[sort by : last post | top views]..
+ โพสเรื่องใหม่ | ^ เลือกหน้า | All contents
3511 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 351 หน้า, หน้าที่ 352 มี 1 รายการ

ตรวจสอบได้อย่างไร? ผลิตภัณฑ์กัญชา ที่เป็น กัญชาถูกกฎหมาย
ตรวจสอบได้อย่างไร? ผลิตภัณฑ์กัญชา ที่เป็น กัญชาถูกกฎหมาย
ตรวจสอบได้อย่างไร? ผลิตภัณฑ์กัญชา ที่เป็น กัญชาถูกกฎหมาย
เมื่อ กัญชา และ กัญชง ถูกปลดล็อคออกจากทะเบียนยาเสพติด จากนี้ไปเราน่าจะเห็นผลิตที่มาจากกัญชาหลากหลายชนิด

แม้ในวันนี้ผู้ปลูกกัญชาจะไม่ต้องขออนุญาต แต่ต้องจดแจ้งผ่านระบบเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ปลูกกัญ ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ถึงเช่นนั้น สำหรับผู้ที่ต้องการผลิต ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากกัญชาและกัญชง ก็ยังต้องมีการขออนุญาตขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สมุนไพรกัญชา ที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบอยู่เช่นเดิม

สำหรับผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ก็ย้ำเตือนว่า ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาที่ลักลอบผลิตหรือนำเข้าเนื่องจากมีความเสี่ยงอันตรายด้านสุขภาพ และการได้รับกัญชาจากแหล่งที่ผิดกฎหมายอาจถูกดำเนินคดีอาญาได้ดังนั้นจึงควร ตรวจสอบผลิตภัณฑ์กัญชา ที่จะใช้ก่อน

ทั้งนี้เพราะผลิตภัณฑ์กัญชาที่ลักลอบผลิตหรือนำเข้าส่วนใหญ่ไม่ทราบแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ไม่ได้ระบุสถานที่ผลิต ไม่ได้ระบุความเข้มข้นหรือปริมาณสารออกฤทธิ์ที่ชัดเจน การผลิตไม่เป็นไปตามหลักการผลิตที่ดี ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ไม่มีคุณภาพ อีกทั้งอาจปนเปื้อนสารกำจัดศัตรูพืช โลหะหนัก เชื้อรา จุลินทรีย์ หรือสารปนเปื้อนอื่นๆ ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ ซึ่งแตกต่างจากผลิตภัณฑ์กัญชาที่ถูกกฎหมายซึ่งมีมาตรฐานการผลิตเป็นไปตามข้อกำหนดที่เข้มงวด และมีความสม่ำเสมอในทุกรุ่นการผลิต

วิธีตรวจสอบ ผลิตภัณฑ์กัญชา
ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตและจำหน่ายอย่างถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทย จะมี 2D Barcode กำกับบนฉลากที่ติดอยู่บนภาชนะบรรจุ และมีรหัสบ่งชี้ที่เป็นหมายเลขของแต่ละหน่วยภาชนะบรรจุที่ไม่ซ้ำกันเลยเรียกว่า Serial Number

ผู้ป่วยสามารถตรวจสอบได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตถูกกฎหมายหรือไม่ โดยการสแกน 2D Barcode ผ่านทาง Smartphone โดย ดาวน์โหลด แอพพลิเคชั่น gs1 smartbar ทั้งระบบ IOS และ Androids ซึ่งหากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องตามกฎหมายระบบจะแสดงรูปภาพและข้อมูลรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ หากเป็นผลิตภัณฑ์ไม่ถูกต้องตาม กฎหมาย ระบบจะแสดงข้อมูลเป็นสีแดง กรุณาแจ้งสำนักงานคณะกรรมการ อาหารและยาเพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

แนะใช้ กัญชาทางการแพทย์
นอกจากนี้ เฟสบุ๊คกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ยังให้คำแนะนำในการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์เพื่อความปอลดภัยของผู้ป่วยได้แก่

1.รักษาตามมาตรฐานทางการแพทย์ก่อน

2.ไม่ใช้หากอายุน้อย แนะนำอายุมากกว่า 25 ปี

3.ใช้กัญชาอัตราส่วน CBD: THC สูง

4.ไม่ใช้กัญชาสังเคราะห์

5.ไม่ใช้การสูบแบบเผาไหม้

6.หากสูบ ไม่อัดควันเข้าปอด

7.ใช้อย่างระวัง

8.งดขับรถ

9.งดใช้ หากในครอบครัวมีประวัติจิตเวช

10. หลีกเลี่ยงการใช้ หากมีปัจจัยเสี่ยง


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
ขุมทรัพย์ใหม่ กัญชา-กัญชง ต่อยอดนวัตกรรมสินค้าธุรกิจไทยยุคโควิด
ขุมทรัพย์ใหม่ กัญชา-กัญชง ต่อยอดนวัตกรรมสินค้าธุรกิจไทยยุคโควิด
หลังจากพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฉบับที่ 7 พ.ศ. 2562 ที่ผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 62 โดยได้เปิดช่องให้กัญชา และพืชกระท่อม นำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และปลดล็อกให้นำส่วนต่างๆ ของกัญชาและกัญชง ยกเว้นช่อดอกและเมล็ดไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้โดยไม่ถือว่าเป็นยาเสพติด ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.63 นั้น

ได้สร้างความชุ่มฉ่ำใจให้ธุรกิจหลากหลาย ที่กำลังตระเตรียมนำสารสกัดจากกัญชาและกัญชงไปต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ คึกคัก ร้อนแรงถึงขนาดที่ว่าบริษัทไหน แบรนด์ใด โดยเฉพาะที่กระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ออกข่าวการลงทุนพัฒนาสินค้าเกี่ยวกับกัญชา กัญชง ราคาหุ้นในตลาดฯ ก็จะปรับตัวขึ้นในทันที

ข้อมูลล่าสุดจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา ระบุ ขณะนี้มีผู้ประกอบการยื่นคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตร และอนุสิทธิบัตร ที่เกี่ยวข้องกับกัญชาและกัญชงแล้ว 31 คำขอ แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ 6 คำขอ_ ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร ที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ 4 คำขอ_ เวชภัณฑ์ที่มีสารสกัดเป็นสารออกฤทธิ์ 3 คำขอ_ เครื่องจักรและกรรมวิธีการสกัดจากกัญชา 11 คำขอ_ อุปกรณ์หรือชุดทดสอบสารสกัดจากกัญชา 3 คำขอ_ ผลิตภัณฑ์ปล่อยสารระเหยจากกัญขา 2 คำขอ และผลิตภัณฑ์ของใช้ในบ้านที่มีกัญชงเป็นองค์ประกอบ 2 คำขอ โดยล่าสุดกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้รับจดทะเบียนและออกอนุสิทธิบัตรไปแล้ว 2 คำขอ คือ กระถางผ้าเพาะปลูก และชุดเครื่องจักรสกัดน้ำมันกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์

อย่างไรก็ตาม นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมอาหารสำเร็จรูป เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มหลายราย เริ่มทยอยยื่นคำขอจดสิทธิบัตรอาหารและเครื่องดื่มต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว แต่กว่าจะผลิตอาหารและเครื่องดื่มออกขายได้จริง ต้องรอให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ออกระเบียบเกี่ยวกับการกำหนดปริมาณของสารในกัญชาและกัญชง ที่จะใช้ในอาหารและเครื่องดื่ม เพราะผู้บริโภคแต่ละคน สามารถรับสารที่ให้ความเมาในกัญชาและกัญชงได้ไม่เท่านั้น บางคนรับได้นิดเดียวก็เมาแล้ว แต่บางคนรับได้มากกว่า อย.จึงต้องกำหนดปริมาณการใช้ให้ชัดเจน

แต่กัญชงน่าจะนำมาทำอาหารและเครื่องดื่มได้ง่ายกว่ากัญชา เพราะมีปริมาณสารที่ให้ความเมาน้อยกว่ากัญชา สำหรับการใช้ใบสด ขณะนี้ เริ่มเห็นร้านอาหาร ร้านเบเกอร์รี่ ร้านขนม นำใบกัญชามาใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารและเครื่องดื่มบ้างแล้ว คาดว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และน่าจะทำให้มูลค่าตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่มีพืช 2 ชนิดนี้เป็นส่วนผสม เพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากมูลค่าตลาดรวมอาหารและเครื่องดื่มในประเทศ

ข้อมูลจากบริษัท สเปเชียลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด (SNP) ผู้ผลิตสารสกัดสมุนไพรที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ระบุ กัญชาและกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะกัญชง ซึ่งปัจจุบันมีการปลดล็อกเปิดโอกาสให้เอกชนสามารถขออนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ครอบครองได้

สเปเชียลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ ให้ข้อมูลว่า กัญชง (Hemp) สามารถนำมาใช้ประโยชนได้ทุกส่วนและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้มากมายหลากหลาย เริ่มตั้งแต่อุตสาหกรรมสิ่งทอที่นำเส้นใยมาผลิตเป็นเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม และยังสามารถนำไปใช้ใน อุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ผลิตเยื่อกระดาษ วัสดุหีบห่อ ไบโอพลาสติก ทำอิฐหรือคอนกรีตสำหรับงานก่อสร้าง ทำส่วนประกอบรถยนต์ เฟอร์นิเจอร์ อาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพและความงาม เป็นต้น

นอกจากนั้น น้ำมันจากเมล็ดกัญชง (Hemp Seed Oil) ยังสามารถใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เสริมความงาม บำรุงสุขภาพ เนื่องจากในน้ำมันเมล็ดกัญชง มีโอเมก้า 3_ 6 และ 9 ซึ่งช่วยซ่อมแซมผิวและเสริมสร้างเกราะป้องกันให้ผิวสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนาน และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น

โอเมก้าในน้ำมันกัญชงยังช่วยลดการอักเสบของผิวได้ ลดการเกิดของสิว ช่วยปรับการสร้างน้ำมันของผิว ช่วยลดร้ิวรอยเหี่ยวย่น ชะลอวัย โดยสามารถนำมาผลิตเป็นเครื่องสำอางกัญชง สบู่น้ำมันเมล็ดกัญชง แชมพูน้ำมันเมล็ดกัญชง โลชั่นบำรุงผิว ลิปบาล์ม เซรั่มลดเลือนริ้วรอย เจลแต้มสิว และครีมรักษาโรคสะเก็ดเงิน เป็นต้น

นอกจากประโยชนด้านความงามแล้ว น้ำมันจากเมล็ดกัญชง ยังสามารถนำมาปรุงอาหาร และใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เนื่องจากน้ำมันจากเมล็ดกัญชง มีโอเมก้า - 6 สูงมาก เทียบได้กับ Chia Seed หรือ Flax Seed นอกจากนั้นยังมีโอเมก้า -3_ linoleic acid และ oleic acid รวมไปถึงสารในกลุ่มวิตามินที่มีประโยชน์ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งวิตามินอีและโอเมก้า รวมไปถึงโปรตีน จึงสามารถนำไปทำเป็นอาหารได้หลากหลาย เช่น คุกกี้ ขนมปัง เบียร์ ไวน์ ซอส น้ำมันพืช ชีส เนย นม ไอศกรีม น้ำมันสลัด เต้าหู้ โปรตีนเกษตร

ส่วนในอุตสาหกรรมการเกษตร สามารถนำไปทำเป็นปุ๋ย อาหารสัตว์ หรือผลิตเป็นพลังงานชีวมวลในรูปแบบต่างๆ เช่น ถ่านไม้ แอลกอฮอล์ น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น ขณะที่แกนของต้นกัญชง มีคุณสมบัติดูดซับกลิ่น น้ำ หรือน้ำมัน จึงมีการปลูกต้นกัญชงเพื่อดูดซับกัมมันตภาพรังสีอีกด้วย

กัญชง(Hemp)ต่างจากกัญชา(Marijuana)ตรงที่กัญชงมีสาร CBD (Cannabidiol)สูง แต่มีสารออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทหรือสารเสพติด(Tetrahydrocannabinol:THC)น้อยมาก ขณะที่ในช่อดอกกัญชามีค่า THC ประมาณ 1-10% แต่ในกัญชงมีค่า THCประมาณ 0.3%

CBD ไม่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท การบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มี CBD จึงไม่ทำให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้มและจิตใจเลื่อนลอย CBD ยังถูกนำมาใช้ในการรักษาโรค บรรเทาอาการเจ็บป่วย ต่างๆ เช่น ทำให้ผู้ป่วยอยากอาหารมากขึ้น ลดความวิตกกังวล ทำให้หลับได้ดี บรรเทาอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ลดการอักเสบและระงับอาการคลื่นไส อ้าเจียน โดย CBD นั้น สกัดมาจากต้นกัญชงเพศเมีย

สเปเชียลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ เปิดเผยผลการวิจัยว่า CBD มีสรรพคุณที่เป็นประโยชน์มากมาย สาร CBD จะมีฤทธิ์ในการต้านและลดอาการปวด ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยทำให้ผ่อนคลาย สมองปลอดโปร่ง รวมถึงช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย จึงสามารถนำไปใช้กับผู้ที่มีอาการเครียด ซึมเศร้า วิตกกังวล ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการนอน ผู้ที่มีอาการอักเสบในร่างกาย ไมเกรน รวมทั้งผู้มีปัญหาเรื่องผิวหนัง สามารถลดอาการแพ้ ผื่นแดง สะเก็ดเงิน นอกจากนั้นยังช่วยผู้ที่มีอาการลมชัก ผู้ที่ต้องการเลิกเหล้า

