ค้นข้อมูล
สินค้า
ตามสินค้า
ติดต่อเรา
Central Lab ห้องปฏิบัติการกลาง
iLab ตรวจดิน
รับจ้างผลิตปุ๋ยยาฯOEM
แอพผสมปุ๋ย
English
รวมเว็บแอพเกษตร พัฒนาโดยฟาร์มเกษตร
อัพเดททุกวันที่..
พิมพ์คำค้นหา หรือลองคลิกตัวอย่าง >
มันสำปะหลัง
,
ข้าว
,
อ้อย
,
ทุเรียน
,
กัญชา
,
ข้าวโพด
,
ปาล์ม
,
ยางพารา
,
อินทผลัม
,
โรคใบไหม้
,
ราสนิม
,
เพลี้ย
,
ยาแช่ท่อนพันธุ์
[sort by :
last post
|
top views
]
..
+ โพสเรื่องใหม่
|
^ เลือกหน้า
|
ค้นคำว่า - ข้าว
641 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 64 หน้า, หน้าที่ 65 มี 1 รายการ
กรุณากรอกหัวข้อ
พิมพ์คำว่า ฟาร์มเกษตร
พิมพ์คำว่า ฟาร์มเกษตร
การใช้ปุ๋ยทางใบ เพื่อเสริมธาตุอาหารอย่างมีประสิทธิภาพในข้าว
บทนำ
ต้นข้าวต้องการธาตุอาหารครบถ้วนตลอดวงจรชีวิต เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงและมีคุณภาพ การใส่ปุ๋ยทางดินเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากธาตุอาหารบางชนิดถูกตรึงในดินหรือสูญเสียจากการชะล้าง การใช้ ปุ๋ยทางใบ จึงเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ FK-1 และ FK-3R ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้เหมาะกับการเจริญเติบโตของข้าวในแต่ละช่วง
ส่วนประกอบและบทบาทของธาตุอาหารใน FK-1
FK-1 สูตร 20-20-20 + ธาตุเสริม เหมาะสำหรับช่วงต้นฤดูปลูก ช่วยกระตุ้นการแตกกอและการตั้งต้นของข้าว
ธาตุหลักใน FK-1:
ไนโตรเจน (20%)
- ส่งเสริมการสร้างโปรตีนและคลอโรฟิลล์
- เร่งการแตกกอ ใบเขียวเข้ม การสังเคราะห์แสงดีขึ้น
- จำเป็นในช่วงเจริญเติบโตทางลำต้นและใบ
ฟอสฟอรัส (20%)
- กระตุ้นการพัฒนาระบบรากให้แข็งแรง
- ส่งเสริมการสร้างพลังงาน (ATP) และการแบ่งเซลล์
- ช่วยให้ต้นข้าวตั้งตัวได้ดีและทนต่อสภาพแวดล้อม
โพแทสเซียม (20%)
- ควบคุมการเปิด-ปิดปากใบและการลำเลียงน้ำตาล
- เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับลำต้น
- แม้ไม่ใช่ช่วงสร้างเมล็ด แต่โพแทสเซียมช่วยเสริมโครงสร้างพืชแต่แรก
ธาตุเสริมใน FK-1:
- แมกนีเซียม
- เป็นแกนกลางของคลอโรฟิลล์
- ช่วยให้ข้าวสังเคราะห์แสงได้เต็มที่
ซิงค์ (สังกะสี)
- จำเป็นต่อการสังเคราะห์ฮอร์โมนพืช เช่น ออกซิน
- เร่งการแตกกอ การเจริญเติบโตของยอดอ่อน และการพัฒนาใบ
ส่วนประกอบและบทบาทของธาตุอาหารใน FK-3R
FK-3R สูตร 5-10-40 + ธาตุเสริม เหมาะสำหรับช่วงข้าวตั้งท้อง–ออกรวง ต้องการสารอาหารเพื่อสร้างดอกและเมล็ด
ธาตุหลักใน FK-3R:
- ไนโตรเจน (5%)
- ในปริมาณน้อย เพื่อไม่ให้ต้นข้าวแตกใบมากเกินไป
- รักษาความเขียวของต้นในช่วงใกล้เก็บเกี่ยว
ฟอสฟอรัส (10%)
- สนับสนุนการสร้างดอกและพัฒนารวง
- ช่วยเคลื่อนย้ายพลังงานไปยังส่วนของเมล็ด
- โพแทสเซียม (40%)
เน้นโพแทสเซียมสูงเป็นพิเศษ
- เร่งการอัดเมล็ดและเพิ่มน้ำหนักข้าว
- เพิ่มความต้านทานต่อโรคและความแห้งแล้ง
- ช่วยข้าวสุกเสมอกัน ลดปัญหาเมล็ดลีบ
ธาตุเสริมใน FK-3R:
แมกนีเซียม
- สนับสนุนการสร้างแป้งและน้ำตาล
ซิงค์
- กระตุ้นการสร้างเมล็ดและการแบ่งเซลล์ช่วงสุดท้าย
- ช่วยให้รวงข้าวสมบูรณ์ สม่ำเสมอ
กลยุทธ์การใช้ FK-1 และ FK-3R ร่วมกัน
การวางแผนการให้ปุ๋ยทางใบตามช่วงอายุข้าวเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มผลผลิต:
- ช่วง 15–30 วันหลังหว่าน/ปักดำ: ใช้ FK-1 เพื่อกระตุ้นการแตกกอและการพัฒนาราก
- ช่วงเริ่มตั้งท้อง–ออกรวง: ใช้ FK-3R เพื่อเร่งการสร้างเมล็ดและเพิ่มน้ำหนัก
การใช้ร่วมกันนี้ ช่วยให้พืชได้รับธาตุอาหารอย่างต่อเนื่องและเหมาะสมกับระยะพัฒนาการของต้นข้าว
สรุป
FK-1 และ FK-3R ไม่ใช่เพียงแค่ปุ๋ยทางใบทั่วไป แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการธาตุอาหารแบบแม่นยำ (Precision Fertilization) แต่ละสูตรถูกออกแบบตามความต้องการของข้าวในแต่ละช่วง ทำให้สามารถเพิ่มผลผลิตทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า
หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อ สามารถติดต่อได้ที่
โทร: 090-592-8614
ไลน์ไอดี: @FarmKaset
อ่าน:37
การป้องกันกันกำจัดโรคพืช อย่างมีประสิทธิภาพ โรคใบไหม้ โรคใบจุด โรคราสนิม โรคราต่างๆ
การใช้แพนน่อน (แมนโคเซป) ร่วมกับปุ๋ยทางใบ FK-1: ประโยชน์และวิธีการใช้อย่างมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคพืช
บทนำ
การเกษตรสมัยใหม่จำเป็นต้องอาศัยนวัตกรรมและเทคนิคที่มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดความเสียหายจากโรคพืช บทความวิชาการนี้นำเสนอการใช้สารป้องกันกำจัดโรคพืชแพนน่อน (ที่มีสารออกฤทธิ์คือแมนโคเซป) ร่วมกับปุ๋ยทางใบ FK-1 เพื่อการจัดการศัตรูพืชแบบบูรณาการที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ประสิทธิภาพของแพนน่อน (แมนโคเซป) ในการป้องกันกำจัดโรคพืช
แพนน่อน ซึ่งมีสารออกฤทธิ์สำคัญคือแมนโคเซป เป็นสารป้องกันกำจัดโรคพืช (fungicide) ประเภทสัมผัส ที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันและควบคุมโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา สามารถใช้ป้องกันกำจัดโรคพืชได้หลากหลายชนิด ได้แก่:
โรคใบจุด (Leaf spot diseases) - โรคที่เกิดจากเชื้อราหลายชนิด ทำให้เกิดจุดบนใบพืช ส่งผลให้พื้นที่ในการสังเคราะห์แสงลดลง
โรคราสนิม (Rust diseases) - โรคที่เกิดจากเชื้อราในกลุ่ม Puccinia ทำให้เกิดแผลสีส้มหรือสีน้ำตาลบนใบพืช
โรคราน้ำค้าง (Downy mildew) - โรคที่เกิดจากเชื้อราในกลุ่ม Oomycetes ทำให้เกิดคราบขาวใต้ใบพืช
โรคแอนแทรคโนส (Anthracnose) - โรคที่ทำให้เกิดแผลยุบตัวบนผล ใบ และลำต้น
โรคใบไหม้ (Blight diseases) - โรคที่ทำให้ใบพืชเหี่ยวแห้งและตายอย่างรวดเร็ว
โรคผลเน่า (Fruit rot) - โรคที่ทำให้ผลไม้เน่าเสียก่อนเก็บเกี่ยว
แมนโคเซปมีความเหมาะสมในการใช้กับพืชหลายชนิด เช่น:
ข้าว - ป้องกันโรคไหม้ที่เกิดจากเชื้อรา Pyricularia oryzae
ผัก - ป้องกันโรคราน้ำค้างและโรคใบจุดในพืชตระกูลแตง มะเขือเทศ และพืชผักอื่นๆ
ไม้ผล - ป้องกันโรคแอนแทรคโนสและโรคผลเน่าในมะม่วง ทุเรียน และผลไม้อื่นๆ
มันฝรั่ง - ป้องกันโรคใบไหม้ที่เกิดจากเชื้อรา Phytophthora infestans
ยางพารา - ป้องกันโรคใบร่วงที่เกิดจากเชื้อรา Phytophthora และ Colletotrichum
องค์ประกอบและประโยชน์ของปุ๋ยทางใบ FK-1
ปุ๋ยทางใบ FK-1 เป็นปุ๋ยสูตรพิเศษที่ประกอบด้วยธาตุอาหารหลักและธาตุอาหารรองที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช ได้แก่:
ไนโตรเจน (N) - ช่วยในการเจริญเติบโตของใบและลำต้น กระตุ้นการสร้างโปรตีนและคลอโรฟิลล์
ฟอสฟอรัส (P) - ช่วยในการออกดอก ติดผล และพัฒนาระบบราก มีบทบาทสำคัญในกระบวนการถ่ายทอดพลังงาน
โพแทสเซียม (K) - เพิ่มความแข็งแรงของพืช ช่วยในการเคลื่อนย้ายน้ำตาล และเพิ่มความต้านทานต่อโรคและแมลง
