[sort by : last post | top views]..
+ โพสเรื่องใหม่ | ^ เลือกหน้า | ค้นคำว่า - ข้าว
641 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 64 หน้า, หน้าที่ 65 มี 1 รายการ

การใช้ปุ๋ยทางใบ เพื่อเสริมธาตุอาหารอย่างมีประสิทธิภาพในข้าว
การใช้ปุ๋ยทางใบ เพื่อเสริมธาตุอาหารอย่างมีประสิทธิภาพในข้าว
การใช้ปุ๋ยทางใบ เพื่อเสริมธาตุอาหารอย่างมีประสิทธิภาพในข้าว
บทนำ
ต้นข้าวต้องการธาตุอาหารครบถ้วนตลอดวงจรชีวิต เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงและมีคุณภาพ การใส่ปุ๋ยทางดินเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากธาตุอาหารบางชนิดถูกตรึงในดินหรือสูญเสียจากการชะล้าง การใช้ ปุ๋ยทางใบ จึงเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ FK-1 และ FK-3R ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้เหมาะกับการเจริญเติบโตของข้าวในแต่ละช่วง

ส่วนประกอบและบทบาทของธาตุอาหารใน FK-1
FK-1 สูตร 20-20-20 + ธาตุเสริม เหมาะสำหรับช่วงต้นฤดูปลูก ช่วยกระตุ้นการแตกกอและการตั้งต้นของข้าว

ธาตุหลักใน FK-1:

ไนโตรเจน (20%)
- ส่งเสริมการสร้างโปรตีนและคลอโรฟิลล์
- เร่งการแตกกอ ใบเขียวเข้ม การสังเคราะห์แสงดีขึ้น
- จำเป็นในช่วงเจริญเติบโตทางลำต้นและใบ

ฟอสฟอรัส (20%)
- กระตุ้นการพัฒนาระบบรากให้แข็งแรง
- ส่งเสริมการสร้างพลังงาน (ATP) และการแบ่งเซลล์
- ช่วยให้ต้นข้าวตั้งตัวได้ดีและทนต่อสภาพแวดล้อม

โพแทสเซียม (20%)
- ควบคุมการเปิด-ปิดปากใบและการลำเลียงน้ำตาล
- เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับลำต้น
- แม้ไม่ใช่ช่วงสร้างเมล็ด แต่โพแทสเซียมช่วยเสริมโครงสร้างพืชแต่แรก

ธาตุเสริมใน FK-1:
- แมกนีเซียม
- เป็นแกนกลางของคลอโรฟิลล์
- ช่วยให้ข้าวสังเคราะห์แสงได้เต็มที่

ซิงค์ (สังกะสี)
- จำเป็นต่อการสังเคราะห์ฮอร์โมนพืช เช่น ออกซิน
- เร่งการแตกกอ การเจริญเติบโตของยอดอ่อน และการพัฒนาใบ

ส่วนประกอบและบทบาทของธาตุอาหารใน FK-3R
FK-3R สูตร 5-10-40 + ธาตุเสริม เหมาะสำหรับช่วงข้าวตั้งท้อง–ออกรวง ต้องการสารอาหารเพื่อสร้างดอกและเมล็ด

ธาตุหลักใน FK-3R:
- ไนโตรเจน (5%)
- ในปริมาณน้อย เพื่อไม่ให้ต้นข้าวแตกใบมากเกินไป
- รักษาความเขียวของต้นในช่วงใกล้เก็บเกี่ยว

ฟอสฟอรัส (10%)
- สนับสนุนการสร้างดอกและพัฒนารวง
- ช่วยเคลื่อนย้ายพลังงานไปยังส่วนของเมล็ด
- โพแทสเซียม (40%)

เน้นโพแทสเซียมสูงเป็นพิเศษ
- เร่งการอัดเมล็ดและเพิ่มน้ำหนักข้าว
- เพิ่มความต้านทานต่อโรคและความแห้งแล้ง
- ช่วยข้าวสุกเสมอกัน ลดปัญหาเมล็ดลีบ

ธาตุเสริมใน FK-3R:

แมกนีเซียม
- สนับสนุนการสร้างแป้งและน้ำตาล

ซิงค์
- กระตุ้นการสร้างเมล็ดและการแบ่งเซลล์ช่วงสุดท้าย
- ช่วยให้รวงข้าวสมบูรณ์ สม่ำเสมอ

กลยุทธ์การใช้ FK-1 และ FK-3R ร่วมกัน

การวางแผนการให้ปุ๋ยทางใบตามช่วงอายุข้าวเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มผลผลิต:
- ช่วง 15–30 วันหลังหว่าน/ปักดำ: ใช้ FK-1 เพื่อกระตุ้นการแตกกอและการพัฒนาราก
- ช่วงเริ่มตั้งท้อง–ออกรวง: ใช้ FK-3R เพื่อเร่งการสร้างเมล็ดและเพิ่มน้ำหนัก

การใช้ร่วมกันนี้ ช่วยให้พืชได้รับธาตุอาหารอย่างต่อเนื่องและเหมาะสมกับระยะพัฒนาการของต้นข้าว

สรุป
FK-1 และ FK-3R ไม่ใช่เพียงแค่ปุ๋ยทางใบทั่วไป แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการธาตุอาหารแบบแม่นยำ (Precision Fertilization) แต่ละสูตรถูกออกแบบตามความต้องการของข้าวในแต่ละช่วง ทำให้สามารถเพิ่มผลผลิตทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า

หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อ สามารถติดต่อได้ที่
โทร: 090-592-8614
ไลน์ไอดี: @FarmKaset
อ่าน:37
การป้องกันกันกำจัดโรคพืช อย่างมีประสิทธิภาพ โรคใบไหม้ โรคใบจุด โรคราสนิม โรคราต่างๆ
การป้องกันกันกำจัดโรคพืช อย่างมีประสิทธิภาพ โรคใบไหม้ โรคใบจุด โรคราสนิม โรคราต่างๆ
การใช้แพนน่อน (แมนโคเซป) ร่วมกับปุ๋ยทางใบ FK-1: ประโยชน์และวิธีการใช้อย่างมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคพืช

บทนำ
การเกษตรสมัยใหม่จำเป็นต้องอาศัยนวัตกรรมและเทคนิคที่มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดความเสียหายจากโรคพืช บทความวิชาการนี้นำเสนอการใช้สารป้องกันกำจัดโรคพืชแพนน่อน (ที่มีสารออกฤทธิ์คือแมนโคเซป) ร่วมกับปุ๋ยทางใบ FK-1 เพื่อการจัดการศัตรูพืชแบบบูรณาการที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ประสิทธิภาพของแพนน่อน (แมนโคเซป) ในการป้องกันกำจัดโรคพืช
แพนน่อน ซึ่งมีสารออกฤทธิ์สำคัญคือแมนโคเซป เป็นสารป้องกันกำจัดโรคพืช (fungicide) ประเภทสัมผัส ที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันและควบคุมโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา สามารถใช้ป้องกันกำจัดโรคพืชได้หลากหลายชนิด ได้แก่:

โรคใบจุด (Leaf spot diseases) - โรคที่เกิดจากเชื้อราหลายชนิด ทำให้เกิดจุดบนใบพืช ส่งผลให้พื้นที่ในการสังเคราะห์แสงลดลง
โรคราสนิม (Rust diseases) - โรคที่เกิดจากเชื้อราในกลุ่ม Puccinia ทำให้เกิดแผลสีส้มหรือสีน้ำตาลบนใบพืช
โรคราน้ำค้าง (Downy mildew) - โรคที่เกิดจากเชื้อราในกลุ่ม Oomycetes ทำให้เกิดคราบขาวใต้ใบพืช
โรคแอนแทรคโนส (Anthracnose) - โรคที่ทำให้เกิดแผลยุบตัวบนผล ใบ และลำต้น
โรคใบไหม้ (Blight diseases) - โรคที่ทำให้ใบพืชเหี่ยวแห้งและตายอย่างรวดเร็ว
โรคผลเน่า (Fruit rot) - โรคที่ทำให้ผลไม้เน่าเสียก่อนเก็บเกี่ยว

แมนโคเซปมีความเหมาะสมในการใช้กับพืชหลายชนิด เช่น:

