ทุเรียน "ราชาแห่งผลไม้" อันเลื่องชื่อเป็นที่ชื่นชอบของหลาย ๆ คนด้วยรสชาติและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ อย่างไรก็ตาม ผลไม้แสนอร่อยนี้ไม่ได้ปราศจากความท้าทาย ปัญหาหนึ่งที่เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนต้องประสบมากที่สุดคือ โรคราดำ ซึ่งเป็นเชื้อราที่สามารถทำลายพืชผลทั้งหมดได้ โชคยังดีที่หลังจากการวิจัยและพัฒนาอย่างเข้มข้น ทางออกที่ก้าวล้ำได้ถือกำเนิดขึ้น: IS สารอินทรีย์ที่ยับยั้งเชื้อราและกำจัดโรคราดำในทุเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

IS ย่อมาจาก "สารยับยั้ง" ได้มาจากส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด ทำให้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับชาวสวนทุเรียน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับชีววิทยาของเชื้อรา นักวิจัยได้ใช้ประโยชน์จากพลังของ IS เพื่อควบคุมและยับยั้งการเจริญเติบโตและการเพิ่มจำนวนของเชื้อราบนผิวใบทุเรียน

กุญแจสู่ประสิทธิภาพของ IS อยู่ที่ความสามารถในการสร้างสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา ด้วยการควบคุมสภาพแวดล้อมที่ผิวใบพืช ระบบ IS จะขัดขวางแหล่งอาศัยในอุดมคติของรา ป้องกันการล่าอาณานิคมและความเสียหายที่ตามมาต่อพืชผล นวัตกรรมใหม่นี้ไม่เพียงกำจัดโรคราดำที่เป็นอยู่ แต่ยังป้องกันการเกิดซ้ำ ทำให้ต้นทุเรียนแข็งแรงและให้ผลผลิตมากขึ้น

ข้อดีอย่างหนึ่งของ IS คือประสิทธิภาพสูงในการดับเชื้อรา วิธีดั้งเดิมในการต่อสู้โรคราดำมักอาศัยสารเคมีที่รุนแรงซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ในทางตรงกันข้าม IS เสนอทางเลือกที่ปลอดภัยซึ่งได้มาจากแหล่งธรรมชาติและปราศจากสารเคมีอันตราย เกษตรกรสามารถปกป้องพืชผลของตนได้โดยไม่กระทบต่อความเป็นอยู่ของตนเองหรือผู้บริโภค

นอกจากนี้ ระบบ IS ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มการยึดเกาะกับผิวใบทุเรียน ทำให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพที่ยาวนาน สารนี้ก่อตัวเป็นเกราะป้องกันที่เกาะติดกับใบ ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตรต่อสปอร์ของเชื้อรา การยึดเกาะที่เพิ่มขึ้นนี้ไม่เพียงแต่ให้การปกป้องที่ยาวนานเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความจำเป็นในการติดซ้ำบ่อยๆ ช่วยประหยัดเวลาและแรงงานของเกษตรกร

การพัฒนาระบบ IS ถือเป็นก้าวสำคัญในการต่อสู้กับโรคราดำในทุเรียน ด้วยองค์ประกอบออร์แกนิค จึงตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้พลังแห่งธรรมชาติ เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนสามารถปกป้องพืชผลของพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปกป้องชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา และจัดหาผลไม้คุณภาพสูงที่ปราศจากราให้กับผู้บริโภค

โดยสรุป IS เป็นสารอินทรีย์ที่ก้าวล้ำในการยับยั้งเชื้อราและกำจัดโรคราดำในทุเรียน ส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมดรวมกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยทำให้เป็นทางออกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับเกษตรกร ด้วยการควบคุมสภาพแวดล้อมที่ผิวของใบทุเรียน IS จะสร้างสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา ทำให้มั่นใจได้ว่าต้นไม้จะแข็งแรงขึ้นและได้ผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์ การยึดเกาะที่เพิ่มขึ้นและการปกป้องที่ยาวนานทำให้เป็นตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพ ลดความจำเป็นในการทาซ้ำบ่อยๆ ด้วย IS เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนสามารถต่อสู้กับโรคราดำได้อย่างมั่นใจ ในขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

พืชผลมะม่วงหิมพานต์เป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญสำหรับเกษตรกรจำนวนมากทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ต้นมะม่วงหิมพานต์ยังมีแนวโน้มที่จะถูกแมลงศัตรูพืชและโรคเข้าทำลาย ซึ่งอาจทำให้ผลผลิตและคุณภาพลดลงอย่างมาก ศัตรูพืชมะม่วงหิมพานต์ชนิดหนึ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดคือเพลี้ยแป้ง ซึ่งสร้างความเสียหายรุนแรงหากปล่อยไว้โดยไม่ควบคุม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การใช้วิธีการควบคุมโดยชีววิธีในการจัดการประชากรศัตรูพืชได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น หนึ่งในสารควบคุมทางชีวภาพที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับเพลี้ยแป้งคือเชื้อรา Beauveria bassiana อย่างไรก็ตาม การวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่าการรวมบิวเวอเรียกับเชื้อราเมทาริเซียม อะนิโซเพลียสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของมันได้อย่างมาก ผลิตภัณฑ์หนึ่งที่รวมเชื้อราทั้งสองชนิดนี้เข้าด้วยกันคือยี่ห้อ Butarex