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย-เทศคึกคัก
ในระดับโลก บิ๊กแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำหลากหลายแบรนด์ ต่างออกผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารสกัดจากกัญชา-กัญชง เร่ิมจากเอสเต ลอเดอร์ (Estee Lauder) ซึ่งเปิดตัวมาสก์หน้าที่มีส่วนผสมของน้ำมันเมล็ดกัญชง ภายใต้แบรนด์ออริจินส์ (Origins) เมื่อปลายปี 2561 ขณะที่ลอรีอัล (Loreal) วางจำหน่ายโลชั่น ครีมนวดผม ลิปบาล์ม มอยส์เจอไรเซอร์ เช่นเดียวกับคีลส์ (Kiehl’s) วางจำหน่ายน้ำมันบำรุงผิวหน้า ด้วยสรรพคุณลดรอยแดงและรักษาความชุ่มชื้น

ส่วนในประเทศไทย น.ส.นันทวรรณ สุวรรณเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทดู เดย์ ดรีม จำกัด(มหาชน)ผู้หรือ DDD ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สเนลไวท์ อุปกรณ์ตกแต่งทรงผมเลอซาช่าและยาสีฟันสปาร์คเคิล เปิดเผยว่า ดูเดย์ดรีมมองการเปิดตัวสินค้าจากน้ำมันเมล็ดกัญชงอย่างเร็วภายในกลางปีนี้ แต่ทั้งหมดทั้งปวง ต้องมีความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์จะดีที่สุด และเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง จึงจะไม่รีบร้อนหากยังไม่พร้อมเต็มที่ และจำเป็นต้องผ่านการอนุมัติจากภาครัฐให้ถูกต้องครบถ้วน

โดยเบื้องต้นผลิตภัณฑ์ที่น่าจะเปิดตัวได้เป็นกลุ่มแรก ๆ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่งจะครอบคลุมทั่วร่างกายทั้งผิวหน้า ผิวตัว ผลิตภัณฑ์เพื่อเส้นผม ครอบคลุมทุกโปรดักส์ไลน์ และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม โดยเชื่อว่าจะสร้างประโยชน์ให้กับผู้ใช้อย่างแน่นอน ด้วยสรรพคุณที่หลากหลายของน้ำมันเมล็ดกัญชง ซึ่งช่วยลดการอักเสบได้ดี

ด้านนายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY เปิดเผยว่า มีแผนจะพัฒนา 4 ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า และ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสารสกัดจากกัญชง คือ 1. Whitening Gel Cream : ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าเพื่อความขาวกระจ่างใส 2. Dietary Supplement for Sleep Well Plus Omega : ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารช่วยในการนอนหลับและคลายเครียด 3. Organic Tea : ผลิตภัณฑ์ชากัญชงช่วยในการผ่อนคลายและลดความเครียดวิตกกังวล 4. Organic Tea Plus Detox ผลิตภัณฑ์ชาชงช่วยดีท็อกของเสียที่ตกค้างในระบบดูดซึมสารอาหาร เตรียมผลักดันออกจำหน่ายสู่ตลาดทั้งใน และ ต่างประเทศ ภายในช่วงครึ่งหลังปี 2564

ขณะที่ นางวรวรรณ ไชยกำเนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS เปิดเผยว่า กำลังพัฒนาแบรนด์สินค้าใหม่ในหลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยนำกัญชงมาเป็นวัตถุดิบ วางเป้าหมายเปิดตัวผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากกัญชงหลากหลายรายการ ที่ผ่านการคิดค้นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง มีความโดดเด่นและแตกต่าง ภายในปีนี้

ธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม เป็นอีกหนึ่งเซกเตอร์ที่มีความเคลื่อนไหวต่อการเปิดเสรีกัญชา-กัญชงอย่างมาก เริ่มจาก นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ (TIPCO) เปิดเผยว่า คาดว่าจะออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มน้ำผลไม้ ที่มีส่วนผสมของกัญชงได้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้

ปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างรอประกาศของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการให้อนุญาตให้นำส่วนผสมของกัญชงมาใส่ในอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นรูปแบบสำเร็จรูปหรือแบบปิดฝาก่อน อย่างไรก็ตามในส่วนของส่วนผสมในเครื่องดื่ม ที่มีการจำหน่ายหน้าร้านสามารถดำเนินการได้ทันที เนื่องจากกฏหมายอนุญาตแล้ว ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะประเดิมเปิดสาขาแรก ที่ร้าน Squeeze สาขาเซ็นทรัลเวิร์ล

บริษัทยังมีแผนดำเนินการธุรกิจกัญชงในส่วนต้นน้ำและกลางน้ำเพิ่มเติมในอนาคต โดยขออนุญาตในการปลูกและสร้างโรงสกัด ซึ่งมีพื้นที่รองรับในการปลูกกัญชงได้ประมาณ 5_000 ไร่ รวมถึงมีแผนที่จะจัดตั้งโรงสกัดเป็นของตนเอง หลังจากปัจจุบันเครื่องสกัดของบริษัทมีกำลังการผลิตเต็มที่แล้ว อย่างไรก็ตามเบื้องต้นปริมาณการใช้ส่วนผสมของกัญชงยังมีสัดส่วนค่อนข้างน้อย ส่งผลให้บริษัทใช้วิธีการรับซื้อวัตถุดิบจากพันธมิตรมาเป็นส่วนผสมในการไปผลิตผลิตภัณฑ์แทนไปก่อน

ด้านบทวิเคราะห์ของบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุ บริษัท โอสถสภา จำกัด(มหาชน)หรือ OSP เจ้าตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง M-150 มีการศึกษาการใช้กัญชงตั้งแต่ปี 2562 ทั้งในส่วนของเครื่องดื่มและสินค้าของใช้ส่วนบุคคล โดยมีหลายโครงการและมีความพร้อมในการผลิต แต่ยังรอข้อกฎหมายที่มีความชัดเจน ซึ่งอาจเป็นปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า

นายชินวิทย์ เลิศบรรณพงษ์ นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE กล่าวยอมรับว่ามีความสนใจเกี่ยวกับการปลดล็อกกัญชง เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายธุรกิจในส่วนนี้ ทั้งในเรื่องของการสารสกัดซีบีดี (Cannabidiol :CBD) จากเมล็ดกัญชง_ และส่วนต่างๆ ที่ไม่ใช่ยาเสพติด แต่ต้องศึกษารายละเอียดให้รอบคอบ เพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์ทั้งในส่วนของเครื่องดื่มและไม่ใช่เครื่องดื่ม

ส่วนการจะเข้าไปขออนุญาตนั้น บริษัทยังอยู่ในการพิจารณา ทั้งนี้หากบริษัทมีซัพพลายกับผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาตแล้ว ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องมีการขอใบอนุญาตอีก หากบริษัทดำเนินการในส่วนนี้สำเร็จ ก็จะเป็นส่วนมาช่วยผลักดันรายได้ของบริษัทในอนาคต

ด้านนายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART เจ้าของตู้เติมเงิน บุญเติม เปิดเผยว่า สนใจและอยู่ระหว่างการศึกษาให้บริการด้านธุรกิจปลายน้ำ ซึ่งอาจจะใส่วัตถุดิบดังกล่าวในเครื่องดื่มขายผ่านตู้อัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูเงื่อนไขจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ถึงการทำธุรกิจปลายน้ำก่อน

การเอาส่วนผสมกัญชงมาใส่ในเครื่องดื่มอัตโนมัติ ในทางปฎิบัติเราทำได้ทันทีอยู่แล้ว แต่เราต้องขอรอดูความชัดเจนของเงื่อนไข อย.ก่อน ซึ่งตอนนี้เรามาโฟกัสในเรื่องการขยายจุดติดตั้ง และขยายตลาดตู้อัตโนมัติก่อน

อาหาร-ซอสปรุงรสกัญชงเกาะขบวน
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เปิดเผยว่า  กำลังมองหาโอกาสการร่วมลงทุน ในธุรกิจส่วนประกอบโปรตีนทางเลือก (ingredient alternative protein) และอาหารทางการแพทย์ (Medical food) รวมทั้งศึกษาธุรกิจกัญชง ศึกษาน้ำมันจากกัญชง เมื่อกฎหมายมีความชัดเจน โดยอาจเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทูน่าในน้ำมันกัญชง

สำหรับปีนี้บริษัทวางงบลงทุน 6_000-6_500 ล้านบาท เป็นการลงทุนปกติ และลงทุนธุรกิจใหม่ แบ่งเป็น โครงการโปรตีนจากพืช 800 ล้านบาท โรงงานอาหารสำเร็จรูป 1_000 ล้านบาท และโครงการห้องเย็น

นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ผู้ผลิตซอสปรุงรสยี่ห้อ Exotic เปิดเผยว่า ได้ทำการศึกษาตลาดและพัฒนาสูตรนำกัญชงมาผลิตซอสปรุงรส จับกระแสตลาดโลก ปัจจุบันสูตรผสมแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้ แต่อยู่ระหว่างรอข้อกฎหมายชัดเจน จึงคาดว่าซอสกัญชงจะเข้ามาผลักดันมาร์จิ้นของบริษัทฯ ให้สูงขึ้นได้ และเป็นโอกาสขยายตลาดไปทั่วโลก

ขณะที่ นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทเตรียมรับรู้รายได้จากการออกผลิตภัณฑ์กัญชง-กัญชา เพิ่มเข้ามา โดยคาดว่าตั้งแต่เดือน มิ.ย.นี้ เป็นต้นไป บริษัทจะทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกี่ยวกับกัญชง-กัญชา ประมาณ 8 สินค้า ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ในปีนี้ได้ประมาณ 600-800 ล้านบาท โดยกลุ่มกัญชง-กัญชา เป็นสินค้าใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในแผนงาน ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ จาก 8 SKU ประมาณปีละ 2_000 ล้านบาท  

บริษัทร่วมมือกับสถาบันวิจัยชั้นนำศึกษาและคิดค้นสูตรเพื่อนำกัญชงมาพัฒนาและต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมทั้งในส่วนของสกินแคร์_เครื่องดื่ม และอาหารเสริม รวมถึงมีการพูดคุยกับพันธมิตรที่เป็นผู้ปลูกกัญชงเชิงพาณิชย์_โรงสกัด และผู้ผลิตไว้เรียบร้อยแล้ว บริษัทมีความพร้อมทั้งการผลิตและการจำหน่ายในทันทีหลังจากกระทรวงสาธารณสุขประกาศปลดล็อคกัญชงให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์โดยไม่จัดเป็นยาเสพติด โดยจะจัดจำหน่ายผ่าน อาร์เอส มอลล์ แพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้า

ธุรกิจน้ำมัน-น้ำตาล-มือถือยังอดใจไม่ไหว
นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า บริษัทได้เจรจากับพันธมิตรที่ได้ยื่นขอใบอนุญาตทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชงจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว รวมถึงไปถึงขอความร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชนเพื่อปลูกกัญชงมารองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ

โดยคาดว่าจะสามารถออกผลิตภัณฑ์จากกัญชงเพื่อจัดจำหน่ายได้ในปลายไตรมาส 2 - 3 ของปีนี้ โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะถูกนำไปวางจำหน่ายในร้านค้าในเครือของบริษัท ทั้งร้านค้าปลีก ร้านอาหาร และร้านเครื่องดื่ม เช่น MAX Mart _ร้านกาแฟพันธุ์ไทย ร้านคอฟฟี่เวิลด์ เป็นต้น ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ

นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด(มหาชน) หรือ BRR เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างหารือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อทำธุรกิจกัญชง ซึ่งบริษัทมีที่ดินอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวนมาก สามารถใช้ปลูกกัญชงได้ โดยขณะนี้มีการศึกษาตั้งแต่ต้นทางเพาะเมล็ดพันธุ์ ปลูก และสกัดน้ำมันกัญชง แต่กระบวนการยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเท่านั้น

ส่วนบริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ ผู้จัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมทุนกับวิสาหกิจชุมชนกลุ่มรักจังฟาร์ม ซึ่งเกี่ยวข้องการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชงและ/หรือกัญชาของรักจังฟาร์ม วังน้ำเขียว ซึ่งรายละเอียดของการร่วมทุน คือทางกลุ่มวิสาหกิจรักจังฟาร์มจะจัดตั้งบริษัท กัญช์ยารักษ์ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชงและ/หรือกัญชา

โรงพยาบาลสบช่องเร่งต่อยอดธุรกิจ
นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (MOU) กับศูนย์วิจัยยาเสพติด วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และสนับสนุนการเพาะปลูก วิจัย สกัด และตรวจวิเคราะห์ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพระดับ Medical Grade สามารถนำไปใช้ทางการแพทย์และจำหน่ายเชิงพาณิชย์ และยังส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาด้านการศึกษาพืชกัญชงและกัญชาเพิ่มมากขึ้น

โดยพร้อมสนับสนุนด้านการจัดหาเทคโนโลยีในการจัดตั้งโรงสกัดสารจากกัญชาที่มีมาตรฐานในระดับการแพทย์ เพื่อนำไปสู่การออกใบรับรองมาตรฐานระดับ Medical Grade และการจัดหาเทคโนโลยีด้านการผสมสารสกัดจากพืชกัญชง กัญชา และการพัฒนาเวชภัณฑ์ยาเพื่อใช้ทางการแพทย์ รวมถึงดูแลด้านการตลาด และการจัดจำหน่าย

ขณะที่นายธีรพันธ์ ดิษยบุตร รองกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัทโรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงพยาบาลอยู่ระหว่างการศึกษาเกี่ยวกับการสกัดกัญชง-กัญชา ว่าจะมีส่วนไหนนำมาใช้ได้ หรือมีเหตุผลทางวิชาการ หรืองานวิจัยรองรับหากมีข้อมูลที่ชัดเจน และเชื่อถือได้ โรงพยาบาลก็มีความพร้อมแน่นอน


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
กรมปศุสัตว์ เดินหน้า Animal Welfare สู่สินค้าปศุสัตว์มาตรฐานอาหารปลอดภัย
กรมปศุสัตว์ เดินหน้า Animal Welfare สู่สินค้าปศุสัตว์มาตรฐานอาหารปลอดภัย
ไทยตั้งเป้าหมายในการเป็น ครัวของโลก กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานที่อยู่เบื้องหลังการเดินหน้าผลักดันเป้าหมายนี้สู่ความสำเร็จ