ข้าว - ป้องกันโรคไหม้ที่เกิดจากเชื้อรา Pyricularia oryzae
ผัก - ป้องกันโรคราน้ำค้างและโรคใบจุดในพืชตระกูลแตง มะเขือเทศ และพืชผักอื่นๆ
ไม้ผล - ป้องกันโรคแอนแทรคโนสและโรคผลเน่าในมะม่วง ทุเรียน และผลไม้อื่นๆ
มันฝรั่ง - ป้องกันโรคใบไหม้ที่เกิดจากเชื้อรา Phytophthora infestans
ยางพารา - ป้องกันโรคใบร่วงที่เกิดจากเชื้อรา Phytophthora และ Colletotrichum

องค์ประกอบและประโยชน์ของปุ๋ยทางใบ FK-1
ปุ๋ยทางใบ FK-1 เป็นปุ๋ยสูตรพิเศษที่ประกอบด้วยธาตุอาหารหลักและธาตุอาหารรองที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช ได้แก่:

ไนโตรเจน (N) - ช่วยในการเจริญเติบโตของใบและลำต้น กระตุ้นการสร้างโปรตีนและคลอโรฟิลล์
ฟอสฟอรัส (P) - ช่วยในการออกดอก ติดผล และพัฒนาระบบราก มีบทบาทสำคัญในกระบวนการถ่ายทอดพลังงาน
โพแทสเซียม (K) - เพิ่มความแข็งแรงของพืช ช่วยในการเคลื่อนย้ายน้ำตาล และเพิ่มความต้านทานต่อโรคและแมลง
แมกนีเซียม (Mg) - เป็นองค์ประกอบสำคัญของคลอโรฟิลล์ ช่วยในกระบวนการสังเคราะห์แสง
ซิงค์ (Zn) - ช่วยในการสร้างฮอร์โมนเติบโตและเอนไซม์ที่สำคัญ ส่งเสริมการสังเคราะห์โปรตีน

ประโยชน์ของการใช้แพนน่อน (แมนโคเซป) ร่วมกับปุ๋ยทางใบ FK-1
การผสมแพนน่อน (แมนโคเซป) ร่วมกับปุ๋ยทางใบ FK-1 และฉีดพ่นไปพร้อมกัน ให้ประโยชน์หลายประการต่อเกษตรกรและพืช ดังนี้:

1. เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการศัตรูพืชแบบบูรณาการ
การใช้สารป้องกันกำจัดโรคควบคู่กับการเสริมธาตุอาหารให้พืช เป็นแนวทางการจัดการศัตรูพืชแบบบูรณาการที่มีประสิทธิภาพ โดยแมนโคเซปจะช่วยป้องกันการเข้าทำลายของเชื้อรา ในขณะที่ปุ๋ยทางใบ FK-1 จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้พืช ทำให้พืชมีความต้านทานต่อโรคได้ดีขึ้น

2. ประหยัดเวลาและลดต้นทุนการผลิต
การฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดโรคและปุ๋ยทางใบในคราวเดียวกัน ช่วยประหยัดเวลา แรงงาน และลดต้นทุนการผลิต เนื่องจาก:

ลดจำนวนครั้งในการฉีดพ่น
ประหยัดน้ำและเชื้อเพลิงที่ใช้ในการฉีดพ่น
ลดการสึกหรอของอุปกรณ์การเกษตร
ลดค่าแรงงานในการฉีดพ่น

3. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของพืช
ธาตุอาหารที่เพียงพอ โดยเฉพาะโพแทสเซียม ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของพืช ทำให้พืชแข็งแรงและต้านทานต่อการเข้าทำลายของเชื้อโรคได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นการเสริมประสิทธิภาพการทำงานของแมนโคเซปในการป้องกันกำจัดโรคพืช

4. เร่งการฟื้นตัวของพืชที่เริ่มแสดงอาการของโรค
หากพืชเริ่มแสดงอาการของโรค การได้รับทั้งสารป้องกันกำจัดโรคและธาตุอาหารพร้อมกัน จะช่วยให้พืชสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น โดยแมนโคเซปจะช่วยยับยั้งการเจริญของเชื้อรา ในขณะที่ธาตุอาหารจะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย

5. เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมของสารป้องกันกำจัดโรค
ธาตุอาหารบางชนิดในปุ๋ยทางใบ FK-1 อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมของแมนโคเซปเข้าสู่เนื้อเยื่อพืช ทำให้การป้องกันกำจัดโรคมีประสิทธิภาพมากขึ้น

วิธีการใช้แพนน่อน (แมนโคเซป) ร่วมกับปุ๋ยทางใบ FK-1 อย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้แพนน่อน (แมนโคเซป) ร่วมกับปุ๋ยทางใบ FK-1 ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและปลอดภัยต่อพืช ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้:

1. การทดสอบความเข้ากันได้ของสารเคมี
ก่อนนำแพนน่อนและปุ๋ยทางใบ FK-1 มาผสมกันเพื่อใช้ในพื้นที่ขนาดใหญ่ ควรทำการทดสอบความเข้ากันได้ของสารเคมีในปริมาณน้อยก่อน เพื่อตรวจสอบว่าไม่เกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การตกตะกอน การแยกชั้น หรือการเกิดฟอง

2. อัตราส่วนการผสมที่เหมาะสม
ควรใช้อัตราส่วนการผสมตามที่ระบุไว้บนฉลากของทั้งสองผลิตภัณฑ์ โดยทั่วไปแล้ว:

แพนน่อน (แมนโคเซป): ใช้อัตรา 40-50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
ปุ๋ยทางใบ FK-1: ใช้อัตรา 25-50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
หมายเหตุ แกะกล่องมาจะผสมสองถุง ต้องใช้ทั้งสองถุงผสมกัน

3. การผสมสารเคมี
ขั้นตอนการผสมที่ถูกต้องมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพของการใช้สารเคมี ควรปฏิบัติดังนี้:

เติมน้ำลงในถังพ่นประมาณครึ่งถัง
ละลายแพนน่อน (แมนโคเซป) ในน้ำปริมาณเล็กน้อยก่อน แล้วจึงเทลงในถังพ่น
คนให้เข้ากัน
เติมปุ๋ยทางใบ FK-1 ลงในถังพ่น
คนให้เข้ากันอีกครั้ง
เติมน้ำให้ได้ปริมาตรตามต้องการ
คนให้เข้ากันตลอดเวลาระหว่างการฉีดพ่น

4. ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการฉีดพ่น
ควรฉีดพ่นในช่วงเช้าหรือเย็น เมื่อแสงแดดไม่จัดและอุณหภูมิไม่สูงเกินไป เพื่อให้พืชสามารถดูดซึมสารเคมีได้อย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันการเกิดอาการไหม้ของใบพืช

5. ความถี่ในการฉีดพ่น
ความถี่ในการฉีดพ่นขึ้นอยู่กับชนิดของพืช ระยะการเจริญเติบโต และความรุนแรงของโรค โดยทั่วไปควรฉีดพ่นทุก 7-14 วัน หรือตามที่ระบุไว้บนฉลากของผลิตภัณฑ์

6. ข้อควรระวัง

ควรผสมและใช้ทันที ไม่ควรเก็บสารละลายที่ผสมแล้วไว้ข้ามคืน
สังเกตอาการของพืชหลังการฉีดพ่น หากพบความผิดปกติควรหยุดใช้
ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น ถุงมือ หน้ากาก และชุดป้องกัน ขณะผสมและฉีดพ่นสารเคมี
ไม่ควรฉีดพ่นในขณะที่มีลมแรง เพื่อป้องกันการปลิวของละอองสารเคมีไปยังพื้นที่ข้างเคียง

สรุป
การใช้แพนน่อน (แมนโคเซป) ร่วมกับปุ๋ยทางใบ FK-1 เป็นแนวทางการจัดการศัตรูพืชแบบบูรณาการที่มีประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันและควบคุมโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา พร้อมทั้งเสริมสร้างความแข็งแรงให้พืชด้วยธาตุอาหารที่จำเป็น ทำให้พืชมีความต้านทานต่อโรคได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดเวลา แรงงาน และลดต้นทุนการผลิต อย่างไรก็ตาม การใช้สารเคมีทางการเกษตรควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากและหลักการใช้สารเคมีอย่างปลอดภัย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและมีความปลอดภัยต่อเกษตรกร ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม

คำสำคัญ
แพนน่อน_ แมนโคเซป_ ปุ๋ยทางใบ FK-1_ โรคพืช_ สารป้องกันกำจัดโรคพืช_ ไนโตรเจน_ ฟอสฟอรัส_ โพแทสเซียม_ แมกนีเซียม_ ซิงค์_ การจัดการศัตรูพืชแบบบูรณาการ_ ราสนิม_ ราน้ำค้าง_ ใบจุด_ แอนแทรคโนส_ ใบไหม้_ ผลเน่า_ การป้องกันโรคพืช
อ่าน:89
อัปเดตสถานการณ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 2568: ผลผลิตเพิ่ม มาตรการรัฐคุมราคา และแนวโน้มตลาดโลก
อัปเดตสถานการณ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 2568: ผลผลิตเพิ่ม มาตรการรัฐคุมราคา และแนวโน้มตลาดโลก
อัปเดตสถานการณ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 2568: ผลผลิตเพิ่ม มาตรการรัฐคุมราคา และแนวโน้มตลาดโลก
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทยที่มีบทบาทในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และพลังงานชีวภาพ ล่าสุด สถานการณ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปี **2568** มีแนวโน้มที่น่าจับตามอง ตั้งแต่การคาดการณ์ผลผลิต ราคาตลาด ไปจนถึงมาตรการที่ภาครัฐออกมาเพื่อควบคุมและรักษาเสถียรภาพ วันนี้เรามาอัปเดตสถานการณ์ล่าสุดกัน

---

### **📌 ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2568 คาดแตะ 5.2 ล้านตัน**
ด้วยสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยและการพัฒนาเทคนิคการเพาะปลูกที่มีประสิทธิภาพ **กระทรวงเกษตรและสหกรณ์คาดการณ์ว่า ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 5.2 ล้านตัน** ซึ่งมากกว่าปี 2567 ที่อยู่ที่ 5 ล้านตัน

ปัจจัยที่ช่วยให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่
✅ **การใช้เมล็ดพันธุ์คุณภาพสูง** ที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น
✅ **การบริหารจัดการน้ำและปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ** เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต
✅ **สภาพอากาศที่เอื้ออำนวย** ส่งผลให้พืชเจริญเติบโตได้ดี

---

### **📌 มาตรการรัฐ: คุมราคาข้าวโพด – ลดต้นทุนเกษตรกร**
คณะรัฐมนตรีอนุมัติมาตรการ **รักษาเสถียรภาพราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2568** ด้วยงบประมาณกว่า **70 ล้านบาท** เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้ได้รับราคาที่เป็นธรรม รวมถึงป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาด

นอกจากนี้ กรมการค้าภายในยังมีแผน **เปิดจุดรับซื้อข้าวโพด** เพิ่มขึ้นในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ **ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ** ซึ่งเป็นแหล่งปลูกหลัก

---

### **📌 จีนเดินหน้านำเข้าข้าวโพด GMO ไทยปรับกลยุทธ์อย่างไร?**
จีนยังคงเดินหน้า **อนุมัติและนำเข้าข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรม (GMO)** ซึ่งอาจทำให้ราคาข้าวโพดในตลาดโลกปรับตัวขึ้นลงตามอุปสงค์และอุปทาน

อย่างไรก็ตาม **ข้าวโพดไทยที่ไม่ใช่ GMO ยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดพรีเมียม เช่น ญี่ปุ่น และยุโรป** ซึ่งมุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยทางอาหาร ทำให้ไทยสามารถรักษาตลาดในกลุ่มประเทศเหล่านี้ได้

---

### **📌 ลดฝุ่น PM2.5! รัฐเข้มมาตรการห้ามเผาข้าวโพด**
ในปี 2568 รัฐบาลมีมาตรการที่เข้มงวดขึ้นในการ **ลดฝุ่น PM2.5** โดยกำหนดให้ **ห้ามนำเข้าข้าวโพดจากแหล่งที่มีการเผา** ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดมลพิษทางอากาศ

มาตรการนี้จะช่วยให้
✅ เกษตรกรปรับเปลี่ยนไปใช้ **แนวทางการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม**
✅ ตลาดข้าวโพดไทยได้รับความเชื่อถือในระดับสากล
✅ ลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนจากมลพิษฝุ่นละออง

---

### **📌 สรุปแนวโน้มตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2568**
✔ **ผลผลิตเพิ่มขึ้น** คาดแตะ 5.2 ล้านตัน
✔ **รัฐเข้มมาตรการคุมราคา** สนับสนุนเกษตรกรผ่านจุดรับซื้อ
✔ **การแข่งขันสูงจากข้าวโพด GMO ของจีน** ไทยยังคงรักษาตลาดพรีเมียม
✔ **มาตรการลดฝุ่น PM2.5 เข้มขึ้น** ส่งเสริมเกษตรกรปลูกข้าวโพดอย่างยั่งยืน

### **ฮิวมิค FK: ตัวช่วยเพิ่มผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ลดต้นทุน ปรับปรุงดิน เพื่อเกษตรกรยุคใหม่** 🌽🌱

ปัจจุบัน **เกษตรกรข้าวโพดเลี้ยงสัตว์** ต้องเผชิญกับหลายความท้าทาย ทั้งเรื่อง **ต้นทุนปุ๋ยที่สูงขึ้น ดินเสื่อมคุณภาพ และความผันผวนของตลาด** ในปี **2568** ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของไทยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น **5.2 ล้านตัน** แต่ **หากไม่มีการจัดการดินที่ดี** อาจส่งผลให้ผลผลิตไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

**ฮิวมิค FK** จึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่ **ช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนปุ๋ยเคมี และฟื้นฟูดินให้มีความสมบูรณ์** พร้อมช่วยให้เกษตรกรปรับตัวเข้าสู่แนวทางเกษตรกรรมที่ยั่งยืน

---

## **✔️ Value-Oriented: ฮิวมิค FK ให้คุณค่าอะไรกับเกษตรกรข้าวโพด?**

### ✅ **1. เพิ่มผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้สูงขึ้น 20-30%**
- ฮิวมิคช่วยให้ **รากแข็งแรง** และ **ดูดซึมธาตุอาหารได้ดีขึ้น**
- ข้าวโพดเจริญเติบโตเร็วขึ้น เมล็ดเต็มและสมบูรณ์

### ✅ **2. ลดต้นทุนปุ๋ยเคมี ใช้ได้น้อยลงแต่ได้ผลดีขึ้น**
- ฮิวมิคช่วย **ตรึงปุ๋ยในดิน** ทำให้พืชดูดซึมได้อย่างเต็มที่
- ลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้ **15-30%** โดยไม่ลดผลผลิต

### ✅ **3. ปรับปรุงโครงสร้างดิน แก้ปัญหาดินเสื่อมสภาพ**
- เพิ่ม **อินทรียวัตถุในดิน** ทำให้ดินร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี
- เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มี **ปัญหาดินแข็ง ดินแน่น หรือดินเสื่อมโทรม**

### ✅ **4. ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม และการเผาตอซังที่ก่อให้เกิด PM2.5**
- ทำให้ซากพืชย่อยสลายเร็วขึ้น **ไม่ต้องเผา ลดฝุ่นควัน**
- สนับสนุนแนวทางเกษตรอินทรีย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

---

## **✔️ Personalization: ฮิวมิค FK ตอบโจทย์เกษตรกรข้าวโพดแต่ละแบบได้อย่างไร?**

📌 **สำหรับเกษตรกรที่ต้องการเพิ่มผลผลิต**
- ใช้ **ฮิวมิค FK** ร่วมกับปุ๋ยเคมี จะช่วยให้ข้าวโพดออกฝักใหญ่ น้ำหนักดี
- ลดความเสี่ยงจาก **ดินเสื่อมและธาตุอาหารขาดแคลน**

📌 **สำหรับเกษตรกรที่ต้องการลดต้นทุน**
- ใช้ฮิวมิค FK **ช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมี** และทำให้พืชดูดซึมธาตุอาหารได้เต็มที่
- ลดต้นทุนระยะยาว โดยไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีมากเกินไป

📌 **สำหรับเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์หรือเกษตรยั่งยืน**
- ฮิวมิค FK **เป็นสารอินทรีย์ 100%** ไม่มีสารเคมีตกค้าง
- ช่วยปรับปรุงดินให้สมบูรณ์ โดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมี

📌 **สำหรับเกษตรกรที่มีปัญหาดินแข็ง หรือดินเสื่อมคุณภาพ**
- ฮิวมิคช่วย **ฟื้นฟูดิน เพิ่มอินทรียวัตถุ** ให้ดินร่วนซุย เหมาะสำหรับการปลูกพืชระยะยาว

---

## **✔️ Authority: ฮิวมิคFK สำคัญอย่างไร**

- งานวิจัยหลายฉบับระบุว่า **ฮิวมิคแอซิด และฟลูวิค ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุอาหาร และกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืช**

- **ผลผลิตเพิ่มขึ้น ต้นทุนปุ๋ยลดลง** และดินดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

🌍 **ช่วยสนับสนุนนโยบายภาครัฐเรื่อง PM2.5 และเกษตรยั่งยืน**
- รัฐบาลส่งเสริม **การใช้ปุ๋ยอินทรีย์และลดการเผาตอซัง**
- การใช้ฮิวมิค FK ช่วยลดมลพิษ **และทำให้ดินดีขึ้นในระยะยาว**

---

## **📌 วิธีใช้ฮิวมิค FK กับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์**

📍 **ระยะเตรียมดิน:** ผสมฮิวมิค FK กับปุ๋ยอินทรีย์ หรือโรยลงดินก่อนปลูก
📍 **ระยะต้นกล้า (1-2 สัปดาห์แรก):** ฉีดพ่นทางใบ เพื่อกระตุ้นการแตกราก
📍 **ระยะขยายต้น:** ผสมฮิวมิค FK กับน้ำแล้วราดโคนต้น เพื่อช่วยดูดซึมธาตุอาหาร
📍 **ระยะออกฝัก:** ใช้ฮิวมิค FK ควบคู่กับปุ๋ยสูตร 15-15-15 เพื่อเพิ่มคุณภาพและขนาดฝัก

---

## **📌 สรุป: ฮิวมิค FK คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเกษตรกรข้าวโพดเลี้ยงสัตว์**

✅ **เพิ่มผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 20-30%**
✅ **ช่วยให้ดินอุ้มน้ำและดูดซึมธาตุอาหารได้ดีขึ้น**
✅ **ลดการใช้ปุ๋ยเคมี ประหยัดต้นทุนระยะยาว**
✅ **ช่วยลดปัญหาดินเสื่อม ดินแข็ง และเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน**
✅ **เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดฝุ่น PM2.5**

ปรุงดิน เพิ่มผลผลิตข้าวโพดของคุณ ด้วย "ฮิวมิค FK" วันนี้!** 🌱✨
อ่าน:334
แนวโน้มข้าวคาร์บอนต่ำ กับตลาดการส่งออกของไทยสู่ตลาดโลก
แนวโน้มข้าวคาร์บอนต่ำ กับตลาดการส่งออกของไทยสู่ตลาดโลก
แนวโน้มข้าวคาร์บอนต่ำ กับตลาดการส่งออกของไทยสู่ตลาดโลก
แนวโน้มการผลิตข้าวคาร์บอนต่ำกำลังเป็นที่สนใจในตลาดโลก เนื่องจากผู้บริโภคและนโยบายการค้าระหว่างประเทศให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปกป้องสิ่งแวดล้อม การผลิตข้าวแบบดั้งเดิมที่มีน้ำขังในนาข้าวมักปล่อยก๊าซมีเทนในปริมาณสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ประเทศไทยในฐานะผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก ได้เริ่มส่งเสริมการผลิตข้าวคาร์บอนต่ำผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการไทยไรซ์ นามา (Thai Rice NAMA) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) โครงการนี้มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำนาโดยการส่งเสริมเทคโนโลยีและวิธีการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับเวียดนาม พบว่าเวียดนามมีการส่งเสริมการปลูกข้าวคาร์บอนต่ำอย่างจริงจังและมีเป้าหมายชัดเจน โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศ เวียดนามมีเป้าหมายที่จะเพิ่มพื้นที่ปลูกข้าวคาร์บอนต่ำให้ได้ 6.25 ล้านไร่ภายในปี 2030 ซึ่งคาดว่าจะผลิตข้าวคาร์บอนต่ำได้ประมาณ 6.3 ล้านตัน ขณะที่ไทยมีศักยภาพการผลิตข้าวคาร์บอนต่ำอยู่ที่ประมาณ 4 ล้านตัน

นอกจากนี้ สหภาพยุโรป (EU) ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของข้าวไทย มีแนวโน้มที่จะบังคับใช้เกณฑ์การค้าข้าวคาร์บอนต่ำในอนาคต หากไทยไม่ปรับตัว อาจต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยในตลาดโลก

ดังนั้น การเร่งพัฒนาการผลิตข้าวคาร์บอนต่ำและการปรับปรุงเทคโนโลยีการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยในตลาดโลกและตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

**ฮิวมิค FK กับการเพิ่มผลผลิตข้าวคาร์บอนต่ำ**

การใช้ **ฮิวมิค FK** สามารถช่วยเพิ่มผลผลิตข้าวคาร์บอนต่ำได้โดยการปรับปรุงคุณภาพของดินและลดการใช้ปุ๋ยเคมี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคการเกษตร โดยมีแนวทางหลัก ๆ ดังนี้

---

### **1. เพิ่มอินทรียวัตถุและความอุดมสมบูรณ์ของดิน**
- **ฮิวมิค FK** อุดมไปด้วย **ฮิวมิกแอซิด (Humic Acid) และฟุลวิกแอซิด (Fulvic Acid)** ซึ่งช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดิน ทำให้ดินสามารถกักเก็บน้ำและธาตุอาหารได้ดีขึ้น
- ลดความเป็นกรดในดินและช่วยให้จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดินเจริญเติบโตดีขึ้น

---

### **2. ลดการใช้ปุ๋ยเคมี ลดต้นทุน และลดก๊าซเรือนกระจก**
- การใช้ฮิวมิค FK ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์สามารถช่วยลดปริมาณการใช้ปุ๋ยไนโตรเจน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N₂O)
- ดินที่มีฮิวมิคสูงสามารถดูดซับธาตุอาหารจากปุ๋ยได้ดีขึ้น ทำให้พืชนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการสูญเสียธาตุอาหารในดิน

---

### **3. เพิ่มการดูดซับคาร์บอนในดิน (Carbon Sequestration)**
- ดินที่มีปริมาณอินทรียวัตถุสูงสามารถกักเก็บคาร์บอนในรูปของฮิวเมต (Humate) ทำให้การปลูกข้าวเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
- ลดการปล่อยก๊าซมีเทน (CH₄) จากดินเปียกที่เกิดจากการทำนาแบบดั้งเดิม

---

### **4. ส่งเสริมการเจริญเติบโตของข้าว เพิ่มผลผลิต**
- ฮิวมิค FK ช่วยกระตุ้นการแตกกอของข้าว ทำให้ได้รวงข้าวมากขึ้น
- ช่วยให้ระบบรากพืชแข็งแรง ข้าวดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น ทำให้เมล็ดข้าวเต็ม น้ำหนักดี
- เพิ่มความต้านทานโรคและแมลงศัตรูพืช ลดการใช้สารเคมี

---

### **5. ลดการใช้น้ำและส่งเสริมระบบการปลูกข้าวแบบยั่งยืน**
- ดินที่ได้รับฮิวมิค FK สามารถอุ้มน้ำได้ดีขึ้น ทำให้ลดการใช้น้ำในการปลูกข้าว
- ส่งเสริมการทำนาแบบ **"เปียกสลับแห้ง" (Alternate Wetting and Drying: AWD)** ซึ่งเป็นเทคนิคที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทนจากนาข้าว

---

### **สรุป**
การใช้ **ฮิวมิค FK** ในการปลูกข้าวคาร์บอนต่ำมีประโยชน์ทั้งในด้าน **การเพิ่มผลผลิต** และ **ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม** โดยช่วยปรับปรุงดิน ลดการใช้ปุ๋ยเคมี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มความยั่งยืนของการผลิตข้าวในระยะยาว

