบัติต้านเชื้อราที่แข็งแกร่ง ส่วนประกอบที่ออกฤทธิ์ภายใน IS ทำหน้าที่โดยสร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยที่ผิวใบพืช ยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคใบจุด

ข้อได้เปรียบที่สำคัญอย่างหนึ่งของ IS คือความสามารถในการยึดติดกับพื้นผิวใบพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้มั่นใจได้ถึงการครอบคลุมที่ดีขึ้นและการป้องกันที่ยาวนานขึ้น การยึดเกาะที่ดีขึ้นนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ เนื่องจากยังคงอยู่แม้ในช่วงฝนตกหรือการให้น้ำ ช่วยปกป้องพืชจากการโจมตีของเชื้อรา

IS ได้รับการพัฒนาโดยเน้นที่ความปลอดภัยสำหรับทั้งผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม ซึ่งแตกต่างจากสารเคมีกำจัดเชื้อราหลายชนิด ธรรมชาติของส่วนผสมออร์แกนิกช่วยลดความเสี่ยงของสารตกค้างที่เป็นอันตรายในมะเขือเทศที่เก็บเกี่ยว ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้บริโภคจะได้เพลิดเพลินกับผลผลิตที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้ สูตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยังช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับแมลงที่เป็นประโยชน์ จุลินทรีย์ในดิน และสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมายอื่นๆ

การพัฒนาระบบ IS แสดงถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญของเกษตรอินทรีย์ ซึ่งนำเสนอแนวทางที่ยั่งยืนสำหรับการจัดการโรคใบจุดในมะเขือเทศ ด้วยการควบคุมพลังของส่วนผสมจากธรรมชาติ สารต้านเชื้อรานี้ช่วยให้ผู้ปลูกมีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพซึ่งสอดคล้องกับหลักการของการทำฟาร์มที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม

การประยุกต์ใช้ IS นั้นตรงไปตรงมา ผู้ปลูกต้องฉีดพ่นสารละลายให้ทั่วใบมะเขือเทศ เนื่องจากทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา การใช้ซ้ำหลายครั้งในช่วงเวลาที่เหมาะสมจึงสามารถป้องกันโรคใบจุดได้อย่างต่อเนื่องตลอดฤดูปลูก นอกจากนี้ การบูรณาการระบบ IS เข้ากับโปรแกรมการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน (IPM) ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการควบคุมโรคด้วยการรวมหลายกลยุทธ์เข้าด้วยกัน และลดการพึ่งพาวิธีการควบคุมเพียงวิธีเดียว

สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าในขณะที่ IS ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่โดดเด่นในการต่อต้านโรคใบจุดในมะเขือเทศ ขอแนะนำให้ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติในการเพาะปลูกที่เหมาะสมเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดและการแพร่กระจายของโรคเชื้อรา ซึ่งรวมถึงแนวทางปฏิบัติต่างๆ เช่น จัดให้มีระยะห่างระหว่างพืชอย่างเพียงพอ ให้แน่ใจว่ามีการหมุนเวียนของอากาศที่เหมาะสม และรักษาระดับความชื้นที่เหมาะสม

โดยสรุป IS เป็นผู้เปลี่ยนเกมในการต่อสู้กับโรคใบจุดในมะเขือเทศ ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างพิถีพิถัน สารต้านเชื้อราอินทรีย์นี้ได้รับการประดิษฐ์ขึ้นเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมและยับยั้งเชื้อรา ในขณะที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ใช้และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ด้วย IS ผู้ปลูกมะเขือเทศสามารถปกป้องพืชผลของตนได้อย่างมั่นใจ รับประกันการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ และตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับผลผลิตที่ปลอดภัยและมีคุณภาพสูง

ไอเอส ขนาด 3 ลิตร
อัตรส่วนการใช้ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
1 แกลลอน ผสมน้ำได้ 1200 ลิตร ใช้ได้ 15 ไร่


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

ทุเรียน (Durio zibethinus) เป็นผลไม้เมืองร้อนที่เป็นที่ต้องการอย่างมาก ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องรสชาติและกลิ่นหอมที่โดดเด่น เพื่อให้แน่ใจว่าการเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์ในช่วงที่ออกผล เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนจำเป็นต้องใช้เทคนิคการเพาะปลูกที่มีประสิทธิภาพและกลยุทธ์การใส่ปุ๋ยอย่างเหมาะสม บทความนี้จะสำรวจการปลูกทุเรียนเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุดในช่วงติดผล โดยเน้นเฉพาะที่การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ที่มีสารอาหารที่จำเป็นและสารลดแรงตึงผิว

