[sort by : last post | top views]..
+ โพสเรื่องใหม่ | ^ เลือกหน้า | All contents
3569 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 356 หน้า, หน้าที่ 357 มี 9 รายการ

 
เลี้ยงปลาทอง การเตรียมน้ำ และวิธีการลงปลาทองที่ซื้อมาเลี้ยงใหม่
เลี้ยงปลาทอง การเตรียมน้ำ และวิธีการลงปลาทองที่ซื้อมาเลี้ยงใหม่
เพื่อนๆ ที่เลี้ยงปลาทองหลายๆ คน จะมีคำถามเข้ามาถามที่เพจ ปลาสวยงาม บ้านโป่ง ราชบุรี อยู่บ่อยๆ ว่าทำไมปลาทองที่ไปซื้อมาเลี้ยง อยู่ได้ไม่นานก็มีอาการเจ็บป่วยแล้วก็ตายไป ไม่เห็นเหมือนกับตอนที่ปลาทองอยู่ที่ร้านขายปลา หรือฟาร์มเพาะเลี้ยงปลาทองเลย สาเหตุนั้นมีด้วยกันหลายประการ แต่วันนี้พวกเราขอนำเสนอบทความเรื่อง การเตรียมน้ำเพื่อเลี้ยงปลาทองที่ซื้อมาใหม่ ให้เพื่อนๆ ได้เรียนรู้ไปด้วยกันนะครับ

1.การเตรียมน้ำในภาชนะที่ใช้เลี้ยง (ตู้ปลา_อ่าง_บ่อเลี้ยง) ก่อนที่จะเริ่มเลี้ยงปลาทอง

เริ่มต้นจากน้ำที่เราจะเอามาเลี้ยง ถ้าเป็นน้ำประปาเพื่อนๆ จะต้องเอามาพักน้ำไว้ก่อนประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้คลอรีนสลาย หรือต้องผ่านการกรองคลอรีนเพื่อสลายคลอรีนมาแล้ว ถ้าจำเป็นจะต้องใช้น้ำตามธรรมชาติเช่น น้ำบาดาล น้ำจากแม่น้ำ คลอง บึง หรือบ่อน้ำ ควรผ่านการกรองสิ่งสกปรกออกให้หมดก่อนนำน้ำมาใช้ แต่ไม่แนะนำถ้าไม่จำเป็นจริงๆเพราะเสี่ยงต่อจุลินทรีย์ที่ปะปนมากับน้ำ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อปลาทองได้

2.การปรับอุณหภูมิน้ำและค่า PH ของน้ำในถุงปลาที่ซื้อมาจากร้าน กับน้ำที่เตรียมไว้ในภาชนะ (ตู้ปลา_อ่าง_บ่อเลี้ยง) ที่บ้าน

เริ่มจากเอาถุงปลาทองที่ซื้อมาใหม่ มาล้างถุงและก้นถุงให้สะอาดด้วยน้ำเปล่าก่อน จากนั้นให้แช่ถุงปลาลงไปในอ่างหรือตู้ที่เตรียมไว้เลี้ยงปลาทั้งถุง ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที (ถ้าเป็นหน้าหนาว ให้นานกว่านี้หน่อย เพื่อให้อุณหภูมิของน้ำในถุงปลากับอุณหภูมิของน้ำในอ่างหรือตู้เท่ากัน) เมื่อปลาทองปรับสภาพได้แล้ว ให้เปิดปากถุงกว้างๆ และลอยถุงปลาทองต่อไปอีกประมาณ 5-10 นาที พร้อมกับใส่หัวอ๊อกฯ ในถุงปลาทองด้วย ถ้าเป็นการซื้อปลาใหม่จากร้านใกล้ๆ ไม่ใช้เวลาในการเดินทางนานมาก ให้ตักน้ำในอ่างหรือตู้ที่ลอยถุงปลาทองอยู่ ใส่ลงไปในถุงปลาทองทีละน้อยให้ปลาได้ปรับสภาพกับน้ำใหม่ที่เตรียมไว้

จากนั้นค่อยๆ เอียงถุงปลาปล่อยปลาลงน้ำ ที่เตรียมไว้ แต่ถ้าซื้อปลาใหม่มาจากที่ไกลใช้เวลาในการเดินทางนานมาก ให้ใช้มือจับเฉพาะตัวปลาลงไปในอ่าง (ในกรณีที่ซื้อปลามาจากที่ไกลๆ ที่ไม่เทน้ำในถุงลงไปในอ่างด้วย เพราะน้ำในถุงมีเมือกปลาที่ขับเมือกในขณะเดินทาง หรืออาจมียารักษาที่ทางร้านหรือฟาร์มใส่มาในถุง การจับปลาในถุงลงในตู้หรืออ่างปลา ควรล้างมือให้สะอาดก่อน และแช่มือลงน้ำในตู้หรืออ่างปลาซักครู่ พอให้มือมีอุณหภูมิใกล้เคียงกัน ก่อนจะจับปลาในถุงลงมาในอ่างนะครับ) จากนั้นแล้ว ก็ใส่เกลือลงไปสักหน่อย ให้ปลาสดชื่น และช่วยลดความเครียดให้ปลา โดยใส่เกลือ 0.3 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร (ถ้าหน้าหนาวอาจจะปรับเปลี่ยนวิธีได้นะครับ)

ที่สำคัญที่สุดควรจะงดให้อาหารปลาทองใหม่ประมาณ 1-2 วัน ห้ามให้อาหารเด็ดขาด เพราะว่าการอดอาหารก็เพื่อให้ปลาทองได้พักผ่อน จากการเดินทางไกล จากการปรับตัวกับสภาพน้ำและสถานที่ใหม่ ให้ปลาแข็งแรงก่อนค่อยให้อาหาร และ การซื้อปลาทองมาใหม่ ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรนำปลาทองที่ซื้อมาใหม่ไปเลี้ยงรวมกับปลาทองเก่าในทันที ควรเลี้ยงกักไว้ในบ่อพักหรืออ่างใหม่ เพื่อป้องกันการตายและเป็นการป้องกันการติดเชื้อโรคจากปลาใหม่ ให้สังเกตดูปลาทองที่ซื้อมาใหม่ที่กักไว้ด้วยว่ามีอาการผิดปกติ มีอาการปลาซึมๆ มีรอยแดง มีสิ่งแปลกปลอมเกาะติดมากับตัวปลาด้วยหรือป่าว หรือเป็นโรคอะไรไหม ถ้ามีให้รักษาตามอาการให้หายและให้ปลาแข็งแรงก่อน ถึงจะให้อาหาร และนำปลาทองใหม่ไปรวมกับปลาทองเก่าได้


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
เชื่อได้จริงหรือ รางจืด สุดยอดสมุนไพร
เชื่อได้จริงหรือ รางจืด สุดยอดสมุนไพร
รางจืด เป็นสมุนไพรไทยที่นิยมนำมาชงดื่มบำรุงสุขภาพ โดยส่วนใหญ่เชื่อกันว่ามีสรรพคุณช่วยขับพิษ รวมถึงใช้บำบัดรักษาอาการติดยาเสพติด ป้องกันภาวะเป็นพิษต่อตับจากสุรา ต้านมะเร็ง ตลอดจนใช้ทาสมานแผล และบรรเทาอาการจากโรคผิวหนังอย่างเริมหรือผื่นคัน นอกจากนี้ รางจืดยังเป็นสมุนไพรที่ภาครัฐให้ความสนใจและสนับสนุนการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับคุณประโยชน์ทางสุขภาพเพิ่มเติมอีกด้วย

รางจืด

การศึกษาสรรพคุณของรางจืดที่มีต่อสุขภาพส่วนใหญ่เป็นงานวิจัยในประเทศไทย และมีค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ แต่ยังไม่มีการทดสอบประสิทธิภาพกับคนโดยตรง มีเพียงการศึกษากับสัตว์และหลอดทดลองซึ่งนับเป็นแนวทางที่น่าจะนำมาต่อยอดให้เกิดประโยชน์และใช้ได้จริงในอนาคต

สรรพคุณของรางจืดที่อาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

ขับสารพิษ นิยมใช้บรรเทาอาการปวดท้องหรือท้องเสียจากการกินอาหารผิดสำแดง รวมทั้งขับสารพิษอันตรายต่าง ๆ ที่สะสมอยู่ในร่างกาย

สำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อหาคำตอบในด้านนี้ มีผลลัพธ์ที่น่าสนใจแต่ยังระบุไม่ได้ชัดเจน จากการศึกษาหนึ่งทดลองให้หนูดื่มน้ำปนเปื้อนสารตะกั่ว 1 กรัมต่อลิตร เป็นเวลา 8 สัปดาห์ จากนั้นให้การรักษาร่วมกับสารสกัดจากใบรางจืด ผลพบว่าสารสกัดดังกล่าวมีคุณสมบัติช่วยลดการตายของเซลล์ประสาท ซึ่งเป็นผลกระทบจากการได้รับตะกั่วสะสมในร่างกาย ทำให้หนูมีความบกพร่องทางการเรียนรู้และสูญเสียความทรงจำน้อยลง อีกทั้งคาดว่าส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในสารสกัดจากใบรางจืดด้วย

งานวิจัยในปีถัดมาพิสูจน์ประสิทธิภาพของรางจืดต่อการขับพิษตะกั่วในหนูอีกครั้ง แต่พุ่งประเด็นไปที่คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระของสารฟีนอลิก โดยให้หนูดื่มน้ำที่มีสารตะกั่ว 1 กรัมต่อลิตร ควบคู่ไปกับสารสกัดจากรางจืด ผลลัพธ์พบว่ารางจืดช่วยป้องกันภาวะเป็นพิษของตะกั่วต่อระบบประสาทได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งยังช่วยต้านอนุมูลอิสระอย่างเห็นได้ชัด จึงให้ข้อสรุปว่ารางจืดอาจมีสรรพคุณช่วยบรรเทาพิษจากตะกั่ว เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างฟีนอลิกที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยอื่นในปีก่อน ๆ ชี้ว่าการให้หนูกินน้ำหรือสารสกัดจากรางจืดช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของหนูที่ได้รับยาฆ่าแมลงได้ แต่ก่อนจะประยุกต์ใช้ประโยชน์จากสมุนไพรชนิดนี้ในทางการแพทย์ได้จริง คงต้องพิสูจน์ประสิทธิภาพกับคนโดยตรงก่อนว่าให้ผลดีมากน้อยเพียงใด ควรใช้ในรูปแบบและปริมาณเท่าใดจึงจะปลอดภัย เพราะมีงานวิจัยที่พบว่าการดื่มน้ำสกัดใบรางจืดติดต่อกันเป็นเวลานานอาจส่งผลเสียต่อตับ ไต และระบบเลือดได้

ทั้งนี้ สรรพคุณของรางจืดที่ทดลองนั้นเป็นการช่วยลดสารพิษในกรณีที่ได้รับสะสมทีละน้อยเป็นเวลานานเท่านั้น ห้ามนำรางจืดมาใช้รักษาผู้ป่วยที่กลืนยาฆ่าแมลง สารเคมี หรือสารพิษ ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ แนวทางปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ถูกต้องคือ ห้ามทำให้อาเจียนผู้ป่วยอาเจียนออกมาเด็ดขาด แต่ควรพยายามล้วงเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากปากของผู้ป่วย เช่น ฟันปลอม หรือเศษอาหาร และปฐมพยาบาลตามคำแนะนำบนฉลากของสารเคมีนั้น ๆ จากนั้นจึงรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลพร้อมนำบรรจุภัณฑ์ดังกล่าวไปให้แพทย์ดูด้วย

ป้องกันภาวะเป็นพิษต่อตับ เชื่อกันว่ารางจืดช่วยถอนพิษหรือบรรเทาอาการเมาค้างจากการดื่มแอลกอฮอล์ได้ แต่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่กล่าวถึงประโยชน์ด้านนี้ยังไม่ครอบคลุมนัก การศึกษาหนึ่งเปรียบเทียบสรรพคุณในการป้องกันภาวะเป็นพิษต่อตับระหว่างสารสกัดจากรางจืดกับสารไซลิมาริน (Silymarin) ซึ่งเป็นสารพฤกษาเคมีที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและป้องกันพิษต่อตับ ผลการศึกษาในหลอดทดลองชี้ว่าสารทั้ง 2 ชนิดต่างช่วยลดการตายของเซลล์จากการอักเสบได้ เช่นเดียวกับการทดลองกับหนูที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยพบว่าสารสกัดจากรางจืดหรือสารไซลิมารินต่างมีสรรพคุณช่วยป้องกันภาวะตับเป็นพิษที่เกิดจากการได้รับเอทานอลแอลกอฮอล์

อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะยืนยันได้แน่ชัดว่ารางจืดจะช่วยป้องกันผลกระทบจากแอลกอฮอล์ต่อตับได้ หรือหากทำได้จริง แอลกอฮอล์ก็ยังคงออกฤทธิ์ต่ออวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายได้ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงและสมบูรณ์ จึงควรจำกัดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์แต่พอประมาณเท่านั้น ไม่ควรใช้สมุนไพรใด ๆ เพื่อช่วยให้ดื่มได้มากหรือนานขึ้น เพราะยิ่งได้รับแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเท่าไรก็ยิ่งส่งผลเสียต่อร่างกายมากเท่านั้น

ต้านมะเร็ง เป็นอีกสรรพคุณทางยาของรางจืดที่ถูกกล่าวถึงและมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์เพื่อค้นหาคำตอบ งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่เกี่ยวข้องในด้านนี้ชี้ว่าสารละลายจากรางจืดทั้งชนิดสดและแห้งต่างมีคุณสมบัติช่วยต้านการอักเสบของเซลล์ในร่างกายของหนูที่เกิดจากพยาธิใบไม้ตับ Opisthorchis viverrini ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งท่อน้ำดีได้ นอกจากนี้ งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่ศึกษาโดยใช้สารสกัดจากรางจืดหยดลงบนเซลล์มะเร็งเต้านมของมนุษย์ พบว่ามีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตและฆ่าเซลล์มะเร็ง ซึ่งผู้วิจัยคาดว่าเป็นผลจากการสารฟินอลิกและคุณสมบัติในการเปลี่ยนแปลงกลไกการเพิ่มจำนวนเซลล์ของรางจืด

ทั้งนี้ หลักฐานการพิสูจน์ที่มีในปัจจุบันยังไม่เพียงพอต่อการรับรองประสิทธิภาพด้านนี้ของรางจืด เนื่องจากมีเพียงการศึกษาในห้องปฏิบัติการและการทดลองกับสัตว์เท่านั้น

บำบัดอาการติดยาเสพติด รางจืดเป็นสมุนไพรอีกชนิดที่นิยมใช้รักษาอาการติดสุราและสารเสพติดต่าง ๆ ซึ่งการศึกษาคุณประโยชน์ในด้านนี้พอมีให้เห็นอยู่บ้าง งานวิจัยหนึ่งทดสอบผลกระทบจากสารสกัดรางจืดต่อสารสื่อนำประสาทอย่างโดปามีน ซึ่งเป็นสารที่ถูกกระตุ้นให้หลั่งออกมาขณะมีการเสพยา ส่งผลให้เกิดความรู้สึกพอใจและต้องการเสพมากขึ้นจนมีอาการเสพติด ผลลัพธ์เมื่อเปรียบเทียบกับการได้รับสารเสพติดอย่างแอมเฟตามีน พบว่าสารสกัดจากรางจืดช่วยกระตุ้นการปล่อยสารโดปามีนในสมองของหนูทดลองได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งยังออกฤทธิ์ต่อสมองส่วนเดียวกันกับแอมเฟตามีน แต่ยังตอบไม่ได้ว่าคุณสมบัตินี้ของรางจืดมีบทบาทช่วยบำบัดการติดยาเสพติดได้จริงหรือไม่

ด้วยผลการวิจัยที่พบว่ารางจืดมีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งสารโดปามีนในสมอง ซึ่งเป็นกลไกที่มีบทบาทต่อการติดยา การศึกษาในปีต่อ ๆ มาจึงพิสูจน์ว่าการบำบัดอาการติดยาด้วยรางจืดเป็นระยะเวลานานนั้นทำให้เสพติดเช่นเดียวกับการใช้ยาเสพติดหรือไม่ โดยทดลองให้หนูกลุ่มหนึ่งกินสารสกัดรางจืดเป็นเวลา 30 วัน ส่วนอีกกลุ่มจะได้รับโคเคน ผลพบว่ากลุ่มที่ได้รับโคเคนเกิดการเสพติด แต่กลุ่มที่ได้รับสารสกัดรางจืดไม่มีอาการเสพติดแสดงให้เห็น รางจืดจึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการบำบัดการติดยาเสพติด หากในอนาคตมีการศึกษาที่ระบุประสิทธิภาพและความปลอดภัยเมื่อใช้กับคนโดยตรงได้อย่างชัดเจน ระหว่างนี้ ผู้ที่ต้องการทดสอบสรรพคุณนี้ของรางจืดควรใช้อย่างระมัดระวัง และไม่รับประทานต่อเนื่องนานเกินไป

สมานแผล นอกจากคุณประโยชน์ในด้านการขับสารพิษ ป้องกันมะเร็ง หรือบำบัดยาเสพติด รางจืดยังนำมาใช้กับผิวหนังเช่นกัน โดยเชื่อว่าช่วยบรรเทาอาการผื่นคันหรือรักษาโรคเริมได้ ซึ่งไม่มีการพิสูจน์ที่ชี้ให้เห็นว่าได้ผลจริงในปัจจุบัน มีเพียงการศึกษากับหนูทดลองชี้ว่าสารสกัดจากใบรางจืดอาจมีสรรพคุณช่วยเร่งการสมานตัวของแผลบริเวณผิวหนังด้วยการลดระยะการอักเสบของแผล รวมทั้งเสริมการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่ออ่อนในชั้นผิวหนังเพื่อทดแทนเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายไป ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้แผลหายเร็วขึ้น

ความปลอดภัยของการใช้รางจืด

รางจืดเป็นสมุนไพรที่เริ่มได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงหลังมานี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงได้ออกมาเตือนให้จำกัดการดื่มรางจืดในรูปแบบชงกับน้ำหรือรับประทานเป็นอาหารเสริม ตลอดจนการใช้เพื่อจุดประสงค์ในการรักษาโรครูปแบบใดก็ตามที่อาจส่งผลให้ได้รับสมุนไพรชนิดนี้ในปริมาณมากหรือเป็นเวลานาน เนื่องจากมีงานวิจัยที่ทดสอบความเป็นพิษของรางจืด โดยให้หนูทดลองได้รับน้ำสกัดใบรางจืดในปริมาณเทียบเท่ากับการดื่มทุกวันอย่างต่อเนื่องของคน ผลลัพธ์พบว่าการบริโภคน้ำรางจืดติดต่อกันเป็นเวลานานอาจส่งผลกระทบต่อตับ ไต และระบบเลือดได้

ดังนั้น ผู้ที่สนใจบริโภครางจืดในรูปแบบใดก็ตามควรคำนึงถึงความเหมาะสมและปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสุขภาพประจำตัว เนื่องจากไม่อาจรับรองได้ว่าจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหากบริโภคในปริมาณมากหรือเป็นเวลานาน อีกทั้งการระบุประสิทธิภาพ ปริมาณ และรูปแบบในการใช้เพื่อรักษาโรคยังคลุมเครืออยู่มากในปัจจุบัน


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
มะม่วงเกรียบ แปรรูปมะม่วง เพิ่มมูลค่ากิโลละร้อย
มะม่วงเกรียบ แปรรูปมะม่วง เพิ่มมูลค่ากิโลละร้อย
เคยเห็นกันแต่มะม่วงกวน มะม่วงแช่อิ่ม แต่วันนี้มีเกษตรกรคิดไม่เหมือนใคร เอามะม่วงมาแปรรูปเป็นข้าวเกรียบมะม่วง หรือมะม่วงเกรียบ รูปร่างไม่ต่างจากทุเรียนทอด แต่รสชาติต่างไป หวานอมเปรี้ยวนิดๆ เพิ่มมูลค่ามะม่วงกิโลกรัมละไม่กี่สตางค์ เป็น กก.ละ 100 บาท

สุไลคอ แสงสุวรรณ เกษตรกร ผู้แปรรูปผลผลิตของตัวเองจากสวน ต.สิงหนาท อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา เผยว่า ที่บ้านปลูกต้นไม้แบบสวนผสม ทั้งพืชผักทั่วไปและไม้ยืนต้น รวมถึงมะม่วงหลายต้น ถึงเวลาออกลูก ก็เอามาขายทั้งในแบบผลดิบและสุก ส่วนใหญ่จะขายหมด

แปรรูปมะม่วงเกรียบ เพิ่มมูลค่ากิโลละร้อย

3 ปีที่แล้ว มะม่วงออกมาค่อนข้างมาก ขายไม่หมด เหลือสุกคาร้านจำนวนมาก เลยมาคิดว่าจะแปรรูปอะไรดี จะแปรรูปเป็นมะม่วงกวน คนก็ทำกันเยอะ มะม่วงแช่อิ่มก็มีไม่น้อยไปกว่ากัน พอดีไปเจอคนทำทุเรียนทอดขาย เลยคิดว่าน่าจะทำมะม่วงทอดบ้าง เลยศึกษาสูตรวิธีการทำทุเรียนทอด แล้วนำมาประยุกต์ให้เป็นสูตรของมะม่วง ลองผิดลองถูกอยู่ไม่นาน จนได้สูตรสำเร็จ

แต่จะให้เรียกมะม่วงทอดธรรมดาไป ไม่ดึงดูดใจ จึงตั้งชื่อเป็น ข้าวเกรียบมะม่วง หรือ มะม่วงเกรียบ

ขั้นตอนการแปรรูป...เริ่มที่นำมะม่วงสุกมาปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นพอประมาณ นำมาปั่นในเครื่องปั่นให้ละเอียด จากนั้นตั้งกระทะไฟอ่อนนำไปกวนในอัตราส่วนน้ำตาลครึ่ง กก. ต่อมะม่วง 3 กก. เติมเกลือ 1 ช้อนชา กวนให้พอเหนียว ปล่อยให้เย็น แล้วนำไปนวดกับแป้งมัน 1.5 กก. ใส่เกลือ 1 ช้อนชา ค่อยๆใส่แป้งทีละน้อยอย่าใส่ทีเดียว เพราะจะทำให้แป้งกับมะม่วงรวมเนื้อกันยาก นวดไปจนกว่าแป้งจะเนียนไม่ติดมือ

แปรรูปมะม่วงเกรียบ เพิ่มมูลค่ากิโลละร้อย
ต่อมาให้นำมะม่วงที่ผสมกับแป้งเป็นเนื้อเดียว มาปั้นเป็นแท่งยาว ห่อด้วยพลาสติกมัดหนังยางหัวท้าย แล้วนำไปนึ่งให้สุกประมาณ 50 นาที เมื่อสุกแล้วพักไว้ให้เย็น จากนั้นนำไปแช่ตู้เย็นในห้องธรรมดา 1-2 คืน เมื่อต้องการใช้งานให้นำออกจากตู้เย็นแกะถุงพลาสติกออก แล้วเอามาตากแดดทิ้งไว้ 1-2 วัน ตัดเป็นชิ้นบาง 0.2 มล. ด้วยเครื่องตัดแล้วนำมาทอดให้พอเหลือง ก็จะได้มะม่วงเกรียบรสชาติหวานละมุน ต่างจากทุเรียนทอดหรือขนุนทอด ที่รสจะออกรสมันและหวานเล็กน้อย



ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
อาหาร ขนมใส่กัญชา กินอย่างไรจึงปลอดภัย
อาหาร ขนมใส่กัญชา กินอย่างไรจึงปลอดภัย
ไม่ถึง 1 สัปดาห์ หลังจากการ ปลดล็อก กัญชาออกจากยาเสพติด ข่าวสารเกี่ยวกับผู้ที่เสพและผู้รับประทานเมนูอาหารที่ปรุงโดยมีกัญชาเป็นส่วนประกอบแล้วเกิดผลกระทบกับสุขภาพเริ่มปรากฏให้เห็น

