“เงาะโรงเรียน” ทำไมราคาขึ้นลงแรงทุกปี?...
👤
โดย: JANE FK
📅
2025-10-17 15:37:21
🌐
125.25.182.164
“เงาะโรงเรียน” ทำไมราคาขึ้นลงแรงทุกปี? เปิดเบื้องหลังตลาดผลไม้ภาคตะวันออก
🔍 บทนำ
“เงาะโรงเรียน” ผลไม้ขึ้นชื่อของภาคตะวันออก โดยเฉพาะจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด ถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญที่สร้างรายได้ให้เกษตรกรไทยปีละหลายพันล้านบาท แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ราคาของเงาะโรงเรียนกลับ “เหวี่ยงแรง” — ปีหนึ่งราคาพุ่งถึงกิโลละ 50 บาท แต่อีกปีเหลือเพียง 8–10 บาทเท่านั้น
คำถามคือ… **อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ราคาของเงาะโรงเรียนขึ้นลงอย่างรุนแรงเช่นนี้?**
บทความนี้จะพาเจาะลึกเชิงวิชาการและเศรษฐกิจผลไม้ เพื่อเปิดเบื้องหลังตลาดเงาะภาคตะวันออกอย่างแท้จริง
🌳 ลักษณะและความสำคัญของ “เงาะโรงเรียน”
เงาะโรงเรียน (Nephelium lappaceum L.) เป็นพันธุ์เงาะที่พัฒนาขึ้นในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และได้รับความนิยมปลูกอย่างแพร่หลายในภาคตะวันออก เนื่องจาก
* รสชาติหวานกรอบ
* สีผลแดงสดน่ารับประทาน
* เปลือกบาง เนื้อแน่น ล่อนเมล็ดง่าย
* เก็บเกี่ยวได้ช่วงเดือนมิถุนายน–สิงหาคม ซึ่งตรงกับฤดูท่องเที่ยว
ข้อมูลจาก **กรมส่งเสริมการเกษตร (2566)** ระบุว่า เงาะโรงเรียนมีพื้นที่ปลูกกว่า **140,000 ไร่** ในภาคตะวันออก และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเฉลี่ยปีละกว่า **6,000 ล้านบาท**
📉 ทำไมราคาขึ้นลงแรงทุกปี?
1. ผลผลิตออกกระจุกช่วงเวลาเดียวกัน
ผลผลิตเงาะโรงเรียนส่วนใหญ่จะออกพร้อมกันในช่วงเดือนกรกฎาคม–สิงหาคม ทำให้ **เกิดภาวะผลผลิตล้นตลาด (Supply Shock)**
แม้ปีใดผลผลิตมากเพียง 10–15% แต่ก็สามารถกดราคาลงอย่างหนักได้ทันที
> อ้างอิง: สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) รายงานปี 2567
2. การพึ่งพาพ่อค้าคนกลางและตลาดจีนเป็นหลัก
ปัจจุบันเงาะโรงเรียนกว่า **40% ถูกส่งออกไปจีน** ผ่านระบบพ่อค้าคนกลาง การที่จีนปรับลดคำสั่งซื้อหรือชะลอการนำเข้าเพียงเล็กน้อย สามารถทำให้ราคาภายในประเทศร่วงลงได้ในเวลาไม่กี่สัปดาห์
> อ้างอิง: กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ, 2567
3. ต้นทุนการผลิตและค่าขนส่งสูงขึ้น
ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นกว่า 20% ในช่วงปี 2566–2567 ทำให้เกษตรกรต้องการขายในราคาที่สูงขึ้น แต่ตลาดกลับไม่สามารถรับราคาได้ ส่งผลให้การเจรจาซื้อขายชะลอตัว
> อ้างอิง: ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), 2567
4. ผลกระทบจากสภาพอากาศ (Climate Volatility)
ฝนตกไม่สม่ำเสมอ และอุณหภูมิสูงเฉลี่ยมากกว่า 36°C ในช่วงติดผล ส่งผลต่อขนาดผลและคุณภาพ ทำให้ผลผลิตไม่สม่ำเสมอ ราคาขึ้นลงตามคุณภาพผลผลิตในแต่ละปี
> อ้างอิง: กรมอุตุนิยมวิทยา, รายงานภูมิอากาศเกษตร 2566
5. การขาดแคลนแรงงานเก็บเกี่ยวและบรรจุภัณฑ์
ช่วงผลไม้ล้นตลาด มักมีแรงงานขาดแคลนและขาดกล่องบรรจุ ทำให้ผลไม้บางส่วนเสียหายก่อนถึงตลาด ราคาจึงลดลงตามสภาพตลาด
> อ้างอิง: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน, 2566
📊 แนวโน้มตลาดและการปรับตัวของเกษตรกร
1. รวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อวางแผนการเก็บเกี่ยวและกระจายผลผลิต
2. ใช้เทคโนโลยีควบคุมการออกดอก เช่น การใช้สารโพแทสเซียมคลอเรตควบคุมระยะเวลาออกผลให้ไม่ชนกับช่วงตลาดล้น
3. สร้างมูลค่าเพิ่ม ผ่านการแปรรูป เช่น เงาะอบแห้ง เงาะกวน และน้ำเงาะพาสเจอไรซ์
4. ทำการตลาดออนไลน์และส่งตรงผู้บริโภค (Direct to Consumer) เช่น ผ่านแพลตฟอร์ม TikTok Shop, Line MyShop หรือ Shopee
> รายงานจากกรมส่งเสริมการเกษตร (2567) พบว่า เงาะที่แปรรูปสามารถขายได้ราคาสูงกว่าผลสดถึง 3–5 เท่า
🧭 สรุปเชิงวิจัย
ราคาของ “เงาะโรงเรียน” ที่ขึ้นลงแรงในแต่ละปี เป็นผลจาก **โครงสร้างตลาดผลไม้ไทยที่ยังพึ่งพาตลาดส่งออกและพ่อค้าคนกลางสูง** ประกอบกับปัจจัยธรรมชาติที่ควบคุมได้ยาก
การแก้ไขในระยะยาวจึงควรเน้น
* การบริหารจัดการผลผลิตแบบกระจายฤดู
* การตลาดแบบครบวงจรในชุมชน
* การพัฒนาเกษตรแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า
* และการใช้ข้อมูลตลาด (Market Intelligence) มาช่วยวิเคราะห์แนวโน้มราคาล่วงหน้า
📚 เอกสารอ้างอิง (References)
1. กรมส่งเสริมการเกษตร. (2567). *รายงานสถานการณ์ผลไม้ภาคตะวันออก ปี 2567.*
2. สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.). (2567). *สรุปภาวะการผลิตและราคาผลไม้เศรษฐกิจ.*
3. กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ. (2567). *รายงานการส่งออกผลไม้ไทยไปจีน.*
4. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร. (2567). *แนวโน้มต้นทุนการผลิตภาคเกษตร.*
5. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. (2566). *การจัดการผลผลิตผลไม้ภาคตะวันออก.*
6. กรมอุตุนิยมวิทยา. (2566). *รายงานภูมิอากาศสำหรับภาคเกษตร.*
#เงาะโรงเรียน #ราคาผลไม้ขึ้นลง #ผลไม้ภาคตะวันออก #เกษตรกรไทย #เงาะราคาตก #เงาะระยอง #ตลาดผลไม้ไทย #เศรษฐกิจเกษตร #ผลไม้ส่งออกจีน #เกษตรยุคใหม่