Butarex เป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่มีส่วนผสมของ Beauveria bassiana และ Metharizium anisopliae ซึ่งได้รับการคิดค้นขึ้นเพื่อทำงานร่วมกัน ผลิตภัณฑ์นี้ออกแบบมาสำหรับกำจัดเพลี้ยแป้งบนต้นมะม่วงหิมพานต์โดยเฉพาะ เมื่อใช้อย่างถูกต้อง บิวทาเร็กซ์สามารถลดประชากรเพลี้ยแป้งได้อย่างมาก ส่งผลให้ต้นไม้แข็งแรงขึ้นและให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น

รูปแบบการทำงานของ Butarex คือทำให้เพลี้ยแป้งติดเชื้อด้วยสปอร์ของเชื้อรา ซึ่งจะเติบโตและเพิ่มจำนวนภายในตัวแมลง และฆ่าพวกมันในที่สุด เชื้อราจะคัดเลือกและส่งผลกระทบต่อศัตรูพืชเป้าหมายเท่านั้น ทำให้แมลงที่เป็นประโยชน์อื่นๆ ไม่ได้รับอันตราย ผลิตภัณฑ์นี้ยังปลอดภัยสำหรับมนุษย์เนื่องจากไม่มีสารเคมีที่เป็นพิษ

Butarex ใช้ง่ายและสามารถใช้ได้ในทุกช่วงของวงจรการเจริญเติบโตของต้นมะม่วงหิมพานต์ ขอแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์เมื่อจำนวนเพลี้ยแป้งมีมากที่สุด โดยทั่วไปคือในช่วงระยะออกดอกหรือติดผล สามารถใช้ผลิตภัณฑ์นี้โดยใช้เครื่องพ่นแบบสะพายหลังได้ และสิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าสารละลายกระจายทั่วกันทั่วหลังคาของต้นไม้เพื่อการครอบคลุมสูงสุด แนะนำให้ทาซ้ำหลังจาก 7-14 วันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การใช้บิวทาเร็กซ์เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการจัดการประชากรเพลี้ยแป้งในผลมะม่วงหิมพานต์ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่า Butarex ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาแบบสแตนด์อโลน และควรใช้ร่วมกับวิธีการควบคุมอื่นๆ เช่น การตัดแต่งกิ่ง การสุขาภิบาล และการปฏิบัติทางวัฒนธรรม

โดยสรุป การใช้สารควบคุมทางชีวภาพ เช่น บิวทาเร็กซ์ สามารถเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการจัดการประชากรเพลี้ยแป้งในต้นมะม่วงหิมพานต์ Butarex นำเสนอทางเลือกที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแทนการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช และวิธีการดำเนินการคือการคัดเลือกและมีประสิทธิภาพ เมื่อใช้อย่างถูกต้องเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการจัดการศัตรูพืชแบบบูรณาการ Butarex สามารถช่วยเกษตรกรในการผลิตผลมะม่วงหิมพานต์ที่มีสุขภาพดีและมีคุณภาพสูงขึ้นในขณะที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

เชื้อบิวเวอร์เรีย + เมธาไรเซียม
เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดสรรจุลินทรีย์ 2 ชนิดมี คุณสมบัติโดดเด่นมาผสมผสานใช้ในการป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ปลวก เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอน เป็นต้น

บิวทาเร็กซ์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณ กิ่ง ก้าน ใบ หรือบริเวณที่แมลงระบาด
2. ฉีดพ่นได้ทุก 7-10 วัน

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อไตรโคเดอร์มา และ ยากำจัดเชื้อรา หากต้องการใช้ร่วมควรเว้น ระยะฉีดพ่น 7-10 วัน *

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย บิวทาเร็กซ์..
ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช
เชื้อดีที่สุดสำหรับชาวเกษตรกร
ปริมาณเชื้อที่ดีและได้ผล
ให้อาหารเฉพาะของเชื้อแต่ละตัว

เชื้อจะไปเติบโตในแมลง ปกคลุมตัวแมลง ทำให้แมลงแห้งตายในที่สุด
ปลอดภัยไม่มีสารเคมี
แมลงดื้อยา ใช้ได้ต่อเนื่อง
เป็นยาเย็น ใช้ได้ทุกพืช และทุกช่วงอายุของพืช

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

Beauveria mix Methharicium หรือที่รู้จักในชื่อ Butarex เป็นสารควบคุมทางชีวภาพที่ใช้สำหรับป้องกันและกำจัดเพลี้ยไฟในพริก