กินก๊วยจั๊บใส่กัญชาแล้วเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง มึนงงและอาเจียน คุกกี้หรือบราวนี่ใส่กัญชา ที่ทำให้เกิดอาการมึนงง คือ ส่วนหนึ่งของอาการแพ้และผลกระทบสุขภาพที่เริ่มมีข่าวให้เห็นแล้ว

สำหรับการเสพกัญชา การปลดล็อกล่าสุดไม่มีกฎหมายที่ควบคุมปริมาณการเสพเอาไว้ ล่าสุด ในรายงานของผู้ป่วยที่รับกัญชาเข้าไปเกินขนาดของโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร พบมีผู้ป่วย 4 ราย เป็นชายอายุน้อยสุด 16 ปี อายุมากสุด 51 ปี ชายวัย 51 ผู้นี้ เสียชีวิตหลังจากมีอาการแน่นหน้าอกหลังจากเสพกัญชา และมีอาการหัวใจล้มเหลว ส่วนเยาวชนชายอายุ 16 ปี เสพกัญชามากเกินขนาด ขณะนี้ยังรักษาอยู่ห้องไอซียูที่โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์

อาหาร เครื่องดื่มแต่ละประเภทควรใส่กัญชาปริมาณแค่ไหน ประกาศกรมอนามัย เรื่อง การนำใบกัญชามาใช้ในการทำ ประกอบ หรือปรุงอาหาร ในสถานประกอบกิจการอาหาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ได้ระบุคำแนะนำเอาไว้

ประกาศนี้ครอบคลุมถึง ตลาด สถานที่จำหน่ายอาหาร สถานที่สะสมอาหาร และการจำหน่ายในที่หรือทางสาธารณะ ตาม พ.ร.บ. การสาธารณสุข 2535

นพ. สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ประกาศดังกล่าวมีการแก้ไขเพิ่มเติม โดยกำหนดให้สถานประกอบกิจการอาหาร มีการจัดเก็บใบกัญชาที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ จัดเก็บเป็นสัดส่วน อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ไม่ทำให้เกิดเชื้อรา หรือเน่าเสียแทน สำหรับข้อกำหนดอื่น ๆ ในประกาศยังคงเหมือนเดิม คือ สถานประกอบการกิจการอาหาร ต้องควบคุม กำกับ และต้องจัดให้มีการสื่อสารข้อมูลด้านสุขภาพและต้องตระหนักด้านความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค เกี่ยวกับการจำหน่ายอาหารที่มีการใช้ใบกัญชาเป็นส่วนประกอบของอาหาร

เงื่อนไขที่ร้านอาหาร หรือผู้ขายอาหารต้องทำเมื่อขายอาหารที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ
จัดทำข้อความที่แสดงข้อมูลเป็นสถานประกอบกิจการอาหารที่มีการใช้กัญชา
แสดงรายการอาหารที่มีการใช้ใบกัญชาทั้งหมด
แสดงข้อมูลปริมาณการใช้ใบกัญชาเป็นส่วนประกอบต่อรายการอาหาร ตามประเภทการทำประกอบหรือปรุงอาหาร เช่น อาหารทอด แนะนำการใช้ใบกัญชาสด 1-2 ใบสดต่อเมนู อาหารประเภทผัด แกง ต้ม ผสมในเครื่องดื่ม แนะนำการใช้ใบกัญชาสด 1 ใบสดต่อเมนู
แสดงข้อแนะนำเพื่อความปลอดภัย ในการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีใบกัญชาเป็นส่วนประกอบ
แสดงคำเตือนรายการอาหารที่มีการใช้ใบกัญชาให้แก่ผู้บริโภคที่มีความเสี่ยง หากรับประทานอาหารที่ใช้ใบกัญชาทราบ ด้วยการระบุข้อความ

- เด็กและวัยรุ่นช่วงอายุน้อยกว่า 18 ปี ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา เช่น ขนม อาหารและเครื่องดื่ม

- สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตรไม่ควรรับประทาน

- หากมีอาการผิดปกติ ควรหยุดรับประทานทันที

- ผู้ที่แพ้หรือไวต่อสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (THC) หรือสารแคนนาบิไดออล (CBD) ควรระวังในการรับประทาน

- อาจทำให้ง่วงซึมได้ ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล

6. ห้ามแสดงข้อความหรือโฆษณาสรรพคุณในการป้องกันหรือรักษาโรค

อาหารใส่กัญชา กินอย่างไรให้ปลอดภัย
ผศ.นพ.สหภูมิ ศรีสุมะ หัวหน้าสาขาวิชาเภสัชวิทยาและพิษวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลในรายการมหิดล แชนแนล เมื่อเดือน ธ.ค. 2564 ว่า การใช้กัญชาในการปรุงอาหารของคนไทย ที่พบเห็นได้ทั่วไป หลัก ๆ คือ ประเภทน้ำซุป ในก๋วยเตี๋ยว ซึ่ง คำแนะนำข้อแรก คือ อย่าใช้ช่อดอก เนื่องจากมีปริมาณของสาร THC สูง

เราเจอพะแนงไก่ใส่ช่อดอกแล้วน็อคมา บางคนบอกกินแกงไม่เป็นไร แต่คนสมัยก่อนเขาใส่ใบ

สำหรับการทำอาหารประเภทน้ำซุป ตัวสารออกฤทธิ์ที่ใช้เป็นยาหรือว่าเป็นตัวสารเสพติด ละลายน้ำไม่ค่อยเก่ง มักจะใช้ใบสดไปต้มกับน้ำ แต่สามารถสร้างกลิ่นได้ดี โดยสูตรดั้งเดิมของคนไทยใช้ใบเป็นหลัก เช่น แกง พะโล้ ไข่เจียว บางร้านอาหารนำไปทอดกรอบ ซึ่งอาหารกลุ่มทอด ปริมาณสารจะออกมามากกว่าเมนูอื่น

โดยทั่วไป ในอาหารมีคำแนะนำในเบื้องต้นอย่าให้ถึง 5 ใบต่อวัน สำหรับผู้ไม่มีโรคประจำตัว และแต่ละคนจะทนต่อสารไม่เท่ากัน ให้ลองให้ปริมาณที่น้อยที่สุดก่อน

สำหรับคุกกี้กัญชา จะมีสารของกัญชาเยอะหรือไม่ ผศ.นพ.สหภูมิ บอกว่าในกลุ่มขนมแปรรูป ในต่างประเทศรัฐที่เปิดเสรีเพื่อสันทนาการ เน้นการใส่สาร THC ค่อนข้างเยอะ ซึ่งใช้ช่อดอกมาสกัดสารด้วยน้ำมันเพื่อให้ระเหิดตัว ทำให้ปริมาณของสารเข้มข้นมากและเป็นลักษณะคล้ายเนยหรือขี้ผึ้ง ซึ่งนำมาแปรรูปเป็นเบเกอรี่ คุกกี้ บราวนี่ เป็นต้น

ผศ.นพ.สหภูมิ ให้ข้อมูลว่า โดยทั่วไปแล้วในรัฐที่ใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ กำหนดปริมาณไว้ที่ ต่อหนึ่งหน่วยบริโภคสาร THC อย่าให้เกิน 5 มิลลิกรัม การกินหนึ่งครั้ง แนะนำกินปริมาณเท่านี้ แต่ในรัฐที่เปิดเสรีมากก็พบคุกกี้ที่มีปริมาณสาร THC เข้มข้น คือ 20 มิลลิกรัมต่อ 1 ชิ้น หากกินให้ได้หนึ่งหน่วยบริโภค ต้องตัดคุกกี้ออกเป็น 4 ชิ้น

หลักการบริโภคเพื่อการสันทนาการ จะมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ กินแล้วต้องรอการดูดซึมในเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง จึงจะรับประทานชิ้นต่อไปได้

ส่วนบราวนี่กัญชา ในประเทศเปิดเสรีกัญชา ถือเป็นของ "ฮาร์ดคอร์" ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค ต้องแบ่งรับประทาน 16 ชิ้น เว้นแต่ละชิ้น 30 นาที เช่นกัน

คำแนะนำก่อนบริโภค
ปัญหาการรับสาร THC เกินขนาด มีพบในต่างประเทศเช่นกัน การใช้โดยทั่วไปฤทธิ์ของผู้บริโภค คือ ต้องการรู้สึกถึง อาการเคลิ้ม ๆ เมา ๆ แต่ถ้ามากเกินไป จะมีอาการเห็นภาพหลอน รู้สึกกระวนกระวาย หงุดหงิด ซึ่งจะเป็นอาการที่ไม่รู้ตัว หรืออาการใจสั่น มึนศีรษะ คลื่นไส้

ฤทธิ์ที่เราเจอบ่อย ๆ เมื่อมาถึงโรงพยาบาลแล้ว คือ ชีพจรเร็ว ปกติคนเราชีพจร 60-100 แต่ แต่ที่เจอเร็วได้ถึงเกือบสองเท่าของพื้นฐานปกติ คือ 150-180 ครั้งต่อนาที กลุ่มที่มีโรคหัวใจเดิมจะทนกับอัตราขนาดนี้ไม่ได้ นายแพทย์จากมหิดล กล่าวถึงผลกระทบทางสุขภาพหากมีการบริโภคในปริมาณที่ไม่เหมาะสม

อีกกลุ่มอาการที่พบ คือ ความดันแกว่ง การไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อตัวเองได้ ทำให้ไม่สามารถทรงตัวได้ และอาการล้มหมดสติ

ผศ.นพ.สหภูมิ กล่าวว่า หากเริ่มมีอาการผิดปกติ ไม่แนะนำให้รอ ให้ไปโรงพยาบาลทันที เพราะฤทธิ์กัญชาจากการบริโภคมีฤทธิ์นาน ต่างจากการสูบที่เพียง 1-2 ชม. ฤทธิ์จะหมดแล้ว

สำหรับคำแนะนำก่อนบริโภคสำหรับผู้ลองใช้ ผศ.นพ.สหภูมิ แนะนำ ต้องตรวจสอบร้านที่ได้มาตรฐาน น่าเชื่อถือ สั่งเมนูมาตรฐานเพราะได้รับอนุญาตมาให้ใช้ผลิตภัณฑ์ ไม่ใช้ช่อดอก ส่วนการบริโภคขนม ต้องทราบที่มา ปริมาณของกัญชาที่ใส่


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
พืชเศรษฐกิจ สินค้าสร้างรายได้ในครัวเรือนและประเทศ
พืชเศรษฐกิจ สินค้าสร้างรายได้ในครัวเรือนและประเทศ
พืชเศรษฐกิจ สินค้าสร้างรายได้ในครัวเรือนและประเทศ
ด้วยพื้นที่ของประเทศไทยมีความเหมาะสมในด้านการเกษตรจึงปฏิเสธไม่ได้ว่า พืช คือสิ่งที่ทำให้คนไทยมีอาหารเลี้ยงปากท้องและยังสร้างรายได้กับครัวเรือน ต่อยอดไปจนถึงการสร้างรายได้ให้ประเทศจนกลายเป็น พืชเศรษฐกิจ ที่เกษตรกรจำนวนมากยึดถือเป็นอาชีพ จึงอยากนำเสนอให้กับผู้ที่สนใจหรือคนที่อยากเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อโอกาสในการสร้างประโยชน์ต่อตัวเองและประเทศชาติต่อไปในอนาคต

มารู้จักกับพืชเศรษฐกิจของไทย
อย่างที่กล่าวไปว่าพืชถือเป็นปัจจัยสำคัญในการหล่อเลี้ยงชีวิตให้กับคนไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งไม่ใช่แค่การบริโภคเท่านั้น แต่เมื่อปลูกในปริมาณมากขึ้นก็ย่อมสร้างรายได้ให้กับเกษตรมากตามไปด้วย ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันมีพืชเศรษฐกิจที่ส่งเสริมอาชีพ ทำเงินให้กับคนในประเทศเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ไม่ใช่หมายถึงการส่งออกพืชเหล่านั้นแบบสด ๆ เพียงอย่างเดียว แต่หลายชนิดยังถูกนำมาแปรรูปเพื่อสร้างประโยชน์และเม็ดเงินได้อีกมากมาย