แมกนีเซียม (Mg) - เป็นองค์ประกอบสำคัญของคลอโรฟิลล์ ช่วยในกระบวนการสังเคราะห์แสง
ซิงค์ (Zn) - ช่วยในการสร้างฮอร์โมนเติบโตและเอนไซม์ที่สำคัญ ส่งเสริมการสังเคราะห์โปรตีน
ประโยชน์ของการใช้แพนน่อน (แมนโคเซป) ร่วมกับปุ๋ยทางใบ FK-1
การผสมแพนน่อน (แมนโคเซป) ร่วมกับปุ๋ยทางใบ FK-1 และฉีดพ่นไปพร้อมกัน ให้ประโยชน์หลายประการต่อเกษตรกรและพืช ดังนี้:
1. เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการศัตรูพืชแบบบูรณาการ
การใช้สารป้องกันกำจัดโรคควบคู่กับการเสริมธาตุอาหารให้พืช เป็นแนวทางการจัดการศัตรูพืชแบบบูรณาการที่มีประสิทธิภาพ โดยแมนโคเซปจะช่วยป้องกันการเข้าทำลายของเชื้อรา ในขณะที่ปุ๋ยทางใบ FK-1 จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้พืช ทำให้พืชมีความต้านทานต่อโรคได้ดีขึ้น
2. ประหยัดเวลาและลดต้นทุนการผลิต
การฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดโรคและปุ๋ยทางใบในคราวเดียวกัน ช่วยประหยัดเวลา แรงงาน และลดต้นทุนการผลิต เนื่องจาก:
ลดจำนวนครั้งในการฉีดพ่น
ประหยัดน้ำและเชื้อเพลิงที่ใช้ในการฉีดพ่น
ลดการสึกหรอของอุปกรณ์การเกษตร
ลดค่าแรงงานในการฉีดพ่น
3. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของพืช
ธาตุอาหารที่เพียงพอ โดยเฉพาะโพแทสเซียม ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของพืช ทำให้พืชแข็งแรงและต้านทานต่อการเข้าทำลายของเชื้อโรคได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นการเสริมประสิทธิภาพการทำงานของแมนโคเซปในการป้องกันกำจัดโรคพืช
4. เร่งการฟื้นตัวของพืชที่เริ่มแสดงอาการของโรค
หากพืชเริ่มแสดงอาการของโรค การได้รับทั้งสารป้องกันกำจัดโรคและธาตุอาหารพร้อมกัน จะช่วยให้พืชสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น โดยแมนโคเซปจะช่วยยับยั้งการเจริญของเชื้อรา ในขณะที่ธาตุอาหารจะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย
5. เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมของสารป้องกันกำจัดโรค
ธาตุอาหารบางชนิดในปุ๋ยทางใบ FK-1 อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมของแมนโคเซปเข้าสู่เนื้อเยื่อพืช ทำให้การป้องกันกำจัดโรคมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วิธีการใช้แพนน่อน (แมนโคเซป) ร่วมกับปุ๋ยทางใบ FK-1 อย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้แพนน่อน (แมนโคเซป) ร่วมกับปุ๋ยทางใบ FK-1 ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและปลอดภัยต่อพืช ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้:
1. การทดสอบความเข้ากันได้ของสารเคมี
ก่อนนำแพนน่อนและปุ๋ยทางใบ FK-1 มาผสมกันเพื่อใช้ในพื้นที่ขนาดใหญ่ ควรทำการทดสอบความเข้ากันได้ของสารเคมีในปริมาณน้อยก่อน เพื่อตรวจสอบว่าไม่เกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การตกตะกอน การแยกชั้น หรือการเกิดฟอง
2. อัตราส่วนการผสมที่เหมาะสม
ควรใช้อัตราส่วนการผสมตามที่ระบุไว้บนฉลากของทั้งสองผลิตภัณฑ์ โดยทั่วไปแล้ว:
แพนน่อน (แมนโคเซป): ใช้อัตรา 40-50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
ปุ๋ยทางใบ FK-1: ใช้อัตรา 25-50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
หมายเหตุ แกะกล่องมาจะผสมสองถุง ต้องใช้ทั้งสองถุงผสมกัน
3. การผสมสารเคมี
ขั้นตอนการผสมที่ถูกต้องมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพของการใช้สารเคมี ควรปฏิบัติดังนี้:
เติมน้ำลงในถังพ่นประมาณครึ่งถัง
ละลายแพนน่อน (แมนโคเซป) ในน้ำปริมาณเล็กน้อยก่อน แล้วจึงเทลงในถังพ่น
คนให้เข้ากัน
เติมปุ๋ยทางใบ FK-1 ลงในถังพ่น
คนให้เข้ากันอีกครั้ง
เติมน้ำให้ได้ปริมาตรตามต้องการ
คนให้เข้ากันตลอดเวลาระหว่างการฉีดพ่น
4. ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการฉีดพ่น
ควรฉีดพ่นในช่วงเช้าหรือเย็น เมื่อแสงแดดไม่จัดและอุณหภูมิไม่สูงเกินไป เพื่อให้พืชสามารถดูดซึมสารเคมีได้อย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันการเกิดอาการไหม้ของใบพืช
5. ความถี่ในการฉีดพ่น
ความถี่ในการฉีดพ่นขึ้นอยู่กับชนิดของพืช ระยะการเจริญเติบโต และความรุนแรงของโรค โดยทั่วไปควรฉีดพ่นทุก 7-14 วัน หรือตามที่ระบุไว้บนฉลากของผลิตภัณฑ์
6. ข้อควรระวัง
ควรผสมและใช้ทันที ไม่ควรเก็บสารละลายที่ผสมแล้วไว้ข้ามคืน
สังเกตอาการของพืชหลังการฉีดพ่น หากพบความผิดปกติควรหยุดใช้
ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น ถุงมือ หน้ากาก และชุดป้องกัน ขณะผสมและฉีดพ่นสารเคมี
ไม่ควรฉีดพ่นในขณะที่มีลมแรง เพื่อป้องกันการปลิวของละอองสารเคมีไปยังพื้นที่ข้างเคียง
สรุป
การใช้แพนน่อน (แมนโคเซป) ร่วมกับปุ๋ยทางใบ FK-1 เป็นแนวทางการจัดการศัตรูพืชแบบบูรณาการที่มีประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันและควบคุมโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา พร้อมทั้งเสริมสร้างความแข็งแรงให้พืชด้วยธาตุอาหารที่จำเป็น ทำให้พืชมีความต้านทานต่อโรคได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดเวลา แรงงาน และลดต้นทุนการผลิต อย่างไรก็ตาม การใช้สารเคมีทางการเกษตรควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากและหลักการใช้สารเคมีอย่างปลอดภัย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและมีความปลอดภัยต่อเกษตรกร ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม
คำสำคัญ
แพนน่อน_ แมนโคเซป_ ปุ๋ยทางใบ FK-1_ โรคพืช_ สารป้องกันกำจัดโรคพืช_ ไนโตรเจน_ ฟอสฟอรัส_ โพแทสเซียม_ แมกนีเซียม_ ซิงค์_ การจัดการศัตรูพืชแบบบูรณาการ_ ราสนิม_ ราน้ำค้าง_ ใบจุด_ แอนแทรคโนส_ ใบไหม้_ ผลเน่า_ การป้องกันโรคพืช
อ่าน:89
อัปเดตสถานการณ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 2568: ผลผลิตเพิ่ม มาตรการรัฐคุมราคา และแนวโน้มตลาดโลก
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทยที่มีบทบาทในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และพลังงานชีวภาพ ล่าสุด สถานการณ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปี **2568** มีแนวโน้มที่น่าจับตามอง ตั้งแต่การคาดการณ์ผลผลิต ราคาตลาด ไปจนถึงมาตรการที่ภาครัฐออกมาเพื่อควบคุมและรักษาเสถียรภาพ วันนี้เรามาอัปเดตสถานการณ์ล่าสุดกัน
---
### **📌 ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2568 คาดแตะ 5.2 ล้านตัน**
ด้วยสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยและการพัฒนาเทคนิคการเพาะปลูกที่มีประสิทธิภาพ **กระทรวงเกษตรและสหกรณ์คาดการณ์ว่า ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 5.2 ล้านตัน** ซึ่งมากกว่าปี 2567 ที่อยู่ที่ 5 ล้านตัน