เพลี้ยไฟเป็นแมลงมีปีกขนาดเล็กที่กัดกินใบและผลของต้นพริก พวกมันสามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชผล ทำให้ผลผลิตและคุณภาพลดลง สารเคมีกำจัดศัตรูพืชมักใช้เพื่อควบคุมเพลี้ยไฟ แต่ก็สามารถทำร้ายแมลงที่มีประโยชน์และส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมได้เช่นกัน

สารควบคุมทางชีวภาพ เช่น บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียม นำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนกว่า Beauveria เป็นเชื้อราชนิดหนึ่งที่ติดเชื้อและฆ่าเพลี้ยไฟตามธรรมชาติ ส่วนผสมของบิวเวอเรียและเมธาริเซียมซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเชื้อราในการควบคุมเพลี้ยไฟ

Butarex ยี่ห้อ Beauveria mix Methharicium เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรเฉพาะสำหรับใช้กับพืชพริก ใช้เป็นสเปรย์หรือฝุ่นที่ใบและผลของพืช ผลิตภัณฑ์นี้ปลอดภัยสำหรับใช้กับแมลงที่มีประโยชน์ เช่น เต่าทองและแมลงปีกแข็ง และไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

การใช้บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียม เช่น บิวทาเร็กซ์ สามารถควบคุมเพลี้ยไฟในพริกได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของผลไม้เท่านั้น แต่ยังช่วยลดความจำเป็นในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและปกป้องแมลงที่เป็นประโยชน์และสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

เชื้อบิวเวอร์เรีย + เมธาไรเซียม
เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดสรรจุลินทรีย์ 2 ชนิดมี คุณสมบัติโดดเด่นมาผสมผสานใช้ในการป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ปลวก เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอน เป็นต้น

บิวทาเร็กซ์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณ กิ่ง ก้าน ใบ หรือบริเวณที่แมลงระบาด
2. ฉีดพ่นได้ทุก 7-10 วัน

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อไตรโคเดอร์มา และ ยากำจัดเชื้อรา หากต้องการใช้ร่วมควรเว้น ระยะฉีดพ่น 7-10 วัน *

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย บิวทาเร็กซ์..
ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช
เชื้อดีที่สุดสำหรับชาวเกษตรกร
ปริมาณเชื้อที่ดีและได้ผล
ให้อาหารเฉพาะของเชื้อแต่ละตัว

เชื้อจะไปเติบโตในแมลง ปกคลุมตัวแมลง ทำให้แมลงแห้งตายในที่สุด
ปลอดภัยไม่มีสารเคมี
แมลงดื้อยา ใช้ได้ต่อเนื่อง
เป็นยาเย็น ใช้ได้ทุกพืช และทุกช่วงอายุของพืช

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link..

สารกำจัดหนอน: Aiki-BT น้ำยาชีวภาพประสิทธิภาพสูงสำหรับการควบคุมศัตรูพืชอย่างมีประสิทธิภาพ

ในโลกของเกษตรกรรม การต่อสู้กับแมลงศัตรูพืชเป็นความท้าทายอย่างต่อเนื่องสำหรับเกษตรกร ศัตรูพืชเหล่านี้สามารถทำลายพืชผล ทำให้สูญเสียผลผลิตและรายได้อย่างมาก วิธีการควบคุมสัตว์รบกวนแบบดั้งเดิมมักเกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมีกำจัดแมลง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม สารชีวภาพที่ปฏิวัติวงการที่เรียกว่า Aiki-BT ซึ่งมีประสิทธิภาพในการฆ่าแมลงที่โดดเด่นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กำลังเปลี่ยนวิธีที่เกษตรกรต่อสู้กับแมลงศัตรูพืช โดยเฉพาะหนอนเจาะสมอฝ้ายที่ขึ้นชื่อในต้นทุเรียน บทความนี้สำรวจศักยภาพของ Aiki-BT ในการควบคุมศัตรูพืช โดยเน้นที่ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และประโยชน์ต่อทั้งเกษตรกรและสิ่งแวดล้อม

Aiki-BT: ทางออกทางชีวภาพที่พลิกเกม:

Aiki-BT เป็นสารชีวภาพที่ควบคุมพลังของแบคทีเรียในการควบคุมแมลงศัตรูพืช ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อกำหนดเป้าหมายไปที่หนอนเจาะสมอฝ้ายซึ่งเป็นศัตรูพืชทั่วไปและทำลายล้างที่รบกวนต้นทุเรียน Aiki-BT แตกต่างจากสารเคมีกำจัดแมลง Aiki-BT เป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้มั่นใจได้ถึงความยั่งยืนในระยะยาวของการปฏิบัติทางการเกษตร

วิธีการทำงานของ Aiki-BT:

Aiki-BT มีสารพิษที่ทำลายหนอนเจาะสมอฝ้ายได้ เมื่อสัมผัสกับสารพิษนี้ ศัตรูพืชจะมีอาการทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว นำไปสู่การตายภายใน 24-48 ชั่วโมง โหมดการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์นี้ขัดขวางกระบวนการทางชีวภาพที่สำคัญของศัตรูพืช ส่งผลให้ร่างกายเหี่ยวเฉาและตายในที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น Aiki-BT ยังได้รับการคิดค้นสูตรให้มีการคัดเลือกสูง โดยมุ่งเป้าหมายไปที่หนอนเจาะสมอฝ้ายโดยเฉพาะ ในขณะที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดต่อแมลงที่เป็นประโยชน์ เช่น แมลงผสมเกสร ซึ่งจำเป็นต่อการเพิ่มผลผลิตของพืช