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมายังคงมีคำถามเกี่ยวกับสินค้าเกษตรปศุสัตว์ วันนี้ นายสัตวแพทย์ สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดคำตอบทุกประเด็นคำถาม โดยเฉพาะเรื่องสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) ที่กรมปศุสัตว์มีกฎหมายควบคุมทั้งในสัตว์เลี้ยงและสัตว์ที่ใช้เป็นอาหารของมนุษย์

ยกตัวอย่างในการเลี้ยงไก่ไข่ ที่มีมาตรฐานฟาร์ม GAP เป็นหลักปฏิบัติสำหรับเกษตรกร ซึ่งโดยปกติแม้จะเลี้ยงไก่ในกรง แต่ก็มีข้อกำหนดว่าต้องเลี้ยงได้กี่ตัวต่อกรง เพื่อให้ไก่อยู่สบายไม่แออัด ขณะเดียวกัน กรมปศุสัตว์เดินหน้าสร้างมาตรฐานใหม่ในการเลี้ยงไก่ไข่แบบไม่ใช้กรงหรือ Cage Free ซึ่งเป็นรูปแบบการเลี้ยงที่กำลังเป็นที่นิยมและตรงกับความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับหลักสวัสดิภาพสัตว์ โดยสนับสนุนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการเลี้ยงไก่นอกกรงตับ ภายใต้ระบบการปฏิบัติที่ดีทางการเกษตรสำหรับฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ 5 ประการ ได้แก่ อิสระจากความหิวกระหาย อิสระจากความไม่สบายกาย อิสระจากความเจ็บปวดและโรคภัย อิสระจากความกลัวและไม่พึงพอใจ และอิสระในการแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ นับเป็นการยกระดับมาตรฐานที่นำไปสู่มาตรฐานอาหารปลอดภัยให้กับคนไทย และผลักดันการพัฒนาสินค้าปศุสัตว์ทำให้ Cage Free egg เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้บริโภค

ที่ผ่านมาพบว่ามี NGOs บางกลุ่ม ที่พยายามบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับการเลี้ยงไก่ไข่ ด้วยการผลิตคลิปวีดีโอโดยใช้ภาพประกอบเป็น ภาพไก่ไข่ที่แออัดในกรงแคบๆ มีภาพไก่ที่อ่อนแอหรือมีปัญหาสุขภาพ รวมทั้งกระบวนการเลี้ยงที่โบราณไม่ต่ำกว่า 20-30 ปี แล้วนำมาแชร์ต่อๆกัน สร้างความเข้าใจผิดแก่สังคม และส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมไก่ไข่ ซึ่งเรื่องนี้ขอยืนยันว่าการเลี้ยงไก่ไข่ในปัจจุบันนั้นมุ่งเน้นมาตรฐานฟาร์มและความปลอดภัยในอาหารเป็นสำคัญ

ขณะที่การเลี้ยงไก่เนื้อมีมาตรฐานฟาร์มและการดูแลสวัสดิภาพสัตว์กำกับอยู่ โดยมีข้อกำหนดว่าต้องเลี้ยงกี่ตารางเมตรต่อตัว เพื่อให้มีพื้นที่ให้ไก่ได้อยู่อาศัยกว้างขวาง มีระบบการจัดการแสงสว่างและชั่วโมงการพักผ่อนที่เหมาะสมประมาณ 6-8 ชั่วโมง เหมือนกับคน และมีเวลากิน เวลานอน มีเวลาเล่นคุ้ยเขี่ย ภายใต้การเลี้ยงในโรงเรือนปิดเพื่อป้องกันโรค ซึ่งเป็นหนึ่งในการคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ และการที่ไก่อยู่ในโรงเรือนปรับอากาศได้ หรือที่เรียกว่าโรงเรือนอีแวป ที่มีอุณหภูมิเหมาะสมกับไก่ในแต่ละช่วงวัย ทำให้อยู่สบาย กินอาหารได้ดี เติบโตได้ตามความสามารถของสายพันธุ์ เมื่อไก่ไม่เครียด ไม่ป่วย จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยารักษา เมื่อได้อายุไก่จะถูกขนส่งด้วยระบบรถที่ดูแลเป็นพิเศษ ไก่ต้องไม่ร้อน ไม่มีการทารุณสัตว์ การเข้าเชือดต้องทำให้สลบแบบนุ่มนวล เนื้อไก่ที่บริโภคต้องมาจากการฆ่าที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค

ส่วนเรื่องความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้ฮอร์โมนในสัตว์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ย้ำว่าในอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่เนื้อ ไม่มีการใช้ฮอร์โมนเพื่อเร่งการเจริญเติบโต มานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยมีกฎหมายควบคุม และกรมปศุสัตว์มีการตรวจมาโดยตลอด ส่วนที่มีข้อสงสัยว่าถ้ากินไก่แล้วจะทำให้มีฮอร์โมนเอสโตรเจนมาก ทำให้หน้าอกโต เรื่องนี้ขอย้ำว่า ไม่มีจริง และปัญหาส่วนใหญ่เกิดจาก Junk Food จำพวกอาหารทานด่วน อาหารทอด ที่เป็นตัวเพิ่มไขมันในร่างกาย ทำให้เกิดภาวะอ้วน

สำหรับการเลี้ยงหมูก็อยู่ภายใต้มาตรฐานฟาร์มเช่นกัน โดยมีการคุ้มครองและดูแลสวัสดิภาพสัตว์ในฟาร์ฒเลี้ยง และปัจจุบันผู้ประกอบการฟาร์มหมูรายใหญ่ของไทย ได้พัฒนาการเลี้ยงและยกระดับมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ ด้วยการเปลี่ยนการเลี้ยงแม่หมูแบบยืนซอง เป็นการเลี้ยงแบบรวมกลุ่ม หรือคอกขังรวมแทน

เรื่องการควบคุมโรค นับว่าเป็นความสำเร็จที่เห็นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการป้องกันโรคไข้หวัดนกที่ระบาดหนักในช่วงปี 2547 โดยไทยไม่พบการแพร่ระบาดของโรคนี้มาตั้งแต่ปี 2551 เท่ากับไม่เกิดโรคนี้ต่อเนื่องกันมากกว่า 12 ปี ถือว่าดีที่สุดระดับโลก จากมาตรการที่วางไว้ในด้านการเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกันอย่างดี มีปศุสัตว์อำเภอและเจ้าหน้าที่อาสาปศุสัตว์เข้าดูแลพี่น้องเกษตรกรอย่างใกล้ชิด

ที่สำคัญคือการป้องกันโรคในสุกร อย่างโรคแอฟริกันสไวน์ฟีเวอร์ หรือ ASF ในสุกร ที่เป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย เพราะอุตสาหกรรมหมูในประเทศหลายประเทศ ทั้งจีน เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา ต่างได้รับผลกระทบจากโรคนี้ แต่ไทยเรายังคงสถานะปลอดโรค แม้โรคนี้ไม่มีวัคซีน ไม่มียารักษา แต่ไทยก็สามารถป้องกัน ASF ได้ตั้งแต่ปี 2561 เรียกว่า "เอาอยู่" มาสองปีกว่า เพราะทุกภาคส่วนร่วมกันเฝ้าระวังป้องกันโรคอย่างเข้มแข็ง โดยกรมปศุสัตว์ร่วมกับภาคเอกชนในการดำเนินการด้านการควบคุมโรคอย่างเข้มงวดมาตลอด เมื่อหมูไทยปลอดภัยปลอดเชื้อโรค ASF ทำให้เป็นที่ต้องการของหลายประเทศ แต่ไทยมีการดูแลเรื่องการผลิตหมูอย่างเพียงพอกับการบริโภค มีการจำกัดการส่งออก ไม่ให้มีผลกระทบต่อคนไทย

ความสามารถในการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ ที่นำเงินตราเข้าประเทศถึงปีละ 2 แสนกว่าล้านบาท และก้าวขึ้นเป็นที่ 1 ในอาเซียนในด้านการส่งออก เป็นภาพสะท้อนมาตรฐานการผลิตของไทยที่เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก โดยมีสินค้าสำคัญที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ คือเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ ที่ไทยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก มีคู่ค้าสำคัญคือสหภาพยุโรป (EU) กับญี่ปุ่น ที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับเรื่องคุณภาพ มาตรฐาน ความปลอดภัยทางอาหาร และสวัสดิภาพสัตว์ ภารกิจทั้งหมดของกรมปศุสัตว์ นอกจากจะเพื่อให้เกิดความปลอดภัยของผู้บริโภค ความอยู่รอดของผู้ผลิตแล้ว ยังมีส่วนสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจที่ดีของไทย จากการส่งออกสินค้าสู่ตลาดโลก เพื่อเป้าหมาย ครัวของโลก ที่ยั่งยืน


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
น้ำผลไม้บรรจุกระป๋อง สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลไม้ไทย ส่งออกต่างประเทศ
น้ำผลไม้บรรจุกระป๋อง สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลไม้ไทย ส่งออกต่างประเทศ
ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยพืชผลทางการเกษตร ทั้งผักและผลไม้นานาชนิดที่ผลิดอก ออกผลให้คนไทยได้บริโภคกันตลอดทั้งปี และด้วยข้อจำกัดในการเก็บรักษาทำให้พืชผลทางการเกษตรมีมากเกิน จนบริโภคหรือจัดจำหน่ายไม่ทัน เกิดความเสียหาย เหล่านี้ได้กลายเป็นข้อดีที่นักธุรกิจรุ่นใหม่อย่าง วราภรณ์ วังวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท อินเตอร์ดริ๊งส์ จำกัด มองเห็นโอกาสในการสร้างธุรกิจ เกิดแนวคิดแปรรูปผลไม้สดเป็นน้ำผลไม้บรรจุกระป๋องส่งออกต่างประเทศมานานกว่า 12 ปี

วราภรณ์ วังวิวัฒน์ เล่าถึงจุดก่อเกิด อินเตอร์ดริ๊งส์ ว่า บริษัท อินเตอร์ดริ๊งส์ จำกัด เป็นบริษัทในเครือของบริษัท มโนห์ราอุตสาหกรรมอาหาร จำกัด ผู้ผลิตข้าวเกรียบขายในเมืองไทย และส่งออกไปต่างประเทศ โดย อินเตอร์ดริ๊งส์ ดำเนินธุรกิจผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้บรรจุกระป๋องส่งออกต่างประเทศเป็นหลัก

แนวคิดในการทำธุรกิจส่งออกน้ำผลไม้บรรจุกระป๋อง มาจากการที่เราดูแลในส่วนงานด้านตลาดส่งออกให้บริษัท มโนห์ราอุตสาหกรรมอาหาร ทำให้มีเครือข่ายกลุ่มลูกค้าต่างประเทศส่วนหนึ่งอยู่แล้ว ถือเป็นข้อได้เปรียบของเรา เพราะการผลิตสินค้าขึ้นมาสักอย่างไม่ใช่เรื่องยาก แต่จะขายให้ใคร หรือหาลูกค้าจากที่ไหน ตรงจุดนี้สิที่ยาก แต่มโนห์ราอยู่ในตลาดมานานกว่า 54 ปี จึงรู้จักลูกค้าพอสมควร ดังนั้นเราแค่นำเสนอสินค้าที่ทำให้กับลูกค้าแต่ละประเทศที่เรามีพอร์ตอยู่เท่านั้นเอง

นอกจากนี้การที่ มโนห์รา เป็น snack ข้าวเกรียบ ซึ่งมีน้ำหนักเบา เราจึงอยากหาสินค้าที่ขายไปพร้อมกันได้ เพื่อเฉลี่ยน้ำหนัก รวมถึงเงินต้นทุนต่อหน่วยของค่าขนส่งในการส่งออก ความคิดเรื่องการทำน้ำผลไม้บรรจุกระป๋องจึงเกิดขึ้น การที่เราถนัดในไลน์อาหารอยู่แล้ว จึงถือเป็นการแตกไลน์ธุรกิจเกี่ยวกับอาหารไปด้วยเลย อีกทั้งการขายผลไม้ที่เป็นวัตถุดิบสดๆ เมื่อรวมกับการขนส่งด้วยแล้วราคาค่อนข้างแพง เราคิดว่าการดื่มน้ำผลไม้จากกระป๋องน่าจะดีกว่า รสชาติอาจไม่เหมือนที่ดื่มจากผลสด ๆ แต่ในรูปแบบกระป๋องจะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่าย ต้นทุน และการเก็บรักษา รวมถึงอายุของสินค้าที่สามารถอยู่ได้เป็นปี คุณสมบัติต่างๆ เหล่านี้สามารถนำเสนอต่อลูกค้าได้ง่ายกว่า

สินค้าตัวแรกที่ทำคือ น้ำมะพร้าวผสมเนื้อมะพร้าวกับน้ำมะพร้าวธรรมดา ที่เลือกทำน้ำมะพร้าว เพราะโรงงานของเราอยู่ที่จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นแหล่งที่มีวัตถุดิบประเภทมะพร้าวเยอะมาก หลังจากนั้นก็เริ่มขยายไลน์ทำน้ำสับปะรด น้ำฝรั่ง น้ำลิ้นจี่ น้ำผลไม้รวม น้ำมะขาม น้ำส้ม โดยแตกไลน์ออกไปเรื่อยๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ เราคำนึงถึงแหล่งวัตถุดิบด้วย เพราะหากไล่มา สมุทรสาคร สมุทรสงคราม มีลิ้นจี่ ฝรั่ง ส่วนเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ก็มีสับปะรด ถือเป็นข้อดีและข้อได้เปรียบของเราในเรื่องของโลจิสติกส์ และวัตถุดิบคุณภาพที่นำมาผลิตในโรงงาน