อ่าน:227
ทำไม? ฮิวมิคFK จึงจำเป็น และมีประโยชน์กับพืชทุกชนิด
ทำไม? ฮิวมิคFK จึงจำเป็น และมีประโยชน์กับพืชทุกชนิด
**ฮิวมิค FK** (Humic FK) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์กับพืชทุกชนิด เนื่องจากคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพดินและเสริมการเจริญเติบโตของพืช โดยมีเหตุผลดังนี้:

### 1. **ปรับปรุงโครงสร้างของดิน**
- ฮิวมิค FK ช่วยเพิ่มความสามารถในการอุ้มน้ำและอากาศในดิน ทำให้รากพืชได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
- ช่วยลดการจับตัวเป็นดินแข็ง (Compact Soil) โดยเฉพาะในดินเหนียวและดินทราย

### 2. **เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน**
- เป็นแหล่งของคาร์บอนอินทรีย์ (Organic Carbon) ที่ช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ในดิน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการย่อยสลายธาตุอาหาร
- ช่วยจับธาตุอาหารสำคัญ เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ทำให้พืชสามารถดูดซึมไปใช้ได้ง่ายขึ้น

### 3. **เสริมการเจริญเติบโตของพืช**
- ช่วยกระตุ้นการพัฒนาระบบราก ทำให้รากพืชแข็งแรงและสามารถดูดซึมน้ำและธาตุอาหารได้ดีขึ้น
- มีผลต่อการเร่งการแบ่งเซลล์ (Cell Division) และการสร้างคลอโรฟิลล์ ส่งผลให้พืชโตเร็วและให้ผลผลิตสูงขึ้น

### 4. **ลดผลกระทบจากสภาวะแวดล้อม**
- ช่วยพืชทนต่อความเครียดจากสภาพแวดล้อม เช่น ความแห้งแล้ง ดินเค็ม และดินเป็นกรด
- ลดการสูญเสียธาตุอาหารจากการชะล้างหรือการระเหย

### 5. **เหมาะกับพืชทุกชนิด**
- ใช้ได้กับพืชทุกประเภท เช่น
- พืชผล: ข้าว_ ข้าวโพด_ มันสำปะหลัง_ อ้อย
- พืชผัก: ผักชี_ คะน้า_ แตงกวา
- ไม้ผล: ทุเรียน_ มะม่วง_ ส้ม
- พืชสวนและไม้ดอก: กุหลาบ_ กล้วยไม้_ ดาวเรือง

### สรุป
**ฮิวมิค FK** มีคุณสมบัติช่วยปรับปรุงคุณภาพดิน เพิ่มธาตุอาหาร และเสริมความแข็งแรงให้พืช ทำให้พืชทุกชนิดเติบโตได้ดีขึ้น ทนต่อปัญหาสิ่งแวดล้อม และให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ

---

#ฮิวมิคFK #ประโยชน์ของฮิวมิค #เพิ่มผลผลิตพืช #เกษตรอินทรีย์ #ปรับปรุงดิน #พืชโตไว #เกษตรกรไทย
อ่าน:146
กลไกการทำงานของฮิวมิค FK ในการเพิ่มผลผลิตข้าว
กลไกการทำงานของฮิวมิค FK ในการเพิ่มผลผลิตข้าว
### กลไกการทำงานของฮิวมิค FK ในการเพิ่มผลผลิตข้าว

**ฮิวมิค FK** เป็นสารอินทรีย์ชนิดหนึ่งที่มีส่วนประกอบหลักจากกรดฮิวมิก (Humic Acid) และกรดฟุลวิก (Fulvic Acid) ซึ่งสกัดมาจากแหล่งอินทรีย์ธรรมชาติ เช่น ลีโอนาร์ไดต์ (Leonardite) โดยมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืชและปรับปรุงคุณภาพของดินอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะใน **การทำนาข้าว** ซึ่งถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทย ฮิวมิค FK ช่วยเพิ่มผลผลิตได้จากกลไกดังนี้:

---

### **1. ปรับปรุงโครงสร้างดิน**
ฮิวมิค FK มีความสามารถในการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินโดย:
- เพิ่มการจับตัวของเม็ดดิน ทำให้ดินโปร่ง ระบายอากาศได้ดี
- เพิ่มความสามารถในการกักเก็บน้ำและธาตุอาหารในดิน ทำให้ต้นข้าวสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างต่อเนื่อง
- ลดความเป็นกรด-ด่างของดิน ทำให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของข้าว

---

### **2. เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมธาตุอาหาร**
- กรดฮิวมิกช่วยกระตุ้นรากข้าวให้แข็งแรงและขยายตัวได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ดูดซึมธาตุอาหารในดินได้มากขึ้น
- ช่วยจับธาตุอาหารสำคัญ เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ทำให้พืชได้รับสารอาหารที่เพียงพอสำหรับการสร้างผลผลิต

---

### **3. กระตุ้นการเจริญเติบโตของต้นข้าว**
- กระตุ้นการแบ่งเซลล์และขยายขนาดเซลล์ ทำให้ต้นข้าวโตเร็ว แข็งแรง และทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคลอโรฟิลล์ในใบ ส่งผลให้ข้าวสังเคราะห์แสงได้ดี และสร้างพลังงานเพียงพอสำหรับการสร้างเมล็ด

---

### **4. เพิ่มความต้านทานต่อโรคและแมลง**
- ฮิวมิค FK ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานของต้นข้าว ลดความเสี่ยงจากโรคและแมลงศัตรูพืช
- ทำให้ต้นข้าวสามารถเติบโตในสภาวะที่มีความเครียด เช่น ภัยแล้งหรือสภาพดินที่มีความเค็มสูง

---

### **5. เพิ่มผลผลิตและคุณภาพของเมล็ดข้าว**
- ช่วยเพิ่มจำนวนรวงข้าวและน้ำหนักเมล็ด ทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น
- เพิ่มความสมบูรณ์ของเมล็ด ลดอัตราเมล็ดลีบ
- ช่วยให้ข้าวมีคุณภาพดี เหมาะสำหรับการบริโภคและการแปรรูป

---

### วิธีการใช้ฮิวมิค FK ในการทำนาข้าว
1. **ช่วงเตรียมดิน**: ผสมฮิวมิค FK กับน้ำแล้วฉีดพ่นลงบนพื้นที่นา เพื่อปรับปรุงโครงสร้างดิน
2. **ช่วงปลูกข้าว**: ฉีดพ่นฮิวมิค FK ในอัตราส่วนที่เหมาะสมในช่วงที่ต้นข้าวเริ่มแตกกอ
3. **ช่วงข้าวตั้งท้อง**: ใช้ฮิวมิค FK เพื่อเพิ่มธาตุอาหารและกระตุ้นการสร้างเมล็ด

---

### สรุป
**ฮิวมิค FK** ช่วยเพิ่มผลผลิตข้าวด้วยการปรับปรุงคุณภาพดิน เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมธาตุอาหาร และกระตุ้นการเจริญเติบโตของต้นข้าว อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความต้านทานโรคและแมลงศัตรูพืช ส่งผลให้ข้าวมีผลผลิตสูงขึ้น คุณภาพดีขึ้น และเกษตรกรสามารถลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีได้ในระยะยาว

---

#### คำแนะนำการใช้งาน:
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือศึกษาวิธีใช้งานจากฉลากผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการทำนาข้าวของคุณ

#ฮิวมิคFK #ทำนาข้าว #เพิ่มผลผลิตข้าว #เกษตรอินทรีย์ #ปรับปรุงดิน #ข้าวไทยคุณภาพ #ปุ๋ยฮิวมิค
อ่าน:125
5 พืชเศรษฐกิจไทย ที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด
5 พืชเศรษฐกิจไทย ที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด
5 พืชเศรษฐกิจไทยที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุดในปี 2566 (มูลค่าเป็นเงินบาท) ได้แก่:

1. ผลไม้ - มูลค่าส่งออกประมาณ 248_500 ล้านบาท (คิดเป็น 25.9% ของการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมด) โดยทุเรียนเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนยอดขาย โดยเฉพาะในตลาดจีน


2. ข้าว - มูลค่าส่งออกประมาณ 184_200 ล้านบาท (19.2%) ซึ่งไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวคุณภาพสูง เช่น ข้าวหอมมะลิ ไปยังตลาดโลก


3. มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ - มูลค่าส่งออกประมาณ 132_500 ล้านบาท (13.8%) ส่วนใหญ่ส่งไปยังจีนเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และพลังงาน