ปัจจัยที่ช่วยให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่
✅ **การใช้เมล็ดพันธุ์คุณภาพสูง** ที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น
✅ **การบริหารจัดการน้ำและปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ** เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต
✅ **สภาพอากาศที่เอื้ออำนวย** ส่งผลให้พืชเจริญเติบโตได้ดี
---
### **📌 มาตรการรัฐ: คุมราคาข้าวโพด – ลดต้นทุนเกษตรกร**
คณะรัฐมนตรีอนุมัติมาตรการ **รักษาเสถียรภาพราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2568** ด้วยงบประมาณกว่า **70 ล้านบาท** เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้ได้รับราคาที่เป็นธรรม รวมถึงป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาด
นอกจากนี้ กรมการค้าภายในยังมีแผน **เปิดจุดรับซื้อข้าวโพด** เพิ่มขึ้นในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ **ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ** ซึ่งเป็นแหล่งปลูกหลัก
---
### **📌 จีนเดินหน้านำเข้าข้าวโพด GMO ไทยปรับกลยุทธ์อย่างไร?**
จีนยังคงเดินหน้า **อนุมัติและนำเข้าข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรม (GMO)** ซึ่งอาจทำให้ราคาข้าวโพดในตลาดโลกปรับตัวขึ้นลงตามอุปสงค์และอุปทาน
อย่างไรก็ตาม **ข้าวโพดไทยที่ไม่ใช่ GMO ยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดพรีเมียม เช่น ญี่ปุ่น และยุโรป** ซึ่งมุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยทางอาหาร ทำให้ไทยสามารถรักษาตลาดในกลุ่มประเทศเหล่านี้ได้
---
### **📌 ลดฝุ่น PM2.5! รัฐเข้มมาตรการห้ามเผาข้าวโพด**
ในปี 2568 รัฐบาลมีมาตรการที่เข้มงวดขึ้นในการ **ลดฝุ่น PM2.5** โดยกำหนดให้ **ห้ามนำเข้าข้าวโพดจากแหล่งที่มีการเผา** ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดมลพิษทางอากาศ
มาตรการนี้จะช่วยให้
✅ เกษตรกรปรับเปลี่ยนไปใช้ **แนวทางการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม**
✅ ตลาดข้าวโพดไทยได้รับความเชื่อถือในระดับสากล
✅ ลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนจากมลพิษฝุ่นละออง
---
### **📌 สรุปแนวโน้มตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2568**
✔ **ผลผลิตเพิ่มขึ้น** คาดแตะ 5.2 ล้านตัน
✔ **รัฐเข้มมาตรการคุมราคา** สนับสนุนเกษตรกรผ่านจุดรับซื้อ
✔ **การแข่งขันสูงจากข้าวโพด GMO ของจีน** ไทยยังคงรักษาตลาดพรีเมียม
✔ **มาตรการลดฝุ่น PM2.5 เข้มขึ้น** ส่งเสริมเกษตรกรปลูกข้าวโพดอย่างยั่งยืน
### **ฮิวมิค FK: ตัวช่วยเพิ่มผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ลดต้นทุน ปรับปรุงดิน เพื่อเกษตรกรยุคใหม่** 🌽🌱
ปัจจุบัน **เกษตรกรข้าวโพดเลี้ยงสัตว์** ต้องเผชิญกับหลายความท้าทาย ทั้งเรื่อง **ต้นทุนปุ๋ยที่สูงขึ้น ดินเสื่อมคุณภาพ และความผันผวนของตลาด** ในปี **2568** ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของไทยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น **5.2 ล้านตัน** แต่ **หากไม่มีการจัดการดินที่ดี** อาจส่งผลให้ผลผลิตไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
**ฮิวมิค FK** จึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่ **ช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนปุ๋ยเคมี และฟื้นฟูดินให้มีความสมบูรณ์** พร้อมช่วยให้เกษตรกรปรับตัวเข้าสู่แนวทางเกษตรกรรมที่ยั่งยืน
---
## **✔️ Value-Oriented: ฮิวมิค FK ให้คุณค่าอะไรกับเกษตรกรข้าวโพด?**
### ✅ **1. เพิ่มผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้สูงขึ้น 20-30%**
- ฮิวมิคช่วยให้ **รากแข็งแรง** และ **ดูดซึมธาตุอาหารได้ดีขึ้น**
- ข้าวโพดเจริญเติบโตเร็วขึ้น เมล็ดเต็มและสมบูรณ์
### ✅ **2. ลดต้นทุนปุ๋ยเคมี ใช้ได้น้อยลงแต่ได้ผลดีขึ้น**
- ฮิวมิคช่วย **ตรึงปุ๋ยในดิน** ทำให้พืชดูดซึมได้อย่างเต็มที่
- ลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้ **15-30%** โดยไม่ลดผลผลิต
### ✅ **3. ปรับปรุงโครงสร้างดิน แก้ปัญหาดินเสื่อมสภาพ**
- เพิ่ม **อินทรียวัตถุในดิน** ทำให้ดินร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี
- เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มี **ปัญหาดินแข็ง ดินแน่น หรือดินเสื่อมโทรม**
### ✅ **4. ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม และการเผาตอซังที่ก่อให้เกิด PM2.5**
- ทำให้ซากพืชย่อยสลายเร็วขึ้น **ไม่ต้องเผา ลดฝุ่นควัน**
- สนับสนุนแนวทางเกษตรอินทรีย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
---
## **✔️ Personalization: ฮิวมิค FK ตอบโจทย์เกษตรกรข้าวโพดแต่ละแบบได้อย่างไร?**
📌 **สำหรับเกษตรกรที่ต้องการเพิ่มผลผลิต**
- ใช้ **ฮิวมิค FK** ร่วมกับปุ๋ยเคมี จะช่วยให้ข้าวโพดออกฝักใหญ่ น้ำหนักดี
- ลดความเสี่ยงจาก **ดินเสื่อมและธาตุอาหารขาดแคลน**
📌 **สำหรับเกษตรกรที่ต้องการลดต้นทุน**
- ใช้ฮิวมิค FK **ช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมี** และทำให้พืชดูดซึมธาตุอาหารได้เต็มที่
- ลดต้นทุนระยะยาว โดยไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีมากเกินไป
📌 **สำหรับเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์หรือเกษตรยั่งยืน**
- ฮิวมิค FK **เป็นสารอินทรีย์ 100%** ไม่มีสารเคมีตกค้าง
- ช่วยปรับปรุงดินให้สมบูรณ์ โดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมี
📌 **สำหรับเกษตรกรที่มีปัญหาดินแข็ง หรือดินเสื่อมคุณภาพ**
- ฮิวมิคช่วย **ฟื้นฟูดิน เพิ่มอินทรียวัตถุ** ให้ดินร่วนซุย เหมาะสำหรับการปลูกพืชระยะยาว
---
## **✔️ Authority: ฮิวมิคFK สำคัญอย่างไร**
- งานวิจัยหลายฉบับระบุว่า **ฮิวมิคแอซิด และฟลูวิค ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุอาหาร และกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืช**
- **ผลผลิตเพิ่มขึ้น ต้นทุนปุ๋ยลดลง** และดินดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
🌍 **ช่วยสนับสนุนนโยบายภาครัฐเรื่อง PM2.5 และเกษตรยั่งยืน**
- รัฐบาลส่งเสริม **การใช้ปุ๋ยอินทรีย์และลดการเผาตอซัง**
- การใช้ฮิวมิค FK ช่วยลดมลพิษ **และทำให้ดินดีขึ้นในระยะยาว**
---
## **📌 วิธีใช้ฮิวมิค FK กับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์**
📍 **ระยะเตรียมดิน:** ผสมฮิวมิค FK กับปุ๋ยอินทรีย์ หรือโรยลงดินก่อนปลูก
📍 **ระยะต้นกล้า (1-2 สัปดาห์แรก):** ฉีดพ่นทางใบ เพื่อกระตุ้นการแตกราก
