[sort by : last post | top views]..
+ โพสเรื่องใหม่ | ^ เลือกหน้า | ค้นคำว่า - สมุนไพรไทย
16 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 1 หน้า, หน้าที่ 2 มี 6 รายการ

ยาดม-ยาอม-ยาหอม สู่การส่งออกสมุนไพรไทย
ยาดม-ยาอม-ยาหอม สู่การส่งออกสมุนไพรไทย
ถ้าหากว่ามีใครซักคนข้าง ๆ คุณกำลังมีอาการอย่าง วิงเวียน หน้ามืด ตาลาย สิ่งที่คุณจะมองหาและเลือกใช้เป็นอันดับต้น ๆ คงจะหนีไม่พ้นยาดม ยาหอมจากสมุนไพรที่มีสรรพคุณบรรเทาอาการเหล่านี้ได้อย่างเยี่ยมยอด

เนื่องจากประเทศไทยของเรานั้นอยู่ในเขตร้อนชื้นจึงมีพืชพรรณมากมาย รวมถึงมีสมุนไพรเป็นผลิตผลจากธรรมชาติ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการรักษากว่า 1_800 ชนิด เป็นที่ทราบกันดีว่าสมุนไพรไทยอยู่ควบคู่กับการดำเนินชีวิตของคนไทยมาตั้งแต่โบราณ การใช้พืชสมุนไพรนั้นสะท้อนวิถีชีวิตและภูมิปัญญาของคนไทยที่นำสมุนไพรไทยมาประกอบอาหาร ใช้เป็นยารักษาโรค บำบัดดูแล หรือแม้แต่ใช้ในการเสริมความงาม โดยการใช้ทั้งที่เป็นสมุนไพรสดและสมุนไพรที่แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์

จากการเปิดเผยข้อมูลด้านการส่งออกสมุนไพรของ ดร.เสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้ทราบว่าปัจจุบันมีมูลค่าการส่งออกสมุนไพรปีละนับแสนล้านบาท โดยสมุนไพรไทยในกลุ่มเสริมอาหารมีมูลค่าการใช้และส่งออกรวมกว่า 80_000 ล้านบาท กลุ่มสปาและผลิตภัณฑ์มีมูลค่าประมาณ 10_000 ล้านบาท และกลุ่มยาแผนโบราณตามภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยมีมูลค่าประมาณ 10_000 ล้านบาทเลยทีเดียว

เห็นได้ชัดว่าสมุนไพรไทยหรือผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรมีโอกาสเติบโตในตลาดโลก อีกทั้งกระแสการดูแลตัวเองโดยใช้สมุนไพรนั้นมีมากขึ้น จึงทำให้ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยนั้นเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวและตลาดโลก หลายเว็บไซต์ที่สำรวจและจัดอันดับสินค้าของที่ระลึกของไทยและยกให้ยาจำพวก ยาดม ยาหอมนั้นเป็นของฝากที่ขาดไม่ได้

ไม่เพียงแต่ผู้บริโภคให้ความสนใจกับสินค้าจากสมุนไพรเท่านั้น รัฐบาลไทยก็มีนโยบายสนับสนุนและยกระดับสมุนไพรไทยออกสู่สายตาชาวต่างชาติ เนื่องจากสมุนไพรไทยเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่สำคัญ และสามารถสร้างอาชีพเสริมให้เกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนั้นยังมีสถาบันการวิจัยและสถานศึกษาอีกหลายแห่งได้มีการวิจัยด้านสมุนไพรอย่างต่อเนื่องซึ่งสนับสนุนสมุนไพรไทยให้เติบโตได้มากขึ้น

เมื่อเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ผู้ประกอบการไทยก็ได้พัฒนา และผลิตสินค้าจากสมุนไพรไทยที่มีคุณสมบัติอย่างไร้ที่ติ โดยเฉพาะยาดม ยาหม่อง ยาหอม หรือยาอมที่เป็นสินค้ายอดฮิตทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกเหนือจากสรรพคุณทางยาแล้วยังมีบรรจุภัณฑ์ที่สะดวกในการพกพา