พืชเศรษฐกิจเหล่านี้ไม่ใช่แค่การบริโภคของคนเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการถูกนำไปเลี้ยงสัตว์และทำประโยชน์ในด้านอื่น ๆ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุดด้วย นี่คือความโชคดีของประเทศไทยด้วยพื้นที่และสภาพอากาศเหมาะสมจึงสามารถปลูกพืชต่าง ๆ ได้หลากหลายชนิดในแบบที่หลายประเทศไม่เคยทำได้ แหล่งรายได้หลักจึงมักมาจากประเทศพัฒนาแล้วแต่ขาดแคลนด้านการผลิตจึงต้องอาศัยการนำเข้านั่นเอง มารู้จักกับพืชเศรษฐกิจของไทยให้มากขึ้น พร้อมเรียนรู้เรื่องราวอื่น ๆ ไปพร้อมกันได้เลย มีสิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้อีกมากทีเดียว

พืชเศรษฐกิจในปัจจุบัน
อย่างที่กล่าวไปว่าหนึ่งในรายได้ที่ช่วยสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ดีขึ้นมาจาก พืชเศรษฐกิจ ดังนั้นบรรดาพืชที่จะกล่าวถึงนี้ยังคงถูกขนานนามให้เป็นพืชเศรษฐกิจในปัจจุบันเหมือนเดิม พร้อมทั้งยังทำเงินให้กับเกษตรกรและประเทศอย่างต่อเนื่อง จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย

ข้าว
ข้าว คือ อาหารหลักของคนไทยและผู้คนอีกจำนวนมาก จึงต้องยอมรับว่ายังคงเป็นพืชเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ได้รับความต้องการจากประเทศคู่ค้ามหาศาลในแต่ละปี โดยเฉพาะพันธุ์ข้าวที่ถูกยกย่องว่าดีสุดของโลกอย่าง ข้าวหอมมะลิ ด้วยรสสัมผัสอันเนียนนุ่ม บวกกับรสชาติที่มีความหวานในตัว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากใครที่ได้ทานต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อย ซึ่งจริง ๆ แล้วข้าวอันถือเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของเมืองไทยนั้นไม่ได้มีแค่ข้าวหอมมะลิเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีสายพันธุ์อื่น ๆ ด้วย เช่น ข้าวเหนียว ข้าวหอม ข้าวขาวพื้นแข็ง เป็นต้น ซึ่งพันธุ์ข่าวที่ถูกส่งออกมากที่สุดได้แก่ ข้าวขาวพื้นแข็ง คิดเป็นเกือบ 50% ของข้าวพันธุ์อื่น ๆ โดยกลุ่มประเทศที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่ในการส่งออกข้าวของประเทศไทยคือ จีน และสหรัฐฯ แม้ในปัจจุบันจะมีคู่แข่งรายสำคัญอย่างเวียดนามที่ส่งออกข้าวได้มากกว่า แต่ด้วยคุณภาพจึงต้องยอมรับในด้านของความพึงพอใจที่ผู้บริโภคมีนั้น ข้าวของประเทศไทยยังคงเป็นที่ชื่นชอบ

ยางพารา
หากบอกว่านี่คือพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญรองลงมาจากข้าวคงไม่ใช่เรื่องผิดนัก แม้ว่าราคาในประเทศจะมีปรับขึ้น-ลงตามความเหมาะสม แต่ด้วยปัจจุบันการน้ำยางยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดโลกเพื่อนำไปทำสิ่งต่าง ๆ ให้มนุษย์ได้ใช้งานมากมาย อาทิ ยางรถยนต์ ส่วนผสมในการทำยางมะตอยเทพื้น ยางกันรั่วซึม ถุงยางอนามัย และอื่น ๆ อีกมาก ผลิตภัณฑ์ยางพาราของไทยนั้นมีการส่งออกทั้งแบบน้ำยางดิบและผ่านการแปรรูปมาแล้ว จึงส่งผลถึงการสร้างรายได้ที่หลากหลาย ในอดีตการปลูกยางมักปลูกกันแถบภาคใต้ ทว่าปัจจุบันได้มีการพัฒนาและปรับพื้นที่ในภาคอื่น ๆ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือในการปลูกยางพารากันมากขึ้น สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรมากตามไปด้วย การที่ยางพาราถูกจัดให้เป็นพืชเศรษฐกิจลำดับที่ 2 ต่อจากข้าว เพราะ ประเทศไทยยังคงถูกยกให้เป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลกมาร่วม 30 ปี โดยคิดเป็นเกือบ ๆ 30% ของยางพาราทั้งหมดที่ใช้งานกันในทุกประเทศ

อ้อย
พืชเศรษฐกิจในปัจจุบันที่กำลังมีความต้องการสูงมาก ๆ ในต่างประเทศ ซึ่งการส่งออกอ้อยนั้นไม่ได้หมายถึงการส่งออกไปแบบสด ๆ เพียงอย่างเดียว แต่มีการนำไปแปรรูปเป็นน้ำตาลทรายเพื่อใช้ปรุงอาหาร รวมถึงมีการนำไปใช้เป็นพลังงานทดแทนต่าง ๆ (น้ำตาลทรายจะถูกส่งออกมากที่สุด) เมื่อเทียบกันในระดับโลกแล้ว ประเทศไทยมีการสร้างรายได้จากอ้อยมากเป็นอันดับ 2 รองเพียงแค่บราซิลประเทศเดียวเท่านั้น จึงเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าพืชเศรษฐกิจกลุ่มนี้ยังคงมีความสำคัญต่อการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและประเทศมากจริง ๆ ในอดีตการปลูกอ้อยมักกระจายตามแถบพื้นที่ราบลุ่มและทนแล้งในระดับหนึ่ง เช่น นครสวรรค์ อุดรธานี นครราชสีมา กาญจนบุรี กำแพงเพชร แต่ทุกวันนี้มีเกษตรกรที่หันมาปลูกไร่อ้อยกันมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากได้ราคาดี ดูแลง่าย เก็บเกี่ยวรวดเร็ว ไม่ต้องรอนานเหมือนกับพืชหลาย ๆ ชนิดอีกด้วย

มันสำปะหลัง
พืชอีกชนิดที่ถูกยกให้เป็นผลิตภัณฑ์สร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยมากในลำดับต้น ๆ ปกติแล้วมันสำปะหลังจะไม่ได้ถูกนำไปใช้ประกอบอาหารของคน แต่จะถูกนำไปแปรรูปเป็นอาหารสัตว์เนื่องจากมีคุณค่าโภชนาการสูง อีกทั้งยังมีการนำไปแปรรูปเพิ่มเติมกลิ่นให้กับอาหารมีความน่าทานมากขึ้น_ ผลิตเป็นน้ำมันเอทานอลเพื่อใช้งานแทนที่พลังงานจากน้ำมันดิบ นั่นส่งผลให้พืชเศรษฐกิจตัวนี้มีความต้องการในตลาดโลกสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งไม่ใช่แค่ในประเทศจีนเท่านั้น แต่ประเทศทางแถบยุโรปรวมถึงสหรัฐฯ เองต่างก็เป็นคู่ค้ารายสำคัญเกี่ยวกับการสร้างเม็ดเงินให้ประเทศอีกด้วย ปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้พืชชนิดนี้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจมาจากพื้นที่อันมีแสนอุดมสมบูรณ์ในเมืองไทย จึงปลูกมันสำปะหลังได้ง่าย ดูแลไม่ยุ่งยาก ได้ผลผลิตดี เป็นไปตามความคาดหวังของเกษตรกร หากลองไปพื้นที่ตามต่างจังหวัดจะสังเกตว่ามีพืชชนิดนี้ปลูกอยู่เยอะมาก ๆ

ปาล์มน้ำมัน
การส่งออกของพืชชนิดนี้จะผ่านการแปรรูปให้กลายเป็นน้ำมันปาล์มเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรที่ปลูกเป็นอย่างดี ซึ่งทางภาครัฐเองให้ความสำคัญกับผลผลิตชนิดนี้พอสมควร เนื่องจากเมื่อเกษตรกรจำนวนมากเลือกปลูก พอผ่านการแปรรูปแล้วปรากฏว่าของล้นตลาดจนต้องเร่งระบายออกไม่ให้ราคาตกมากเกินไปนัก ซึ่งถ้ามองในมุมของเกษตรกร เมื่อเกิดความต้องการเยอะ ผลผลิตของพวกเขาก็ขายได้รวดเร็วมากขึ้น มีราคาดีกว่าการปล่อยเอาไว้ให้ราคาตก แม้ในบรรดาพืชเศรษฐกิจทั้งหมดที่กล่าวมานี้ปาล์มน้ำมันอาจไม่ใช่พืชที่สร้างรายได้จากจำนวนเงินมหาศาลมากนัก แต่ทั้งนี้ก็ยังถือว่าเป็นพืชที่คนไทยนิยมปลูก เพราะให้ผลผลิตดี ดูแลไม่ยาก ที่สำคัญยังสามารถนำเอาไว้ใช้ในประเทศได้อีกด้วย ยิ่งเมื่อรัฐมีนโยบายที่ใส่ใจมากขึ้นก็เท่ากับโอกาสสร้างรายได้อย่างยั่งยืน

พืชเศรษฐกิจ มีกี่ประเภท
หลังจากการรู้จักกับบรรดาพืชเศรษฐกิจในปัจจุบันของไทยกันไปแล้ว คราวนี้ก็มาต่อกันที่พืชเศรษฐกิจ มีกี่ประเภทกันบ้าง โดยปกติจะแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ตามลักษณะของการปลูกหรือการเกิดขึ้น ดังนี้

พืชไร่
เป็นประเภทของพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญในลำดับต้น ๆ ของเมืองไทย เพราะจากทั้ง 5 ชนิดที่กล่าวมาก่อนหน้าล้วนเป็นพืชไร่ทั้งสิ้น จุดเด่นของพืชเศรษฐกิจประเภทนี้คือ ดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องมีขั้นตอนใด ๆ เพื่อป้องกันการเสียหายมากนัก ปลูกได้ดีในพื้นที่ลุ่มดอน มีน้ำเข้าถึงง่าย แต่อาจต้องใช้พื้นที่ในปริมาณมากเพื่อให้เกิดผลผลิตในแบบที่คาดหวังเอาไว้ ปกติแล้วมักปลูกแบบพืชฤดูกาลเดียว คือ ใช้พื้นที่เดียวแต่ปลูกพืชหลาย ๆ อย่างตามแต่ฤดูกาล เช่น ช่วงหน้าฝนทำนา หลังหมดฤดูกาลเก็บเกี่ยวก็จะเปลี่ยนเป็นไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง ไร่ถั่ว เป็นต้น ทั้งนี้หากแยกกลุ่มของพืชไร่ออกมาสามารถแบ่งย่อยได้คือ

กลุ่มธัญพืช เช่น ถั่วประเภทต่าง ๆ_ ข้าวโพด_ ข้าวโอ๊ต_ ข้าวสาลี
กลุ่มพืชน้ำมัน เช่น ปาล์มน้ำมัน_ อ้อย
กลุ่มพืชน้ำตาล เช่น อ้อย
กลุ่มพืชเส้นใย เช่น ฝ้าย_ ปอ_ ป่าน_ กล้วย_ มะพร้าว
กลุ่มพืชหัว เช่น มันสำปะหลัง_ มันแกว_ มันเทศ_ เผือก
กลุ่มพืชอาหารสัตว์ เช่น มันสำปะหลัง_ หญ้ากีนี
กลุ่มพืชออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท เช่น ชา_ กาแฟ_ ยาสูบ
พืชสวน
เป็นประเภทของพืชเศรษฐกิจที่มีความหลากหลาย ไม่จำกัดพื้นที่ว่าจะมีขนาดเท่าไหร่ สามารถนำเอาไปใช้ประโยชน์ต่าง ๆ ได้หลากหลาย ซึ่งแบ่งย่อยออกได้ดังนี้