ช่วงแรกๆ เราส่งออก 100% ทำเป็น OEM (Original Equipment Manufacturer) คือรับจ้างผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ต่างๆ ก่อน ประมาณ 4-5 ปี เพื่อให้โรงงานเป็นที่รู้จัก และลูกค้าเกิดความมั่นใจว่าเราเป็นผู้ผลิตตัวจริงที่อยู่ในเมืองไทย ขณะเดียวกันก็ทำแบรนด์ของตัวเองคู่ขนานกันไปด้วย ภายใต้ชื่อ C-Light และ COCO PLUS เหตุผลที่ต้องสร้างแบรนด์คู่ขนานไปกับการทำ OEM เพราะ ต้องสร้างความยั่งยืนให้กับบริษัท ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือ การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง คนจะรับประทานหรือซื้อสินค้า แบรนด์ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่า ทุกครั้งที่หยิบแบรนด์นี้ขึ้นมา สินค้าจะมีคุณภาพ อร่อย และคุ้มกับเงินที่เขาเสีย เฉพาะแบรนด์ C-Light ตอนนี้มีหลายซีรี่ส์มาก หลักๆ เป็นน้ำผลไม้ และ Milk Drinks เช่น Melon Milk _Almond Milk_ Chocolate Milk_ Banana_ Rose Milk Drinks_ Strawberry Milk Drinks เป็นต้น

ปัจจุบันบริษัทยังรับทำ OEM อยู่ และมีสินค้ามากกว่า 40 รายการ (SKUs) อาทิ น้ำมะพร้าว มีตั้งแต่ 20% ไปจนถึง100% ขึ้นอยู่กับลูกค้าที่มาจ้างผลิตว่าอยากได้น้ำอะไร มีงบเท่าไหร่ สินค้าของอินเตอร์ดริ๊งส์ส่งออกต่างประเทศประมาณ 95% อีก 5% คือการรับจ้างผลิตให้ลูกค้าในประเทศ

เจาะตลาดต่างประเทศในกลุ่มอเมริกา และ UAE ผ่านงานแสดงสินค้าระดับโลก

การไปออกงานแสดงสินค้ากับหน่วยงานภาครัฐในต่างประเทศ ทำให้เรารู้ข้อมูลของกลุ่มลูกค้าที่จะนำสินค้าไปขายได้ก่อนว่าประเทศไหน กลุ่มไหนของแต่ละทวีป ที่มีกำลังซื้อในเรื่องของน้ำผลไม้บรรจุกระป๋อง เพื่อที่เราจะสามารถเลือกกลุ่มที่จะอยู่ได้ชัดเจนขึ้น สินค้าของเราจะอยู่ในกลุ่ม Beverage ลูกค้าที่เดินมางานแสดงสินค้า (Exhibition Show) เราก็จะได้แนะนำบริษัท อินเตอร์ดริ๊งส์ ให้ลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมายว่า เราเป็นใคร ผลิตอะไร มีสินค้าอะไรมานำเสนอบ้าง อย่างเช่น กลุ่มตะวันออกกลาง ซึ่งมีกำลังซื้อและบริโภคน้ำผลไม้บรรจุกระป๋องในปริมาณมาก เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีของสดน้อย ภูมิอากาศร้อน การหาผลไม้สดมารับประทานจึงเป็นเรื่องยาก ราคาแพง และคุณภาพไม่ดีเหมือนบ้านเรา เราจึงนำเสนอ Process Food ด้วยบรรจุภัณฑ์สวยงามเรียบร้อย ลักษณะนี้จะง่ายในการเข้าถึงผู้บริโภค และราคาไม่แพงด้วย

ในการไปออกงานแสดงสินค้าที่ต่างประเทศ ต้องทำการบ้านพอสมควร ต้องมีการวางแผนและคุยกันในทีมก่อนว่า เราจะไปขายอะไร ขายเท่าไหร่ ขายอย่างไร ในทางกลับกันไม่ใช่แค่การขายอย่างเดียว ต้องเก็บข้อมูลกลับมาด้วยว่า พฤติกรรมผู้บริโภคของแต่ละประเทศเป็นอย่างไร ตอนนี้เทรนด์ในต่างประเทศขายอะไร กินอะไรกัน และมีสินค้าอะไรใหม่ๆ ในตลาดบ้าง หรือ การออกแบบบรรจุภัณฑ์เป็นอย่างไร สีสันสดใส สวยหรือไม่ เหล่านี่คือสิ่งที่เราต้องใส่ใจ ต้องเก็บข้อมูลต่างๆ แล้วนำกลับมาคุยกับทีมมาร์เก็ตติ้ง และ ทีม R&D(Research and development) ก่อน เพื่อหาข้อสรุปว่าซีรี่ส์แรกจะผลิตเครื่องดื่มอะไรออกไปขาย โดยหลักๆ บริษัทจะเน้นเรื่องการใช้พืชผลทางการเกษตรจากเกษตรกรที่ปลูกในเมืองไทย 100% เป็นอันดับแรก

ช่วงแรกเริ่มทำตลาดต่างประเทศ 2 กลุ่มคือสหรัฐอเมริกา และ ในกลุ่มของ GCC (Gulf Countries Cooperation) หรือกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ มี 6 ประเทศ ซึ่งเป็นตลาดหลักของไทยในตะวันออกกลาง ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE)_ บาห์เรน_ ซาอุดีอาระเบีย_ คูเวต _กาตาร์ และโอมานโดยงานแรกไปกับกรมส่งเสริมการส่งออกเป็นงาน Gulfood มีลูกค้าในแต่ละประเทศมาดูงานเยอะมาก ถือเป็นตลาดแรกๆ ที่เราไปขายสินค้า สินค้าที่นำไปออกงานแสดงสินค้ามีน้ำมะพร้าว น้ำสัปปะรด น้ำฝรั่ง น้ำลิ้นจี่ เป็นต้น ซึ่งน้ำมะพร้าวได้รับการตอบรับที่ดีมาก

สิ่งสำคัญที่ต้องนำเสนอ คือ ทำไมเขาต้องซื้อของเรา ราคาดีมั้ย คุณภาพดีหรือเปล่า ระยะเวลาในการผลิตส่งสินค้าตรงเวลามั้ย ดีไซน์สวยมั้ย แล้วผ่านกฏระเบียบการนำเข้าของแต่ละประเทศหรือเปล่า เช่น จะขายแบรนด์ C-Light จะขายได้เลยต้องเอาสินค้าตัวอย่างไปให้ลูกค้าชิมก่อน พอเป็นที่รู้จักว่าสินค้าของเราคืออะไร สร้าง Awareness ต่อเนื่องมั้ย ต้องคิดหมด มีสินค้าแนะนำแจกมั้ย เหมือนทำตลาดในเมืองไทย แต่เป็นการทำตลาดต่างประเทศที่ต้องใช้เวลา

การทำการตลาดช่วงปีแรก ใช่ว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี ดังนั้นต้องออกงานแสดงสินค้าตลอด ออกหลายๆ ปี เพื่อตอกย้ำว่าเรายังอยู่ตรงนี้ ยังเป็นผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือ และเป็นผู้ผลิตที่ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ มีสินค้าที่พัฒนาใหม่ๆ คุณจ่ายเงินซื้อสินค้าของเรา คุณได้รับของแน่นอน และได้รับของดีมีคุณภาพด้วย

ภูมิอากาศ ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ และกฎระเบียบในการนำเข้าสินค้า คือปัญหาสำคัญในการทำตลาดส่งออกต่างประเทศ

ปัญหาที่เจอ ในประเทศคือเรื่องของวัตถุดิบพืชผลทางการเกษตรที่ค่อนข้างผันผวน ขึ้นอยู่กับฝน ฟ้า อากาศ ผลผลิตจะออกมากน้อยแค่ไหน ราคาจะอยู่ที่เท่าไหร่ เป็นเรื่องของการบริหารจัดการวัตถุดิบสด ถือเป็นความท้าทายของทุกโรงงาน รวมถึงความผันผวนของราคาบรรจุภัณฑ์ ซึ่งบริษัทเราใช้กระป๋องเหล็กในการบรรจุน้ำผลไม้ ซึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศ อีกทั้งมีผู้ผลิตไม่กี่รายที่ผลิตเหล็กในลักษณะสัมผัสอาหาร

สิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจไปต่อได้ อย่างแรกคือ บริษัทต้องมีทุนหมุนเวียน รวมถึงมีการคาดการณ์เกี่ยวกับปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น น้ำท่วม ฝนตก ความแห้งแล้ง ซึ่งทีมงานของเราคุ้นชินกับสิ่งเหล่านี้ เพราะทำข้าวเกรียบมโนห์รามานาน รู้จักและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับซัพพลายเออร์พอสมควร รวมถึงการรับออเดอร์ลูกค้า ต้องดูว่าออเดอร์ต่อเนื่องแค่ไหน ถ้าออเดอร์ต่อเนื่องมากๆ ก็ง่ายในการบริหารจัดการวัตถุดิบ เพราะการบริหารวัตถุดิบจะสอดคล้องกับการรับออเดอร์

ส่วนต่างประเทศเริ่มแรกที่ทำน้ำผลไม้ก็อาจจะมีปัญหาเรื่องวัตถุดิบสดบ้าง แต่สามารถบริหารจัดการได้ เมื่อแตกกลุ่มสินค้าใหม่ออกมามีปัจจัยการผลิตที่เราคาดไม่ถึงเกิดขึ้น เราถามข้อมูลจากลูกค้าไม่ละเอียดพอก็ส่งผลถึงการผลิต ดังนั้นอินเตอร์ดริ๊ง์จึงให้ความสำคัญกับวิทยาศาสตร์การอาหารมาก เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มีหลากหลาย ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค

ความยากอีกอย่างของการส่งสินค้าไปต่างประเทศคือ เรื่องกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าของแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องของส่วนผสมของสินค้า เช่น อะไรใส่ได้ อะไรใส่ไม่ได้ ส่วนผสมอะไรอนุญาตหรืออะไรไม่อนุญาต เพราะแต่ละประเทศมีกฎหมายด้านการกระทรวงสาธารณสุขที่ต่างกัน

วางกลยุทธ์ทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จผ่านทฤษฏี หิว

กลยุทธ์ทางการตลาดส่วนใหญ่จะใช้ทฤษฎี หิว คือ ถ้าคนหิว ก็กระหายอยากทำงาน และถ้าเราหิวตลอดเวลาก็เปรียบได้กับเราอยากได้ออเดอร์อยู่ตลอด พยายามขยายช่องทางในการขายที่ไม่ใช่จมอยู่กับประเทศหลักๆ ประเทศเดียว เกิดวันหน้ามีปัญหาแล้วประเทศนั้นไม่สั่งซื้อสินค้าของเรา เราก็ตาย แต่ทฤษฎี “หิว” นี้ก็ต้องสื่อสารกับทางโรงงานว่าหากเรารับออเดอร์มา โรงงานผลิตสินค้าให้ลูกค้าได้ทันท่วงทีมั้ย เราต้องการทำอะไร ทิศทางลมของแมนเนจเมนท์ปีนี้เป็นอย่างไรบ้าง เวลาไปออกงานแสดงสินค้าต้องดูกลุ่มเป้าหมายว่า แต่ละกลุ่มต้องการขายอะไร และอย่าหยุดที่จะหาลูกค้าป้อนโรงงานอยู่เรื่อยๆ ออเดอร์เล็กๆ น้อยๆ เก็บให้หมด เพราะวันนี้เล็กวันหน้าไม่ได้หมายความว่าจะเล็กเสมอไป

การดูแลลูกค้าทั้งรายเล็กและรายใหญ่ เรายังคงใช้นโยบายเดิมคือ ดูแลแบบเท่าเทียมกัน ลูกค้าเดิมต้องดูแลรักษาให้ดี ลูกค้าใหม่ก็ต้องใส่ใจสร้างให้เค้าเติบโต ภายภาคหน้าลูกค้าก็จะสั่งซื้อสินค้าของเราอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเราพยายามจะใช้ทฤษฏี “หิว” หาเรื่อยๆ ไม่ทิ้งลูกค้าเก่า พร้อมกับขยายฐานลูกค้ารายใหม่ๆ รวมถึงในส่วนของการจัดการในโรงงานก็ต้องพยายามปรับให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น

แนะ SMEsไทยคิดจะทำตลาดส่งออกสินค้าต้องมีใจรักและอดทน

รักจะทำโรงงานต้องมีใจอดทน ทำด้วยความสนุก สนุกกับการทำงาน คิดว่าทุกอย่างคือความท้าทาย ถ้าไม่อย่างนั้นจะท้อแท้และเหนื่อย ไม่ใช่เห็นคนอื่นรวยแล้วอยากจะทำบ้าง แบบนั้นเหนื่อย ขอให้ใจรัก รักที่จะทำ ประเด็นสำคัญคือ คู่ค้าที่ดีที่คอยให้การสนับสนุนทั้งคู่ค้าที่เป็นลูกค้า และคู่ค้าที่คอยซัพพอร์ตเรื่องเงินทุน เพราะ SMEs ส่วนใหญ่ใช้เงินหมุนเวียน มีเงินของตัวเองส่วนหนึ่ง และต้องได้รับการสนับสนุนอีกส่วนหนึ่งจากทางธนาคาร เพื่อให้เดินไปด้วยกันได้ จึงจะสามารถทำให้วงกลมเศรษฐกิจของประเทศไทยหมุนได้ เพราะฐานของประเทศจริงๆ คือ SMEs ซึ่งตอนนี้มีอยู่เยอะมาก


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
สมุนไพรที่ไม่ควรมองข้าม มะขาม
สมุนไพรที่ไม่ควรมองข้าม มะขาม
มะขามถูกใช้มานานในรูปแบบสมุนไพร ด้านความงาม หลากยุคหลายสมัย และยังถือเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมมาก รวมไปถึงเป็นวัตถุดิบสำคัญในการทำอาหาร