📍 **ระยะขยายต้น:** ผสมฮิวมิค FK กับน้ำแล้วราดโคนต้น เพื่อช่วยดูดซึมธาตุอาหาร
📍 **ระยะออกฝัก:** ใช้ฮิวมิค FK ควบคู่กับปุ๋ยสูตร 15-15-15 เพื่อเพิ่มคุณภาพและขนาดฝัก
---
## **📌 สรุป: ฮิวมิค FK คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเกษตรกรข้าวโพดเลี้ยงสัตว์**
✅ **เพิ่มผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 20-30%**
✅ **ช่วยให้ดินอุ้มน้ำและดูดซึมธาตุอาหารได้ดีขึ้น**
✅ **ลดการใช้ปุ๋ยเคมี ประหยัดต้นทุนระยะยาว**
✅ **ช่วยลดปัญหาดินเสื่อม ดินแข็ง และเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน**
✅ **เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดฝุ่น PM2.5**
ปรุงดิน เพิ่มผลผลิตข้าวโพดของคุณ ด้วย "ฮิวมิค FK" วันนี้!** 🌱✨
อ่าน:334
แนวโน้มข้าวคาร์บอนต่ำ กับตลาดการส่งออกของไทยสู่ตลาดโลก
แนวโน้มการผลิตข้าวคาร์บอนต่ำกำลังเป็นที่สนใจในตลาดโลก เนื่องจากผู้บริโภคและนโยบายการค้าระหว่างประเทศให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปกป้องสิ่งแวดล้อม การผลิตข้าวแบบดั้งเดิมที่มีน้ำขังในนาข้าวมักปล่อยก๊าซมีเทนในปริมาณสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ประเทศไทยในฐานะผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก ได้เริ่มส่งเสริมการผลิตข้าวคาร์บอนต่ำผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการไทยไรซ์ นามา (Thai Rice NAMA) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) โครงการนี้มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำนาโดยการส่งเสริมเทคโนโลยีและวิธีการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับเวียดนาม พบว่าเวียดนามมีการส่งเสริมการปลูกข้าวคาร์บอนต่ำอย่างจริงจังและมีเป้าหมายชัดเจน โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศ เวียดนามมีเป้าหมายที่จะเพิ่มพื้นที่ปลูกข้าวคาร์บอนต่ำให้ได้ 6.25 ล้านไร่ภายในปี 2030 ซึ่งคาดว่าจะผลิตข้าวคาร์บอนต่ำได้ประมาณ 6.3 ล้านตัน ขณะที่ไทยมีศักยภาพการผลิตข้าวคาร์บอนต่ำอยู่ที่ประมาณ 4 ล้านตัน
นอกจากนี้ สหภาพยุโรป (EU) ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของข้าวไทย มีแนวโน้มที่จะบังคับใช้เกณฑ์การค้าข้าวคาร์บอนต่ำในอนาคต หากไทยไม่ปรับตัว อาจต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยในตลาดโลก
ดังนั้น การเร่งพัฒนาการผลิตข้าวคาร์บอนต่ำและการปรับปรุงเทคโนโลยีการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยในตลาดโลกและตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
**ฮิวมิค FK กับการเพิ่มผลผลิตข้าวคาร์บอนต่ำ**
การใช้ **ฮิวมิค FK** สามารถช่วยเพิ่มผลผลิตข้าวคาร์บอนต่ำได้โดยการปรับปรุงคุณภาพของดินและลดการใช้ปุ๋ยเคมี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคการเกษตร โดยมีแนวทางหลัก ๆ ดังนี้
---
### **1. เพิ่มอินทรียวัตถุและความอุดมสมบูรณ์ของดิน**
- **ฮิวมิค FK** อุดมไปด้วย **ฮิวมิกแอซิด (Humic Acid) และฟุลวิกแอซิด (Fulvic Acid)** ซึ่งช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดิน ทำให้ดินสามารถกักเก็บน้ำและธาตุอาหารได้ดีขึ้น
- ลดความเป็นกรดในดินและช่วยให้จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดินเจริญเติบโตดีขึ้น
---
### **2. ลดการใช้ปุ๋ยเคมี ลดต้นทุน และลดก๊าซเรือนกระจก**
- การใช้ฮิวมิค FK ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์สามารถช่วยลดปริมาณการใช้ปุ๋ยไนโตรเจน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N₂O)
- ดินที่มีฮิวมิคสูงสามารถดูดซับธาตุอาหารจากปุ๋ยได้ดีขึ้น ทำให้พืชนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการสูญเสียธาตุอาหารในดิน
---
### **3. เพิ่มการดูดซับคาร์บอนในดิน (Carbon Sequestration)**
- ดินที่มีปริมาณอินทรียวัตถุสูงสามารถกักเก็บคาร์บอนในรูปของฮิวเมต (Humate) ทำให้การปลูกข้าวเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
- ลดการปล่อยก๊าซมีเทน (CH₄) จากดินเปียกที่เกิดจากการทำนาแบบดั้งเดิม
---
### **4. ส่งเสริมการเจริญเติบโตของข้าว เพิ่มผลผลิต**
- ฮิวมิค FK ช่วยกระตุ้นการแตกกอของข้าว ทำให้ได้รวงข้าวมากขึ้น
- ช่วยให้ระบบรากพืชแข็งแรง ข้าวดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น ทำให้เมล็ดข้าวเต็ม น้ำหนักดี
- เพิ่มความต้านทานโรคและแมลงศัตรูพืช ลดการใช้สารเคมี
---
### **5. ลดการใช้น้ำและส่งเสริมระบบการปลูกข้าวแบบยั่งยืน**
- ดินที่ได้รับฮิวมิค FK สามารถอุ้มน้ำได้ดีขึ้น ทำให้ลดการใช้น้ำในการปลูกข้าว
- ส่งเสริมการทำนาแบบ **"เปียกสลับแห้ง" (Alternate Wetting and Drying: AWD)** ซึ่งเป็นเทคนิคที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทนจากนาข้าว
---
### **สรุป**
การใช้ **ฮิวมิค FK** ในการปลูกข้าวคาร์บอนต่ำมีประโยชน์ทั้งในด้าน **การเพิ่มผลผลิต** และ **ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม** โดยช่วยปรับปรุงดิน ลดการใช้ปุ๋ยเคมี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มความยั่งยืนของการผลิตข้าวในระยะยาว
อ่าน:227
ทำไม? ฮิวมิคFK จึงจำเป็น และมีประโยชน์กับพืชทุกชนิด
**ฮิวมิค FK** (Humic FK) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์กับพืชทุกชนิด เนื่องจากคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพดินและเสริมการเจริญเติบโตของพืช โดยมีเหตุผลดังนี้:
### 1. **ปรับปรุงโครงสร้างของดิน**
- ฮิวมิค FK ช่วยเพิ่มความสามารถในการอุ้มน้ำและอากาศในดิน ทำให้รากพืชได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
- ช่วยลดการจับตัวเป็นดินแข็ง (Compact Soil) โดยเฉพาะในดินเหนียวและดินทราย
### 2. **เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน**
- เป็นแหล่งของคาร์บอนอินทรีย์ (Organic Carbon) ที่ช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ในดิน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการย่อยสลายธาตุอาหาร
- ช่วยจับธาตุอาหารสำคัญ เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ทำให้พืชสามารถดูดซึมไปใช้ได้ง่ายขึ้น
### 3. **เสริมการเจริญเติบโตของพืช**
- ช่วยกระตุ้นการพัฒนาระบบราก ทำให้รากพืชแข็งแรงและสามารถดูดซึมน้ำและธาตุอาหารได้ดีขึ้น
- มีผลต่อการเร่งการแบ่งเซลล์ (Cell Division) และการสร้างคลอโรฟิลล์ ส่งผลให้พืชโตเร็วและให้ผลผลิตสูงขึ้น
### 4. **ลดผลกระทบจากสภาวะแวดล้อม**
- ช่วยพืชทนต่อความเครียดจากสภาพแวดล้อม เช่น ความแห้งแล้ง ดินเค็ม และดินเป็นกรด
- ลดการสูญเสียธาตุอาหารจากการชะล้างหรือการระเหย