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ได้เห็นความสำคัญของการเติบโตจากสินค้าไทยประเภทยาเหล่านี้เช่นเดียวกัน จึงสนับสนุนและผลักดันการส่งออกสินค้าที่ทำให้สมุนไพรไทยให้เป็นที่รู้จักและสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าไทยให้เป็นที่แพร่หลาย ผู้ประกอบการจากกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่ผลิตสินค้าจำพวกยาทาภายนอกนี้ นอกจากจะได้รับรางวัลและการรับรองต่าง ๆ แล้ว ยังได้รับตราการันตีคุณภาพจาก ตราสัญลักษณ์การันตีจาก Thailand Trust Mark หรือ T Mark ที่มีการกำหนดคุณสมบัติสินค้าอย่างมีมาตรฐานและเป็นสากล อันจะช่วยให้ผู้ประกอบการมีความน่าเชื่อถือ สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการกระจายสินค้าสู่ตลาดอื่นอีกด้วย

เริ่มจากสินค้าที่ผ่านการรับรองจาก T Mark อย่าง ยาอมแก้ไอ ตราห้าตะขาบ จากบริษัท ห้าตะขาบ (ซิมเทียนฮ้อ) จำกัด เมื่อพูดถึงห้าตะขาบ หลายท่านจะต้องนึกซองยาอมสุดเก๋ที่มีภาพตะขาบห้าตัวอยู่ล้อมรอบภาพชายคนหนึ่ง เพราะยาอมห้าตะขาบนั้นอยู่คู่กับครอบครัวคนไทยมานานกว่า 80 ปี ด้วยคุณภาพ ราคา รวมถึงสรรพคุณจากสมุนไพรธรรมชาติแท้ ๆ ซึ่งช่วยให้ชุ่มคอ ละลายเสมหะ และบรรเทาอาการไอนั้น ทำให้ทุกบ้านต่างให้การยอมรับ รับประทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ปัจจุบันห้าตะขาบได้ผลิตสินค้าทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่ ยาอมแก้ไอ ยาขมเม็ด ยาเม็ดเบอร์เจ็ด(ยาแก้บิด) และยากวาดมหาจักร์ อีกทั้งยังมีการปรับโฉม เพิ่มรสชาติให้กับยาอมแก้ไขถึง 4 รสชาติอีกด้วย ไม่เพียงคนไทยที่ให้ความสนใจและใช้จริงเท่านั้น แต่ผู้บริโภคหลายประเทศก็ให้ความสนใจไม่แพ้กัน

โดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีน สหรัฐอเมริก ฮ่องกง มาเก๊า และประเทศในแถบอาเซียน บริษัท ห้าตะขาบ หรือซิมเทียนฮ้อ จำกัด ตั้งมั่นด้วยนโยบาย ทำสินค้าที่ดีมีคุณภาพสู่ผู้บริโภค อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มีการยกระดับคุณภาพสินค้าสู่สากลด้วยการรับมาตรฐาน GMP หรือมาตรฐานวิธีการที่ดีในการผลิต และยังได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้ใช้ตรา T Mark ซึ่งเหล่านี้เป็นการแสดงออกถึงคัดสรรภาพลักษณ์ของคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าไทยในตลาดโลกอีกด้วย

ยาสกัดสมุนไพรที่ได้รับตราสัญลักษณ์ T Mark ต่อมา คือยาหม่องตราถ้วยทอง จากบริษัท ถ้วยทองโอสถ จำกัด แบรนด์รูปถ้วยสีทองที่อยู่เคียงคู่คนไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 เชื่อว่า ยาหม่องตราถ้วยทอง ยาใช้ภายนอกที่ผลิตจากสมุนไพรธรรมชาตินี้จะต้องมีไว้ติดบ้านหรือติดที่ทำงานอย่างแน่นอน ด้วยคุณสมบัติสารพัดประโยชน์ที่จะช่วยบรรเทาอาการเมื่อยกล้ามเนื้อ แมลงกัดต่อย วิงเวียนศีรษะ และคัดจมูกเนื่องจากหวัด เพียงแค่ทาเบา ๆ บริเวณที่คุณต้องการ ตัวยาก็จะซึมสู่ผิว และบรรเทาอาการเหล่านั้นได้อยู่หมัด