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการปลูกทุเรียน:
การปลูกทุเรียนต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษกับปัจจัยหลายประการ รวมถึงสภาพดิน ภูมิอากาศ การผสมเกสร และการจัดการธาตุอาหาร ต้นทุเรียนเจริญเติบโตได้ดีในดินที่ระบายน้ำดีและลึก โดยมีช่วง pH 5.5 ถึง 6.5 พวกเขาชอบสภาพอากาศแบบเขตร้อนที่มีแสงแดดส่องถึง ปริมาณน้ำฝนที่เพียงพอ และอุณหภูมิระหว่าง 24°C ถึง 32°C การผสมเกสรที่เหมาะสมมักทำได้โดยกิจกรรมของแมลงหรือการแทรกแซงด้วยตนเอง เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการตั้งผลและการพัฒนา

ความต้องการธาตุอาหารสำหรับต้นทุเรียน:
ต้นทุเรียนมีความต้องการสารอาหารที่แตกต่างกันในช่วงการเจริญเติบโตที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุดในช่วงออกผล ความต้องการทางโภชนาการของต้นไม้จะต้องได้รับการตอบสนองอย่างเพียงพอ ธาตุอาหารที่ต้นทุเรียนต้องการ ได้แก่ ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซียม (K) แมกนีเซียม (Mg) สังกะสี (Zn) และธาตุอาหารรองอื่นๆ สารอาหารเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการเริ่มต้นของดอกไม้ การพัฒนาของผล และสุขภาพของต้นไม้โดยรวม

แนะนำ FK-1 ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ:
ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เมื่อแกะกล่องออกมาจะพบสองถุง บรรจุถุงละ 1 กก. ต้องผสมใช้พร้อมกัน ให้ผสมถุงแรก 50 กรัมกับถุงที่สอง 50 กรัมในน้ำ 20 ลิตร แล้วฉีดพ่น

การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1:
การให้ FK-1 ทางใบควรกำหนดเวลาให้ตรงกับระยะเวลาติดผล โดยทั่วไปคือระหว่าง 3 ถึง 4 เดือนก่อนการเก็บเกี่ยวที่คาดไว้ ในช่วงนี้ ต้นทุเรียนต้องการธาตุอาหารเสริมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาของผลและเพิ่มศักยภาพในการให้ผลผลิต

เมื่อฉีดพ่นสารละลาย FK-1 จำเป็นต้องแน่ใจว่าครอบคลุมทั่วทั้งทรงพุ่ม รวมทั้งใบ ลำต้น และผลที่กำลังพัฒนา แนะนำให้ใช้สเปรย์ละอองละเอียดเพื่อเพิ่มการดูดซึม ใช้ซ้ำทุกสองสัปดาห์ในช่วงระยะเวลาติดผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ประโยชน์ของการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1:

การให้ธาตุอาหารที่สมดุล: ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ให้ส่วนผสมที่สมดุลระหว่างไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และธาตุอาหารรองที่จำเป็นอื่นๆ สารอาหารที่สมดุลนี้ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต การออกดอก และการพัฒนาผลไม้

เพิ่มศักยภาพในการให้ผลผลิต: โดยการให้สารอาหารที่จำเป็นโดยตรงไปยังใบและผล FK-1 ช่วยเพิ่มผลผลิตโดยรวมของต้นไม้และศักยภาพในการให้ผลผลิต การใช้ FK-1 อย่างทันท่วงทีในช่วงติดผลสามารถนำไปสู่ผลทุเรียนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีคุณภาพสูงขึ้นได้

ปรับปรุงการดูดซึมธาตุอาหาร: สารลดแรงตึงผิวที่มีอยู่ใน FK-1 ช่วยปรับปรุงการยึดเกาะและการดูดซึมธาตุอาหารตามใบของพืช สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ถึงการดูดซึมธาตุอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ในสภาพดินที่ไม่เหมาะสม

บทสรุป:
การปลูกทุเรียนให้ได้ผลผลิตสูงสุดในช่วงติดผลต้องใช้เทคนิคการเพาะปลูกที่มีประสิทธิภาพและการจัดการธาตุอาหารที่เหมาะสม การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

โรคและแมลงศัตรูพืชในกล้วยไม้

กล้วยไม้เป็นพืชที่ได้รับความนิยมและสวยงาม แต่ก็อ่อนแอต่อโรคและแมลงศัตรูพืชต่างๆ เพื่อให้กล้วยไม้ของคุณแข็งแรงและเจริญเติบโต สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจชนิดของโรคและแมลงศัตรูพืชที่พวกมันอ่อนแอ และดำเนินการเพื่อป้องกันและรักษาปัญหาเหล่านี้