ข้อดีของ Aiki-BT:

ประสิทธิภาพสูง: Aiki-BT ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่โดดเด่นในการควบคุมประชากรหนอนเจาะสมอฝ้าย การดำเนินการตามเป้าหมายช่วยให้มั่นใจว่าจำนวนศัตรูพืชลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ช่วยปกป้องต้นทุเรียนจากความเสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อใช้ Aiki-BT เกษตรกรสามารถปรับปรุงกลยุทธ์การจัดการศัตรูพืชและปกป้องพืชผลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: หนึ่งในข้อดีที่สำคัญที่สุดของ Aiki-BT คือมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ซึ่งแตกต่างจากสารเคมีกำจัดแมลงซึ่งสามารถปนเปื้อนดิน น้ำ และอากาศ Aiki-BT สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพและไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตราย คุณภาพนี้ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับเกษตรกรที่ให้ความสำคัญกับแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้: Aiki-BT ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้เป็นสำคัญ ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพในทันทีต่อเกษตรกร คนงานในฟาร์ม หรือผู้บริโภค เมื่อใช้อย่างถูกต้อง ธรรมชาติที่ไม่เป็นพิษช่วยขจัดความกังวลเกี่ยวกับการสัมผัสสารเคมี ทำให้เป็นทางออกที่เชื่อถือได้สำหรับการควบคุมสัตว์รบกวนโดยไม่กระทบต่อสุขภาพของมนุษย์

การจัดการสารตกค้าง: ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับผลิตผลเกษตรอินทรีย์ การใช้สารเคมีกำจัดแมลงจึงเป็นที่ต้องการน้อยลง Aiki-BT ให้ทางเลือกแก่เกษตรกรในการควบคุมศัตรูพืชโดยปราศจากสารตกค้าง ช่วยให้พวกเขาผลิตทุเรียนและพืชผลอื่นๆ ที่เป็นไปตามมาตรฐานที่เข้มงวดของโปรแกรมการรับรองเกษตรอินทรีย์ สิ่งนี้เปิดประตูสู่ตลาดระดับพรีเมียมและผลกำไรที่สูงขึ้นสำหรับเกษตรกร

อนาคตของการควบคุมศัตรูพืช:

ในขณะที่การเกษตรก้าวไปสู่แนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนมากขึ้น ความต้องการโซลูชันการควบคุมศัตรูพืชที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมก็เพิ่มสูงขึ้น Aiki-BT แสดงถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญในทิศทางนี้ โดยนำเสนอเครื่องมือที่เปลี่ยนแปลงเกมให้กับเกษตรกรในการต่อสู้กับแมลงศัตรูพืชโดยไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมหรือกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ การประยุกต์ใช้ที่มีศักยภาพครอบคลุมมากกว่าหนอนเจาะสมอฝ้าย และการวิจัยที่กำลังดำเนินอยู่มีเป้าหมายเพื่อสำรวจประสิทธิภาพของมันต่อแมลงศัตรูพืชอื่นๆ ด้วย

บทสรุป:

Aiki-BT สารชีวภาพประสิทธิภาพสูงกำลังปฏิวัติการควบคุมศัตรูพืชสำหรับเกษตรกร ความสามารถในการกำจัดหนอนเจาะสมอฝ้ายในต้นทุเรียนแสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ในการต่อสู้กับแมลงศัตรูพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยรูปแบบการดำเนินการที่ไม่เหมือนใคร

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

เพลี้ยไก่แจ้มีอีกเรียกหนึ่งชื่อว่าเพลี้ยไก่ฟ้า เว้นระยะแรกที่จะมีคำถามตามมาว่าลองดูโดยช่วงท้ายของทุกครั้งจะให้ปุยขาวเป็นเส้นยาวคล้ายหางไก่ เมื่อจะย้อนกลับคราบอื่นๆ หลายครั้งที่เรนเจอแรนแพนเขียว หนวดยาวพิณใส บางครั้งก็มีความยาวไม่เกิน 5 ที่ต้องใช้เวลานานถึงช่วงขยายพันธุ์ที่จะวางไข่ภายในจุดของเพลี้ยวางไข่ไว้ ซึ่งจะทำให้ตุ่มนูนขึ้นซึ่งทำให้เกิดวงสีเหลือง เพลี้ยไก่แจ้แต่ละรุ่นนั้นมีอายุยืนยาวถึง 6 เดือนเลยทีเดียว และเรามักจะขอให้เพลี้ยไก่สายพันธุ์นี้ตามต้นพืชที่จะถูกทำลายด้วย เช่น เพลี้ยไก่แจ้ลำไย เพลี้ยไก่แจ้ ทุเรียนเพลี้ย ไก่แจ้ส้ม