### 5. **เหมาะกับพืชทุกชนิด**
- ใช้ได้กับพืชทุกประเภท เช่น
- พืชผล: ข้าว_ ข้าวโพด_ มันสำปะหลัง_ อ้อย
- พืชผัก: ผักชี_ คะน้า_ แตงกวา
- ไม้ผล: ทุเรียน_ มะม่วง_ ส้ม
- พืชสวนและไม้ดอก: กุหลาบ_ กล้วยไม้_ ดาวเรือง
### สรุป
**ฮิวมิค FK** มีคุณสมบัติช่วยปรับปรุงคุณภาพดิน เพิ่มธาตุอาหาร และเสริมความแข็งแรงให้พืช ทำให้พืชทุกชนิดเติบโตได้ดีขึ้น ทนต่อปัญหาสิ่งแวดล้อม และให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ
---
#ฮิวมิคFK #ประโยชน์ของฮิวมิค #เพิ่มผลผลิตพืช #เกษตรอินทรีย์ #ปรับปรุงดิน #พืชโตไว #เกษตรกรไทย
อ่าน:146
กลไกการทำงานของฮิวมิค FK ในการเพิ่มผลผลิตข้าว
### กลไกการทำงานของฮิวมิค FK ในการเพิ่มผลผลิตข้าว
**ฮิวมิค FK** เป็นสารอินทรีย์ชนิดหนึ่งที่มีส่วนประกอบหลักจากกรดฮิวมิก (Humic Acid) และกรดฟุลวิก (Fulvic Acid) ซึ่งสกัดมาจากแหล่งอินทรีย์ธรรมชาติ เช่น ลีโอนาร์ไดต์ (Leonardite) โดยมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืชและปรับปรุงคุณภาพของดินอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะใน **การทำนาข้าว** ซึ่งถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทย ฮิวมิค FK ช่วยเพิ่มผลผลิตได้จากกลไกดังนี้:
---
### **1. ปรับปรุงโครงสร้างดิน**
ฮิวมิค FK มีความสามารถในการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินโดย:
- เพิ่มการจับตัวของเม็ดดิน ทำให้ดินโปร่ง ระบายอากาศได้ดี
- เพิ่มความสามารถในการกักเก็บน้ำและธาตุอาหารในดิน ทำให้ต้นข้าวสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างต่อเนื่อง
- ลดความเป็นกรด-ด่างของดิน ทำให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของข้าว
---
### **2. เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมธาตุอาหาร**
- กรดฮิวมิกช่วยกระตุ้นรากข้าวให้แข็งแรงและขยายตัวได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ดูดซึมธาตุอาหารในดินได้มากขึ้น
- ช่วยจับธาตุอาหารสำคัญ เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ทำให้พืชได้รับสารอาหารที่เพียงพอสำหรับการสร้างผลผลิต
---
### **3. กระตุ้นการเจริญเติบโตของต้นข้าว**
- กระตุ้นการแบ่งเซลล์และขยายขนาดเซลล์ ทำให้ต้นข้าวโตเร็ว แข็งแรง และทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคลอโรฟิลล์ในใบ ส่งผลให้ข้าวสังเคราะห์แสงได้ดี และสร้างพลังงานเพียงพอสำหรับการสร้างเมล็ด
---
### **4. เพิ่มความต้านทานต่อโรคและแมลง**
- ฮิวมิค FK ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานของต้นข้าว ลดความเสี่ยงจากโรคและแมลงศัตรูพืช
- ทำให้ต้นข้าวสามารถเติบโตในสภาวะที่มีความเครียด เช่น ภัยแล้งหรือสภาพดินที่มีความเค็มสูง
---
### **5. เพิ่มผลผลิตและคุณภาพของเมล็ดข้าว**
- ช่วยเพิ่มจำนวนรวงข้าวและน้ำหนักเมล็ด ทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น
- เพิ่มความสมบูรณ์ของเมล็ด ลดอัตราเมล็ดลีบ
- ช่วยให้ข้าวมีคุณภาพดี เหมาะสำหรับการบริโภคและการแปรรูป
---
### วิธีการใช้ฮิวมิค FK ในการทำนาข้าว
1. **ช่วงเตรียมดิน**: ผสมฮิวมิค FK กับน้ำแล้วฉีดพ่นลงบนพื้นที่นา เพื่อปรับปรุงโครงสร้างดิน
2. **ช่วงปลูกข้าว**: ฉีดพ่นฮิวมิค FK ในอัตราส่วนที่เหมาะสมในช่วงที่ต้นข้าวเริ่มแตกกอ
3. **ช่วงข้าวตั้งท้อง**: ใช้ฮิวมิค FK เพื่อเพิ่มธาตุอาหารและกระตุ้นการสร้างเมล็ด
---
### สรุป
**ฮิวมิค FK** ช่วยเพิ่มผลผลิตข้าวด้วยการปรับปรุงคุณภาพดิน เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมธาตุอาหาร และกระตุ้นการเจริญเติบโตของต้นข้าว อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความต้านทานโรคและแมลงศัตรูพืช ส่งผลให้ข้าวมีผลผลิตสูงขึ้น คุณภาพดีขึ้น และเกษตรกรสามารถลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีได้ในระยะยาว
---
#### คำแนะนำการใช้งาน:
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือศึกษาวิธีใช้งานจากฉลากผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการทำนาข้าวของคุณ
#ฮิวมิคFK #ทำนาข้าว #เพิ่มผลผลิตข้าว #เกษตรอินทรีย์ #ปรับปรุงดิน #ข้าวไทยคุณภาพ #ปุ๋ยฮิวมิค
อ่าน:125
5 พืชเศรษฐกิจไทย ที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด
5 พืชเศรษฐกิจไทยที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุดในปี 2566 (มูลค่าเป็นเงินบาท) ได้แก่:
1. ผลไม้ - มูลค่าส่งออกประมาณ 248_500 ล้านบาท (คิดเป็น 25.9% ของการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมด) โดยทุเรียนเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนยอดขาย โดยเฉพาะในตลาดจีน
2. ข้าว - มูลค่าส่งออกประมาณ 184_200 ล้านบาท (19.2%) ซึ่งไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวคุณภาพสูง เช่น ข้าวหอมมะลิ ไปยังตลาดโลก
3. มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ - มูลค่าส่งออกประมาณ 132_500 ล้านบาท (13.8%) ส่วนใหญ่ส่งไปยังจีนเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และพลังงาน
4. ยางพารา - มูลค่าส่งออกประมาณ 130_400 ล้านบาท (13.6%) โดยเน้นตลาดในเอเชีย เช่น จีน และมาเลเซีย
5. น้ำตาลทราย (จากอ้อย) - มูลค่าส่งออกประมาณ 120_000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลผลิตสำคัญที่มีตลาดหลักในประเทศอาเซียนและเอเชียใต้
ตัวเลขมูลค่าเงินบาทคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในปี 2566
อ่าน:343
วิธีดูแลไร่ ข้าวโพด ให้ได้ผลผลิตสูง
**ด้วยการใช้ฮิวมิค FK เสริมฟลูวิคและปุ๋ยทางใบ FK-1**
การเพิ่มผลผลิตข้าวโพดอย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยการบำรุงดูแลที่เหมาะสมตั้งแต่การเตรียมดินไปจนถึงการเก็บเกี่ยว ฮิวมิค FK เสริมฟลูวิค และปุ๋ยทางใบ FK-1 (สูตร 20-20-20 พร้อมสารสังเคราะห์คลอโรฟิล Mg + Zn) เป็นทางเลือกที่ดีในการเสริมการเจริญเติบโตของข้าวโพด ทำให้ต้นแข็งแรง ผลผลิตสมบูรณ์ และให้ผลผลิตสูงขึ้น
### คุณประโยชน์ของฮิวมิค FK และฟลูวิคต่อข้าวโพด
- **ฮิวมิค FK** ช่วยปรับโครงสร้างดิน เพิ่มความสามารถในการกักเก็บน้ำ และเสริมการเจริญเติบโตของราก ทำให้รากสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- **ฟลูวิค** ช่วยเพิ่มการดูดซึมของธาตุอาหารที่จำเป็นในดิน ทำให้พืชแข็งแรงและพร้อมต่อการเจริญเติบโตที่ดี
### วิธีการใช้ฮิวมิค FK
- **อัตราการผสม**: ใช้ฮิวมิค FK 10 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
- **การใช้งาน**: ฉีดพ่นรอบโคนต้นข้าวโพดเมื่อเริ่มปลูก และทำซ้ำทุก 1-2 เดือน โดยเน้นบริเวณรากเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของรากและเสริมการดูดซึมของธาตุอาหาร