กลุ่มพืชผัก มักใช้ในการประกอบอาหารจากส่วนต่าง ๆ ของผลผลิตไม่ว่าจะเป็นใบ_ ดอก_ ราก_ ต้น_ เมล็ด
กลุ่มพืชผล หรือ ผลไม้ ส่วนใหญ่จะใช้จากผลเป็นหลัก มักเป็นกลุ่มพืชที่มีอายุยืน ใช้เวลานาน หลายชนิดจึงมีราคาแพง
กลุ่มไม้ดอก ไม้ประดับ เป็นพืชเศรษฐกิจกลุ่มใหม่ที่กำลังมาแรงมาก นำไปใช้งานในด้านการประดับตกแต่งเป็นส่วนใหญ่
ไม้เศรษฐกิจในปัจจุบันกลุ่มนี้ถือว่าต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบเพื่อไม่เกิดปัญหาเรื่องการบุกรุกป่า หรือการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งบรรดาไม้เศรษฐกิจที่ยังได้รับความนิยม เช่น ไม้ยางพารา_ ไม้เต็ง_ ไม้รัง_ ไม้มะฮอกกานี_ ไม้ไผ่_ ไม้ยูคาลิปตัส รวมถึงการถูกนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
พืชเศรษฐกิจในอนาคต
แม้ว่าพืชเศรษฐกิจในปัจจุบันที่กล่าวถึงไปจะยังคงเป็นหัวใจหลักในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ แต่ก็มีพืชอีกหลายชนิดที่ถูกมองว่าจะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจในอนาคต โดยขอยกตัวอย่างดังนี้

พริกชี้ฟ้า
ปลูกง่าย ให้ผลผลิตรวดเร็วทันใจ เพียงแค่ 2-3 เดือน ก็สามารถทำเงินได้ทันที นอกจากการขายหรือส่งออกแบบสด ๆ แล้ว ยังแปรรูปเป็นอย่างอื่นได้ เช่น ซอสพริก_ พริกแห้ง_ พริกป่น เป็นต้น

ไผ่กิมซุง
หรือไผ่ตงลืมแล้ง พืชเศรษฐกิจในอนาคตที่คาดว่ามีโอกาสนำมาทดแทนยางพารา เพราะสามารถทำประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น การเก็บหน่อขายสด แปรรูป_ การนำไปทำเป็นเชื้อเพลิง รวมถึงประโยชน์ในด้านประมง

แมคคาเดเมีย
กลายเป็นพืชที่ได้รับความนิยมสูงทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ ส่งผลให้มีเกษตรกรจำนวนมากหันมาปลูกมากขึ้น เพราะนอกจากส่งผลผลิตสด ๆ แล้ว ยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นอย่างอื่นได้ เช่น น้ำมัน_ สบู่

โกโก้
พืชเศรษฐกิจที่ถูกมองว่าในอนาคตจะสร้างรายได้อย่างยั่งยืน โดยปัจจุบันผลผลิตที่ได้จำหน่ายในประเทศ 80% และส่งออกประเทศเพื่อนบ้าน 20%

เรื่องราวเกี่ยวกับพืชเศรษฐกิจที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้น่าจะช่วยเพิ่มแนวคิดหรือแนวทางดี ๆ ในการต่อยอดเพื่อสร้างโอกาสในการทำรายได้ให้กับตนเอง รวมถึงยังเป็นการสร้างเม็ดเงินให้เข้ามาภายในประเทศมากขึ้นอีกด้วย



ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
สมุนไพรต้องมีใบอนุญาต ผลิต-จำหน่าย-นำเข้า
สมุนไพรต้องมีใบอนุญาต ผลิต-จำหน่าย-นำเข้า
สนช.ผ่านร่างพ.ร.บ.สมุนไพร ออกกฎห้ามผลิต-จำหน่าย-นำเข้า หากไม่ขออนุญาต กลุ่มโอท็อปจ่อโดนด้วย พร้อมไฟเขียวกฎหมาย พ.ร.บ.ป่าไม้ ปลดล็อกไม้หวงห้ามในที่ดินกรรมสิทธิ์
พฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 16.44 น.

เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สนช. เป็นประธานการประชุม สนช. โดยที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบในกฎหมาย 8 ฉบับ  อาทิ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ.... ด้วยเสียงเอกฉันท์ 181 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง และให้ร่างกฎหมายมีผลใช้บังคับ หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 60 วัน โดยเนื้อหามีสาระสำคัญ คือการกำหนดให้ผู้ผลิต_ จำหน่าย หรือ นำเข้า ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ซึ่งรวมถึงยาแผนไทย_ ยาพัฒนาจากสมุรไพร_ ยาแผนโบราณ  เพื่อบำบัด รักษาและบรรเทาอาการเจ็บป่วยของมนุษย์ ต้องขอใบอนุญาตผลิต จำหน่าย และนำเข้า

จากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องตามเงื่อนไขที่รัฐมนตรีกำหนด   และหากผู้ผลิต จำหน่าย หรือนำเข้า ไม่ขอใบอนุญาตในกิจกรรมดังกล่าว ตามกฎหมายห้ามผลิต_ จำหน่าย หรือ นำเข้า โดยเด็ดขาด หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องโทษจำคุกและปรับตามอัตราที่กำหนด เช่น ผู้ผลิต_นำเขา หรือขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ต้องโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท_ ผู้ที่นำเข้าหรือขายสมุนไพรเสื่อมคุณภาพ โทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท

ทั้งนี้ยังกำหนดให้มีคณะกรรมการกำกับ จำนวน 2 คณะ ได้แก่ 1.คณะกรรรมกรนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ ที่มี นายกฯ เป็นประธาน ประกอบด้วยคณะกรรมการอีก 32 คน เพื่อกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านผลิตภัณฑ์สมุนไพรแห่งชาติ และมีประเด็นที่ กรรมาธิการฯ เพิ่มเติมในร่างกฎหมาย คือ ให้คณะกรรมการฯ มีอำนาจกำหนดมาตรการส่งเสริมการผลิตสมุนไรเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบต่อการผลิตสมุนไพรตามแนวทางเกษตรปลอดภัย และ 2.คณะกรรมการผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยมีปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน และคณะกรรมการ อีก 20 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในร่างกฎหมายตามบทบัญญัติ รวมถึงบทเฉพาะกาล หลักไม่มีมาตราใดยกเว้นให้กับการผลิตสมุนไพรหรือสูตรตำรับยาของชาวบ้าน หรือ ปราชญ์ชาวบ้าน มีเพียงการตั้งข้อสังเกตของ กมธ.ที่แนบรายละเอียดให้ ที่ประชุมสนช. และ คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับไปพิจารณา คือ เสนอให้ กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศ ให้ยกเว้นการขอใบอนุญาตหรือโทษที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย กรณีของปราชญ์ชาวบ้าน_ วิสาหกิจชุมชน (โอท็อป) ภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่สามารถผลิตสมุนไพรใช้ดูแลสุขภาพชุมชน และการปลูก หรือแปรรูปสมุนไพรตามภูมิปัญญาชาวบ้านในชุมชน ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้

ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้มีมติ 133 งดออกเสียง 2 คะแนน เห็นชอบร่างพ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่...) พ.ศ... เพื่อแก้ไขให้อำนาจศาลปกครองไกล่เกลี่ยข้อพิพาทคดีปกครองภายใต้หลักความชอบด้วยกฎหมาย ไม่ขัดศีลธรรมอันดี หรือ ไม่มีผลกระทบต่อบุคคลหรือประโยชน์สาธารณะ เพื่อให้ข้อพิพาททางปกครองยุติรวดเร็ว และมีมติ 159 งดออกเสียง 1 เห็นชอบในร่าง พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉบับที่..)พ.ศ…. โดยมีสาระสำคัญคือการการแก้ไขมาตรา 7 พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 โดยแก้ไขให้ไม้ทุกชนิดในที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ ไม่เป็นไม้หวงห้าม การทำไม้ไม่ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่อีกต่อไป ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถปลูกไม้มีค่าในที่ดินของตนเองได้.



ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
10 ขั้นตอนง่าย สู่การเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง
10 ขั้นตอนง่าย สู่การเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง
เชื่อว่าหลายๆคนที่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของกิจการให้ได้สักครั้งในชีวิต อยากจะสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง... เพื่อขายสินค้าที่ตนชื่นชอบและสนใจ ยังวนเวียนอยู่กับความคิดที่ว่า เป็นเจ้าแบรนด์เองนั้นทำยาก ไม่ทราบขั้นตอน หรือ ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี จนไม่ได้เริ่มต้นจริงๆจังๆกันเสียที เพื่อช่วยให้คุณได้ เริ่มต้น กันได้และไขข้อข้องใจเพื่อก้าวสู่การเป็นเจ้าของแบรนด์ สินค้าในหมวดหมู่เครื่องสำอาง เราได้ทำการสืบค้นและรวบรวมมาให้คุณกันแล้วครับ กับบทสรุป 10 ขั้นตอนง่าย สู่การเป็นเจ้าแบรนด์เครื่องสำอาง

1. วางแผนภาพรวม
วางแผนกว้างๆกันก่อนครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกผิด เพราะสเต็ปแรกสุดนี้เป็นเพียงการวางแผนในภาพรวมที่สามารถปรับเปลี่ยนกันได้ในลำดับต่อไป ซึ่งในขั้นตอนนี้ขอให้คุณได้ลองคิด หรือจดโน๊ตย่อสั้นๆออกมากันก่อนว่าต้องการขายสินค้าชนิดไหน มีความโดดเด่นในด้านใด ต้องการขายสินค้าแก่ลูกค้ากลุ่มใด โดยอาจอิงเอาจากสินค้าที่ตนเองสนใจ ชื่นชอบ หรือมองว่ามีโอกาสเติบโต นอกจากนี้อย่าลืมวางแผนเรื่องต้นทุนไว้คร่าวๆ เพราะขั้นตอนต่อๆไป จะต้องนำเรื่องต้นทุนที่วางแผนไว้มาประกอบการพิจารณา

2. ศึกษาโอกาสความเป็นไปได้ด้วยตนเอง
เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องเวลา เงินที่อาจเสียไปถ้าสินค้าที่คิดไว้ไม่เวิร์ค ไม่เป็นที่ต้องการ คุณก็ควรที่จะทำการศึกษาโอกาสความเป็นไปได้ดูกันก่อน ก่อนที่จะลุยต่อในสเต็ปต่อไป ซึ่งขั้นตอนนี้ก็ง่ายๆครับ ลองเข้าไปสัมผัสกับกลุ่มสินค้า และตลาดลูกค้าของโปรดักส์ที่คุณประสงค์จะขาย เช่น ต้องการขายลิปสติกให้กับกลุ่มนักศึกษา หรือสาวๆวัยทำงาน ก็ลองส่องดูกันหน่อยไม๊ แต่ล่ะแบรนด์ที่จัดจำหน่ายลิปสติกเขากำหนดราคาไว้อย่างไร มีข้อดีข้อเสีย หรือใช้ช่องทางใดเป็นช่องทางในการจัดจำหน่าย หรือหากอยากขายครีม ผลิตภัณฑ์สกินแคร์เพื่อการบำรุงผิว การศึกษาตลาด ดู เทรนด์ กันก่อน ช่วงนี้วัตถุดิบ หรือสารประกอบตัวใดที่กำลังเป็นที่นิยม

3. รีเสริชข้อมูล หาผู้ผลิต
ถือเป็นโอกาสที่ดีของผู้อยากสร้างแบรนด์ของตนเอง เพราะในปัจจุบันที่โรงงาน ผู้ผลิตเครื่องสำอาง และสกินแคร์มากมายหลายแห่ง แต่ละแห่งมีบริการที่แตกต่างกันไป บ้างรับผลิต คิดค้นสูตร บ้างมีแพคเกจเพื่อการผลิต ออกแบบผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงทำมาร์เกตติ้งให้เสร็จสรรพ อย่างไรก็ตามก่อนจะเลือกโรงงานใดโรงงานหนึ่งเพื่อผลิตสินค้าให้กับคุณ LocoPack ก็ต้องแนะนำกันก่อนว่า ให้คุณศึกษาข้อมูล ตรวจดูรีวิว ความคิดเห็นของลูกค้าเก่าๆ ของแต่ละโรงงานกันก่อนให้ครบถ้วน เพื่อมองหาผู้ให้บริการที่เหมาะสมตรงใจ