4. ยางพารา - มูลค่าส่งออกประมาณ 130_400 ล้านบาท (13.6%) โดยเน้นตลาดในเอเชีย เช่น จีน และมาเลเซีย


5. น้ำตาลทราย (จากอ้อย) - มูลค่าส่งออกประมาณ 120_000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลผลิตสำคัญที่มีตลาดหลักในประเทศอาเซียนและเอเชียใต้



ตัวเลขมูลค่าเงินบาทคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในปี 2566

อ่าน:343
วิธีดูแลไร่ ข้าวโพด ให้ได้ผลผลิตสูง
วิธีดูแลไร่ ข้าวโพด ให้ได้ผลผลิตสูง
**ด้วยการใช้ฮิวมิค FK เสริมฟลูวิคและปุ๋ยทางใบ FK-1**

การเพิ่มผลผลิตข้าวโพดอย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยการบำรุงดูแลที่เหมาะสมตั้งแต่การเตรียมดินไปจนถึงการเก็บเกี่ยว ฮิวมิค FK เสริมฟลูวิค และปุ๋ยทางใบ FK-1 (สูตร 20-20-20 พร้อมสารสังเคราะห์คลอโรฟิล Mg + Zn) เป็นทางเลือกที่ดีในการเสริมการเจริญเติบโตของข้าวโพด ทำให้ต้นแข็งแรง ผลผลิตสมบูรณ์ และให้ผลผลิตสูงขึ้น

### คุณประโยชน์ของฮิวมิค FK และฟลูวิคต่อข้าวโพด
- **ฮิวมิค FK** ช่วยปรับโครงสร้างดิน เพิ่มความสามารถในการกักเก็บน้ำ และเสริมการเจริญเติบโตของราก ทำให้รากสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- **ฟลูวิค** ช่วยเพิ่มการดูดซึมของธาตุอาหารที่จำเป็นในดิน ทำให้พืชแข็งแรงและพร้อมต่อการเจริญเติบโตที่ดี

### วิธีการใช้ฮิวมิค FK
- **อัตราการผสม**: ใช้ฮิวมิค FK 10 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
- **การใช้งาน**: ฉีดพ่นรอบโคนต้นข้าวโพดเมื่อเริ่มปลูก และทำซ้ำทุก 1-2 เดือน โดยเน้นบริเวณรากเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของรากและเสริมการดูดซึมของธาตุอาหาร

### ปุ๋ยทางใบ FK-1 สูตร 20-20-20 พร้อมสารสังเคราะห์คลอโรฟิล Mg + Zn
ปุ๋ย FK-1 เป็นปุ๋ยสูตร 20-20-20 ที่มีธาตุอาหารครบถ้วนช่วยเสริมการเจริญเติบโตของลำต้นและใบ อีกทั้งยังเสริมด้วยสารสังเคราะห์คลอโรฟิล Mg + Zn ซึ่งมีส่วนช่วยในการสังเคราะห์แสงและทำให้ใบมีสีเขียวเข้ม มีความสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยให้ข้าวโพดแข็งแรงและเพิ่มผลผลิต

#### วิธีการใช้ปุ๋ยทางใบ FK-1
1. **แกะกล่อง FK-1** จะพบสองถุง:
- **ถุงแรก**: ปุ๋ยสูตร 20-20-20
- **ถุงที่สอง**: สารสังเคราะห์คลอโรฟิล Mg + Zn
2. **อัตราการผสม**: ใช้ถุงละ 25-50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
3. ผสมปุ๋ยทั้งสองถุงในน้ำ คนให้เข้ากันดี
4. ฉีดพ่นทางใบข้าวโพดทุก 15-30 วัน ช่วยเสริมความสมบูรณ์ให้กับใบและต้น เพื่อให้ต้นข้าวโพดได้รับสารอาหารครบถ้วน

### ตารางการบำรุงดูแลไร่ข้าวโพด
- **ระยะต้นอ่อน**: ฉีดพ่นฮิวมิค FK รอบโคนต้นและใช้ปุ๋ยทางใบ FK-1 เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต
- **ระยะกลางการเจริญเติบโต**: ฉีดพ่นปุ๋ย FK-1 ทุก 15-30 วัน เพื่อเสริมใบและลำต้น
- **ระยะก่อนเก็บเกี่ยว**: ฉีดพ่นฮิวมิค FK เพื่อฟื้นฟูสภาพดินและเตรียมความพร้อมสำหรับรอบการเพาะปลูกต่อไป

### สรุป
การใช้ **ฮิวมิค FK เสริมฟลูวิค** และ **ปุ๋ยทางใบ FK-1 สูตร 20-20-20 พร้อมสารสังเคราะห์คลอโรฟิล Mg + Zn** เป็นวิธีการที่ช่วยเพิ่มผลผลิตข้าวโพดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการเสริมราก ใบ และลำต้น ทำให้ต้นข้าวโพดสมบูรณ์แข็งแรงและเพิ่มปริมาณผลผลิต
อ่าน:269
ปุ๋ย สำหรับนาข้าว ดูแลตลอดช่วงอายุ เพิ่มผลผลิตข้าว
ปุ๋ย สำหรับนาข้าว ดูแลตลอดช่วงอายุ เพิ่มผลผลิตข้าว
การเพิ่มผลผลิตข้าวโดยการใช้ **ฮิวมิค FK** เสริม **ฟลูวิค** ร่วมกับปุ๋ยทางใบ เช่น **FK-1** และ **FK-3R** ตลอดช่วงการปลูกข้าว จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ต้นข้าวและส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อใช้ฮิวมิคและฟลูวิคร่วมกัน จะช่วยปรับปรุงคุณภาพดิน ทำให้รากดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น และส่งเสริมการเจริญเติบโตตั้งแต่เริ่มปลูก

### ขั้นตอนการฉีดพ่นปุ๋ยและการใช้งานในแต่ละระยะการปลูกข้าว

1. **ระยะเริ่มต้นหลังปลูก**
- ใช้ **ฮิวมิค FK ผสมฟลูวิค** ฉีดพ่นร่วมกับ **ปุ๋ยทางใบ FK-1 (สูตร 20-20-20)** เพื่อกระตุ้นการงอกและการตั้งตัว โดยสารฟลูวิคจะช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุอาหารในดิน และ FK-1 จะให้สารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของใบและลำต้น แมกนีเซียม (Mg) และสังกะสี (Zn) จะเสริมสร้างคลอโรฟิลล์ เพิ่มการสังเคราะห์แสงและความเขียวของใบ ทำให้ต้นข้าวแข็งแรง

2. **ระยะเติบโตและขยายตัว**
- ยังคงฉีดพ่น **ฮิวมิค FK และฟลูวิค** ร่วมกับ **FK-1** เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง FK-1 ที่มีไนโตรเจนในปริมาณสูงจะช่วยให้ใบเขียวสดใสและเติบโตได้ดีขึ้น ส่วนฟอสฟอรัสจะช่วยกระตุ้นระบบราก ทำให้ต้นข้าวสามารถรับน้ำและธาตุอาหารจากดินได้ดีขึ้น

3. **ระยะสร้างรวงและเติมเมล็ดข้าว**
- เปลี่ยนไปใช้ **ปุ๋ยทางใบ FK-3R (สูตร 5-10-40)** ผสมกับ **ฮิวมิค FK และฟลูวิค** โดย FK-3R ที่มีโพแทสเซียมในปริมาณสูงจะช่วยในการพัฒนาและเพิ่มขนาดของเมล็ด ทำให้เมล็ดมีน้ำหนักและความสมบูรณ์ พร้อมสารสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ที่ช่วยให้การสังเคราะห์แสงมีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้ต้นข้าวสะสมสารอาหารในเมล็ดได้ดีขึ้น

4. **ระยะก่อนการเก็บเกี่ยว**
- ลดการฉีดพ่นปุ๋ยทางใบ เพื่อให้ต้นข้าวสะสมพลังงานในเมล็ดอย่างเต็มที่ พร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยว ฮิวมิคและฟลูวิคที่ยังอยู่ในดินจะช่วยรักษาสภาพดินให้คงความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ดินพร้อมสำหรับการปลูกครั้งต่อไป