### ปุ๋ยทางใบ FK-1 สูตร 20-20-20 พร้อมสารสังเคราะห์คลอโรฟิล Mg + Zn
ปุ๋ย FK-1 เป็นปุ๋ยสูตร 20-20-20 ที่มีธาตุอาหารครบถ้วนช่วยเสริมการเจริญเติบโตของลำต้นและใบ อีกทั้งยังเสริมด้วยสารสังเคราะห์คลอโรฟิล Mg + Zn ซึ่งมีส่วนช่วยในการสังเคราะห์แสงและทำให้ใบมีสีเขียวเข้ม มีความสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยให้ข้าวโพดแข็งแรงและเพิ่มผลผลิต
#### วิธีการใช้ปุ๋ยทางใบ FK-1
1. **แกะกล่อง FK-1** จะพบสองถุง:
- **ถุงแรก**: ปุ๋ยสูตร 20-20-20
- **ถุงที่สอง**: สารสังเคราะห์คลอโรฟิล Mg + Zn
2. **อัตราการผสม**: ใช้ถุงละ 25-50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
3. ผสมปุ๋ยทั้งสองถุงในน้ำ คนให้เข้ากันดี
4. ฉีดพ่นทางใบข้าวโพดทุก 15-30 วัน ช่วยเสริมความสมบูรณ์ให้กับใบและต้น เพื่อให้ต้นข้าวโพดได้รับสารอาหารครบถ้วน
### ตารางการบำรุงดูแลไร่ข้าวโพด
- **ระยะต้นอ่อน**: ฉีดพ่นฮิวมิค FK รอบโคนต้นและใช้ปุ๋ยทางใบ FK-1 เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต
- **ระยะกลางการเจริญเติบโต**: ฉีดพ่นปุ๋ย FK-1 ทุก 15-30 วัน เพื่อเสริมใบและลำต้น
- **ระยะก่อนเก็บเกี่ยว**: ฉีดพ่นฮิวมิค FK เพื่อฟื้นฟูสภาพดินและเตรียมความพร้อมสำหรับรอบการเพาะปลูกต่อไป
### สรุป
การใช้ **ฮิวมิค FK เสริมฟลูวิค** และ **ปุ๋ยทางใบ FK-1 สูตร 20-20-20 พร้อมสารสังเคราะห์คลอโรฟิล Mg + Zn** เป็นวิธีการที่ช่วยเพิ่มผลผลิตข้าวโพดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการเสริมราก ใบ และลำต้น ทำให้ต้นข้าวโพดสมบูรณ์แข็งแรงและเพิ่มปริมาณผลผลิต
อ่าน:269
ปุ๋ย สำหรับนาข้าว ดูแลตลอดช่วงอายุ เพิ่มผลผลิตข้าว
การเพิ่มผลผลิตข้าวโดยการใช้ **ฮิวมิค FK** เสริม **ฟลูวิค** ร่วมกับปุ๋ยทางใบ เช่น **FK-1** และ **FK-3R** ตลอดช่วงการปลูกข้าว จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ต้นข้าวและส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อใช้ฮิวมิคและฟลูวิคร่วมกัน จะช่วยปรับปรุงคุณภาพดิน ทำให้รากดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น และส่งเสริมการเจริญเติบโตตั้งแต่เริ่มปลูก
### ขั้นตอนการฉีดพ่นปุ๋ยและการใช้งานในแต่ละระยะการปลูกข้าว
1. **ระยะเริ่มต้นหลังปลูก**
- ใช้ **ฮิวมิค FK ผสมฟลูวิค** ฉีดพ่นร่วมกับ **ปุ๋ยทางใบ FK-1 (สูตร 20-20-20)** เพื่อกระตุ้นการงอกและการตั้งตัว โดยสารฟลูวิคจะช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุอาหารในดิน และ FK-1 จะให้สารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของใบและลำต้น แมกนีเซียม (Mg) และสังกะสี (Zn) จะเสริมสร้างคลอโรฟิลล์ เพิ่มการสังเคราะห์แสงและความเขียวของใบ ทำให้ต้นข้าวแข็งแรง
2. **ระยะเติบโตและขยายตัว**
- ยังคงฉีดพ่น **ฮิวมิค FK และฟลูวิค** ร่วมกับ **FK-1** เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง FK-1 ที่มีไนโตรเจนในปริมาณสูงจะช่วยให้ใบเขียวสดใสและเติบโตได้ดีขึ้น ส่วนฟอสฟอรัสจะช่วยกระตุ้นระบบราก ทำให้ต้นข้าวสามารถรับน้ำและธาตุอาหารจากดินได้ดีขึ้น
3. **ระยะสร้างรวงและเติมเมล็ดข้าว**
- เปลี่ยนไปใช้ **ปุ๋ยทางใบ FK-3R (สูตร 5-10-40)** ผสมกับ **ฮิวมิค FK และฟลูวิค** โดย FK-3R ที่มีโพแทสเซียมในปริมาณสูงจะช่วยในการพัฒนาและเพิ่มขนาดของเมล็ด ทำให้เมล็ดมีน้ำหนักและความสมบูรณ์ พร้อมสารสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ที่ช่วยให้การสังเคราะห์แสงมีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้ต้นข้าวสะสมสารอาหารในเมล็ดได้ดีขึ้น
4. **ระยะก่อนการเก็บเกี่ยว**
- ลดการฉีดพ่นปุ๋ยทางใบ เพื่อให้ต้นข้าวสะสมพลังงานในเมล็ดอย่างเต็มที่ พร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยว ฮิวมิคและฟลูวิคที่ยังอยู่ในดินจะช่วยรักษาสภาพดินให้คงความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ดินพร้อมสำหรับการปลูกครั้งต่อไป
การใช้ฮิวมิค FK เสริมฟลูวิคร่วมกับปุ๋ยทางใบ FK-1 และ FK-3R ตามขั้นตอนนี้จะช่วยให้ข้าวมีการเจริญเติบโตที่ดีและเพิ่มผลผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อ่าน:192
ป้องกันกำจัดหนอนกอข้าว สาเหตุข้าวเมล็ดลีบ อาการข้าวฝักดาบ ทำให้ข้าวมีผลผลิตต่ำ
แก้ปัญหา หนอนกอข้าว ด้วย ไอกี้-บีที สารชีวินทรีย์ปลอดภัย ที่ป้องกันกำจัดหนอนกอข้าวอย่างได้ผล ผสมฉีดพ่นไปพร้อมกับ ปุ๋ย FK-1 ช่วยเร่งฟื้นฟู ส่งเสริมการเจริญเติบโต ให้ข้าวมีผลผลิตสูง
http://ไปที่..link..
อ่าน:3734
641 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 64 หน้า, หน้าที่ 65 มี 1 รายการ
|
-Page 1 of 65
-|
1
|
2
|
3
|
4
|
5
|
6
|
7
|
8
|
9
|
10
|
11
|
12
|
13
|
14
|
15
|
16
|
17
|
18
|
19
|
20
|
21
|
22
|
23
|
24
|
25
|
26
|
27
|
28
|
29
|
30
|
31
|
32
|
33
|
34
|
35
|
36
|
37
|
38
|
39
|
40
|
41
|
42
|
43
|
44
|
45
|
46
|
47
|
48
|
49
|
50
|
51
|
52
|
53
|
54
|
55
|
56
|
57
|
58
|
59
|
60
|
61
|
62
|
63
|
64
|
65
|
โทร
090-592-8614
ไลน์ไอดี
@FarmKaset
กลุ่มสินค้าขายดีมาก
ฮิวมิคFK ใช้ได้ทุกพืช ช่วยพืชโตไว เขียวแข็งแรง สามารถผสมปุ๋ยยาฯต่างๆ เพิ่มการดูดซับปุ๋ยยาฯได้ดีขึ้น
อัตราผสม 10กรัม (1ช้อนแกง) ต่อน้ำ 20ลิตร 1กก. ผสมน้ำได้ถึง 2000ลิตร
ขนาด 500 กรัม
ราคา : 190 บาท
ขนาด 1 กิโลกรัม
ราคา : 250 บาท
สั่งซื้อได้ที่ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
สั่งกับ
TikTok
|
แอดไลน์สั่งซื้อ
ป้องกันกำจัด เพลี้ยไฟ เพลี้ยแป้ง เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ย แมลงปากดูดต่างๆ และ หนอนชอนใบ โล่ปลาดาว ไทอะมีทอกแซม
อัตราผสม 10กรัม (1ช้อนแกง) ต่อน้ำ 20ลิตร 100 กรัม ผสมน้ำได้ถึง 200ลิตร
ขนาด 100 กรัม
ราคา : 69 บาท
สั่งซื้อได้ที่ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
สั่งกับ
TikTok
|
แอดไลน์สั่งซื้อ
แพนน่อน ใช้ได้ทุกพืช สารป้องกันกำจัดโรคพืช โรคเชื้อราหลายชนิด เช่น ใบไหม้ ใบจุด ใบติด กิ่งแห้ง ราน้ำค้าง ราสนิม ไปทอปธอร่า แอนแทรคโนส กุ้งแห้ง
อัตราผสม 40กรัม ต่อน้ำ 20ลิตร 1กก. ผสมน้ำได้ถึง 500ลิตร
ขนาด 1 กิโลกรัม
ราคา : 390 บาท
สั่งซื้อได้ที่ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
สั่งกับ
TikTok
|
แอดไลน์สั่งซื้อ
กลุ่มทางใบปุ๋ยประสิทธิภาพสูง
*โปรดอ่าน ใช้ FK-1 ในช่วงแรก เพื่อเร่งโต เร่งราก เร่งดอก จับคู่กับ FK-3 ในช่วงเร่งผลผลิต พืชออกผลทุกชนิด ใช้ FK-1 กับ FK-3, นาข้าว ใช้ FK-1 กับ FK-3R (Rice), ไร่อ้อย ใช้ FK-1 กับ FK-3S (Sugarcane), มันสำปะหลัง ใช้ FK-1 กับ FK-3C (Cassava)