4. เลือกโรงงานที่วางใจ
นอกจากพิจารณาจากประสบการณ์ รีวิว ความคิดเห็นของลูกค้าเก่าๆของแต่ละโรงงานแล้วนั้น ในการตัดสินใจเลือกผู้ผลิต คุณต้องไม่ลืมที่จะคำนึงถึง ราคา ความปลอดภัย และมาตรฐาน โดยควรที่จะเลือกเฉพาะโรงงานที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตการจัดตั้ง ผ่านมาตรฐาน ISO เพื่อมั่นใจได้ว่าผู้ผลิตที่คุณเลือกใช้บริการ นั้นสามารถไว้ใจ และผลิตสินค้าคุณภาพให้คุณได้ได้ นอกจากนี้คุณอาจติดต่อกับโรงงานผู้ผลิตเพื่อสอบถามข้อมูล และราคา โดยคำถามที่คุณควรสอบถามก็ได้แก่ ขอบเขตการให้บริการ ขั้นตอนของออร์เดอร์การผลิต ราคาต่อหน่วย ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการให้บริการเสริมอื่นๆ เช่น การขึ้นทะเบียนอ.ย. ไปจนถึงวิธีการจัดส่งสินค้า

5. เลือก สูตร ผลิตภัณฑ์
มาถึงขั้นตอนสำคัญ เพื่อสร้างโปรดักส์ปัง เมื่อทำการเลือก โรงงาน กันได้แล้ว คุณก็ต้องทำการติดต่อ หรือเดินทางไปยังโรงงานเพื่อเลือก สูตร ที่เหมาะสม โดยโรงงานผู้ผลิตส่วนใหญ่มักมีสูตรมาตรฐานไว้อยู่แล้ว สำหรับเครื่องสำอางและสกินแคร์ประเภทต่างๆ ซึ่งหากสูตรเหล่านั้นตรงใจ ก็สามารถสั่งผลิตได้เลยทันที แต่หากคุณต้องการสูตรของผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง หรือโดดเด่นกว่าสูตรมาตรฐานที่มีอยู่ ก็สามารถคุยกับผู้ผลิต เพื่อพัฒนาสูตรกันได้นะครับ

6. เทสต์ๆ ก่อนตัดสินใจ
แม้ผู้ผลิตและโรงงานส่วนใหญ่มักมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาสูตรอยู่แล้ว แต่เพื่อให้สินค้าของคุณเป็นไปตามเป้าหมาย และความต้องการที่วางไว้ ก่อนการตัดสินใจเลือกสูตร ต้องมีการทดสอบ เทสต์ตัวผลิตภัณฑ์ก่อนเสมอ

7. วางแผนมาร์เก็ตติ้ง
เมื่อได้สูตรโดนใจ ก็ได้เวลาสำหรับขั้นตอนสำคัญต่อมา นั่นก็คือเรื่องของการวางแผนมาร์เก็ตติ้ง! ซึ่งควรจัดการให้เสร็จกันแต่เนิ่นๆ เพราะการตั้งชื่อแบรนด์ โลโก้ บรรจุภัณฑ์ รวมไปถึงจำนวนของสินค้าที่จะสั่งผลิตในแต่ละล็อต ก็ล้วนขึ้นอยู่กับการวางแผนมาร์เก็ตติ้งทั้งสิ้น

8. คิดชื่อ ตั้งโลโก้ ออกแบบบรรจุภัณฑ์
ออกแบบโลโก้ และบรรจุภัณฑ์ ควรอิงกับผลิตภัณฑ์และแผนมาร์เก็ตติ้งที่วางไว้ โดยให้เน้นพิจารณาถึงกลุ่มลูกค้า เอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างชื่อแบรนด์ ออกแบบโลโก้และบรรจุภัณฑ์ให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย ทั้งนี้หากใครไม่มีประสบการณ์ สเต็ปนี้ LocoPack ขอแนะนำว่าคุณสามารถหาที่ปรึกษาด้านการตลาด นักออกแบบผลิตภัณฑ์กันได้นะครับเพราะผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ จะเข้าใจภาพรวมในการทำการตลาด เล็งเห็นถึงทิศทางการทำยอดขาย สร้างความโดดเด่นให้กับโปรดักส์และพร้อมจะให้คำแนะนำ ในประเด็นที่คุณเองอาจนึกไม่ถึงก็เป็นได้

9. สั่งผลิตสินค้า และบรรจุภัณฑ์
เมื่อสูตรพร้อม ดีไซน์พร้อม ก็ได้เวลาทำฝันให้เป็นจริง ทั้งนี้โรงงานหลายแห่งพร้อมบริการการผลิตแบบครบวงจร คือบริการทั้งผลิตสินค้าและผลิตแพคเกจจิ้งให้เสร็จสรรพ แต่หากว่าดีไซน์แพคเกจจิ้งของโรงงานไม่โดนใจ หรือคุณมองหาไอเดียแปลกใหม่เพื่อสร้างความโดดเด่น การเลือกใช้บริการจากผู้ออกแบบและผลิตแพคเกจจิ้งจากแหล่งอื่นๆ ก็นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างแบรนด์ให้โดดเด่น และแตกต่าง

10. เน้นพัฒนาแบรนด์ อัพยอดขายอยู่เสมอ
เพราะโลกของการตลาดไม่เคยหยุดอยู่กับที่ เมื่อสินค้าพร้อม แผนการตลาดพร้อม คุณเองก็หยุดไม่ได้เช่นเดียวกัน การพัฒนาแบรนด์ หาช่องทางการทำการตลาด เพิ่มกลุ่มลูกค้า คือหน้าที่สำคัญที่ CEO หน้าใหม่จะลืมไปไม่ได้ ดังนั้นจงศึกษาเทรนด์ใหม่ๆอยู่เสมอ พัฒนาสูตร พัฒนาสินค้า ไปจนถึงหมั่นติดตามช่องทางการทำการตลาด ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ หรือแม้แต่การปรับเปลี่ยนโลโก้หรือบรรจุภัณฑ์ให้ต้องตาโดนใจของลูกค้าแต่ละช่วงสมัย ให้สินค้าของแบรนด์คุณดูดี เป็นที่ต้องการของตลาดอยู่เสมอ



ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
เมนูยอดนิยม เฉาก๊วยนมสด ทำเองก็ได้ ขายก็รวย
เมนูยอดนิยม เฉาก๊วยนมสด ทำเองก็ได้ ขายก็รวย
เฉาก๊วย คืออะไร?
เฉาก๊วย (Grass Jelly) ขนมหวานสีดำ เป็นที่รู้จักของคนไทยมากกว่า 100 ปีแล้ว มาจากคนจีนที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย แล้วได้เอาเฉาก๊วยเข้ามาขายด้วย เริ่มแรกขายเป็นเฉาก๊วยนิ่มแบบดั้งเดิมจากประเทศจีน โดยจะขายคู่กับเต้าฮวย และเนื่องจากเมืองไทยมีอากาศร้อนจัด ไม่นานเฉาก๊วย จึงเป็นที่นิยม และเริ่มขยายวงกว้างเป็นที่รู้จักของคนไทย

เฉาก๊วยทำมาจากอะไร?
เป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้กันมากที่สุดว่า เฉาก๊วยทำจากอะไร? คำตอบคือ เฉาก๊วย เป็นขนมที่มาจากหญ้า ในภาษาจีนคำว่า เฉา แปลว่า หญ้า ส่วนคำว่า ก๊วย แปลว่า ขนม ในภาษาอังกฤษคือ Grass Jelly นั่นเอง ซึ่งหญ้าที่นำมาทำเฉาก๊วยคือ พืชชนิดหนึ่งในตระกูลเดียวกับใบมิ้นต์ คนไทยจะเรียกว่า หญ้าเฉาก๊วย (Mesona Chinensis) นั่นเอง

ประโยชน์ของเฉาก๊วย
เฉาก๊วยนอกจากเอามากินคลายร้อนแล้วยังมีประโยชน์ในด้านสมุนไพร คือ ช่วยแก้ร้อนใน แก้หวัด ลดความดันโลหิต ลดอาการกล้ามเนื้ออักเสบ ลดอาการตับอักเสบ ลดอาการไขข้ออักเสบ และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด หรือหากดื่มน้ำเฉาก๊วยเป็นประจำ จะช่วยลดอาการโรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวานได้ด้วย แต่ข้อควรระวัง คือ น้ำตาลที่ใส่ผสมลงไปต้องไม่มากเกินไปด้วย เพราะแทนที่จะได้ประโยชน์ อาจจะได้ผลเสียกลับมาแทนได้

สูตรทำเฉาก๊วยนมสด
วัตถุดิบของตัวเฉาก๊วย
1.น้ำดื่ม 12 ถ้วยตวง (3 ลิตร)
2.หญ้าเฉาก๊วย 500 กรัม
3.เบกกิ้งโซดา 2 ช้อนชา
4.แป้งมัน ½ ถ้วยตวง
5.ผงวุ้น 1½ ช้อนโต๊ะ
**หมายเหตุ สามารถหาซื้อหญ้าเฉาก๊วย ได้ที่ร้านข้างวัดเล่งเน่ยยี่ เยาวราช หรือตลาดสดใหญ่ ๆ ได้

วัตถุดิบของเฉาก๊วยนมสด
1.เฉาก๊วย หั่นเต๋า ½ ถ้วยตวง
2.น้ำเชื่อมคาราเมล 1 ออนซ์ (น้ำตาลอ้อย 1 ถ้วยตวง + น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วยตวง + น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง)
3.นมสด 2 ออนซ์
4.น้ำแข็งป่นละเอียด และน้ำตาลทรายแดง ตามต้องการ

วิธีทำ

ขั้นตอนที่ 1 : เตรียมน้ำเฉาก๊วย

นำหญ้าเฉาก๊วยล้างน้ำให้สะอาด ประมาน 3-4 น้ำ ให้ดิน และทรายหลุดออก
จากนั้น นำน้ำดื่ม ใส่ลงในหม้อแล้วนำไปตั้งไฟ เมื่อน้ำเดือดใส่เบกกิ้งโซดา และคนให้เข้ากับน้ำ
ตามด้วยหญ้าเฉาก๊วยที่ล้างไว้ลงไป ต้มทิ้งไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ชม.

ขั้นตอนที่ 2 : แช่เฉาก๊วย

เมื่อครบเวลาแล้วนำไปกรองเอาแต่น้ำเฉาก๊วย ให้ได้ 8 ถ้วยตวง
จากนั้นนำน้ำเฉาก๊วยที่ได้ ใส่หม้อขึ้นตั้งไฟ แล้วเติมผงวุ้น และแป้งมัน คนให้เข้ากัน
ต้มจนกว่าน้ำเฉาก๊วยจะหนืดขี้น เมื่อน้ำเฉาก๊วยได้ที่แล้ว เทใส่พิมพ์แล้วแช่ในตู้เย็น เป็นเวลา 30 นาที แล้วค่อยนำออกมาตัดให้เป็นชิ้นสี่เหลี่ยม
Tip: ผงวุ้นควรใส่ตอนน้ำเฉาก๊วยยังไม่ร้อน ไม่ควรใส่ตอนน้ำเดือด ๆ เพราะจะทำให้ผงวุ้นจับตัวเป็นก้อน

Tip: แป้งมันควรนำไปละลายน้ำ อัตราส่วน 1:1 แล้วควรเทแป้งมันลงในหม้อที่กำลังเดือด ๆ เพื่อให้เฉาก๊วยเงาใส น่ารับประทาน

ขั้นตอนที่ 3 : จัดเสิร์ฟ

นำเฉาก๊วยที่เตรียมไว้ (ขั้นตอนที่ 2) ใส่ลงในแก้ว หรือภาชนะ ที่เตรียมไว้
ตามด้วยน้ำแข็งบดละเอียด นมสด ราดด้วยน้ำเชื่อมคาราเมล และน้ำตาลทรายแดง พร้อมเสิร์ฟ
ทิ้งท้ายสักนิด คุณค่าทางโภชนาการของเฉาก๊วย
คำนวณจากใบเฉาก๊วยแห้ง ขนาด 100 กรัม เฉาก๊วยจะมีคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้

คาร์โบไฮเดรต 44.95%
โปรตีน 8.33%
ไขมัน 0.39%
เถ้า 37.34%
ใยอาหาร 24.06%
เฉาก๊วยในน้ำเชื่อม แคลอรี่ในของหวานปริมาณ 100 กรัม คือ