การใช้ฮิวมิค FK เสริมฟลูวิคร่วมกับปุ๋ยทางใบ FK-1 และ FK-3R ตามขั้นตอนนี้จะช่วยให้ข้าวมีการเจริญเติบโตที่ดีและเพิ่มผลผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อ่าน:192
ป้องกันกำจัดหนอนกอข้าว สาเหตุข้าวเมล็ดลีบ อาการข้าวฝักดาบ ทำให้ข้าวมีผลผลิตต่ำ
ป้องกันกำจัดหนอนกอข้าว สาเหตุข้าวเมล็ดลีบ อาการข้าวฝักดาบ ทำให้ข้าวมีผลผลิตต่ำ



แก้ปัญหา หนอนกอข้าว ด้วย ไอกี้-บีที สารชีวินทรีย์ปลอดภัย ที่ป้องกันกำจัดหนอนกอข้าวอย่างได้ผล ผสมฉีดพ่นไปพร้อมกับ ปุ๋ย FK-1 ช่วยเร่งฟื้นฟู ส่งเสริมการเจริญเติบโต ให้ข้าวมีผลผลิตสูง

http://ไปที่..link..
อ่าน:3734
641 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 64 หน้า, หน้าที่ 65 มี 1 รายการ
|-Page 1 of 65-|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 36 | 37 | 38 | 39 | 40 | 41 | 42 | 43 | 44 | 45 | 46 | 47 | 48 | 49 | 50 | 51 | 52 | 53 | 54 | 55 | 56 | 57 | 58 | 59 | 60 | 61 | 62 | 63 | 64 | 65 |


โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset

กลุ่มสินค้าขายดีมาก

ฮิวมิค FK
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
ไทอะมีทอกแซม
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
แพนน่อน
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ


กลุ่มทางใบปุ๋ยประสิทธิภาพสูง
*โปรดอ่าน ใช้ FK-1 ในช่วงแรก เพื่อเร่งโต เร่งราก เร่งดอก จับคู่กับ FK-3 ในช่วงเร่งผลผลิต พืชออกผลทุกชนิด ใช้ FK-1 กับ FK-3, นาข้าว ใช้ FK-1 กับ FK-3R (Rice), ไร่อ้อย ใช้ FK-1 กับ FK-3S (Sugarcane), มันสำปะหลัง ใช้ FK-1 กับ FK-3C (Cassava)

FK-1
สั่ง FK-1 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3
สั่ง FK-3 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3S
สั่ง FK-3S กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3R
สั่ง FK-3R กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3C
สั่ง FK-3C กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มอินทรีย์ ปุ๋ย ยาปราบฯ
ที่ขายดีที่สุดบน ลาซาด้า

FKT250-IS250-499B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 1ลิตร
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 3ลิตร
สั่งไอเอส3ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
มาคา
สั่งมาคากับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอกี้-บีที
สั่งไอกี้-บีทีกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L
สั่ง FK-T 1ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK ธรรมชาตินิยม
สั่งFK-T 250ซีซี กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 250ซีซี
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-IS1L-970B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-MAKA-980B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-AiKi-990B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มเคมียาปราบฯประสิทธิภาพสูง

invet
สั่ง อินเวท กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
metalaxyl
สั่ง เมทาแลคซิล กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
carron
สั่ง คาร์รอน กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มปุ๋ยทางใบผสมสูตรเองได้
เว็บระบบคำนวณการผสมปุ๋ย


starfer 30-20-5
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 10-40-10
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 15-5-30
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
maxza
สั่ง แม็กซ่า กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้



บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
Central Laboratory (Thailand) Co.,Ltd.

ให้บริการตรวจวิเคราะห์
ตรวจฉลากโภชนาการ
ตรวจสารสำคัญกัญชา/กัญชง
ตรวจน้ำใช้ในกระบวนการผลิต
ฟอร์มขอใบเสนอราคา
สำหรับตรวจวิเคราะห์อื่นๆ ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร (ตรวจวิเคราะห์ได้ทุกอย่าง) โปรดกรอก ฟอร์มขอใบเสนอราคา
ตรวจขึ้นทะเบียนปุ๋ยเคมี
ตรวจสารพิษตกค้างเพื่อการส่งออก
ตรวจผักสดปลอดเชื้อจุลินทรีย์ E. coli, Salmonella spp.
ส่งตัวอย่างมะละกอ เพื่อการทดสอบการดัดแปลงพันธุกรรม
ส่งตัวอย่างเพื่อทดสอบ ปริมาณอะฟลาทอกซินในเมล็ดแมงลัก ลูกเดือย และพริกแห้ง เพื่อส่งออกนอกราชอาณาจักร
Hardline Test Application
ปุ๋ยคุณภาพสูง
พืชทุกชนิด | ปุ๋ยทุเรียน | ปุ๋ยมันสำปะหลัง | ปุ๋ยสำหรับไร่อ้อย | ปุ๋ยนาข้าว | ปุ๋ยยางพารา | ปุ๋ยมะพร้าว | ปุ๋ยข้าวโพด | ปุ๋ยปาล์ม | ปุ๋ยสับปะรด | ปุ๋ยถั่วเหลือง | ปุ๋ยพริกไทย | ปุ๋ยกาแฟ | ปุ๋ยมะนาว | ปุ๋ยส้ม | ปุ๋ยลำไย | ปุ๋ยลิ้นจี่ | ปุ๋ยหน่อไม้ฝรั่ง | ปุ๋ยกระเจี๊ยบเขียว | ปุ๋ยมังคุด | ปุ๋ยมันฝรั่ง | ปุ๋ยหอมหัวใหญ่ | ปุ๋ยกระเทียม | ปุ๋ยหอมแดง | ปุ๋ยมะเขือเทศ | ปุ๋ยกล้วยไม้ | ปุ๋ยอินทผลัม | ปุ๋ยน้อยหน่า | ปุ๋ยชมพู่ | ปุ๋ยเงาะ | ปุ๋ยมะม่วง | ปุ๋ยมะขาม | ปุ๋ยพริก
ยาอินทรีย์แก้โรคพืช
โรคใบไหม้ | ทุเรียนใบติด | มันสำปะหลังใบไหม้ | โรคอ้อยใบไหม้ | ข้าวใบไหม้ | ยางพาราใบไหม้ | โรคมะพร้าวใบไหม้ | โรคราน้ำค้างข้าวโพด | ปาล์มใบไหม้ | โรคสับปะรด | โรคราน้ำค้างถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟใบไหม้ | ราสนิมมะนาว | ส้มใบไหม้ | ลำไยใบไหม้ | ลิ้นจี่ใบไหม้ | หน่อไม้ฝรั่งลำต้นไหม้ | กระเจี๊ยบเขียวฝักลาย | โรคใบจุดมังคุด | มันฝรั่งใบใหม้ | โรคหอมเลื้อย | โรคใบจุดกระเทียม | โรคหอมแดง | ราแป้งมะเขือเทศ | โรคจุดสนิมกล้วยไม้ | อินทผลัมใบไหม้ | น้อยหน่าดอกร่วง | ชมพู่ใบไหม้ | เงาะใบไหม้ | มะม่วงใบไหม้ | ราแป้งมะขาม | โรคพริก
ยาเคมี กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยทุเรียน | เพลี้ยมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยข้าว | เพลี้ยยางพารา | เพลี้ยมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยสับปะรด | เพลี้ยถั่วเหลือง | เพลี้ยพริกไทย | เพลี้ยกาแฟ | เพลี้ยมะนาว | เพลี้ยส้ม | เพลี้ยลำไย | เพลี้ยลิ้นจี่ | เพลี้ยหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยมังคุด | เพลี้ยมันฝรั่ง | เพลี้ยหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยกระเทียม | เพลี้ยหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยกล้วยไม้ | เพลี้ยอินทผาลัม | เพลี้ยน้อยหน่า | เพลี้ยชมพู่ | เพลี้ยเงาะ | เพลี้ยมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยพริก
ยาเคมี กำจัดโรคพืช
โรคใบไหม้ | โรคทุเรียน | โรคมันสำปะหลัง | โรคอ้อย | โรคข้าว | โรคยางพารา | โรคมะพร้าว | โรคข้าวโพด | โรคปาล์ม | โรคสับปะรด | โรคถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟ | โรคมะนาว | โรคส้ม | โรคลำไย | โรคลิ้นจี่ | โรคหน่อไม้ฝรั่ง | โรคกระเจี๊ยบเขียว | โรคมังคุด | โรคมันฝรั่ง | โรคหอม | โรคกระเทียม | โรคหอมแดง | โรคมะเขือเทศ | โรคกล้วยไม้ | โรคอินทผาลัม | โรคน้อยหน่า | โรคชมพู่ | โรคเงาะ | โรคมะม่วง | โรคมะขาม | โรคพริก
ยาอินทรีย์ กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน | เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยศัตรูข้าว | เพลี้ยแป้งยางพารา | เพลี้ยศัตรูมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยอ่อนปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยแป้งสับปะรด | เพลี้ยอ่อนถั่วเหลือง | เพลี้ยแป้งพริกไทย | เพลี้ยแป้งกาแฟ | เพลี้ยไฟมะนาว | เพลี้ยไฟส้ม | เพลี้ยแป้งลำไย | เพลี้ยแป้งลิ้นจี่ | เพลี้ยไฟหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยจักจั่นฝ้ายกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยไฟมังคุด | เพลี้ยจักจั่นมันฝรั่ง | เพลี้ยไฟหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยไฟกระเทียม | เพลี้ยไฟหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยไฟกล้วยไม้ | เพลี้ยแป้งอินทผาลัม | เพลี้ยแป้งน้อยหน่า | เพลี้ยไฟชมพู่ | เพลี้ยแป้งเงาะ | เพลี้ยจักจั่นมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยไฟพริก
สารชีวินทรีย์ กำจัดหนอนต่างๆ
กำจัดหนอนศัตรูพืช | กำจัดหนอนทุเรียน | กำจัดหนอนมันสำปะหลัง | กำจัดหนอนกออ้อย | กำจัดหนอนในนาข้าว | กำจัดหนอนในสวนยางพารา | กำจัดหนอนมะพร้าว | กำจัดหนอนข้าวโพด | กำจัดหนอนปาล์มน้ำมัน | กำจัดหนอนสับปะรด | กำจัดหนอนถั่วเหลือง | กำจัดหนอนพริกไทย | กำจัดหนอนกาแฟ | กำจัดหนอนมะนาว | กำจัดหนอนส้ม | กำจัดหนอนลำไย | กำจัดหนอนลิ้นจี่ | กำจัดหนอนหน่อไม้ฝรั่ง | กำจัดหนอนกระเจี๊ยบเขียว | กำจัดหนอนมังคุด | กำจัดหนอนมันฝรั่ง | กำจัดหนอนหอมหัวใหญ่ | กำจัดหนอนกระเทียม | กำจัดหนอนหอมแดง | กำจัดหนอนมะเขือเทศ | กำจัดหนอนกล้วยไม้ | กำจัดหนอนอินทผาลัม | กำจัดหนอนน้อยหน่า | กำจัดหนอนชมพู่ | กำจัดหนอนเงาะ | กำจัดหนอนมะม่วง | กำจัดหนอนมะขาม | กำจัดหนอนพริก
iLab.work ผู้ใช้บริการตรวจวิเคราะห์ค่าธาตุอาหารใน ดิน น้ำ ปุ๋ย พืช กากอุตสาหกรรม มาตฐาน ISO/IEC 17025