อีกอย่างการเลือกเข้าทำลายสายพันธุ์พืชของเพลี้ยไก่แจ้ แต่ละกลุ่มจะแตกต่างกัน เช่น กลุ่มหนึ่งเจาะจงเข้าบราซิลต้นลำไยโดยเฉพาะอย่างยิ่งอีกกลุ่มเน้นเข้าบราซิลต้นทุเรียน เป็นต้น แต่ลักษณะการสร้างจะช่วยให้ได้รับหมดคือสิ่งเหล่านี้ และตัวเต็มวัยจะดูดน้ำเลี้ยงจากต้นพืชส่วนที่เป็นใบอ่อนและยอดอ่อนจะตามมาก่อนที่ใบจะหงิกงอและคลี่ออกจากชุมชนมีสีเหลืองซีดและแห้งกรอบ ไม่นานก็จะหลุดพ้นจากปัญหานี้ไป ระหว่างนี้จะมีการดูดกินน้ำจะต้องขับออกมาด้วย

Beauveria mix Methharicium หรือที่รู้จักในชื่อ Butarex ซึ่งใช้สำหรับป้องกันและกำจัดเพลี้ยไก่แจ้ในพืช Beauveria mix Methharicium เป็นสารกำจัดศัตรูพืชทางชีวภาพที่มีเชื้อรา Beauveria bassiana เมื่อนำไปใช้กับพืช เชื้อราจะติดเชื้อและฆ่าเพลี้ยไก่แจ้ ซึ่งเป็นวิธีที่เป็นธรรมชาติและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการควบคุมศัตรูพืชเหล่านี้

เชื้อบิวเวอร์เรีย + เมธาไรเซียม
เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดสรรจุลินทรีย์ 2 ชนิดมี คุณสมบัติโดดเด่นมาผสมผสานใช้ในการป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ปลวก เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอน เป็นต้น

บิวทาเร็กซ์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณ กิ่ง ก้าน ใบ หรือบริเวณที่แมลงระบาด
2. ฉีดพ่นได้ทุก 7-10 วัน

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อไตรโคเดอร์มา และ ยากำจัดเชื้อรา หากต้องการใช้ร่วมควรเว้น ระยะฉีดพ่น 7-10 วัน *

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย บิวทาเร็กซ์..
ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช
เชื้อดีที่สุดสำหรับชาวเกษตรกร
ปริมาณเชื้อที่ดีและได้ผล
ให้อาหารเฉพาะของเชื้อแต่ละตัว

เชื้อจะไปเติบโตในแมลง ปกคลุมตัวแมลง ทำให้แมลงแห้งตายในที่สุด
ปลอดภัยไม่มีสารเคมี
แมลงดื้อยา ใช้ได้ต่อเนื่อง
เป็นยาเย็น ใช้ได้ทุกพืช และทุกช่วงอายุของพืช

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link..

การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบสามารถช่วยให้พืชมะยงชิด และ มะปรางเจริญเติบโตดีและผลผลิตมีคุณภาพดีขึ้นได้
โดยปกติแล้ว การให้ปุ๋ยทางใบมีข้อดีดังนี้:

ดูดซึมได้รวดเร็ว: การฉีดพ่นทางใบทำให้ปุ๋ยถูกดูดซึมได้รวดเร็วผ่านใบพืช ทำให้พืชได้รับสารอาหารทันทีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องผ่านกระบวนการดูดซึมของรากก่อน.

ป้องกันโรคและแมลง: การให้ปุ๋ยทางใบยังสามารถผสมสารป้องกันกำจัดแมลงและโรคพืชได้ ทำให้มีประสิทธิภาพในการควบคุมศัตรูพืช.

สะดวกและรวดเร็ว: การฉีดพ่นทางใบไม่ต้องใช้เวลานานเท่าการใส่ปุ๋ยทางดิน ทำให้เป็นวิธีการให้ปุ๋ยที่สะดวกและรวดเร็ว.

การให้ปุ๋ยทางใบที่เหมาะสมสำหรับมะยงชิดและมะปรางจะต้องมีสูตรที่เสมอภายในธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช โดยสามารถเลือกใช้ปุ๋ยทางใบที่มีสูตร N-P-K (ไนโตรเจน-ฟอสฟอรัส-โพแทสเซียม) ที่เหมาะสมตามระยะการเจริญเติบโตของพืช.

ควรปฏิบัติตามขั้นตอนการให้ปุ๋ยฉีดทางใบตามคำแนะนำของผู้ผลิต และควรให้ปุ๋ยในช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น ในช่วงเช้าหรือเย็นที่อากาศไม่ร้อนจัด เพื่อป้องกันการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่เพียงพอสำหรับการดูดซึมของพืช.