พลังงาน 18 กิโลแคลอรี่
โซเดียม 58 มิลลิกรัม
คาร์โบไฮเดรตทั้งหมด 8.8 กรัม
น้ำตาล 7 กรัม

ขึ้นชื่อว่า เมนูเฉาก๊วยนมสด แต่อร่อยนะจะบอกให้ ยิ่งตอนรับประทาน ใส่น้ำแข็งเกล็ดหิมะ ยิ่งฟิน เพราะเวลาละลายแล้ว กินกับเฉาก๊วยรสชาติจะยังเข้มข้นอยู่ ลองทำกินตอนบ่ายเพิ่ม คลายร้อน ความสดชื่น หรือทำขายก็ปัง


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
แปรรูปผลิตภัณฑ์กัญชาขาย​ ลดปัญหาผลผลิตล้นตลาด​
แปรรูปผลิตภัณฑ์กัญชาขาย​ ลดปัญหาผลผลิตล้นตลาด​
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรไทยโนนมาลัย จ.บุรีรัมย์ ต่อยอดแปรรูปผลิตภัณฑ์สมุนไพรกัญชาจำหน่ายสร้างรายได้ ลดผลกระทบปัญหาผลผลิตล้นตลาดหลังปลดล็อคให้ประชาชนปลูกดูแลสุขภาพตัวเองได้ในครัวเรือน ทั้งรองรับการเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพที่หลายภาคส่วนกำลังผลักดัน

(17 มิ.ย.65) กลุ่มวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรไทยโนนมาลัย อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านต้นแบบโครงการกัญชา 6 ต้น ได้ต่อยอดแปรรูปผลิตภัณฑ์กัญชาสมุนไพรไทย เช่น ยาดม ยาหม่อง น้ำมันกัญชา ยาสีฟัน และสบู่ จำหน่ายให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้เสริม ลดปัญหาผลผลิตล้นตลาดและราคาที่อาจจะต่ำลง หลังจากมีการปลดล็อคกัญชา กัญชง ออกจากบัญชียาเสพติด และให้ประชาชนสามารถปลูกในครัวเรือนเพื่อดูแลรักษาสุขภาพตัวเองได้ ซึ่งก็เป็นผลดีกับประชาชนสามารถเข้าถึงกัญชาได้ง่ายขึ้น แต่เชื่อว่าในอนาคตหากผลผลิตมีจำนวนมากก็จะไม่สามารถขายได้ หรือราคาก็จะลดลง จึงต้องวางแผนไว้รองรับด้วยการนำส่งต่างๆ ของกัญชาที่เหลือจะป้อนให้กับ รพ.สต. มาผลิตหรือแปรรูปเป็นผลผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อลดผลกระทบที่จะตามมาได้ อีกทั้งขณะนี้หลายภาคส่วนก็อยู่ระหว่างผลักดันให้เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวสายสุขภาพ และแหล่งเรียนรู้ ก็จะทำให้วิสาหกิจชุมชนสามารถขายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาได้

นายวิไล คำพิบูล หนึ่งในสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรไทยโนนมาลัย ยอมรับว่า การปลดล็อคกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดเป็นพืชสมุนไพร ก็เป็นสิ่งที่ดีต่อประชาชนจะได้เข้าถึงกัญชาในการดูแลสุขภาพตัวเองได้สะดวกมากขึ้น แต่ก็อาจจะมีผลกระทบกับวิสาหกิจชุมชนที่ขออนุญาตปลูกก่อนหน้านี้ เพราะช่วงนี้ราคาใบสดกัญชาก็เริ่มลดลงแล้ว จากช่วงแรกๆ ขายได้กิโลกรัมละ 15_500 บาท ลดเหลือกิโลกรัม 5_000 บาท ปัจจุบันเหลือประมาณกิโลกรัมละ 2_000 บาท จึงจำเป็นต้องวางแผนรองรับด้วยการนำมาแปรรูปจำหน่าย เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะสามารถสร้างรายได้จากกัญชาได้



ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
อะโวคาโด รากเน่า แห้ง ผลเล็กลง กำจัดโรคเชื้อราในอะโวคาโด ปลอดสารพิษ ไอเอส และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK สวน ปุ๋ย ศัตรูพืช
อะโวคาโด รากเน่า แห้ง ผลเล็กลง กำจัดโรคเชื้อราในอะโวคาโด ปลอดสารพิษ ไอเอส และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK สวน ปุ๋ย ศัตรูพืช
ไอเอส และ FK-T สามารถใช้ได้กับทุกพืช ใช้ฉีดพ่นทางใบ กับอุปกรณ์ฉีดพ่นทั่วไป และใช้โดรนบินฉีดพ่นได้เช่นกัน

โรครากเน่า
เป็นโรคที่สำคัญที่สุดของอะโวคาโด้ โดยเฉพาะช่วงอายุประมาณ 10 ปีที่อะโวคาโด้กำลังให้ผลผลิตอย่างเต็มที่ โรคนี้เกิดจากเชื้อราในดิน ถ้าการระบายน้ำในดินไม่ดี หรือเกิดน้ำท่วมขัง เชื้อโรคนี้ก็จะเริ่มระบาด หรือถ้ารากมีบาดแผลเชื้อโรคนี้ก็จะเข้าทำลายทางบาดแผล อาการที่สังเกตได้ คือ ใบจะเล็กลง เหี่ยว และร่วง_ กิ่งแห้งจากยอดมาหาราก_ ต้นมีสีดำ เน่า แห้ง และ ผล จะมีขนาดเล็กลง

ไอเอส เป็นสารอินทรีย์สกัดจากธรรมชาติทั้งหมด โดยอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงอันทันสมัย 'การควบคุมประจุไฟฟ้า' สามารถฉีดพ่นได้ก่อนการเก็บเกี่ยว โดยไม่มีสารพิษตกค้าง ปลอดภัยต่อผู้ใช้ และผู้บริโภค

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม ไอเอส และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม


สั่งซื้อ
โทร 0909-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้าhttp://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน
3569 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 356 หน้า, หน้าที่ 357 มี 9 รายการ
|-Page 225 of 357-|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 36 | 37 | 38 | 39 | 40 | 41 | 42 | 43 | 44 | 45 | 46 | 47 | 48 | 49 | 50 | 51 | 52 | 53 | 54 | 55 | 56 | 57 | 58 | 59 | 60 | 61 | 62 | 63 | 64 | 65 | 66 | 67 | 68 | 69 | 70 | 71 | 72 | 73 | 74 | 75 | 76 | 77 | 78 | 79 | 80 | 81 | 82 | 83 | 84 | 85 | 86 | 87 | 88 | 89 | 90 | 91 | 92 | 93 | 94 | 95 | 96 | 97 | 98 | 99 | 100 | 101 | 102 | 103 | 104 | 105 | 106 | 107 | 108 | 109 | 110 | 111 | 112 | 113 | 114 | 115 | 116 | 117 | 118 | 119 | 120 | 121 | 122 | 123 | 124 | 125 | 126 | 127 | 128 | 129 | 130 | 131 | 132 | 133 | 134 | 135 | 136 | 137 | 138 | 139 | 140 | 141 | 142 | 143 | 144 | 145 | 146 | 147 | 148 | 149 | 150 | 151 | 152 | 153 | 154 | 155 | 156 | 157 | 158 | 159 | 160 | 161 | 162 | 163 | 164 | 165 | 166 | 167 | 168 | 169 | 170 | 171 | 172 | 173 | 174 | 175 | 176 | 177 | 178 | 179 | 180 | 181 | 182 | 183 | 184 | 185 | 186 | 187 | 188 | 189 | 190 | 191 | 192 | 193 | 194 | 195 | 196 | 197 | 198 | 199 | 200 | 201 | 202 | 203 | 204 | 205 | 206 | 207 | 208 | 209 | 210 | 211 | 212 | 213 | 214 | 215 | 216 | 217 | 218 | 219 | 220 | 221 | 222 | 223 | 224 | 225 | 226 | 227 | 228 | 229 | 230 | 231 | 232 | 233 | 234 | 235 | 236 | 237 | 238 | 239 | 240 | 241 | 242 | 243 | 244 | 245 | 246 | 247 | 248 | 249 | 250 | 251 | 252 | 253 | 254 | 255 | 256 | 257 | 258 | 259 | 260 | 261 | 262 | 263 | 264 | 265 | 266 | 267 | 268 | 269 | 270 | 271 | 272 | 273 | 274 | 275 | 276 | 277 | 278 | 279 | 280 | 281 | 282 | 283 | 284 | 285 | 286 | 287 | 288 | 289 | 290 | 291 | 292 | 293 | 294 | 295 | 296 | 297 | 298 | 299 | 300 | 301 | 302 | 303 | 304 | 305 | 306 | 307 | 308 | 309 | 310 | 311 | 312 | 313 | 314 | 315 | 316 | 317 | 318 | 319 | 320 | 321 | 322 | 323 | 324 | 325 | 326 | 327 | 328 | 329 | 330 | 331 | 332 | 333 | 334 | 335 | 336 | 337 | 338 | 339 | 340 | 341 | 342 | 343 | 344 | 345 | 346 | 347 | 348 | 349 | 350 | 351 | 352 | 353 | 354 | 355 | 356 | 357 |


โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset

กลุ่มสินค้าขายดีมาก

ฮิวมิค FK
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
ไทอะมีทอกแซม
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
แพนน่อน
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ


กลุ่มทางใบปุ๋ยประสิทธิภาพสูง
*โปรดอ่าน ใช้ FK-1 ในช่วงแรก เพื่อเร่งโต เร่งราก เร่งดอก จับคู่กับ FK-3 ในช่วงเร่งผลผลิต พืชออกผลทุกชนิด ใช้ FK-1 กับ FK-3, นาข้าว ใช้ FK-1 กับ FK-3R (Rice), ไร่อ้อย ใช้ FK-1 กับ FK-3S (Sugarcane), มันสำปะหลัง ใช้ FK-1 กับ FK-3C (Cassava)

FK-1
สั่ง FK-1 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3
สั่ง FK-3 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3S
สั่ง FK-3S กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3R
สั่ง FK-3R กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3C
สั่ง FK-3C กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มอินทรีย์ ปุ๋ย ยาปราบฯ
ที่ขายดีที่สุดบน ลาซาด้า

FKT250-IS250-499B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 1ลิตร
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 3ลิตร
สั่งไอเอส3ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
มาคา
สั่งมาคากับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอกี้-บีที
สั่งไอกี้-บีทีกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L
สั่ง FK-T 1ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK ธรรมชาตินิยม
สั่งFK-T 250ซีซี กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 250ซีซี
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-IS1L-970B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-MAKA-980B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-AiKi-990B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มเคมียาปราบฯประสิทธิภาพสูง

invet
สั่ง อินเวท กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
metalaxyl
สั่ง เมทาแลคซิล กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
carron
สั่ง คาร์รอน กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มปุ๋ยทางใบผสมสูตรเองได้
เว็บระบบคำนวณการผสมปุ๋ย


starfer 30-20-5
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 10-40-10
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 15-5-30
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
maxza
สั่ง แม็กซ่า กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้



บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
Central Laboratory (Thailand) Co.,Ltd.