เอฟเค-1
ฟื้นฟูพืช เร่งโตเร่งใบเร่งเขียว เร่งระบบราก เร่งดอก 1กล่อง (2กิโลกรัม)
ราคา : 890 บาท
สั่ง FK-1 กับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
สั่งกับ
TikTok
|
แอดไลน์สั่งซื้อ
FK-3 1ชุด (2กิโลกรัม)
พืชออกผลทุกชนิด ขยายขนาดผล เพิ่มน้ำหนัก
ราคา : 950 บาท
สั่ง FK-3 กับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
สั่งกับ
TikTok
|
แอดไลน์สั่งซื้อ
FK-3S 1ชุด (2กิโลกรัม)
อ้อยย่างปล้องสูง ลำโต เพิ่มค่าความหวาน CCS น้ำหนักดี
ราคา : 950 บาท
สั่ง FK-3S กับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
สั่งกับ
TikTok
|
แอดไลน์สั่งซื้อ
FK-3R 1ชุด (2กิโลกรัม)
ข้าวรวงยาว เมล็ดเต็ม น้ำหนักดี
ราคา : 950 บาท
สั่ง FK-3R กับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
สั่งกับ
TikTok
|
แอดไลน์สั่งซื้อ
FK-3C 1ชุด (2กิโลกรัม)
มันสำปะหลังหัวดก โต น้ำหนักดี เปอร์เซ็นต์แป้งสูง
ราคา : 950 บาท
สั่ง FK-3C กับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
สั่งกับ
TikTok
|
แอดไลน์สั่งซื้อ
กลุ่มอินทรีย์ ปุ๋ย ยาปราบฯ
ที่ขายดีที่สุดบน ลาซาด้า
โปรฯเล็กยอดฮิต ป้องกันกำจัดราต่างๆ+ฟื้นฟูบำรุง FKT 250ซีซี + ไอเอส 250ซีซี (ผสมน้ำได้ 100ลิตร)
ราคา : 499 บาท
(ปกติ 740บาท)
สั่งกับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
ไอเอส {ป้องกันกำจัดโรคพืช โรคใบไหม้ โรคราต่างๆ} 1ขวด (1000ซีซี)
ราคา : 450 บาท
สั่งไอเอสกับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
ไอเอส3ลิตร {ป้องกันกำจัดโรคพืช โรคใบไหม้ โรคราต่างๆ} แกลลอน3ลิตร
ราคา : 900 บาท
สั่งไอเอส3ลิตร กับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
มาคา {ป้องกันกำจัด เพลี้ย แมลงศัตรูพืช} 1ขวด (1000ซีซี)
ราคา : 470 บาท
สั่งมาคากับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
ไอกี้-บีที {ป้องกันกำจัดหนอนต่างๆ} 1กระปุก (500กรัม)
ราคา : 490 บาท
สั่งไอกี้-บีทีกับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
FK ธรรมชาตินิยม 1 ลิตร
ราคา : 890 บาท
สั่ง FK-T 1ลิตร กับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
FK ธรรมชาตินิยม 1ขวด (250ซีซี)
ราคา : 490 บาท
สั่งFK-T 250ซีซี กับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
ไอเอส {ป้องกันกำจัดโรคพืช โรคใบไหม้ โรคราต่างๆ} 1ขวด (250ซีซี) 250บาท
สั่งไอเอสกับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
โปรฯ FKT 1ลิตร + ไอเอส 1ลิตร
ราคา : 970 บาท
(ปกติ 1340บาท)
สั่งกับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
โปรฯ FKT 1ลิตร + มาคา
ราคา : 980 บาท
(ปกติ 1360บาท)
สั่งกับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
โปรฯ FKT 1ลิตร + ไอกี้-บีที
ราคา : 990 บาท
(ปกติ 1380บาท)
สั่งกับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
กลุ่มเคมียาปราบฯประสิทธิภาพสูง
อินเวท ป้องกันกำจัดเพลี้ย ทุกชนิด ใช้ได้ทุกพืช
ราคา : 250 บาท
สั่ง อินเวท กับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
สั่งกับ
TikTok
|
แอดไลน์สั่งซื้อ
เมทาแลคซิล ป้องกันกำจัดโรคพืช โรคใบไหม้ ใบจุด ราน้ำค้าง ราสนิม โรคจากเชื้อราทุกชนิด ใช้ได้ทุกพืช
ราคา : 450 บาท
สั่ง เมทาแลคซิล กับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
สั่งกับ
TikTok
|
แอดไลน์สั่งซื้อ
คาร์รอน กำจัดหญ้า คุมหญ้า กำจัดวัชพืชทั้งใบแคบ และใบกว้าง
ราคา : 450 บาท
สั่ง คาร์รอน กับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
แอดไลน์สั่งซื้อ
กลุ่มปุ๋ยทางใบผสมสูตรเองได้
เว็บระบบคำนวณการผสมปุ๋ย
สตาร์เฟอร์ 30-20-5 เร่งต้น เร่งโตไว เร่งใบเขียว ใช้ได้กับทุกพืช
ราคา : 250 บาท
สั่งกับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
สั่งกับ
TikTok
|
แอดไลน์สั่งซื้อ
แอพฯผสมสตาร์เฟอร์เป็นสูตรต่างๆตามต้องการ
สตาร์เฟอร์ 10-40-10
เร่งราก เร่งดอก ใช้ได้กับทุกพืช
ราคา : 250 บาท
สั่งกับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
สั่งกับ
TikTok
|
แอดไลน์สั่งซื้อ
แอพฯผสมสตาร์เฟอร์เป็นสูตรต่างๆตามต้องการ
สตาร์เฟอร์ 15-5-30 เพิ่มผลผลิต เร่งแป้ง สร้างน้ำตาล ขยายขนาดผล ใช้ได้กับทุกพืช
ราคา : 250 บาท
สั่งกับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
สั่งกับ
TikTok
|
แอดไลน์สั่งซื้อ
แอพฯผสมสตาร์เฟอร์เป็นสูตรต่างๆตามต้องการ
แม็กซ่า สารสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ ประกอบด้วย แมกนีเซียม ซิงค์ เร่งเขียว สร้างภูมิต้านทาน ใช้ได้ทุกพืช
ราคา : 250 บาท
สั่ง แม็กซ่า กับ |
ลาซาด้า
|
ช้อปปี้
สั่งกับ
TikTok
|
แอดไลน์สั่งซื้อ
บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
Central Laboratory (Thailand) Co.,Ltd.
ให้บริการตรวจวิเคราะห์
☑
ตรวจฉลากโภชนาการ
☑
ตรวจสารสำคัญกัญชา/กัญชง
☑
ตรวจน้ำใช้ในกระบวนการผลิต
☑
ฟอร์มขอใบเสนอราคา
สำหรับตรวจวิเคราะห์อื่นๆ ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร (ตรวจวิเคราะห์ได้ทุกอย่าง) โปรดกรอก ฟอร์มขอใบเสนอราคา
☑
ตรวจขึ้นทะเบียนปุ๋ยเคมี
☑
ตรวจสารพิษตกค้างเพื่อการส่งออก
☑
ตรวจผักสดปลอดเชื้อจุลินทรีย์ E. coli, Salmonella spp.
☑
ส่งตัวอย่างมะละกอ เพื่อการทดสอบการดัดแปลงพันธุกรรม
☑
ส่งตัวอย่างเพื่อทดสอบ ปริมาณอะฟลาทอกซินในเมล็ดแมงลัก ลูกเดือย และพริกแห้ง เพื่อส่งออกนอกราชอาณาจักร
☑
Hardline Test Application
ปุ๋ยคุณภาพสูง
พืชทุกชนิด
|
ปุ๋ยทุเรียน
|
ปุ๋ยมันสำปะหลัง
|
ปุ๋ยสำหรับไร่อ้อย
|
ปุ๋ยนาข้าว
|
ปุ๋ยยางพารา
|
ปุ๋ยมะพร้าว
|
ปุ๋ยข้าวโพด
|
ปุ๋ยปาล์ม
|
ปุ๋ยสับปะรด
|
ปุ๋ยถั่วเหลือง
|
ปุ๋ยพริกไทย
|
ปุ๋ยกาแฟ
|
ปุ๋ยมะนาว
|
ปุ๋ยส้ม
|
ปุ๋ยลำไย
|
ปุ๋ยลิ้นจี่
|
ปุ๋ยหน่อไม้ฝรั่ง
|
ปุ๋ยกระเจี๊ยบเขียว
|
ปุ๋ยมังคุด
|
ปุ๋ยมันฝรั่ง
|
ปุ๋ยหอมหัวใหญ่
|
ปุ๋ยกระเทียม
|
ปุ๋ยหอมแดง
|
ปุ๋ยมะเขือเทศ
|
ปุ๋ยกล้วยไม้
|
ปุ๋ยอินทผลัม
|
ปุ๋ยน้อยหน่า
|
ปุ๋ยชมพู่
|
ปุ๋ยเงาะ
|
ปุ๋ยมะม่วง
|
ปุ๋ยมะขาม
|
ปุ๋ยพริก
ยาอินทรีย์แก้โรคพืช
โรคใบไหม้
|
ทุเรียนใบติด
|
มันสำปะหลังใบไหม้
|
โรคอ้อยใบไหม้
|
ข้าวใบไหม้
|
ยางพาราใบไหม้
|
โรคมะพร้าวใบไหม้
|
โรคราน้ำค้างข้าวโพด
|
ปาล์มใบไหม้
|
โรคสับปะรด
|
โรคราน้ำค้างถั่วเหลือง
|
พริกไทยใบไหม้
|
โรคกาแฟใบไหม้
|
ราสนิมมะนาว
|
ส้มใบไหม้
|
ลำไยใบไหม้
|
ลิ้นจี่ใบไหม้
|
หน่อไม้ฝรั่งลำต้นไหม้
|
กระเจี๊ยบเขียวฝักลาย
|
โรคใบจุดมังคุด
|
มันฝรั่งใบใหม้
|
โรคหอมเลื้อย
|
โรคใบจุดกระเทียม
|
โรคหอมแดง
|
ราแป้งมะเขือเทศ
|
โรคจุดสนิมกล้วยไม้
|
อินทผลัมใบไหม้
|