FK-1 เป็นปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ ที่ประกอบด้วย ไนโตรเจน ฟอสฟอสรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม ซิงค์ และมีสารจับใบในตัว
FK-1 ใช้ได้กับมะปราง มะยงชิด และใช้ได้กับพืชทุกชนิดเช่นกัน

สั่งซื้อ FK-1 ได้ที่ ลาซาด้า คลิก http://ไปที่..link..
หรือ โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset

IS: สารต้านเชื้อราอินทรีย์กำจัดโรคราแป้งในผักพริก

ในโลกของเกษตรกรรม การต่อสู้กับโรคพืชเป็นความท้าทายอย่างต่อเนื่องสำหรับเกษตรกร โรคราแป้งซึ่งเป็นเชื้อราที่พบได้ทั่วไประบาดในพืชผลมายาวนาน รวมทั้งผักพริก อย่างไรก็ตาม ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างขยันขันแข็ง สารต้านเชื้อราอินทรีย์ที่ล้ำสมัยชื่อ IS ได้ถือกำเนิดขึ้น วิธีแก้ปัญหาที่โดดเด่นนี้ช่วยกำจัดโรคราแป้งในผักพริกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้มาจากส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด

IS เป็นผลมาจากการสำรวจและทดลองทางวิทยาศาสตร์อย่างครอบคลุมเพื่อระบุสารกำจัดที่มีประสิทธิภาพสูง ในขณะเดียวกันก็รับประกันความปลอดภัยของผู้ใช้ ด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการควบคุมสภาพแวดล้อมที่ผิวใบพืช IS จะสร้างสภาวะที่ไม่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตและการขยายพันธุ์ของเชื้อรา วิธีการที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ขัดขวางวงจรชีวิตของโรคราแป้ง ป้องกันการแพร่กระจายและช่วยเกษตรกรจากการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น

หนึ่งในจุดแข็งที่สำคัญของ IS คือความสามารถในการยึดติดกับพื้นผิวใบพืชได้ดีขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ยาต้านเชื้อราแบบดั้งเดิมมักจะพยายามรักษาการสัมผัสกับพื้นที่เป้าหมายเป็นเวลานาน ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลง อย่างไรก็ตาม IS จัดการกับปัญหานี้โดยตรง รับประกันการยึดเกาะที่ดีขึ้นเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คุณสมบัติที่โดดเด่นนี้ทำให้ IS แตกต่างจากการรักษาทั่วไปอื่นๆ และรับประกันประสิทธิภาพในการกำจัดโรคราแป้ง

นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้ IS โดดเด่นอย่างแท้จริงคือองค์ประกอบที่เป็นธรรมชาติ สารออกฤทธิ์ของ IS มาจากแหล่งธรรมชาติเท่านั้น ทำให้เป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการหลีกเลี่ยงสารเคมีสังเคราะห์ IS ให้ความสำคัญกับสุขภาพของพืชผลไม่เพียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้บริโภคด้วย เกษตรกรสามารถใช้ IS ได้อย่างมั่นใจโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสารตกค้างที่เป็นอันตรายบนผักพริกที่เก็บเกี่ยว มอบความอุ่นใจและรับประกันการจัดหาอาหารที่ปลอดภัย

การพัฒนา IS เป็นสารต้านเชื้อราอินทรีย์ยังสอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรแบบยั่งยืน ด้วยความตระหนักที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของวิธีการทำฟาร์มแบบเดิม เกษตรกรจึงมองหาทางเลือกอื่นที่ลดรอยเท้าทางนิเวศน์ให้เหลือน้อยที่สุด IS ให้วิธีแก้ปัญหาที่ได้ผลโดยการควบคุมพลังจากธรรมชาติเพื่อต่อสู้กับโรคพืชอย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อพูดถึงการประยุกต์ใช้ IS เกษตรกรสามารถคาดหวังประสบการณ์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ คำแนะนำที่ตรงไปตรงมาและใช้งานง่ายทำให้สามารถเข้าถึงได้ทั้งผู้ปลูกที่ช่ำชองและผู้ที่เพิ่งเริ่มทำฟาร์ม เมื่อปฏิบัติตามปริมาณที่แนะนำและเทคนิคการใช้ เกษตรกรสามารถควบคุมและยับยั้งเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้พืชผักพริกแข็งแรงสมบูรณ์

โดยสรุป IS เป็นตัวแทนของสารต้านเชื้อราอินทรีย์ที่ก้าวล้ำ ซึ่งมุ่งเป้าหมายและกำจัดโรคราแป้งในผักพริกโดยเฉพาะ ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างพิถีพิถัน โซลูชั่นนวัตกรรมนี้ได้รับการกำหนดขึ้นโดยใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด โดยการควบคุมสภาพแวดล้อมที่ผิวใบพืชและเพิ่มการยึดเกาะ IS ขัดขวางการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเชื้อรา นอกจากนี้ ส่วนประกอบอินทรีย์ยังรับประกันความปลอดภัยของผู้ใช้และส่งเสริมแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรที่ยั่งยืน ด้วย IS เกษตรกรสามารถต่อสู้กับโรคราแป้งได้อย่างมั่นใจ รักษาผลผลิตพืชผล และมีส่วนร่วมในอนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ไอเอส ขนาด 3 ลิตร
อัตรส่วนการใช้ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
1 แกลลอน ผสมน้ำได้ 1200 ลิตร ใช้ได้ 15 ไร่