1.มะขามเพื่อผิวกระจ่างใสเป็นธรรมชาติ
ประโยชน์จากผลมะขามในด้านผิวกระจ่างใสเป็นธรรมชาติเนื่องจากในมะขามมีค่าความเป็นกรด หรือเรียกว่า กรดทาร์ทาริก(tartaric acid) ในรูปแบบ AHA(Alpha hydroxyl acids) ที่ช่วยให้กันผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพที่ตกค้างบนผิวออก ขจัดความมันส่วนเกินบริเวณรูขุมขน พร้อมกระตุ้นให้เกิดเซลล์ใหม่ที่ทำให้ผิวใสและเนียนนุ่มมากขึ้น จึงนิยมมากในการนำมะขามเปียกมาขัดตามร่างกายตั้งแต่โบราณ หรือนำไปผสมขัดพร้อมใยบวบเพื่อขัดผิวโดยเน้นบริเวณผิวที่หนาอย่าง ส้นเท้า ศอก และเข่า เป็นต้น

2.มะขามเพื่อทุกสภาพผิว
สามารถใช้เป็นสารละลายธรรมชาติได้ดี เนื่องจากมะขามมีค่าค่อนไปทางความความกรด การใช้มะขามสำหรับผิวบอบบาง หรือ ผิวอื่นๆ จึงมักมีการผสมผสานพืชชนิด อื่นลงไปเพื่อให้เกิดตำรับในการดูแลผิวที่แตกต่างตามสภาพผิว เช่น

3. มาส์คมะขามตำรับคนผิวสิว
นำน้ำมะขามมาผสมเป็นมาส์คพอกสิว โดยโบราณนิยมนำมาผสมกับผงดินสอพอง โดยที่ดินสอพอง หรือ มาร์ล(marl) มีองค์ประกอบหลักเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต(CO3) นิยมนำมาใช้มากตั้งแต่โบราณ ตอนพอกรู้สึกได้ถึงความเย็น สบายผิว โบราณเลยนิยมนำมาทำเป็นผงมาร์ค หรือ ผงประคบผิวสิว ด้วยค่าความเป็นกรมของมะขามเมื่อผสมผสานกับดินสอพองจะเกิดฟองฟู่กระจายตามผิวได้ที่ต้องการ

4. มะขามหมักผม
หลายคนมีปัญหาเส้นผมมัน หนังศีรษะ สกปรก มีกลิ่นง่าย สูตรโบราณเลยนิยมนำเอามะขามเปียกมาผสมกับน้ำอุ่นแล้วกรองจนเหลือแต่น้ำมะขามเปียก แล้วนำไปหมักผมก่อนการสระผม น้ำมะขามเปียกจะช่วยย่อยสลายสิ่งสกปรกที่ตกค้างบนหนังศรีษะและความมันต่าง บนเส้นผมออกไป จึงทำให้เส้นผมสะอาด ขจัดกลิ่นบนเส้นผมหลังจากการสระผม


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
ปลูกฝรั่งกิมจู 30 ไร่ วางแผนการตลาด ทำผลผลิตออกตลอดทั้งปี ฟันรายได้หลายแสนบาทต่อเดือน
ปลูกฝรั่งกิมจู 30 ไร่ วางแผนการตลาด ทำผลผลิตออกตลอดทั้งปี ฟันรายได้หลายแสนบาทต่อเดือน
ฝรั่ง ผลไม้ยอดนิยมตลอดกาล อาจจะมีช่วงเวลาที่ถูกบ้าง เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ ราคาฝรั่งก็เช่นกัน

คุณวราภรณ์ ขุนพิทักษ์ ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์เมืองสมุทรสาคร อยู่บ้านเลขที่ 18/1 หมู่ที่ 7 ตำบลคลองจินดา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม หญิงเก่งผู้ยึดมั่นอาชีพเป็นเกษตรกรทำสวนฝรั่งมานานกว่า 20 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ทำมามีการสะสมประสบการณ์มาเรื่อยๆ จนสามารถคาดการณ์การตลาดได้อย่างแม่นยำ เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ แม้แต่สถานการณ์โควิด-19 ที่ธุรกิจทุกอย่างต้องหยุดชะงักลง แต่ก็ไม่สามารถหยุดยอดขายของเธอคนนี้ได้ คิดหาทางออกได้อย่างทันท่วงที สามารถสร้างรายได้จากการปลูกฝรั่งเดือนละกว่า 300_000 บาท

คุณวราภรณ์ เล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ปลูกฝรั่งมานานกว่า 20 ปี ว่า ตนเริ่มต้นปลูกฝรั่งครั้งแรกบนพื้นที่เพียง 1 ไร่ และได้มีการขยายพื้นที่ปลูกมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกฝรั่ง จำนวน 30 ไร่ แบ่งปลูกเป็น 3 แปลง และกำลังที่จะขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มอีกเป็นแปลงที่ 4 เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่มีมากขึ้น โดยเลือกปลูกฝรั่งกิมจูเป็นหลัก เพราะเป็นสายพันธุ์ที่ทานง่าย ถูกใจผู้บริโภคทุกระดับ สามารถส่งขายได้ทั้งตลาดโรงงาน ตลาดห้างโมเดิร์นเทรด และตลาดสดในชุมชนทั่วไป ด้วยจุดเด่นของฝรั่งกิมจูที่มีรสชาติหวาน กรอบ เนื้อฟู ประโยชน์สูง รวมไปถึงผลตอบแทนทางด้านรายได้ เพราะฝรั่งเป็นพืชที่ปลูกง่าย ให้ผลผลิตเร็ว เพียง 8 เดือน อีกทั้งยังให้ผลตอบแทนสูง ได้เงินไว และถ้าหากมีการวางแผนการปลูกที่ดีแล้ว เกษตรกรสามารถทำผลผลิตให้ออกได้ตลอดทั้งปี สร้างรายได้เข้ากระเป๋าได้ทุกวัน

เทคนิคการปลูก ให้มีผลผลิตออกตลอดทั้งปี
ก่อนที่จะไปถึงเทคนิคขั้นตอนการปลูก คุณวราภรณ์ บอกว่า ต้องอธิบายให้เกษตรกรเข้าใจตรงกันก่อนว่า พืชผักผลไม้ทุกชนิดมีราคาขึ้น-ลง แล้วแต่ช่วงฤดูกาลถือเป็นเรื่องปกติ มีช่วงราคาถูก-แพง ในรอบปี ฝรั่งก็เป็นเช่นเดียวกันกับผลไม้ชนิดอื่นที่พอถึงฤดูกาลที่ผลผลิตออกมามากมายพร้อมกัน ราคาก็จะถูกลงมา ซึ่งจากประสบการณ์ที่คลุกคลีอยู่ในวงการฝรั่งมานานกว่า 20 ปี สามารถบอกได้เลยว่าช่วงไหนราคาฝรั่งจะถูกหรือแพง คือฝรั่งจะมีราคาถูกให้สังเกตง่ายๆ ก็ช่วงเวลาที่โรงเรียนปิดเทอม หรือช่วงที่เงาะออก ส่วนช่วงที่ฝรั่งมักมีราคาแพง จะเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีผลไม้ชนิดไหนออกสู่ตลาด อย่างช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม ในช่วงนี้ผลผลิตจะมีราคาสูงถึง กิโลกรัมละ 30-40 บาท กับอีกช่วงคือเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งตรงกับหลายเทศกาล ดังนั้น เมื่อรู้อย่างนี้แล้วตนจึงเลือกที่จะหลีกเลี่ยงที่จะไม่ให้มีผลผลิตออกมาชนกับสวนอื่น ด้วยการวางแผนก่อนผลิตล่วงหน้าว่า จะให้ผลผลิตเก็บได้ในช่วงไหนก็ให้นับย้อนกลับไป 5 เดือน แล้วโน้มกิ่งให้ฝรั่งแตกยอดใหม่ เพื่อที่จะให้ผลผลิต หรือนับจากการห่อผล 3 เดือน สามารถเก็บเกี่ยวได้ และฝรั่งจะเก็บผลผลิตได้ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ก็จะต้องโน้มกิ่งต้นเดือนมีนาคมนั่นเอง

เตรียมแปลงปลูก
เทคนิคการปลูก ฝรั่ง เป็นพืชที่ปลูกซ้ำที่แล้วจะไม่ค่อยดี เพราะฉะนั้นการเตรียมดินปลูกในแต่ละครั้งจำเป็นต้องเตรียมดินใหม่ทั้งหมด จะปลูกซ้ำหน้าดินเดิม หรือปลูกร่องเดิมไม่ได้ เพราะจะทำให้เกิดเชื้อราที่เป็นสาเหตุหลักทำให้ฝรั่งยืนต้นตายได้ ซึ่งข้อดีผู้ที่ปลูกฝรั่งจะรู้ดี เพราะฉะนั้นการเตรียมดินใหม่ที่ถูกต้องจำเป็นต้องมีการไถยกร่องปรับหน้าดิน ตากดินทิ้งไว้ 2-3 เดือน แล้วไถ นำรถตีดินเข้ามาตีหน้าดินอีกรอบเพื่อให้ดินละเอียดขึ้น แล้วเตรียมขุดหลุมปลูกด้วยกิ่งตอน เพื่อลดค่าใช้จ่าย เพราะถ้าปลูกโดยใช้กิ่งชำราคาจะสูงกว่า ที่สวนจะทำกิ่งพันธุ์เอง จึงเลือกใช้กิ่งตอน และประเด็นสำคัญที่สุดคือการปลูกด้วยกิ่งตอนจะช่วยลดปัญหาการเกิดเชื้อราจากแกลบดำได้ เพราะฉะนั้นหากใช้กิ่งตอนปลูกจะไม่ค่อยประสบกับปัญหายืนต้นตาย ที่นับเป็นปัญหาหลักที่เกษตรกรหลายคนถอดใจ

ระยะห่างระหว่างต้น ที่สวนจะใช้วิธีการปลูกแบบยกร่องสวน เนื่องจากเป็นเขตที่ลุ่ม ขนาดร่อง 2 เมตร บนร่องปลูก 2 แถว แบบสลับฟันปลา ระยะปลูก ประมาณ 1.5 เมตร ซึ่งข้อดีของการปลูกแบบสลับฟันปลา คือ 1. จะได้จำนวนต้นเพิ่มขึ้น 2. หากมีอาการยืนต้นตายในต้นที่มีอายุ 2 ปีไปแล้ว เมื่อตัดต้นทิ้งไปจะทำให้แปลงดูไม่โล่งจนเกินไป

ระบบน้ำ ใช้เรือรดน้ำตามร่องสวน หากปลูกโดยใช้กิ่งตอนช่วงแรกจะรดน้ำทุกวัน หลังจากนั้นเมื่อพ้นเดือนแรกไปแล้ว ให้รดน้ำลงมาเหลือเป็นวันเว้นวัน หากวันไหนฝนตกก็ให้งดน้ำ

ผลผลิตเต็มต้น
ฝรั่งจะเริ่มเก็บได้เมื่ออายุ 8 เดือน หลังปลูก โดยในรอบ 1 ปี จะทำชุดใหญ่ 3 ชุด โดยชุดที่จะมีราคาแพงที่สุด จะเป็นชุดที่เก็บเกี่ยวเดือนสิงหาคม-กันยายน ซึ่งเป็นฝรั่งที่จะต้องโน้มกิ่งในช่วงต้นเดือนมีนาคม การโน้มกิ่งฝรั่งจะทำให้ฝรั่งแตกยอดพร้อมกับออกดอกบนกิ่งที่โน้ม โดยการปักไม้ไผ่รวกให้รอบทรงพุ่ม เลือกกิ่งที่ยาว โน้มลงมาแล้วใช้เชือกยึด ผูกติดกับไม้ไผ่รวก ตัดปลายกิ่งออก แล้วยอดใหม่จะแตกออกมา รอให้เก็บเกี่ยวผลผลิตอีกครั้ง

ปุ๋ย จะดูแลให้ฝรั่งต้นสมบูรณ์ตลอดทั้งปี โดยหลังจากโน้มกิ่งแล้ว จะใส่ปุ๋ย 25-7-7 เพื่อเร่งยอดบำรุงต้น หลังจากนั้น อีก 15 วัน ใส่ 16-16-16 เมื่อผลโตขนาดเท่าผลส้มจะเปลี่ยนมาใส่ปุ๋ยอินทรีย์เคมีอัดเม็ด ที่มีธาตุอาหารแคลเซียม แมกนีเซียม เป็นส่วนประกอบ ซึ่งจะทำให้ฝรั่งผิวสวย ฝรั่งผิวออกขาว ไม่เขียว และรสชาติหวาน กรอบ เนื้อฟู ทางใบพ่นน้ำส้มควันไม้อย่างต่อเนื่องทุก 7-10 วัน เพื่อช่วยในด้านการเจริญเติบโต ความสมบูรณ์ของต้น และยังช่วยกันแมลงอีกด้วย แคลเซียม-โบรอน พ่นประจำไม่ให้ขาด จะช่วยทั้งเรื่องเพิ่มความสมบูรณ์ของดอก เพิ่มการติดผลดก ขั้วเหนียว ผลกรอบ รสชาติหวาน และช่วงใกล้เก็บเกี่ยวเสริมน้ำตาลทางด่วนเพื่อเพิ่มรสชาติช่วยอีกแรง

ฝรั่ง 30 ไร่ สามารถทำผลผลิตให้ออกขายได้ทุกวัน วันละ 80-100 ลัง น้ำหนักประมาณ 18 กิโลกรัม ต่อลัง ถือว่าผลผลิตโดยรวมอยู่ในจำนวนที่เยอะ และในผลผลิตจำนวนนี้เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งหมด เนื่องด้วยฝรั่งของที่สวนสามารถทำให้รสชาติคงที่สม่ำเสมอเท่ากันตลอดฤดูกาล คือ มีผิวสวย รสชาติหวาน กรอบ เนื้อฟู และที่สำคัญจะคัดแต่ของดีๆ ส่งเท่านั้น ทำให้เป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้รับซื้อ ใช้ความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าเป็นสำคัญ เนื่องจากที่สวนทำการตลาดเองทั้งหมดโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ผลผลิตลูกไหน หรือลังไหนไม่ดีจะไม่ส่งให้ลูกค้าอย่างแน่นอน และอีกเรื่องที่สำคัญ คือความสม่ำเสมอ พยายามทำผลผลิตอย่าให้ขาด เพื่อไม่ให้เสียพ่อค้าแม่ค้าเจ้าประจำไป เพราะถ้าเมื่อใดที่ผลผลิตขาดไปแม้แต่ครั้งเดียว อาจทำให้พ่อค้าแม่ค้าที่รับซื้อประจำหายไปเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นการวางแผนการผลิตถือเป็นเรื่องสำคัญมาก และที่สวนวราภรณ์ยึดมั่นสิ่งนี้มาตลอด ทำให้ทุกวันนี้ฝรั่งกิมจูของที่สวนมีผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด โดยสามารถแบ่งเป็นตลาดหลักได้ ดังนี้