น้อยหน่าดอกร่วง
|
ชมพู่ใบไหม้
|
เงาะใบไหม้
|
มะม่วงใบไหม้
|
ราแป้งมะขาม
|
โรคพริก
ยาเคมี กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด
|
เพลี้ยทุเรียน
|
เพลี้ยมันสำปะหลัง
|
เพลี้ยอ้อย
|
เพลี้ยข้าว
|
เพลี้ยยางพารา
|
เพลี้ยมะพร้าว
|
เพลี้ยข้าวโพด
|
เพลี้ยปาล์มน้ำมัน
|
เพลี้ยสับปะรด
|
เพลี้ยถั่วเหลือง
|
เพลี้ยพริกไทย
|
เพลี้ยกาแฟ
|
เพลี้ยมะนาว
|
เพลี้ยส้ม
|
เพลี้ยลำไย
|
เพลี้ยลิ้นจี่
|
เพลี้ยหน่อไม้ฝรั่ง
|
เพลี้ยกระเจี๊ยบเขียว
|
เพลี้ยมังคุด
|
เพลี้ยมันฝรั่ง
|
เพลี้ยหอมหัวใหญ่
|
เพลี้ยกระเทียม
|
เพลี้ยหอมแดง
|
เพลี้ยมะเขือเทศ
|
เพลี้ยกล้วยไม้
|
เพลี้ยอินทผาลัม
|
เพลี้ยน้อยหน่า
|
เพลี้ยชมพู่
|
เพลี้ยเงาะ
|
เพลี้ยมะม่วง
|
เพลี้ยมะขาม
|
เพลี้ยพริก
ยาเคมี กำจัดโรคพืช
โรคใบไหม้
|
โรคทุเรียน
|
โรคมันสำปะหลัง
|
โรคอ้อย
|
โรคข้าว
|
โรคยางพารา
|
โรคมะพร้าว
|
โรคข้าวโพด
|
โรคปาล์ม
|
โรคสับปะรด
|
โรคถั่วเหลือง
|
พริกไทยใบไหม้
|
โรคกาแฟ
|
โรคมะนาว
|
โรคส้ม
|
โรคลำไย
|
โรคลิ้นจี่
|
โรคหน่อไม้ฝรั่ง
|
โรคกระเจี๊ยบเขียว
|
โรคมังคุด
|
โรคมันฝรั่ง
|
โรคหอม
|
โรคกระเทียม
|
โรคหอมแดง
|
โรคมะเขือเทศ
|
โรคกล้วยไม้
|
โรคอินทผาลัม
|
โรคน้อยหน่า
|
โรคชมพู่
|
โรคเงาะ
|
โรคมะม่วง
|
โรคมะขาม
|
โรคพริก
ยาอินทรีย์ กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด
|
เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน
|
เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง
|
เพลี้ยอ้อย
|
เพลี้ยศัตรูข้าว
|
เพลี้ยแป้งยางพารา
|
เพลี้ยศัตรูมะพร้าว
|
เพลี้ยข้าวโพด
|
เพลี้ยอ่อนปาล์มน้ำมัน
|
เพลี้ยแป้งสับปะรด
|
เพลี้ยอ่อนถั่วเหลือง
|
เพลี้ยแป้งพริกไทย
|
เพลี้ยแป้งกาแฟ
|
เพลี้ยไฟมะนาว
|
เพลี้ยไฟส้ม
|
เพลี้ยแป้งลำไย
|
เพลี้ยแป้งลิ้นจี่
|
เพลี้ยไฟหน่อไม้ฝรั่ง
|
เพลี้ยจักจั่นฝ้ายกระเจี๊ยบเขียว
|
เพลี้ยไฟมังคุด
|
เพลี้ยจักจั่นมันฝรั่ง
|
เพลี้ยไฟหอมหัวใหญ่
|
เพลี้ยไฟกระเทียม
|
เพลี้ยไฟหอมแดง
|
เพลี้ยมะเขือเทศ
|
เพลี้ยไฟกล้วยไม้
|
เพลี้ยแป้งอินทผาลัม
|
เพลี้ยแป้งน้อยหน่า
|
เพลี้ยไฟชมพู่
|
เพลี้ยแป้งเงาะ
|
เพลี้ยจักจั่นมะม่วง
|
เพลี้ยมะขาม
|
เพลี้ยไฟพริก
สารชีวินทรีย์ กำจัดหนอนต่างๆ
กำจัดหนอนศัตรูพืช
|
กำจัดหนอนทุเรียน
|
กำจัดหนอนมันสำปะหลัง
|
กำจัดหนอนกออ้อย
|
กำจัดหนอนในนาข้าว
|
กำจัดหนอนในสวนยางพารา
|
กำจัดหนอนมะพร้าว
|
กำจัดหนอนข้าวโพด
|
กำจัดหนอนปาล์มน้ำมัน
|
กำจัดหนอนสับปะรด
|
กำจัดหนอนถั่วเหลือง
|
กำจัดหนอนพริกไทย
|
กำจัดหนอนกาแฟ
|
กำจัดหนอนมะนาว
|
กำจัดหนอนส้ม
|
กำจัดหนอนลำไย
|
กำจัดหนอนลิ้นจี่
|
กำจัดหนอนหน่อไม้ฝรั่ง
|
กำจัดหนอนกระเจี๊ยบเขียว
|
กำจัดหนอนมังคุด
|
กำจัดหนอนมันฝรั่ง
|
กำจัดหนอนหอมหัวใหญ่
|
กำจัดหนอนกระเทียม
|
กำจัดหนอนหอมแดง
|
กำจัดหนอนมะเขือเทศ
|
กำจัดหนอนกล้วยไม้
|
กำจัดหนอนอินทผาลัม
|
กำจัดหนอนน้อยหน่า
|
กำจัดหนอนชมพู่
|
กำจัดหนอนเงาะ
|
กำจัดหนอนมะม่วง
|
กำจัดหนอนมะขาม
|
กำจัดหนอนพริก
iLab.work ผู้ใช้บริการตรวจวิเคราะห์ค่าธาตุอาหารใน ดิน น้ำ ปุ๋ย พืช กากอุตสาหกรรม มาตฐาน ISO/IEC 17025
ตรวจง่ายนับ 1 2 3 มาตฐาน ISO/IEC 17025
1.เลือกและคำนวณค่าตรวจที่หน้าเว็บ
คลิก
2.ส่งดินเข้าห้อง LAB (ไปรษณีย์,เคอรี่,แฟรช)
3.อ่านผลออนไลน์ (เราจัดส่งต้นฉบับผลวิเคราะห์ ไปตามที่อยู่ที่ให้ไว้เช่นกัน)
→เริ่มกันเลย
เลือกค่าที่ต้องการวิเคราะห์
[มีชุดโปรฯแนะนำลดพิเศษ หรือเลือกเองได้]
การใช้ปุ๋ยทางใบ เพื่อเสริมธาตุอาหารอย่างมีประสิทธิภาพในข้าว
Update: 2568/05/01 09:15:58 - Views: 37
เติมพลังให้ลำไยด้วยปุ๋ยสตาร์เฟอร์ สูตร 10-40-10+3 MgO: เร่งการออกดอกและเร่งรากอย่างมีประสิทธิภาพ
Update: 2567/02/12 14:04:16 - Views: 3567
มะนาวใบไหม้ ใบเหลือง ขอบใบแห้ง เพราะโรคที่มีสาเหตุจากเชื้อรา ใช้ ไอเอส
Update: 2564/08/03 02:58:39 - Views: 4864
โรคเชื้อราต่างๆในแก้วมังกร โรคไหม้ ราจุดสนิม เป็นแผลจุดสีน้ำตา โรคแก้วมังกรต่างๆ ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา
Update: 2564/02/09 04:35:41 - Views: 3643
ยาแก้โรคราน้ำค้างแตงโม โรคแตงโมเถาเหี่ยว ยารักษาโรคแตงโม โรคราต่างๆ ใช้ ไอเอส + FKธรรมชาตินิยม
Update: 2564/09/24 03:47:43 - Views: 3673
ยาป้องกันกำจัด รักษา โรคแอนแทรคโนสในกาแฟ
Update: 2564/08/28 21:46:14 - Views: 3565
โรคราแป้ง ในเงาะ
Update: 2564/03/22 22:18:06 - Views: 3988
แม่หอบ เหมือนปู ผสมกุ้ง แต่ไม่ใช่ทั้งสอง สัตว์ดึกดำบรรพ์ 16 ล้านปี ที่พบได้ในประเทศไทย ใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว
Update: 2565/08/05 17:13:37 - Views: 3874
แนวโน้มข้าวคาร์บอนต่ำ กับตลาดการส่งออกของไทยสู่ตลาดโลก
Update: 2568/03/18 14:17:39 - Views: 227
ยากำจัดโรคราน้ำค้าง ใน ผักกาดขาวปลี โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด (ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
Update: 2566/06/02 10:18:15 - Views: 3467
กำจัดเพลี้ย แมลงจำพวกปากดูด ใน พุทรา และพืช ทุกชนิด เป็นสารชีวภาพปลอดภัย ปลอดสารพิษ มาคาและ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK
Update: 2566/04/06 11:44:12 - Views: 3505
กำจัดเชื้อรา มะเขือเทศ ปลอดสารพิษ ไอเอส และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK
Update: 2565/10/01 10:54:30 - Views: 3568
มันสำปะหลัง ใบไหม้ ใบเหลือง โรคแอนแทรคโนส โรคเชื้อราต่างๆ ป้องกันและกำจัดด้วย ไอเอส และ เร่งฟื้นฟูจากการเข้าทำลายของเชื้อรา ด้วย FK-T
Update: 2567/03/16 14:20:23 - Views: 3725
โรคเชื้อราใน เมล่อน แคนตาลูป ยาแก้แคนตาลูปใบไหม้ ยารักษาโรคใบจุดแคนตาลูป โรคราต่างๆ ใช้ ไอเอส + FKธรรมชาตินิยม
Update: 2564/09/23 21:03:41 - Views: 3781
เตือนภัย!! สวนแตงไทย ใบไหม้ ผลเน่า โรคต้นแตกยางไหล สร้างความเสียหายได้มาก จัดการได้อย่างไร ??
Update: 2566/11/03 14:30:34 - Views: 3612
กำจัดศัตรูพืช ยาฆ่าหนอนแมลงวันทอง ใน น้อยหน่า และ พืชทุกชนิด บาซีเร็กซ์ โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/03/09 12:23:38 - Views: 3517
ความรู้ด้านการเกษตร ดอกทานตะวันสีแดง
Update: 2565/11/14 13:48:43 - Views: 3563
6 บริษัทไทย ติดอันดับสุดยอด 200 บริษัท ประจำปี 2555 โดย Forbes Asia
Update: 2565/11/14 06:50:43 - Views: 3613
การป้องกันกำจัด โรคใบไหม้ของต้นยางพารา ด้วยสารอินทรีย์
Update: 2566/01/11 07:30:56 - Views: 3930
ซีอิ๊วหมักใบกัญชา ปรุงอาหารได้ รสชาติดีมาก!
Update: 2565/11/16 14:22:09 - Views: 3473
GA4 © FarmKaset.ORG |
สถาบันอนุญาโตตุลาการ
: 2022