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

Airborne คือละอองที่มีขนาดเล็กมาก (น้อยกว่า 5 ไมครอน) หรือละอองเสมหะที่ระเหยไปจนมีขนาดเล็กและมีเชื้อโรคที่มีชีวิตเกาะอยู่ ละอองนี้จะสามารถลอยอยู่ในอากาศได้นานและไกล เชื้อโรคที่สามารถแพร่เชื้อได้แบบนี้ที่แพทย์รู้จักมีเพียง 3 ชนิด ได้แก่ ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหัด โรคสุกใสหรืองูสวัด และแบคทีเรียวัณโรค

“WHO ประกาศโควิด-19 เป็น Airborne” เป็นข่าวจริงเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2563 แต่ถ้าเข้าไปอ่านรายละเอียดจะพบว่าองค์การอนามัยโลกเตือนเฉพาะ บุคลากรทางการแพทย์ ภายหลังจากมีการศึกษาใหม่พบว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มีชีวิตรอดในอากาศได้ใน บางสถานการณ์ ซึ่งจริงๆ แล้วแทบไม่สามารถพบได้ในชีวิตประจำวันได้เลย

สาเหตุที่องค์การอนามัยโลกต้องออกมาเตือนบุคลากรทางการแพทย์ เช่น แพทย์ พยาบาล ก็เพราะว่าขั้นตอนการดูแลรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลบางขั้นตอนสามารถเปลี่ยน Droplet ให้กลายเป็น Airborne ได้ โดยขั้นตอนนั้นเรียกว่า Aerosol-generating procedure หรือหัตถการที่ทำให้เกิดละอองลอย (Aerosol) ซึ่งสามารถฟุ้งอยู่ในอากาศได้นาน

Contact_ Droplet และ Airborne ต่างกันอย่างไร

คำว่า Airborne มีความหมายที่เหลื่อมกันอยู่ระหว่างคนทั่วไปกับแพทย์ เพราะถ้าเปิดพจนานุกรมคำนี้จะแปลว่า [adj.] (ทหาร_ สินค้า) ขนมาทางอากาศ หรือ Airborne transmission จะแปลว่า การแพร่เชื้อทางอากาศ ทำให้เรานึกภาพว่าเชื้อโรคลอยอยู่ในอากาศเหมือนละอองเกสรที่ลอยไปตามทิศทางลม เมื่อสูดหายใจเข้าไปก็จะติดเชื้อ

แต่ในทางการแพทย์จะแบ่งระดับของการป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาลตามการแพร่เชื้อ (Transmission-based precautions) ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ Contact_ Droplet และ Airborne นอกเหนือจากการป้องกันตัวตามมาตรฐาน (Standard Precaution) ซึ่งต้องปฏิบัติกับผู้ป่วยทุกรายเหมือนกันคล้ายกับการรักษาสุขอนามัยของคนทั่วไป

Contact:

หมายถึงการสัมผัสเชื้อโรคอยู่ในของเหลวที่หลั่งออกมาจากตัวผู้ป่วย เช่น หนอง เลือด หากสัมผัสผ่านผิวหนังที่มีแผลจะเป็นช่องทางเข้าของเชื้อได้ เราจึงมักเห็นแพทย์สวมถุงมือทุกครั้งที่สัมผัสผู้ป่วย

การสัมผัสนี้ยังรวมถึงการสัมผัสน้ำมูกและน้ำลายของผู้ป่วยที่อาจตกอยู่ตามสิ่งของ การป้องกันที่สำคัญอีกอย่างจึงเป็นการล้างมือ

Droplet:

คือละอองน้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะที่ผู้ป่วยไอจามออกมา ซึ่งทุกคนน่าจะเคยเห็นภาพกราฟิกว่าละอองเหล่านี้จะกระเด็นออกไปได้ไม่เกิน 1-2 เมตร แล้วจะตกลงที่พื้นหรือสิ่งของที่อยู่ใกล้

แพทย์จะป้องกันตัวด้วยการสวมหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ (Surgical Mask) หรือหน้ากากสีเขียวสีฟ้าที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

การแพร่เชื้อแบบนี้เป็นช่องทางการติดต่อหลักของโควิด-19 เพราะเป็นโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการไอ ซึ่งไม่ว่าไอแห้งหรือไอมีเสมหะก็จะมีละอองน้ำมูกน้ำลายออกมาด้วยทุกครั้ง เป็นที่มาของคำแนะนำให้ผู้มีอาการป่วยต้องสวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างจากผู้อื่น (Social Distancing)

Airborne:

คือละอองที่มีขนาดเล็กมาก (น้อยกว่า 5 ไมครอน) หรือละอองเสมหะที่ระเหยไปจนมีขนาดเล็กและมีเชื้อโรคที่มีชีวิตเกาะอยู่ ละอองนี้จะสามารถลอยอยู่ในอากาศได้นานและไกล เชื้อโรคที่สามารถแพร่เชื้อได้แบบนี้ที่เรา (แพทย์) รู้จักมีเพียง 3 ชนิด ได้แก่ ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหัด โรคสุกใสหรืองูสวัด และแบคทีเรียวัณโรค