ตลาดโรงงาน จะรับซื้อฝรั่งที่มีลักษณะ กรอบ แข็ง กดไม่ลง ผิวอมเขียว เพื่อนำไปเข้ากระบวนการตัดแต่งต่อไป
ตลาดห้างแม็คโคร จะรับซื้อฝรั่งที่มีลักษณะรสชาติหวาน กรอบ เนื้อฟู พร้อมทาน
ตลาดสดทั่วไป จะรับซื้อฝรั่งที่มีลักษณะเหมือนกับตลาดห้าง คือ รสชาติหวาน กรอบ เนื้อฟู พร้อมทาน
ตลาดออนไลน์ เป็นตลาดที่เกิดขึ้นมาเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดขึ้นมา ทำให้การค้าขายยากขึ้น ตลาดปิด จึงต้องมีการระบายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งถือว่าเป็นไปได้สวย เพราะสามารถทำยอดขายออนไลน์ได้วันละไม่ต่ำกว่า 100 กิโลกรัม
รายได้ จากพื้นที่ปลูกฝรั่ง จำนวน 30 ไร่ วางแผนตัดฝรั่งขายทุกวันจันทร์-ศุกร์ 1 เดือน ทำรายได้กว่า 300_000 บาท ขายเองทั้งหมด โดยไม่ผ่านพ่อค้าแม่ค้าคนกลาง

ฝรั่งถึงจะล้นตลาด แต่จะล้นแค่ระยะเวลาสั้นๆ คือบางคนเห็นราคาถูก ตัดทิ้งเลยนะ แต่จริงๆ พี่จะบอกว่าพอหมดช่วงล้นปุ๊บ มันจะกลายเป็นช่วงขาดตลาดทันที จากราคา 6 บาท ขึ้นไป 30 บาท เพราะฉะนั้นถ้าเราอดทนรอให้ผ่านพ้นช่วงผลผลิตล้นตลาดไปได้ เราก็กลับมาเหมือนเดิม ซึ่งก็จะเป็นแบบนี้ทุกปี และอีกเรื่องสำคัญคืออยากเน้นให้สำหรับเกษตรกรที่มีพื้นที่ปลูกไม่มาก ให้ทำตลาดเอง ปลูกเอง ขายเองตามตลาดนัด ตามหมู่บ้านใกล้เคียง เพราะจากประสบการณ์ที่พี่เคยเจอมาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ฝรั่งราคาถูกมาก ทั้งพ่อค้าตลาดไท และตลาดสี่มุมเมือง เขาตีให้ราคากิโลกรัม 6 บาท ตอนนั้นพี่มี 30 ไร่ แล้วพี่คิดว่าพี่อยู่ไม่ไหวแน่กับราคา 6 บาท และประกอบกับที่ช่วงนั้นฝรั่งที่สวนกำลังตัดวันละเป็น 100 ลัง พี่ก็ตัดสินใจเลิกส่งพ่อค้าในตลาดใหญ่ไปก่อน แล้วเริ่มต้นโพสต์เฟซบุ๊กขายเอง พยายามเข้าไปโพสต์ขายในหลายๆ กลุ่ม เพื่อให้แม่ค้ามาซื้อ ส่วนที่เหลือพี่ออกไปขายเองตามตลาดนัด เข้าไปขอพื้นที่ขายตามกรม กอง ต่างๆ จากขายให้ตลาดใหญ่กิโลกรัมละ 6 บาท แต่พอมาขายเองขายได้กิโลละ 35 บาท 3 โล 100 บาท พี่ถึงได้อยู่ผ่านพ้นช่วงนั้นมาได้ พี่วราภรณ์ กล่าวทิ้งท้าย


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
ยอดพุ่งต่อเนื่อง ไทยส่งออกสินค้าปศุสัตว์
ยอดพุ่งต่อเนื่อง ไทยส่งออกสินค้าปศุสัตว์
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทั่วโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้น มีการเปิดประเทศและอุตสาหกรรมเศรษฐกิจทั่วโลกมีการขยายและฟื้นตัว ส่งผลให้สินค้าปศุสัตว์ของประเทศไทยเป็นที่ต้องการทั่วโลก โดยเพียงแค่ 5 เดือนแรกของปี 2565 คือมกราคม-พฤษภาคม ยอดส่งออกยังคงพุ่งแรงเทียบกับ 5 เดือนแรกปี 2564 ก่อน รวมมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ผลจากความเชื่อมั่นของประเทศคู่ค้าในการตรวจสอบ กำกับและควบคุมกระบวนผลิตด้านความปลอดภัยอาหารของกรมปศุสัตว์ ประเทศไทย

เผยครึ่งปีหลังคาดการณ์จากเจรจาและเปิดตลาดคู่ค้าเพิ่มสำเร็จ ผลทำให้การส่งออกสินค้าปศุสัตว์ของไทยยังคงพุ่งปังเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่สินค้าประเภทเนื้อไก่แปรรูปส่งมากที่สุด โดยคู่ค้าหลักคือ ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป และสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมมากที่สุด รองลงมาคือ กลุ่มสินค้าไข่และผลิตภัณฑ์ และกลุ่มสินค้าปลากระป๋อง ตามลำดับ

ด้านนายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ในช่วงครึ่งหลังปี 2565 นี้ ได้มีการเจรจาเปิดตลาดและขยายตลาดการส่งออก ส่งผลให้แนวโน้มปริมาณและมูลค่าการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ในช่วงครึ่งปีหลัง ยังคงเพิ่มปริมาณและมูลค่าได้อย่างต่อเนื่อง จากสิงคโปร์มีการผ่อนปรนมาตรการนำเข้าสินค้าเนื้อสัตว์ปีกดิบทำให้ไทยส่งออกได้มากขึ้น มาเลเซียมีการนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกจากไทยมากขึ้นและจะมาตรวจประเมินพิจารณาขึ้นทะเบียนโรงงานนมเพิ่มเติม

องค์การอาหารและยาของซาอุดิอาระเบีย อนุญาตให้นำเข้าไก่จากไทยได้หลังจากที่ระงับมานานและได้ขึ้นทะเบียนโรงงานสัตว์ปีกไทยเพิ่มอีก 11 โรงงาน ทำให้เป็นโอกาสในการเพิ่มตลาดส่งออกได้มากขึ้น นอกจากนี้ แคนาดาจะตรวจประเมินโรงงานสัตว์ปีกเพื่อพิจารณาการนำเข้าเนื้อเป็ดแปรรูปปรุงสุกจากไทยและอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นที่ต้องการในตลาดโลกส่งออกเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
ข้อมูลรูปภาพ จาก http://ไปที่..link..
เตือนกัญชาผสมในขนม เครื่องดื่ม กินเข้าไปมาก ส่งผลอาการรุนแรงได้เท่ากับเสพโดยตรง
เตือนกัญชาผสมในขนม เครื่องดื่ม กินเข้าไปมาก ส่งผลอาการรุนแรงได้เท่ากับเสพโดยตรง
25พ.ย.62-นพ. โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กัญชาจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 สามารถนำกัญชาไปทำการศึกษาวิจัย และพัฒนาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และนำไปใช้ในการรักษาโรคภายใต้การดูแลและควบคุมของแพทย์เท่านั้น ในประเทศไทย ยังไม่ได้รับการยกเว้น หรืออนุญาตให้ผลิต หรือนำเข้ากัญชาที่ผสมในอาหาร หรือเครื่องดื่ม แต่มีบางประเทศ เช่น รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา แคนาดาอนุญาตให้นำกัญชาผสมในขนม อาหาร หรือเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ และประชาชนสามารถใช้ได้เองอย่างถูกกฎหมาย ในรูปแบบของ คุกกี้ บราวนี่ ช็อกโกเลต ลูกอม อมยิ้ม เยลลี่ ขนมขบเคี้ยว หรือเครื่องดื่ม

แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการควบคุมคุณภาพในการผลิต ไม่มีสารอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย มีการจำกัดปริมาณและต้องมีฉลากระบุปริมาณของสารไว้อย่างชัดเจนภายใต้กฎหมายควบคุม และบรรจุในภาชนะที่ป้องกันเด็ก เนื่องจากอาจเข้าใจผิดว่าเป็นขนมเพราะส่วนใหญ่จะมี สี กลิ่น รส น่ารับประทาน จนทำให้เกิดอันตรายได้

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวต่ออีกว่า กัญชามีสารสำคัญตัวหนึ่งคือ ทีเอชซี ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 เมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง คือ มีฤทธิ์ต่อสมองและทำให้ร่างกายอารมณ์ และจิตใจเปลี่ยนแปลงไป ทีเอชซีจะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้ อารมณ์ดี หัวเราะและหัวใจเต้นเร็ว ต่อมาจะกดประสาททำให้ผู้เสพมีอาการมีนงง เซื่องซึมและง่วงนอน หากเสพเข้าไปในปริมาณมากๆจะหลอนประสาททำให้เห็นภาพลวงตา หูแว่ว ความคิดสับสน ควบคุมตนเองไม่ได้ มีการนำมาใช้ ในทางที่ผิดโดยการสูบ เคี้ยว หรือผสมกัญชาลงในอาหาร ในกรณีสูบกัญชาจะเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็วภายใน 2-3 นาที และจะออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทได้สูงสุดถึง 1 ชั่วโมง

แต่การรับประทานใช้เวลาในการออกฤทธิ์นานราวหนึ่งชั่วโมงหรือมากกว่า และจะถูกเปลี่ยนแปลงในร่างกาย และถูกขับออกทางปัสสาวะเป็นส่วนใหญ่ ในกรณีไม่เคยเสพกัญชา จะอยู่ในร่างกายได้นาน 2-5 วัน สามารถตรวจหาสารสำคัญของกัญชาได้ในปัสสาวะ ด้วยชุดทดสอบกัญชาเบื้องต้นและ ยืนยันผลโดยใช้เครื่องมือชั้นสูง ได้แก่ เครื่องแก๊สโครมาโตกราฟี-แมสสเปกโทรมิเตอร์ (GC-MS) ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทั้งที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักยาและวัตถุเสพติด

การรับประทานอาหารที่ผสมกัญชา ออกฤทธิ์ได้เช่นเดียวกับการเสพ แต่ช้ากว่า จึงพบอาการข้างเคียงจากการใช้กัญชาในปริมาณเกินขนาดจนเกิดอันตรายได้ แต่อย่างไรก็ตาม การออกฤทธิ์จะขึ้นกับชนิด ปริมาณของสารสำคัญ และการตอบสนองที่แตกต่างกันในแต่ละคน การรับประทานจะไม่ทำให้กลิ่นติดตัวเหมือนการสูบ จึงนิยมใช้ในสถานบันเทิง การผสมในอาหารส่วนใหญ่จะมีสี กลิ่น และรสที่น่ารับประทาน จะไม่สามารถสังเกตได้จากลักษณะภายนอกว่ามีกัญชา ผสมหรือไม่ แต่อาจสังเกตที่สัญลักษณ์บนฉลากจะมีคำว่า cannabis_ THC_ CBD หรือ Hemp ต้องระมัดระวังและ ไม่รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มจากคนแปลกหน้า และให้ความรู้กับเยาวชนเพื่อป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ นพ.โอภาสกล่าว
รับจ้างผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ยาฯ อินทรีย์ ชีวภาพ อะมิโนสกัด ไตรโคเดอร์มา บิวเวอร์เรีย เมทาไรเซียม OEM ODM เป็นแบรนด์ของคุณ
FarmKaset.ORG (ฟาร์มเกษตร) รับผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์เคมี สารปรับสภาพดิน อะมิโนสกัด ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ ปุ๋ยเม็ด ปุ๋ยน้ำ ไตรโคเดอร์มา สำหรับกำจัดโรคพืชจากเชื้อรา บิวเวอร์เรีย เมทาไรเซียม สำหรับป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช เชื้อบีที สำหรับกำจัดหนอน ตามความต้องการของลูกค้าแบบครบวงจร ด้วยโรงงานที่มีศักยะภาพ และมีกำลังการผลิตลำดับต้นๆของประเทศ

บริการแบบ one-stop-services ติดต่อที่เดียว ได้แบรนด์พร้อมขึ้นทะเบียน พร้อมขายได้เลย เลือกได้ไม่ว่าจะเป็นการ..