ให้บริการตรวจวิเคราะห์
ตรวจฉลากโภชนาการ
ตรวจสารสำคัญกัญชา/กัญชง
ตรวจน้ำใช้ในกระบวนการผลิต
ฟอร์มขอใบเสนอราคา
สำหรับตรวจวิเคราะห์อื่นๆ ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร (ตรวจวิเคราะห์ได้ทุกอย่าง) โปรดกรอก ฟอร์มขอใบเสนอราคา
ตรวจขึ้นทะเบียนปุ๋ยเคมี
ตรวจสารพิษตกค้างเพื่อการส่งออก
ตรวจผักสดปลอดเชื้อจุลินทรีย์ E. coli, Salmonella spp.
ส่งตัวอย่างมะละกอ เพื่อการทดสอบการดัดแปลงพันธุกรรม
ส่งตัวอย่างเพื่อทดสอบ ปริมาณอะฟลาทอกซินในเมล็ดแมงลัก ลูกเดือย และพริกแห้ง เพื่อส่งออกนอกราชอาณาจักร
Hardline Test Application
ปุ๋ยคุณภาพสูง
พืชทุกชนิด | ปุ๋ยทุเรียน | ปุ๋ยมันสำปะหลัง | ปุ๋ยสำหรับไร่อ้อย | ปุ๋ยนาข้าว | ปุ๋ยยางพารา | ปุ๋ยมะพร้าว | ปุ๋ยข้าวโพด | ปุ๋ยปาล์ม | ปุ๋ยสับปะรด | ปุ๋ยถั่วเหลือง | ปุ๋ยพริกไทย | ปุ๋ยกาแฟ | ปุ๋ยมะนาว | ปุ๋ยส้ม | ปุ๋ยลำไย | ปุ๋ยลิ้นจี่ | ปุ๋ยหน่อไม้ฝรั่ง | ปุ๋ยกระเจี๊ยบเขียว | ปุ๋ยมังคุด | ปุ๋ยมันฝรั่ง | ปุ๋ยหอมหัวใหญ่ | ปุ๋ยกระเทียม | ปุ๋ยหอมแดง | ปุ๋ยมะเขือเทศ | ปุ๋ยกล้วยไม้ | ปุ๋ยอินทผลัม | ปุ๋ยน้อยหน่า | ปุ๋ยชมพู่ | ปุ๋ยเงาะ | ปุ๋ยมะม่วง | ปุ๋ยมะขาม | ปุ๋ยพริก
ยาอินทรีย์แก้โรคพืช
โรคใบไหม้ | ทุเรียนใบติด | มันสำปะหลังใบไหม้ | โรคอ้อยใบไหม้ | ข้าวใบไหม้ | ยางพาราใบไหม้ | โรคมะพร้าวใบไหม้ | โรคราน้ำค้างข้าวโพด | ปาล์มใบไหม้ | โรคสับปะรด | โรคราน้ำค้างถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟใบไหม้ | ราสนิมมะนาว | ส้มใบไหม้ | ลำไยใบไหม้ | ลิ้นจี่ใบไหม้ | หน่อไม้ฝรั่งลำต้นไหม้ | กระเจี๊ยบเขียวฝักลาย | โรคใบจุดมังคุด | มันฝรั่งใบใหม้ | โรคหอมเลื้อย | โรคใบจุดกระเทียม | โรคหอมแดง | ราแป้งมะเขือเทศ | โรคจุดสนิมกล้วยไม้ | อินทผลัมใบไหม้ | น้อยหน่าดอกร่วง | ชมพู่ใบไหม้ | เงาะใบไหม้ | มะม่วงใบไหม้ | ราแป้งมะขาม | โรคพริก
ยาเคมี กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยทุเรียน | เพลี้ยมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยข้าว | เพลี้ยยางพารา | เพลี้ยมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยสับปะรด | เพลี้ยถั่วเหลือง | เพลี้ยพริกไทย | เพลี้ยกาแฟ | เพลี้ยมะนาว | เพลี้ยส้ม | เพลี้ยลำไย | เพลี้ยลิ้นจี่ | เพลี้ยหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยมังคุด | เพลี้ยมันฝรั่ง | เพลี้ยหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยกระเทียม | เพลี้ยหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยกล้วยไม้ | เพลี้ยอินทผาลัม | เพลี้ยน้อยหน่า | เพลี้ยชมพู่ | เพลี้ยเงาะ | เพลี้ยมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยพริก
ยาเคมี กำจัดโรคพืช
โรคใบไหม้ | โรคทุเรียน | โรคมันสำปะหลัง | โรคอ้อย | โรคข้าว | โรคยางพารา | โรคมะพร้าว | โรคข้าวโพด | โรคปาล์ม | โรคสับปะรด | โรคถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟ | โรคมะนาว | โรคส้ม | โรคลำไย | โรคลิ้นจี่ | โรคหน่อไม้ฝรั่ง | โรคกระเจี๊ยบเขียว | โรคมังคุด | โรคมันฝรั่ง | โรคหอม | โรคกระเทียม | โรคหอมแดง | โรคมะเขือเทศ | โรคกล้วยไม้ | โรคอินทผาลัม | โรคน้อยหน่า | โรคชมพู่ | โรคเงาะ | โรคมะม่วง | โรคมะขาม | โรคพริก
ยาอินทรีย์ กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน | เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยศัตรูข้าว | เพลี้ยแป้งยางพารา | เพลี้ยศัตรูมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยอ่อนปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยแป้งสับปะรด | เพลี้ยอ่อนถั่วเหลือง | เพลี้ยแป้งพริกไทย | เพลี้ยแป้งกาแฟ | เพลี้ยไฟมะนาว | เพลี้ยไฟส้ม | เพลี้ยแป้งลำไย | เพลี้ยแป้งลิ้นจี่ | เพลี้ยไฟหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยจักจั่นฝ้ายกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยไฟมังคุด | เพลี้ยจักจั่นมันฝรั่ง | เพลี้ยไฟหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยไฟกระเทียม | เพลี้ยไฟหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยไฟกล้วยไม้ | เพลี้ยแป้งอินทผาลัม | เพลี้ยแป้งน้อยหน่า | เพลี้ยไฟชมพู่ | เพลี้ยแป้งเงาะ | เพลี้ยจักจั่นมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยไฟพริก
สารชีวินทรีย์ กำจัดหนอนต่างๆ
กำจัดหนอนศัตรูพืช | กำจัดหนอนทุเรียน | กำจัดหนอนมันสำปะหลัง | กำจัดหนอนกออ้อย | กำจัดหนอนในนาข้าว | กำจัดหนอนในสวนยางพารา | กำจัดหนอนมะพร้าว | กำจัดหนอนข้าวโพด | กำจัดหนอนปาล์มน้ำมัน | กำจัดหนอนสับปะรด | กำจัดหนอนถั่วเหลือง | กำจัดหนอนพริกไทย | กำจัดหนอนกาแฟ | กำจัดหนอนมะนาว | กำจัดหนอนส้ม | กำจัดหนอนลำไย | กำจัดหนอนลิ้นจี่ | กำจัดหนอนหน่อไม้ฝรั่ง | กำจัดหนอนกระเจี๊ยบเขียว | กำจัดหนอนมังคุด | กำจัดหนอนมันฝรั่ง | กำจัดหนอนหอมหัวใหญ่ | กำจัดหนอนกระเทียม | กำจัดหนอนหอมแดง | กำจัดหนอนมะเขือเทศ | กำจัดหนอนกล้วยไม้ | กำจัดหนอนอินทผาลัม | กำจัดหนอนน้อยหน่า | กำจัดหนอนชมพู่ | กำจัดหนอนเงาะ | กำจัดหนอนมะม่วง | กำจัดหนอนมะขาม | กำจัดหนอนพริก
iLab.work ผู้ใช้บริการตรวจวิเคราะห์ค่าธาตุอาหารใน ดิน น้ำ ปุ๋ย พืช กากอุตสาหกรรม มาตฐาน ISO/IEC 17025


ตรวจง่ายนับ 1 2 3 มาตฐาน ISO/IEC 17025
1.เลือกและคำนวณค่าตรวจที่หน้าเว็บ คลิก
2.ส่งดินเข้าห้อง LAB (ไปรษณีย์,เคอรี่,แฟรช)
3.อ่านผลออนไลน์ (เราจัดส่งต้นฉบับผลวิเคราะห์ ไปตามที่อยู่ที่ให้ไว้เช่นกัน)
→เริ่มกันเลย เลือกค่าที่ต้องการวิเคราะห์
[มีชุดโปรฯแนะนำลดพิเศษ หรือเลือกเองได้]
รู้หรือไม่? ปลานิล ปลาทับทิม ที่เราได้ทานกันทุกวันนี้ มีที่มาอย่างไร
Update: 2563/06/15 16:27:47 - Views: 3701
ฝรั่ง โตไว ใบเขียว ผลใหญ่ น้ำหนักดี ฉีดพ่น ปุ๋ย FK-1 ต้นทุนต่อไร่ถูกกว่าปุ๋ยเม็ด 4เท่า เพิ่มผลผลิตสูงสุด 20เปอร์เซ็นต์
Update: 2566/03/28 12:07:36 - Views: 3580
เพิ่มประสิทธิภาพการเจริญเติบโตของดอกเข็มด้วยปุ๋ยสตาร์เฟอร์ สูตร 10-40-10+3 MgO: ความลับในการเร่งการออกดอกและรากของต้นดอกเข็ม
Update: 2567/02/12 14:05:50 - Views: 3710
ป้องกัน กำจัด หนอนปลอกข้าว (rice caseworm)
Update: 2564/08/09 22:41:37 - Views: 3523
การจัดการและป้องกันโรครากเน่าแห้งในต้นกาแฟ
Update: 2566/11/14 09:30:31 - Views: 3464
ราสนิมขาวผักบุ้ง โรคผักบุ้งใบไหม้ และโรคราต่างๆ สร้างความเสียหายต่อผลผลิต ควบคุม ป้องกันกำจัดก่อนเกิดความเสียหาย
Update: 2566/11/04 09:56:30 - Views: 10169
การดูแลพืชมันสำปะหลังให้แข็งแรง: การป้องกันและกำจัดโรคเชื้อรา ที่เกิดขึ้นในไร่มันสำปะหลัง
Update: 2566/04/29 10:39:36 - Views: 3433
หนอนห่อใบข้าว (rice leaffolder, LF) ป้องกัน กำจัด ด้วย ไอกี้
Update: 2564/08/16 23:31:35 - Views: 3620
โรคกัญชาใบไหม้ โรคกัญชงใบไหม้ โรครากัญชา โรครากัญชง โรคกัญชาใบจุด โรคราสนิมกัญชา
Update: 2564/08/09 11:05:25 - Views: 4094
กำจัดเชื้อรา สาเหตุของโรคใบไหม้ ในกล้วย ไตรโคเดอร์มา ไตรโคเร็กซ์ ปลอดภัยต่อคนและสัตว์เลี้ยง 100%
Update: 2565/12/20 12:01:18 - Views: 3602
การทำไร่อ้อย ใน 4 ขั้นตอนหลักๆ
Update: 2563/09/27 20:19:32 - Views: 4153
ปุ๋ยสำหรับมะพร้าวน้ำหอม ตลอดช่วงอายุ
Update: 2567/03/14 09:25:06 - Views: 3573
กำจัดเชื้อรา สาเหตุของโรคลำต้นไหม้ ในหน่อไม้ฝรั่ง ไตรโคเดอร์มา ไตรโคเร็กซ์ ปลอดภัยต่อคนและสัตว์เลี้ยง
Update: 2566/01/20 12:35:46 - Views: 3470
การป้องกันกำจัดเพลี้ยทุเรียน เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน ควบคุมเพี้ยไก่แจ้ ด้วยศัตรูธรรมชาติ กระตุ้นใบอ่อนลดเวลาการทำลาย ใช้ ยาฆ่าเพลี้ยอินทรีย์
Update: 2564/02/27 23:36:16 - Views: 3588
กำจัดศัตรูพืช ยาฆ่าหนอนกระทู้ ใน ดอกบัว และ พืชทุกชนิด บาซีเร็กซ์ โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/03/15 15:44:02 - Views: 3489
แตนเบียนบราคอน ปล่อยในไร่ ใช้ ควบคุมหนอนหัวดำมะพร้าวได้
Update: 2564/08/14 23:41:49 - Views: 3785
ยาฆ่าเพลี้ย แมลงจำพวกปากดูด ใน พืช ทุกชนิด เป็นสารชีวภาพปลอดภัย ปลอดสารพิษ มาคาและ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK
Update: 2566/03/21 14:16:09 - Views: 3399
เร่งการออกดอกและเร่งรากด้วยปุ๋ยสตาร์เฟอร์ สูตร 10-40-10+3 MgO
Update: 2567/02/12 14:04:46 - Views: 3579
โรคเชื้อราในต้นมะพร้าว เร่งป้องกันกำจัดก่อนจะเป็นแบบนี้
Update: 2567/05/20 07:50:31 - Views: 3658
โรคมะพร้าว ราสนิมมะพร้าว ราน้ำค้าง มะพร้าวใบไหม้ มะพร้าวยอดแห้ง
Update: 2566/11/07 10:11:40 - Views: 8458
GA4 © FarmKaset.ORG | สถาบันอนุญาโตตุลาการ : 2022