จะสังเกตว่าทั้ง Droplet และ Airborne เป็นการแพร่เชื้อผ่านทาง ‘อากาศ’ แต่ Droplet จะต้องสูดหายใจเอาละอองขนาดใหญ่ซึ่งลอยอยู่ในอากาศได้ไม่นานเข้าไป ส่วน Airborne เป็นการหายใจเอาเชื้อโรคหรือละอองขนาดเล็กเข้าไป แพทย์จะป้องกันด้วยการสวมหน้ากากชนิด N95 และแยกผู้ป่วยอยู่ในห้องที่ควบคุมทิศทางการไหลของอากาศได้

ขอบคุณที่มา:

1. http://www.farmkaset..link..
2. http://www.farmkaset..link..

ไอเอส และ FK-T สามารถใช้ได้กับทุกพืช ใช้ฉีดพ่นทางใบ กับอุปกรณ์ฉีดพ่นทั่วไป และใช้โดรนบินฉีดพ่นได้เช่นกัน

โรคใบจุด (Leaf spot) สาเหตุ เกิดจากเชื้อรา Pseudocercospora abelmoschi (Ell’ & Ev.) Deighton
ลักษณะอาการ มักจะเป็นกับต้นกระเจี๊ยบเขียวที่มีอายุตั้งแต่ 60 วัน ขึ้นไป ในระยะเริ่มแรกเชื้อราจะเข้าทำลายที่ใบล่างของลำต้น และจะลุกลามขึ้นไปสู่ยอดเมื่อพลิกด้านล่างของใบดูพบว่าจะมีเชื้อราสีขาวเป็นผงคล้ายแป้ง หรือถ้าระบาดรุนแรงจะมีสีเทาปนดำ ด้านหน้าใบจะเป็นแผลสีเหลืองปนน้ำตาล ต้นทรุดโทรมเร็ว ใบร่วงและแห้งตายในที่สุด กระเจี๊ยบเขียวไม่ติดฝักหรือติดฝักน้อย ไม่สมบูรณ์ คดงอ แคระแกร็น ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด

โรคฝักจุดหรือฝักลาย (Pod spot) สาเหตุ เกิดจากเชื้อรา Alternaria sp.
ลักษณะอาการ เชื้อราที่ติดมากับเมล็ดพันธุ์จะแสดงอาการเมื่อกระเจี๊ยบเขียวเริ่มติดฝักเมื่ออายุ 45-50 วันหลังจากปลูก ทำให้เกิดเป็นจุดสีดำหรือสีน้ำตาลเล็ก ๆ เท่าปลายเข็มหมุดที่ผิวของฝัก แผลเหล่านี้จะกระจายอยู่ทั่วไป จำนวนแผลจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสม เมื่อระบาดรุนแรงแผลบนฝักจะขยายมองเป็นจุดใหญ่หรือแผลติดต่อเป็นทางยาวสีน้ำตาลเข้ม

โรคฝักจุดหรือโรคแอนแทรคโนส (Antracnose) สาเหตุ เกิดจากเชื้อรา Colletotrichum spp.
ลักษณะอาการ โรคนี้จะเข้าทำลายบนฝักกระเจี๊ยบเขียวร่วมกับโรคที่เกิดจากเชื้อ Alternaria sp. แต่ลักษณะอาการของโรคแอนแทรคโนสจะรุนแรงกว่า ทำให้เกิดแผลสีดำหรือน้ำตาลเข้ม เป็นขีด ๆ สั้น ๆ ไม่กลมเหมือนแผลของโรคที่เกิดจากเชื้อ Alternaria sp. แผลกระจายทั่วไปบนฝักกระเจี๊ยบเขียว ขอบแผลจะมีรอยช้ำคล้ายน้ำร้อนลวก แผลจะบุ๋มหรือยุบตัวลงไปจากเนื้อเยื่อของฝัก

ไอเอส เป็นสารอินทรีย์สกัดจากธรรมชาติทั้งหมด โดยอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงอันทันสมัย การควบคุมประจุไฟฟ้า สามารถฉีดพ่นได้ก่อนการเก็บเกี่ยว โดยไม่มีสารพิษตกค้าง ปลอดภัยต่อผู้ใช้ และผู้บริโภค

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม ไอเอส และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม


สั่งซื้อ
โทร 0909-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

สาเหตุของ โรคใบด่างมันสำปะหลัง : เกิดจากเชื้อไวรัส Cassava mosaic virus ; CMV

อาการโรคใบด่างมันสำปะหลัง : ใบด่างเหลือง ผิดรูป ยอดเเตกใหม่ แสดงอาการด่างเหลืองชัดเจน ลำต้นเเคระเเกร็น ไม่เจริญเติบโต

การแพร่ระบาดของโรคใบ..

http://www.farmkaset..link..