กลไกการสะสมซูโครสในลำอ้อย:...
👤
โดย: ผู้ดูแล
📅
2025-10-15 10:39:29
🌐
125.25.81.80
กลไกการสะสมซูโครสในลำอ้อย: พลังงานจากการสังเคราะห์แสงสู่ความหวานในโรงงาน
อ้อย (Saccharum officinarum L.) เป็นพืชเศรษฐกิจหลักของไทยที่สร้างรายได้มหาศาลจากน้ำตาลและเอทานอล ความหวานในลำอ้อยเกิดจากกระบวนการทางสรีรวิทยาซับซ้อน ตั้งแต่การสังเคราะห์แสงในใบ การลำเลียงซูโครสผ่านท่อลำเลียง ไปจนถึงการสะสมในเซลล์ของลำ ความเข้าใจในกลไกเหล่านี้คือกุญแจสำคัญในการเพิ่มทั้ง “ปริมาณผลผลิต” และ “เปอร์เซ็นต์ความหวาน (°Brix)” ของอ้อยในไร่
---
1. ใบ: แหล่งพลังงานของน้ำตาล
กระบวนการสังเคราะห์แสง (Photosynthesis) ในใบอ้อยเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างซูโครส โดยอ้อยเป็นพืช *C4* ที่มีประสิทธิภาพสูงในการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ แม้ในสภาพแสงจัดและอุณหภูมิสูง การสร้างน้ำตาลในใบจึงเกิดขึ้นรวดเร็วและต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพนี้จะขึ้นอยู่กับการมีธาตุไนโตรเจนและแมกนีเซียมในระดับเหมาะสม
* ไนโตรเจน (N) เป็นองค์ประกอบของคลอโรฟิลล์และเอนไซม์ Rubisco ซึ่งจำเป็นต่อการตรึงคาร์บอน
* แมกนีเซียม (Mg) เป็นศูนย์กลางของโมเลกุลคลอโรฟิลล์ และช่วยคงสมดุลพลังงานในคลอโรพลาสต์
หากใบอ้อยได้รับ N และ Mg อย่างเพียงพอ การสร้างคาร์โบไฮเดรตจะไม่สะดุด และสามารถส่งต่อซูโครสไปยังลำได้เต็มที่
---
2. การลำเลียงซูโครส: เส้นทางพลังงานจากใบสู่ลำ
หลังจากสร้างซูโครสแล้ว พืชจะลำเลียงน้ำตาลจากใบไปยังลำอ้อยผ่านระบบท่อลำเลียงอาหาร (phloem) การเคลื่อนย้ายนี้ต้องอาศัย โพแทสเซียม (K) เป็นตัวควบคุมแรงดันออสโมซิสภายในท่อลำเลียง
โพแทสเซียมทำหน้าที่ “เปิดประตูพลังงาน” ให้ซูโครสเคลื่อนไปยังส่วนปลายลำที่กำลังเจริญได้อย่างรวดเร็ว เมื่อโพแทสเซียมในพืชไม่พอ การลำเลียงน้ำตาลจะติดขัด ใบจะมีน้ำตาลสะสมมากเกินไป แต่ลำกลับมีน้ำตาลน้อย ทำให้ค่าความหวานในโรงงานลดลงอย่างชัดเจน
---
3. การสะสมซูโครสในลำ: จากเซลล์เล็กสู่ความหวานสูง
เมื่อซูโครสถูกลำเลียงมาถึงลำอ้อย มันจะถูกเก็บในแวคิวโอลของเซลล์พาเรงไคมา (parenchyma cells) กระบวนการนี้ต้องใช้พลังงานในรูป ATP และเอนไซม์เฉพาะ เช่น *Sucrose Phosphate Synthase (SPS)* และ *Sucrose Synthase (SuSy)* ซึ่งทำงานได้ดีที่สุดเมื่อพืชได้รับธาตุฟอสฟอรัสและแมกนีเซียมเพียงพอ
ในระยะสะสมซูโครส (อายุอ้อยประมาณ 6–10 เดือน) การมีโพแทสเซียมสูงในเซลล์ยังช่วยรักษาความดันออสโมซิสภายในลำ ทำให้เซลล์อุ้มน้ำและน้ำตาลได้มากขึ้น เป็นช่วงที่การให้ธาตุอาหารครบถ้วนจะส่งผลต่อ “คุณภาพความหวาน” โดยตรง
---
4. การจัดการธาตุอาหารทางใบเพื่อเสริมประสิทธิภาพการสะสมซูโครส
ในสภาพไร่อ้อยของไทย โดยเฉพาะดินร่วนปนทรายหรือพื้นที่ฝนทิ้งช่วง การดูดซึมธาตุอาหารทางรากมักไม่ต่อเนื่อง การให้ธาตุอาหารทางใบจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยรักษาการทำงานของใบและการสร้างซูโครสได้ดี
* ในระยะเริ่มตั้งตัวและแตกกอ (อายุ 1–5 เดือน):
การพ่น *FK-1* ซึ่งมีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสีครบถ้วน จะช่วยให้ใบอ้อยสังเคราะห์แสงได้เต็มที่ รากแข็งแรง และมีแหล่งคาร์โบไฮเดรตสะสมต่อเนื่อง
* ในระยะเร่งสะสมน้ำตาล (อายุ 6 เดือนขึ้นไป):
การเปลี่ยนมาใช้ *FK-3S* ที่เน้นโพแทสเซียมสูงเป็นพิเศษ จะช่วยกระตุ้นการลำเลียงซูโครสจากใบเข้าสู่ลำ เพิ่มประสิทธิภาพการสะสมและความหวาน (°Brix) ก่อนเก็บเกี่ยว
การจัดการธาตุอาหารทางใบอย่างเหมาะสมจึงเป็น “เทคนิคเสริม” ที่ช่วยให้อ้อยตอบสนองต่อกระบวนการทางสรีรวิทยาได้สูงสุด ทั้งในด้านผลผลิตและคุณภาพน้ำตาล
---
สรุป
กลไกการสะสมซูโครสในอ้อยเป็นผลลัพธ์ของการทำงานร่วมกันระหว่างใบที่สร้างพลังงาน ลำที่สะสม และธาตุอาหารที่ควบคุมการลำเลียง การเข้าใจสรีรวิทยาเหล่านี้ทำให้เกษตรกรสามารถจัดการธาตุอาหารได้ตรงจังหวะ เช่น ใช้ *FK-1* ในช่วงสร้างใบ และ *FK-3S* ในช่วงเร่งความหวาน เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงและคุณภาพน้ำตาลดีที่สุด
---
เอกสารอ้างอิง
* Moore, P.H., and Botha, F.C. (2014). *Sugarcane: Physiology, Biochemistry, and Functional Biology.* Wiley-Blackwell.
* Hartt, C.E. (1969). Translocation of sugars in sugarcane. *Plant Physiology*, 44(10), 1467–1474.
* Alexander, A.G. (1973). *Sugarcane Physiology: A Comprehensive Study of the Saccharum Source-to-Sink System.* Elsevier.
---
#อ้อย #ซูโครส #โพแทสเซียม #แมกนีเซียม #FK1 #FK3S #การสะสมน้ำตาล #สรีรวิทยาพืช #เกษตรวิทยาศาสตร์