อีกทั้งยังมีกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ ใส่ใจต่อผู้บริโภคทุกช่วงอายุ มีราคาที่เหมาะสม และมีคุณภาพการผลิตที่ได้การรับรองมาตรฐานการผลิตยาที่ดีตามมาตรฐาน PIC/S ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่มีประเทศสมาชิกในมาตรฐานนี้ทั่วโลก สิ่งเหล่านี้จะเสริมสร้างฐานแห่งคุณภาพสินค้าได้อย่างมั่นคง ปัจจุบันมีผู้นำเข้ายาหม่องตราถ้วยทองมากกว่า 10 ประเทศ เช่น กัมพูชา เมียนมาร์ ลาว ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย กาต้าร์ เยเมน เนเธอร์แลนด์ เป็นต้น

ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรชิ้นถัดมา ได้แก่ ยาน้ำมันเหลืองสมุนไพร น้ำมันหอมระเหยของไทยภายใต้เครื่องหมายการค้า ตรา พัญช์ จากบริษัท สยามไพร-ซิต้า จำกัด เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ผลิตยาใช้ทาภายนอกที่ได้รับตราสัญลักษณ์แห่งคุณภาพจาก T Mark สยามไพร-ซิต้า–สร้างธุรกิจด้วยการผลิตและจำหน่ายยาแผนโบราณที่ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แมลงสัตว์กัดต่อย บรรเทาอาการแสบร้อนจากไฟไหม้น้ำร้อนลวก บรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ และมีการนำมรดกทางภูมิปัญญาตามตำรับยาโบราณของไทยมารังสรรค์ให้เกิดเป็นน้ำมันเหลืองสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์นานัปการ ตัวอย่างสมุนไพรไทยที่เป็นส่วนประกอบของน้ำมันเหลือง ตราพัชญ์ ได้แก่ ไพล น้ำมันยูคาลิปตัส การบูร พิมเสน ขมิ้น เกล็ดสะระแหน่ และน้ำมันกาลพลู ที่ให้ความสดชื่น เย็นสบาย และบรรเทาอาการวิงเวียนได้อย่างดี สยามไพร-ซิต้ามุ่งมั่นที่จะพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรธรรมชาติให้หลากหลาย ควบคู่ไปกับการคืนกำไรให้สู่สังคม ด้วยมาตรฐานการผลิต และมีความใส่ใจต่อผู้บริโภค คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคมอีกด้วย

ยาอม ยาดม ยาหอม ผลิตภัณฑ์ที่มาจากสมุนไพรไทยแต่ละแบรนด์นั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ ความโดดเด่นด้านสมุนไพรของไทย สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ยิ่งเห็นเครื่องหมายแห่งมาตรฐานอย่าง T Mark ก็จะยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค เชื่อมั่นได้เลยว่าสินค้านั้นเป็นสินค้าของคนไทยแท้ ๆ และมีคุณภาพยอดเยี่ยมเพราะผ่านการรับรองมาตรฐานที่เชื่อถือได้ในระดับสากล ส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีของสินค้าจากสมุนไพรไทย และยังเพิ่มฐานการผลิต เพิ่มตัวเลขการส่งออกสมุนไพรไทยสู่สายตาประชาคมโลกได้อีกด้วย


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
โอกาสใหม่เพิ่มรายได้เกษตรกร ธุรกิจแปรรูปสมุนไพร
โอกาสใหม่เพิ่มรายได้เกษตรกร ธุรกิจแปรรูปสมุนไพร
ท่ามกลางการระบาดครั้งใหญ่ของไวรัสโควิด 19 ได้นำมาซึ่งโอกาสของ สมุนไพรไทย ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าสมุนไพรไทยบางชนิดมีฤทธิ์ยับยั้งการเติบโตของไวรัส หรือมีประโยชน์ในการรักษา อาทิ ฟ้าทะลายโจร ที่เรียกว่าผลิตกันมาไม่พอขาย จนถึงขั้นขาดตลาด และยังมีสมุนไพรไทยอีกหลายชนิดที่มีสรรพคุณในการรักษาโรค ขณะเดี่ยวกัน เทรนด์การบริโภคของผู้คนรุ่นใหม่ ได้มองว่าสมุนไพรคือทางเลือกสำหรับการดูแลสุขภาพที่ปลอดภัย ไม่มีอันตราย เพราะทุกอย่างล้วนมาจากธรรมชาติ