OEM เป็นแบรนด์สินค้าของคุณ โดยการเลือกสูตรมาตฐานจากโรงงาน หรือแม้กระทั้งเลือกตราสินค้าจากแคทตาล็อคที่โรงงานได้จดทะเบียนไว้เรียบร้อยแล้ว หรือจะใช้แบรนด์ของคุณก็ได้เช่นกัน

ODM แบรนด์ของคุณ กำนดสูตรให้โรคงงานผลิต หรือปรับแต่งจากสูตรมาตฐานให้เป็นไปตามต้องการ พร้อมขึ้นทะเบียน จนพร้อมขายได้อย่างถูกต้อง

สนใจติดต่อคุณปริม
โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset
การผลิต ไวน์มะพร้าวน้ำหอม เพิ่มมูลค่าการขายมะพร้าวให้สูงขึ้น
การผลิต ไวน์มะพร้าวน้ำหอม เพิ่มมูลค่าการขายมะพร้าวให้สูงขึ้น
มะพร้าว เป็นพืชที่ปลูกกันทั่วไปทุกภาคของไทย มีผลผลิตตลอดทั้งปี นำไปใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วนของมะพร้าว เช่น เนื้อมะพร้าว ใช้ทำอาหารทั้งคาวและหวาน น้ำมะพร้าวอ่อนใช้ดื่มแก้กระหาย ใบมะพร้าวใช้ห่อขนม จักสาน หลังคา ต้นมะพร้าวใช้แทนไม้ในการก่อสร้าง กะลาใช้ทำเครื่องดนตรีและถ่านที่มีคุณภาพ รากใช้เป็นยาแก้ท้องเสีย ขับปัสสาวะ หรืออมบ้วนแก้เจ็บคอ น้ำมันมะพร้าวใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงหัวใจใช้ทาบำรุงผม น้ำมะพร้าวใช้เป็นยาระบาย แก้ท้องเสีย ขับปัสสาวะ แก้อาเจียนเป็นโลหิตและบวมน้ำ ทำเป็นน้ำส้มสายชู

อีกหนึ่งแนวทางเพิ่มมูลค่ามะพร้าวที่น่าสนใจ คือ การทำไวน์มะพร้าว โดยทั่วไป ผลไม้ที่นำมาผลิตเป็นไวน์ส่วนใหญ่ นิยมใช้ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น กระเจี๊ยบ หม่อน สตรอว์เบอร์รี่ องุ่น ฯลฯ เพราะทำได้ง่าย แต่การทำไวน์จากมะพร้าว ซึ่งมีความหวานและกลิ่นหอม จึงทำได้ยากกว่าผลไม้อื่น เพราะต้องใช้เทคนิคพิเศษ เพื่อให้ได้ไวน์ที่มีคุณภาพ และมีรสชาติอร่อย จึงขอนำเสนอเทคนิคการทำไวน์มะพร้าวใน 2 รูปแบบ จากภูมิปัญญาชาวบ้าน

การผลิตไวน์มะพร้าวน้ำหอมบนต้น จากภูมิปัญญาชาวบ้าน จ.ขอนแก่น

นายสมร ไชโยธา อยู่บ้านเลขที่ 73 หมู่ที่ 3 บ้านท่าเรือ ตำบลเขื่อนอุบลรัตน์ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ได้ค้นพบวิธีการ ผลิตไวน์มะพร้าวน้ำหอมติดอยู่บนต้น ได้อย่างน่าทึ่ง และเพิ่มมูลค่าของมะพร้าวน้ำหอม เมื่อทำเป็นไวน์แล้วสามารถขายได้ราคาสูง

ย้อนกลับเมื่อประมาณ 60 ปีก่อน คุณพ่อของคุณสมรเคยทำไวน์มะกอกบนต้น เพราะมีความเชื่อว่า เป็นยาอายุวัฒนะ โดยใช้ต้นมะกอกป่า (ใช้ผลทำส้มตำ) ขนาดโต ใช้สิ่วเจาะเข้าไปในลำต้นให้เป็นแอ่งหลังจากเจาะแล้วจะมีน้ำหยดลงมาขังอยู่ที่แอ่ง จากนั้นใส่แป้งเหล้าเข้าไปหนึ่งก้อน แล้วใช้กิ่งมะกอกทำเป็นลิ่มตอกปิดไว้ จะทำในช่วงเข้าพรรษาเมื่อออกพรรษาก็นำมาดื่มกิน

คุณสมรจึงเกิดแรงบันดาลใจนำความรู้ที่ได้จากคุณพ่อ นำมาผลิตไวน์มะพร้าวน้ำหอมติดอยู่บนต้น ปรากฎว่าได้ไวน์มะพร้าวที่มีรสชาติดีเช่นกัน คุณสมรจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์สำคัญคือ แป้งข้าวหมาก (ยีสต์) เหล้าขาวหรือเหล้าฝรั่ง เข็มฉีดยาขนาดใหญ่พร้อมไซริงจ์ ตะปูห้า เทปกาว บันได ต้นมะพร้าวและผลอ่อน

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากใช้ยีสต์ ก้อนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้วครึ่ง ใช้ครึ่งก้อนบดให้ละเอียดผสมกับเหล้าขาวขวดกั๊กคือ ประมาณ 150 ซีซี คนให้เข้ากัน จากนั้นใช้ตะปูตอกเข้าที่บริเวณด้านบนของผลมะพร้าวอ่อนจำนวน 2 รู และใช้ไซริงจ์ดูดส่วนผสมและฉีดเข้าไปที่ผลมะพร้าวอ่อนที่ยังติดอยู่บนต้น ผ่านทางรอยตอกของตะปู โดยฉีดเข้าไปปริมาณ 1.5 ซีซี ต่อผล จากนั้นใช้เทปกาวปิดรูทั้งสองรู ปล่อยทิ้งไว้ 10-15 วัน

จากนั้นตัดลงมาใช้มีดเฉือนที่ส่วนหัวของผล ใส่หลอดดูด ดูดเอาของเหลวภายในผลมะพร้าว ซึ่งก็คือไวน์นั่นเอง จะได้ไวน์มะพร้าวน้ำหอมที่รสชาติอร่อย ซึ่งเหล้าขาวขนาด 150 ซีซี (ขวดกั๊ก) สามารถผลิตไวน์มะพร้าวน้ำหอมได้ประมาณ 100 ผล

ไวน์มะพร้าวน้ำหอม …

การผลิตไวน์มะพร้าว เริ่มจากจัดเตรียมอุปกรณ์สำคัญ ได้แก่

1. ขวดแก้วสำหรับหมัก ขนาด 10 ลิตร เกษตรกรที่มีประสบการณ์แล้วอาจจะเพิ่มปริมาณการผลิต โดยการหมักในถังบรรจุน้ำดื่มที่มีขายทั่วไป หาจุกปิดที่ช่วยระบายก๊าซที่เกิดจากการหมัก แต่อากาศจากภายนอกจะเข้าไปไม่ได้
2. หัวเชื้อสำหรับหมักไวน์
3. เนื้อมะพร้าวและน้ำมะพร้าว

ขั้นตอนการเตรียมหัวเชื้อ เริ่มปอกมะพร้าวเพื่อนำน้ำมะพร้าวเทลงในภาชนะโดยผ่านการกรองจากผ้าขาวบาง เติมเชื้อลงไปเพื่อปรับให้มีความเป็นกรด จากนั้นตั้งทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง ประมาณ 24 ชั่วโมง

ขั้นตอนการหมัก เติมหัวเชื้อในน้ำมะพร้าว ปริมาตร 8 ลิตร ปรับความหวานให้ได้ 20 บริกซ์ (หน่วยวัดความหวาน) เติมเนื้อมะพร้าวที่ขูดกว้าง ประมาณ 1 นิ้ว ยาว 2 นิ้ว หนา 0.25 นิ้ว ในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อจะได้มีกลิ่นหอม หากใส่เนื้อมะพร้าวมากจะเหลือพื้นที่สำหรับน้ำมะพร้าวน้อย จากนั้นจึงปิดฝาด้วยจุกที่อากาศผ่านออกได้แต่อากาศภายนอกเข้าไม่ได้ หมักไว้นาน 10-15 วัน จึงดูดออกมาพักให้ตกตะกอน จากนั้นจึงนำไปพาสเจอไรซ์ เพื่อฆ่าเชื้อ เป็นอันเสร็จขั้นตอนแรก จากนั้นจึงถึงขั้นตอนการบ่ม การบ่มจะนานเท่าไรก็ได้ ยิ่งบ่มนานก็จะได้รสชาติที่ดี กลมกล่อม หอมหวาน

การหมักจะต้องใช้ภาชนะที่ทึบแสง หลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะที่เป็นโลหะ เนื่องจากการหมักนาน ๆ กระที่เกิดอยู่ภายใน อาจจะกัดกร่อนโลหะ เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้ในอนาคตต่างประเทศนิยมบ่มในถังไม้โอ๊ก แต่เมืองไทย สามารถประยุกต์ใช้โอ่งมังกรและใช้ฝาถังน้ำพลาสติกได้ ซึ่งการคาดฝาโอ่งปิดปากจะต้องปิดให้แน่นหนา มีช่องหรือรูระบายให้ก๊าซออก แต่อากาศภายนอกเข้าไม่ได้เท่านั้น



ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
3511 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 351 หน้า, หน้าที่ 352 มี 1 รายการ
|-Page 217 of 352-|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 36 | 37 | 38 | 39 | 40 | 41 | 42 | 43 | 44 | 45 | 46 | 47 | 48 | 49 | 50 | 51 | 52 | 53 | 54 | 55 | 56 | 57 | 58 | 59 | 60 | 61 | 62 | 63 | 64 | 65 | 66 | 67 | 68 | 69 | 70 | 71 | 72 | 73 | 74 | 75 | 76 | 77 | 78 | 79 | 80 | 81 | 82 | 83 | 84 | 85 | 86 | 87 | 88 | 89 | 90 | 91 | 92 | 93 | 94 | 95 | 96 | 97 | 98 | 99 | 100 | 101 | 102 | 103 | 104 | 105 | 106 | 107 | 108 | 109 | 110 | 111 | 112 | 113 | 114 | 115 | 116 | 117 | 118 | 119 | 120 | 121 | 122 | 123 | 124 | 125 | 126 | 127 | 128 | 129 | 130 | 131 | 132 | 133 | 134 | 135 | 136 | 137 | 138 | 139 | 140 | 141 | 142 | 143 | 144 | 145 | 146 | 147 | 148 | 149 | 150 | 151 | 152 | 153 | 154 | 155 | 156 | 157 | 158 | 159 | 160 | 161 | 162 | 163 | 164 | 165 | 166 | 167 | 168 | 169 | 170 | 171 | 172 | 173 | 174 | 175 | 176 | 177 | 178 | 179 | 180 | 181 | 182 | 183 | 184 | 185 | 186 | 187 | 188 | 189 | 190 | 191 | 192 | 193 | 194 | 195 | 196 | 197 | 198 | 199 | 200 | 201 | 202 | 203 | 204 | 205 | 206 | 207 | 208 | 209 | 210 | 211 | 212 | 213 | 214 | 215 | 216 | 217 | 218 | 219 | 220 | 221 | 222 | 223 | 224 | 225 | 226 | 227 | 228 | 229 | 230 | 231 | 232 | 233 | 234 | 235 | 236 | 237 | 238 | 239 | 240 | 241 | 242 | 243 | 244 | 245 | 246 | 247 | 248 | 249 | 250 | 251 | 252 | 253 | 254 | 255 | 256 | 257 | 258 | 259 | 260 | 261 | 262 | 263 | 264 | 265 | 266 | 267 | 268 | 269 | 270 | 271 | 272 | 273 | 274 | 275 | 276 | 277 | 278 | 279 | 280 | 281 | 282 | 283 | 284 | 285 | 286 | 287 | 288 | 289 | 290 | 291 | 292 | 293 | 294 | 295 | 296 | 297 | 298 | 299 | 300 | 301 | 302 | 303 | 304 | 305 | 306 | 307 | 308 | 309 | 310 | 311 | 312 | 313 | 314 | 315 | 316 | 317 | 318 | 319 | 320 | 321 | 322 | 323 | 324 | 325 | 326 | 327 | 328 | 329 | 330 | 331 | 332 | 333 | 334 | 335 | 336 | 337 | 338 | 339 | 340 | 341 | 342 | 343 | 344 | 345 | 346 | 347 | 348 | 349 | 350 | 351 | 352 |


กลุ่มทางใบปุ๋ยประสิทธิภาพสูง
*โปรดอ่าน ใช้ FK-1 ในช่วงแรก เพื่อเร่งโต เร่งราก เร่งดอก จับคู่กับ FK-3 ในช่วงเร่งผลผลิต พืชออกผลทุกชนิด ใช้ FK-1 กับ FK-3, นาข้าว ใช้ FK-1 กับ FK-3R (Rice), ไร่อ้อย ใช้ FK-1 กับ FK-3S (Sugarcane), มันสำปะหลัง ใช้ FK-1 กับ FK-3C (Cassava)

FK-1
สั่ง FK-1 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3
สั่ง FK-3 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3S
สั่ง FK-3S กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3R
สั่ง FK-3R กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3C
สั่ง FK-3C กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มอินทรีย์ ปุ๋ย ยาปราบฯ
ที่ขายดีที่สุดบน ลาซาด้า

FKT250-IS250-499B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 1ลิตร
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 3ลิตร
สั่งไอเอส3ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
มาคา
สั่งมาคากับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอกี้-บีที
สั่งไอกี้-บีทีกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L
สั่ง FK-T 1ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK ธรรมชาตินิยม
สั่งFK-T 250ซีซี กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 250ซีซี
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-IS1L-970B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-MAKA-980B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-AiKi-990B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มเคมียาปราบฯประสิทธิภาพสูง

invet
สั่ง อินเวท กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
metalaxyl
สั่ง เมทาแลคซิล กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
carron
สั่ง คาร์รอน กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มปุ๋ยทางใบผสมสูตรเองได้
เว็บระบบคำนวณการผสมปุ๋ย


starfer 30-20-5
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 10-40-10
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 15-5-30
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
maxza
สั่ง แม็กซ่า กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้



บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
Central Laboratory (Thailand) Co.,Ltd.