ตรวจง่ายนับ 1 2 3 มาตฐาน ISO/IEC 17025
1.เลือกและคำนวณค่าตรวจที่หน้าเว็บ คลิก
2.ส่งดินเข้าห้อง LAB (ไปรษณีย์,เคอรี่,แฟรช)
3.อ่านผลออนไลน์ (เราจัดส่งต้นฉบับผลวิเคราะห์ ไปตามที่อยู่ที่ให้ไว้เช่นกัน)
→เริ่มกันเลย เลือกค่าที่ต้องการวิเคราะห์
[มีชุดโปรฯแนะนำลดพิเศษ หรือเลือกเองได้]
การใช้ปุ๋ยทางใบ เพื่อเสริมธาตุอาหารอย่างมีประสิทธิภาพในข้าว
Update: 2568/05/01 09:15:58 - Views: 37
เติมพลังให้ลำไยด้วยปุ๋ยสตาร์เฟอร์ สูตร 10-40-10+3 MgO: เร่งการออกดอกและเร่งรากอย่างมีประสิทธิภาพ
Update: 2567/02/12 14:04:16 - Views: 3567
มะนาวใบไหม้ ใบเหลือง ขอบใบแห้ง เพราะโรคที่มีสาเหตุจากเชื้อรา ใช้ ไอเอส
Update: 2564/08/03 02:58:39 - Views: 4864
โรคเชื้อราต่างๆในแก้วมังกร โรคไหม้ ราจุดสนิม เป็นแผลจุดสีน้ำตา โรคแก้วมังกรต่างๆ ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา
Update: 2564/02/09 04:35:41 - Views: 3643
ยาแก้โรคราน้ำค้างแตงโม โรคแตงโมเถาเหี่ยว ยารักษาโรคแตงโม โรคราต่างๆ ใช้ ไอเอส + FKธรรมชาตินิยม
Update: 2564/09/24 03:47:43 - Views: 3673
ยาป้องกันกำจัด รักษา โรคแอนแทรคโนสในกาแฟ
Update: 2564/08/28 21:46:14 - Views: 3565
โรคราแป้ง ในเงาะ
Update: 2564/03/22 22:18:06 - Views: 3988
แม่หอบ เหมือนปู ผสมกุ้ง แต่ไม่ใช่ทั้งสอง สัตว์ดึกดำบรรพ์ 16 ล้านปี ที่พบได้ในประเทศไทย ใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว
Update: 2565/08/05 17:13:37 - Views: 3874
แนวโน้มข้าวคาร์บอนต่ำ กับตลาดการส่งออกของไทยสู่ตลาดโลก
Update: 2568/03/18 14:17:39 - Views: 227
ยากำจัดโรคราน้ำค้าง ใน ผักกาดขาวปลี โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด (ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
Update: 2566/06/02 10:18:15 - Views: 3467
กำจัดเพลี้ย แมลงจำพวกปากดูด ใน พุทรา และพืช ทุกชนิด เป็นสารชีวภาพปลอดภัย ปลอดสารพิษ มาคาและ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK
Update: 2566/04/06 11:44:12 - Views: 3505
กำจัดเชื้อรา มะเขือเทศ ปลอดสารพิษ ไอเอส และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK
Update: 2565/10/01 10:54:30 - Views: 3568
มันสำปะหลัง ใบไหม้ ใบเหลือง โรคแอนแทรคโนส โรคเชื้อราต่างๆ ป้องกันและกำจัดด้วย ไอเอส และ เร่งฟื้นฟูจากการเข้าทำลายของเชื้อรา ด้วย FK-T
Update: 2567/03/16 14:20:23 - Views: 3725
โรคเชื้อราใน เมล่อน แคนตาลูป ยาแก้แคนตาลูปใบไหม้ ยารักษาโรคใบจุดแคนตาลูป โรคราต่างๆ ใช้ ไอเอส + FKธรรมชาตินิยม
Update: 2564/09/23 21:03:41 - Views: 3781
เตือนภัย!! สวนแตงไทย ใบไหม้ ผลเน่า โรคต้นแตกยางไหล สร้างความเสียหายได้มาก จัดการได้อย่างไร ??
Update: 2566/11/03 14:30:34 - Views: 3612
กำจัดศัตรูพืช ยาฆ่าหนอนแมลงวันทอง ใน น้อยหน่า และ พืชทุกชนิด บาซีเร็กซ์ โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/03/09 12:23:38 - Views: 3517
ความรู้ด้านการเกษตร ดอกทานตะวันสีแดง
Update: 2565/11/14 13:48:43 - Views: 3563
6 บริษัทไทย ติดอันดับสุดยอด 200 บริษัท ประจำปี 2555 โดย Forbes Asia
Update: 2565/11/14 06:50:43 - Views: 3613
การป้องกันกำจัด โรคใบไหม้ของต้นยางพารา ด้วยสารอินทรีย์
Update: 2566/01/11 07:30:56 - Views: 3930
ซีอิ๊วหมักใบกัญชา ปรุงอาหารได้ รสชาติดีมาก!
Update: 2565/11/16 14:22:09 - Views: 3473
GA4 © FarmKaset.ORG | สถาบันอนุญาโตตุลาการ : 2022