ดังนั้นในบทความนี้เราจะมากล่าวถึงโอกาสทางธุรกิจของสมุนไพรไทยกัน ว่าจะมีแนวโน้มเป็นอย่างไร อีกทั้งการแปรรูปสมุนไพรไทยแบบไหนที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนยุคใหม่

สมุนไพรแปรรูปได้ในรูปแบบไหนบ้าง ?

1. การนำสารสกัดเข้มข้นจากสมุนไพร มาใช้ในการผลิตยาแผนโบราณ/แผนปัจจุบัน เครื่องสำอางและอาหารเสริม

2. การนำสมุนไพรออร์แกนิคมาแปรรูปให้ง่ายต่อการใช้งาน เช่น น้ำมันหอมระเหย น้ำมันนวด ผงสกัดเย็น เป็นต้น

3. การนำสมุนไพรมาเป็นเครื่องดื่มบำรุงร่างกาย

4. การนำสมุนไพรมาเป็นส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย เช่น ครีมทาผิว ยาสระผม ยาสีฟัน ฯลฯ

5. การนำสมุนไพรสูตรต่างๆ มาอบแห้ง เพื่อจำหน่าย

ตลาดสมุนไพรเป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมยาเพิ่มขึ้น

จากข้อมูลกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ‘สมุนไพร’ มีมูลค่าการส่งออกอยู่ในหลักแสนล้านบาท โดยสมุนไพรไทยในกลุ่มอาหารเสริมมีมูลค่าการใช้และส่งออกรวมกว่า 80_000 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มสปา และผลิตภัณฑ์มีมูลค่าประมาณ 10_000 ล้านบาท และกลุ่มยาแผนโบราณตามภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยมีมูลค่าประมาณ 10_000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ได้มีการคาดการณ์ว่ามูลค่าของอุตสาหกรรมยาจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ในส่วนมูลค่าตลาดสมุนไพรและสารสกัดจากธรรมชาติ เนื่องด้วยปัจจุบันคนรุ่นใหม่นิยมใช้สมุนไพรเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ตลาดสมุนไพรที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตของอุตสาหกรรมยาเติบโตพุ่งสูงขึ้นเป็น 20_000 ล้านบาทในปี 2563 ขณะที่ปัจจุบันแนวโน้มดังกล่าวยังเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง

หลายๆ เหตุผลที่ทำให้ผู้คนหันมาสนใจ สมุนไพร

1. ผู้คนเริ่มหันกลับมาให้ความสนใจในเรื่องของสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

2. ความเชื่อมั่นของผู้คน ว่าสมุนไพรนั้น จะช่วยบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดี ไม่มีสารตกค้าง เพราะเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมมาตั้งแต่โบราณ

3. ในปัจจุบันนี้เริ่มมีผลวิจัยออกมารองรับว่าสมุนไพรชนิดต่างๆ นั้น มีสรรพคุณในการรักษา ยับยั้ง บำรุง ร่างกายได้เป็นอย่างดีไม่แพ้ยาปฏิชีวนะ

4. ราคาของสมุนไพรแปรรูปนั้นถูกมาก! เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารเสริมหรือยาบำรุงร่างกายชนิดอื่นๆ

5. ผลิตภัณฑ์สมุนไพรแปรรูปหลายๆ เจ้า มีมาตรฐานรองรับว่าปลอดภัย ตรวจสอบแหล่งที่มาได้ ตรวจสอบย้อนกลับได้ ถูกต้องตามหลักสากลกำหนด

6. การซื้อหรือกลับมาให้ความสนใจสมุนไพรนั้น ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแรงช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกทาง เพราะสมุนไพรส่วนใหญ่แล้ว ทางบริษัทแปรรูปสมุนไพรส่วนใหญ่จะไปรับซื้อมาจากเกษตรกรนั่นเอง