ให้บริการตรวจวิเคราะห์
ตรวจฉลากโภชนาการ
ตรวจสารสำคัญกัญชา/กัญชง
ตรวจน้ำใช้ในกระบวนการผลิต
ฟอร์มขอใบเสนอราคา
สำหรับตรวจวิเคราะห์อื่นๆ ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร (ตรวจวิเคราะห์ได้ทุกอย่าง) โปรดกรอก ฟอร์มขอใบเสนอราคา
ตรวจขึ้นทะเบียนปุ๋ยเคมี
ตรวจสารพิษตกค้างเพื่อการส่งออก
ตรวจผักสดปลอดเชื้อจุลินทรีย์ E. coli, Salmonella spp.
ส่งตัวอย่างมะละกอ เพื่อการทดสอบการดัดแปลงพันธุกรรม
ส่งตัวอย่างเพื่อทดสอบ ปริมาณอะฟลาทอกซินในเมล็ดแมงลัก ลูกเดือย และพริกแห้ง เพื่อส่งออกนอกราชอาณาจักร
Hardline Test Application
ปุ๋ยคุณภาพสูง
พืชทุกชนิด | ปุ๋ยทุเรียน | ปุ๋ยมันสำปะหลัง | ปุ๋ยสำหรับไร่อ้อย | ปุ๋ยนาข้าว | ปุ๋ยยางพารา | ปุ๋ยมะพร้าว | ปุ๋ยข้าวโพด | ปุ๋ยปาล์ม | ปุ๋ยสับปะรด | ปุ๋ยถั่วเหลือง | ปุ๋ยพริกไทย | ปุ๋ยกาแฟ | ปุ๋ยมะนาว | ปุ๋ยส้ม | ปุ๋ยลำไย | ปุ๋ยลิ้นจี่ | ปุ๋ยหน่อไม้ฝรั่ง | ปุ๋ยกระเจี๊ยบเขียว | ปุ๋ยมังคุด | ปุ๋ยมันฝรั่ง | ปุ๋ยหอมหัวใหญ่ | ปุ๋ยกระเทียม | ปุ๋ยหอมแดง | ปุ๋ยมะเขือเทศ | ปุ๋ยกล้วยไม้ | ปุ๋ยอินทผลัม | ปุ๋ยน้อยหน่า | ปุ๋ยชมพู่ | ปุ๋ยเงาะ | ปุ๋ยมะม่วง | ปุ๋ยมะขาม | ปุ๋ยพริก
ยาอินทรีย์แก้โรคพืช
โรคใบไหม้ | ทุเรียนใบติด | มันสำปะหลังใบไหม้ | โรคอ้อยใบไหม้ | ข้าวใบไหม้ | ยางพาราใบไหม้ | โรคมะพร้าวใบไหม้ | โรคราน้ำค้างข้าวโพด | ปาล์มใบไหม้ | โรคสับปะรด | โรคราน้ำค้างถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟใบไหม้ | ราสนิมมะนาว | ส้มใบไหม้ | ลำไยใบไหม้ | ลิ้นจี่ใบไหม้ | หน่อไม้ฝรั่งลำต้นไหม้ | กระเจี๊ยบเขียวฝักลาย | โรคใบจุดมังคุด | มันฝรั่งใบใหม้ | โรคหอมเลื้อย | โรคใบจุดกระเทียม | โรคหอมแดง | ราแป้งมะเขือเทศ | โรคจุดสนิมกล้วยไม้ | อินทผลัมใบไหม้ | น้อยหน่าดอกร่วง | ชมพู่ใบไหม้ | เงาะใบไหม้ | มะม่วงใบไหม้ | ราแป้งมะขาม | โรคพริก
ยาเคมี กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยทุเรียน | เพลี้ยมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยข้าว | เพลี้ยยางพารา | เพลี้ยมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยสับปะรด | เพลี้ยถั่วเหลือง | เพลี้ยพริกไทย | เพลี้ยกาแฟ | เพลี้ยมะนาว | เพลี้ยส้ม | เพลี้ยลำไย | เพลี้ยลิ้นจี่ | เพลี้ยหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยมังคุด | เพลี้ยมันฝรั่ง | เพลี้ยหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยกระเทียม | เพลี้ยหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยกล้วยไม้ | เพลี้ยอินทผาลัม | เพลี้ยน้อยหน่า | เพลี้ยชมพู่ | เพลี้ยเงาะ | เพลี้ยมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยพริก
ยาเคมี กำจัดโรคพืช
โรคใบไหม้ | โรคทุเรียน | โรคมันสำปะหลัง | โรคอ้อย | โรคข้าว | โรคยางพารา | โรคมะพร้าว | โรคข้าวโพด | โรคปาล์ม | โรคสับปะรด | โรคถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟ | โรคมะนาว | โรคส้ม | โรคลำไย | โรคลิ้นจี่ | โรคหน่อไม้ฝรั่ง | โรคกระเจี๊ยบเขียว | โรคมังคุด | โรคมันฝรั่ง | โรคหอม | โรคกระเทียม | โรคหอมแดง | โรคมะเขือเทศ | โรคกล้วยไม้ | โรคอินทผาลัม | โรคน้อยหน่า | โรคชมพู่ | โรคเงาะ | โรคมะม่วง | โรคมะขาม | โรคพริก
ยาอินทรีย์ กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน | เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยศัตรูข้าว | เพลี้ยแป้งยางพารา | เพลี้ยศัตรูมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยอ่อนปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยแป้งสับปะรด | เพลี้ยอ่อนถั่วเหลือง | เพลี้ยแป้งพริกไทย | เพลี้ยแป้งกาแฟ | เพลี้ยไฟมะนาว | เพลี้ยไฟส้ม | เพลี้ยแป้งลำไย | เพลี้ยแป้งลิ้นจี่ | เพลี้ยไฟหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยจักจั่นฝ้ายกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยไฟมังคุด | เพลี้ยจักจั่นมันฝรั่ง | เพลี้ยไฟหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยไฟกระเทียม | เพลี้ยไฟหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยไฟกล้วยไม้ | เพลี้ยแป้งอินทผาลัม | เพลี้ยแป้งน้อยหน่า | เพลี้ยไฟชมพู่ | เพลี้ยแป้งเงาะ | เพลี้ยจักจั่นมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยไฟพริก
สารชีวินทรีย์ กำจัดหนอนต่างๆ
กำจัดหนอนศัตรูพืช | กำจัดหนอนทุเรียน | กำจัดหนอนมันสำปะหลัง | กำจัดหนอนกออ้อย | กำจัดหนอนในนาข้าว | กำจัดหนอนในสวนยางพารา | กำจัดหนอนมะพร้าว | กำจัดหนอนข้าวโพด | กำจัดหนอนปาล์มน้ำมัน | กำจัดหนอนสับปะรด | กำจัดหนอนถั่วเหลือง | กำจัดหนอนพริกไทย | กำจัดหนอนกาแฟ | กำจัดหนอนมะนาว | กำจัดหนอนส้ม | กำจัดหนอนลำไย | กำจัดหนอนลิ้นจี่ | กำจัดหนอนหน่อไม้ฝรั่ง | กำจัดหนอนกระเจี๊ยบเขียว | กำจัดหนอนมังคุด | กำจัดหนอนมันฝรั่ง | กำจัดหนอนหอมหัวใหญ่ | กำจัดหนอนกระเทียม | กำจัดหนอนหอมแดง | กำจัดหนอนมะเขือเทศ | กำจัดหนอนกล้วยไม้ | กำจัดหนอนอินทผาลัม | กำจัดหนอนน้อยหน่า | กำจัดหนอนชมพู่ | กำจัดหนอนเงาะ | กำจัดหนอนมะม่วง | กำจัดหนอนมะขาม | กำจัดหนอนพริก
โรงงานรับจ้างผลิตปุ๋ย OEM/ODM เป็นแบรนด์สินค้าของคุณ ปุ๋ยน้ำ ปุ๋ยเม็ด ไตรโคเดอร์มา บิวเวอร์เรีย เมธาไรเซียม จุลินทรีย์ย่อยสลาย ยาปราบฯ สารปรับสภาพดิน ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์เคมี ปุ๋ยเคมี ทำได้ทุกชนิด
เริ่มต้นเพียง 15,000 บาท
ปุ๋ยยาฯ จุลินทรีย์ต่างๆ ปุ๋ยน้ำต่างๆ ปุ๋ยน้ำอะมิโน ไตรโคฯ ประเภทน้ำ ประเภทผง บรรจุขวด บรรจุซอง ทุกชนิด ฯลฯ
เริ่มต้นเพียง 45,000 บาท
ปุ๋ยเม็ดทุกชนิด บรรจุกระสอบ 50 กิโลกรัม บิ๊กแบ็ค 1 ตันเพื่อส่งออก กระสอบ 25 กิโลกรัม ทำได้ทุกชนิด ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์เคมี สารปรับสภาพดิน อะมิโนเม็ดสกัด ฮิวมิค ฯลฯ
โทร 090-592-8614
iLab.work ผู้ใช้บริการตรวจวิเคราะห์ค่าธาตุอาหารใน ดิน น้ำ ปุ๋ย พืช กากอุตสาหกรรม มาตฐาน ISO/IEC 17025


ตรวจง่ายนับ 1 2 3 มาตฐาน ISO/IEC 17025
1.เลือกและคำนวณค่าตรวจที่หน้าเว็บ คลิก
2.ส่งดินเข้าห้อง LAB (ไปรษณีย์,เคอรี่,แฟรช)
3.อ่านผลออนไลน์ (เราจัดส่งต้นฉบับผลวิเคราะห์ ไปตามที่อยู่ที่ให้ไว้เช่นกัน)
→เริ่มกันเลย เลือกค่าที่ต้องการวิเคราะห์
[มีชุดโปรฯแนะนำลดพิเศษ หรือเลือกเองได้]
คู่มือป้องกันกำจัดโรคราในหน่อไม้ฝรั่ง ราสนิมหน่อไม้ฝรั่ง โรคราต่างๆ
Update: 2566/04/30 10:22:44 - Views: 3042
กำจัดแมลงศัตรูพืช ยาฆ่าเพลี้ยแป้ง ในดอกกุหลาบ และ พืชทุกชนิด บิวทาเร็กซ์ โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/02/11 13:45:07 - Views: 3085
ยารักษาโรค ยาปราบแมลงศัตรูพืช สำหรับต้นหอม ปุ๋ยสำหรับหอมแดง หอมแบ่ง หอมหัวใหญ่
Update: 2563/06/19 08:34:56 - Views: 4475
มะยงชิดใบไหม้ มะปรางใบไหม้ ใบจุด ราสนิม แอนแทรคโนส โรคต่างๆจากเชื้อรา ใช้ ไอเอส1 หยุดโรค + FK-1 ฟื้นฟู โตไว ผลผลิตดี
Update: 2564/09/15 23:25:03 - Views: 3429
การรับมือกับโรคเชื้อราในต้นผักสลัด: วิธีป้องกันและการดูแลเพื่อสวนผักที่แข็งแรง
Update: 2566/11/18 09:48:07 - Views: 230
มะนาวใบไหม้ ใบเหลือง ขอบใบแห้ง เพราะโรคที่มีสาเหตุจากเชื้อรา ใช้ ไอเอส
Update: 2564/08/03 02:58:39 - Views: 4155
กำจัดศัตรูพืช ยาฆ่าหนอนคืบกินใบ ใน เงาะ และ พืชทุกชนิด บาซีเร็กซ์ โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/03/14 15:05:05 - Views: 3036
การป้องกันและควบคุมเพลี้ยแป้งในน้อยหน่า
Update: 2566/11/08 14:33:51 - Views: 235
กำจัดโรคทุเรียนที่เกิดจากเชื้อรา ไอเอส สารอินทรีย์ยับยั้งเชื้อรา FK-1 เร่งฟื้นฟูจากการเข้าทำลายของเชื้อรา ในต้นทุเรียน
Update: 2566/05/22 15:17:23 - Views: 3069
หนอนบำบัด (Maggot Therapy) ใช้หนอนแมลงวัน รักษาแผลติดเชื้อ
Update: 2564/08/14 23:11:28 - Views: 3419
รู้หรือยัง! การขอ อย. ขั้นตอนและหลักฐานที่สำคัญ
Update: 2565/11/17 14:55:17 - Views: 2996
ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 3 สูตร สำหรับต้นแครอทที่เติบโตแข็งแรงและผลผลิต
Update: 2567/02/12 14:43:30 - Views: 146
ประโยชน์ของการปลูกพืชผสมผสานระหว่าง มันสำปะหลัง กับ พืชตระกูลถั่ว
Update: 2566/04/26 13:57:33 - Views: 16842
การเลือกซื้อ ดาบ คาตานะ ดาบซามูไร ให้ได้คุณภาพดี ในราคาไม่แพง
Update: 2566/10/28 12:32:08 - Views: 9334
โรคทุเรียนต่างๆ ทุเรียนใบไหม้ ราสีชมพูในทุเรียน โรคทุเรียนก้านธูป เชื้อราต่างๆ ใช้ ไอเอส
Update: 2566/10/28 12:25:31 - Views: 9665
คู่มืองป้องกันและกำจัดโรคในลำไย โรคราต่างๆ ใบไหม้ ราแป้ง ราสนิม กิ่งแห้ง และราอื่นๆ
Update: 2566/04/30 08:55:27 - Views: 16798
ถั่วลิสง ใบไหม้ ยอดไหม้ ใบจุด แอนแทรคโนส รากเน่า ราแป้ง ราสนิม โรคราต่างๆ กำจัดด้วย ไอเอส และเร่งฟื้นฟูด้วย ปุ๋ย FK-T
Update: 2567/04/04 10:50:58 - Views: 92
หนอนชอนใบส้ม หนอนเจาะผลส้ม หนอนผีเสื้อ หนอนต่างๆในพืชตระกูลส้ม ป้องกันดีที่สุด พบระบาดให้เร่งกำจัด
Update: 2566/11/06 08:56:06 - Views: 9351
หนอนเจาะผลฝรั่ง หนอนฝรั่ง หนอนแมลงศัตรูฝรั่ง ใช้ ไอกี้-บีที จาก FK
Update: 2565/06/18 06:31:01 - Views: 3078
ปุ๋ย FK-1 สุดคุ้ม พิสูจน์มาแล้วกว่า 10 ปี ใช้ได้กับพืชทุกชนิด โตไว ใบเขียว เปิดตาดอก เร่งราก เพิ่มผลผลิต
Update: 2566/02/12 08:41:13 - Views: 3025
GA4 © FarmKaset.ORG | สถาบันอนุญาโตตุลาการ : 2022