โรคเชื้อราในกล้วยไม้

กล้วยไม้มีความอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อโรคเชื้อราซึ่งอาจทำให้พืชเสียหายได้ โรคเชื้อราที่พบบ่อยในกล้วยไม้ ได้แก่ โรคเน่าดำ โรคยอดเน่า โรคราสนิม และโรคเหล่านี้อาจทำให้ใบและลำต้นของกล้วยไม้เปลี่ยนสีและอาจทำให้พืชตายได้หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา

เชื้อราไตรโคเดอร์มาคือเชื้อราชนิดหนึ่งที่นิยมใช้ในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในกล้วยไม้ เชื้อราไตรโคเดอร์มา ตรา Trichorex เป็นที่นิยมของเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยไม้ เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อรา เช่น โรคเน่าดำ โรคยอดเน่า โรคราสนิม

เพลี้ยไฟและไรแดงในกล้วยไม้

เพลี้ยไฟและไรแดงเป็นศัตรูพืชทั่วไป 2 ชนิดที่สามารถโจมตีกล้วยไม้ได้ เพลี้ยไฟเป็นแมลงขนาดเล็กที่กัดกินน้ำเลี้ยงของพืช ส่วนไรแดงเป็นแมลงขนาดเล็กที่กินใบกล้วยไม้ ทั้งเพลี้ยไฟและไรแดงสามารถสร้างความเสียหายให้กับพืชและกำจัดได้ยาก

บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียม เป็นเชื้อราชนิดหนึ่งที่นิยมใช้ในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยไฟและไรแดงในกล้วยไม้ สารบิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียม ยี่ห้อ Butarex เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ปลูกกล้วยไม้ เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยไฟและไรแดงในกล้วยไม้

ใบจุดและจุดเหลือง

โรคใบจุดและจุดเหลืองเป็นโรคที่พบได้บ่อยในกล้วยไม้ซึ่งอาจทำให้ใบพืชเปลี่ยนสีและอาจทำให้พืชตายได้หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา โรคเหล่านี้เกิดจากเชื้อราหลายชนิด ป้องกันและรักษาได้ยาก

โรคเน่าแห้งและแอนแทรคโนส

โรคเน่าแห้งและแอนแทรคโนสเป็นโรคที่พบบ่อยอีกสองโรคในกล้วยไม้ที่สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืช โรคเน่าแห้งเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อราที่ทำให้รากของพืชเน่า ในขณะที่โรคแอนแทรคโนสเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อราที่ทำให้ใบ ลำต้น และดอกกล้วยไม้เปลี่ยนสีและผุพัง

บทสรุป

กล้วยไม้เป็นพืชที่สวยงามและเป็นที่นิยม แต่ก็อ่อนแอต่อโรคและแมลงศัตรูพืชต่างๆ เพื่อให้กล้วยไม้ของคุณแข็งแรงและเจริญเติบโต สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจชนิดของโรคและแมลงศัตรูพืชที่พวกมันอ่อนแอ และดำเนินการเพื่อป้องกันและรักษาปัญหาเหล่านี้ ผลิตภัณฑ์ เช่น บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียม และเชื้อราไตรโคเดอร์มา สามารถป้องกันและกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืชในกล้วยไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษากับเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยไม้มืออาชีพเพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับพืชเฉพาะของคุณ

เชื้อบิวเวอร์เรีย + เมธาไรเซียม
เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดสรรจุลินทรีย์ 2 ชนิดมี คุณสมบัติโดดเด่นมาผสมผสานใช้ในการป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ปลวก เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอน เป็นต้น

บิวทาเร็กซ์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณ กิ่ง ก้าน ใบ หรือบริเวณที่แมลงระบาด
2. ฉีดพ่นได้ทุก 7-10 วัน

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อไตรโคเดอร์มา และ ยากำจัดเชื้อรา หากต้องการใช้ร่วมควรเว้น ระยะฉีดพ่น 7-10 วัน *

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย บิวทาเร็กซ์..
ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช
เชื้อดีที่สุดสำหรับชาวเกษตรกร
ปริมาณเชื้อที่ดีและได้ผล
ให้อาหารเฉพาะของเชื้อแต่ละตัว

เชื้อจะไปเติบโตในแมลง ปกคลุมตัวแมลง ทำให้แมลงแห้งตายในที่สุด
ปลอดภัยไม่มีสารเคมี
แมลงดื้อยา ใช้ได้ต่อเนื่อง
เป็นยาเย็น ใช้ได้ทุกพืช และทุกช่วงอายุของพืช

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link..