ตลาดต้องการวัตถุดิบที่เพียงพอและปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม การเติบโตของตลาดสมุนไพรยังคงมีอุปสรรคในปัจจุบัน คือเรื่องของคุณภาพ มาตรฐานการรับรอง และการยอมรับในวงกว้างซึ่งต้องนำงานวิจัยมาเข้าเพื่อพัฒนานวัตกรรมการแปรรูปสมุนไพรให้เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องของมาตรฐาน ความปลอดภัย ซึ่งผู้บริโภคให้ความสำคัญเหนือสิ่งใด

ด้วยเหตุนี้เกษตรกรผู้ผลิต และแปรรูปในขั้นต้น จะต้องให้ความสำคัญในเรื่องของกระบวนการผลิตที่ปลอดสารเคมี ซึ่งตลาดให้ความสำคัญมากต่อการทำเกษตรแบบอินทรีย์ ขณะเดียวกันปริมาณที่เพียงพอและต่อเนื่องก็เป็นอีกอุปสรรคของตลาดสมุนไพรไทยที่ต้องหาวิธีบริหารจัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสม

เพราะแม้ดีมานด์ในตลาดจะมีมาก แต่หากผู้ผลิตยังไม่สามารถบริหารจัดการด้านการผลิตที่เหมาะสม และตรงกับความต้องการของตลาด โอกาสในธุรกิจนี้ก็ยังจะไม่เกิดเป็นผลในเชิงรูปธรรมมากเท่าที่ควรจะเป็น

กระนั้น จากแนวโน้มก็เป็นโอกาสดีที่จะมีเกษตรกรส่วนหนึ่งหันมาปลูก หรือส่งเสริมการปลูกสมุนไพรเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น ซึ่งจากกระแสโควิด 19 และการใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น ทำให้นี่จะเป็นโอกาสของตลาดสมุนไพรไทย ที่เกษตรกร ผู้แปรรูปขั้นต้นสามารถนำมาสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นได้


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
เชื่อได้จริงหรือ รางจืด สุดยอดสมุนไพร
เชื่อได้จริงหรือ รางจืด สุดยอดสมุนไพร
รางจืด เป็นสมุนไพรไทยที่นิยมนำมาชงดื่มบำรุงสุขภาพ โดยส่วนใหญ่เชื่อกันว่ามีสรรพคุณช่วยขับพิษ รวมถึงใช้บำบัดรักษาอาการติดยาเสพติด ป้องกันภาวะเป็นพิษต่อตับจากสุรา ต้านมะเร็ง ตลอดจนใช้ทาสมานแผล และบรรเทาอาการจากโรคผิวหนังอย่างเริมหรือผื่นคัน นอกจากนี้ รางจืดยังเป็นสมุนไพรที่ภาครัฐให้ความสนใจและสนับสนุนการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับคุณประโยชน์ทางสุขภาพเพิ่มเติมอีกด้วย

รางจืด

การศึกษาสรรพคุณของรางจืดที่มีต่อสุขภาพส่วนใหญ่เป็นงานวิจัยในประเทศไทย และมีค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ แต่ยังไม่มีการทดสอบประสิทธิภาพกับคนโดยตรง มีเพียงการศึกษากับสัตว์และหลอดทดลองซึ่งนับเป็นแนวทางที่น่าจะนำมาต่อยอดให้เกิดประโยชน์และใช้ได้จริงในอนาคต

สรรพคุณของรางจืดที่อาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

ขับสารพิษ นิยมใช้บรรเทาอาการปวดท้องหรือท้องเสียจากการกินอาหารผิดสำแดง รวมทั้งขับสารพิษอันตรายต่าง ๆ ที่สะสมอยู่ในร่างกาย

สำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อหาคำตอบในด้านนี้ มีผลลัพธ์ที่น่าสนใจแต่ยังระบุไม่ได้ชัดเจน จากการศึกษาหนึ่งทดลองให้หนูดื่มน้ำปนเปื้อนสารตะกั่ว 1 กรัมต่อลิตร เป็นเวลา 8 สัปดาห์ จากนั้นให้การรักษาร่วมกับสารสกัดจากใบรางจืด ผลพบว่าสารสกัดดังกล่าวมีคุณสมบัติช่วยลดการตายของเซลล์ประสาท ซึ่งเป็นผลกระทบจากการได้รับตะกั่วสะสมในร่างกาย ทำให้หนูมีความบกพร่องทางการเรียนรู้และสูญเสียความทรงจำน้อยลง อีกทั้งคาดว่าส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในสารสกัดจากใบรางจืดด้วย

งานวิจัยในปีถัดมาพิสูจน์ประสิทธิภาพของรางจืดต่อการขับพิษตะกั่วในหนูอีกครั้ง แต่พุ่งประเด็นไปที่คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระของสารฟีนอลิก โดยให้หนูดื่มน้ำที่มีสารตะกั่ว 1 กรัมต่อลิตร ควบคู่ไปกับสารสกัดจากรางจืด ผลลัพธ์พบว่ารางจืดช่วยป้องกันภาวะเป็นพิษของตะกั่วต่อระบบประสาทได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งยังช่วยต้านอนุมูลอิสระอย่างเห็นได้ชัด จึงให้ข้อสรุปว่ารางจืดอาจมีสรรพคุณช่วยบรรเทาพิษจากตะกั่ว เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างฟีนอลิกที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยอื่นในปีก่อน ๆ ชี้ว่าการให้หนูกินน้ำหรือสารสกัดจากรางจืดช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของหนูที่ได้รับยาฆ่าแมลงได้ แต่ก่อนจะประยุกต์ใช้ประโยชน์จากสมุนไพรชนิดนี้ในทางการแพทย์ได้จริง คงต้องพิสูจน์ประสิทธิภาพกับคนโดยตรงก่อนว่าให้ผลดีมากน้อยเพียงใด ควรใช้ในรูปแบบและปริมาณเท่าใดจึงจะปลอดภัย เพราะมีงานวิจัยที่พบว่าการดื่มน้ำสกัดใบรางจืดติดต่อกันเป็นเวลานานอาจส่งผลเสียต่อตับ ไต และระบบเลือดได้

ทั้งนี้ สรรพคุณของรางจืดที่ทดลองนั้นเป็นการช่วยลดสารพิษในกรณีที่ได้รับสะสมทีละน้อยเป็นเวลานานเท่านั้น ห้ามนำรางจืดมาใช้รักษาผู้ป่วยที่กลืนยาฆ่าแมลง สารเคมี หรือสารพิษ ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ แนวทางปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ถูกต้องคือ ห้ามทำให้อาเจียนผู้ป่วยอาเจียนออกมาเด็ดขาด แต่ควรพยายามล้วงเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากปากของผู้ป่วย เช่น ฟันปลอม หรือเศษอาหาร และปฐมพยาบาลตามคำแนะนำบนฉลากของสารเคมีนั้น ๆ จากนั้นจึงรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลพร้อมนำบรรจุภัณฑ์ดังกล่าวไปให้แพทย์ดูด้วย

ป้องกันภาวะเป็นพิษต่อตับ เชื่อกันว่ารางจืดช่วยถอนพิษหรือบรรเทาอาการเมาค้างจากการดื่มแอลกอฮอล์ได้ แต่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่กล่าวถึงประโยชน์ด้านนี้ยังไม่ครอบคลุมนัก การศึกษาหนึ่งเปรียบเทียบสรรพคุณในการป้องกันภาวะเป็นพิษต่อตับระหว่างสารสกัดจากรางจืดกับสารไซลิมาริน (Silymarin) ซึ่งเป็นสารพฤกษาเคมีที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและป้องกันพิษต่อตับ ผลการศึกษาในหลอดทดลองชี้ว่าสารทั้ง 2 ชนิดต่างช่วยลดการตายของเซลล์จากการอักเสบได้ เช่นเดียวกับการทดลองกับหนูที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยพบว่าสารสกัดจากรางจืดหรือสารไซลิมารินต่างมีสรรพคุณช่วยป้องกันภาวะตับเป็นพิษที่เกิดจากการได้รับเอทานอลแอลกอฮอล์

อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะยืนยันได้แน่ชัดว่ารางจืดจะช่วยป้องกันผลกระทบจากแอลกอฮอล์ต่อตับได้ หรือหากทำได้จริง แอลกอฮอล์ก็ยังคงออกฤทธิ์ต่ออวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายได้ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงและสมบูรณ์ จึงควรจำกัดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์แต่พอประมาณเท่านั้น ไม่ควรใช้สมุนไพรใด ๆ เพื่อช่วยให้ดื่มได้มากหรือนานขึ้น เพราะยิ่งได้รับแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเท่าไรก็ยิ่งส่งผลเสียต่อร่างกายมากเท่านั้น

ต้านมะเร็ง เป็นอีกสรรพคุณทางยาของรางจืดที่ถูกกล่าวถึงและมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์เพื่อค้นหาคำตอบ งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่เกี่ยวข้องในด้านนี้ชี้ว่าสารละลายจากรางจืดทั้งชนิดสดและแห้งต่างมีคุณสมบัติช่วยต้านการอักเสบของเซลล์ในร่างกายของหนูที่เกิดจากพยาธิใบไม้ตับ Opisthorchis viverrini ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งท่อน้ำดีได้ นอกจากนี้ งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่ศึกษาโดยใช้สารสกัดจากรางจืดหยดลงบนเซลล์มะเร็งเต้านมของมนุษย์ พบว่ามีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตและฆ่าเซลล์มะเร็ง ซึ่งผู้วิจัยคาดว่าเป็นผลจากการสารฟินอลิกและคุณสมบัติในการเปลี่ยนแปลงกลไกการเพิ่มจำนวนเซลล์ของรางจืด

ทั้งนี้ หลักฐานการพิสูจน์ที่มีในปัจจุบันยังไม่เพียงพอต่อการรับรองประสิทธิภาพด้านนี้ของรางจืด เนื่องจากมีเพียงการศึกษาในห้องปฏิบัติการและการทดลองกับสัตว์เท่านั้น

บำบัดอาการติดยาเสพติด รางจืดเป็นสมุนไพรอีกชนิดที่นิยมใช้รักษาอาการติดสุราและสารเสพติดต่าง ๆ ซึ่งการศึกษาคุณประโยชน์ในด้านนี้พอมีให้เห็นอยู่บ้าง งานวิจัยหนึ่งทดสอบผลกระทบจากสารสกัดรางจืดต่อสารสื่อนำประสาทอย่างโดปามีน ซึ่งเป็นสารที่ถูกกระตุ้นให้หลั่งออกมาขณะมีการเสพยา ส่งผลให้เกิดความรู้สึกพอใจและต้องการเสพมากขึ้นจนมีอาการเสพติด ผลลัพธ์เมื่อเปรียบเทียบกับการได้รับสารเสพติดอย่างแอมเฟตามีน พบว่าสารสกัดจากรางจืดช่วยกระตุ้นการปล่อยสารโดปามีนในสมองของหนูทดลองได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งยังออกฤทธิ์ต่อสมองส่วนเดียวกันกับแอมเฟตามีน แต่ยังตอบไม่ได้ว่าคุณสมบัตินี้ของรางจืดมีบทบาทช่วยบำบัดการติดยาเสพติดได้จริงหรือไม่

ด้วยผลการวิจัยที่พบว่ารางจืดมีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งสารโดปามีนในสมอง ซึ่งเป็นกลไกที่มีบทบาทต่อการติดยา การศึกษาในปีต่อ ๆ มาจึงพิสูจน์ว่าการบำบัดอาการติดยาด้วยรางจืดเป็นระยะเวลานานนั้นทำให้เสพติดเช่นเดียวกับการใช้ยาเสพติดหรือไม่ โดยทดลองให้หนูกลุ่มหนึ่งกินสารสกัดรางจืดเป็นเวลา 30 วัน ส่วนอีกกลุ่มจะได้รับโคเคน ผลพบว่ากลุ่มที่ได้รับโคเคนเกิดการเสพติด แต่กลุ่มที่ได้รับสารสกัดรางจืดไม่มีอาการเสพติดแสดงให้เห็น รางจืดจึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการบำบัดการติดยาเสพติด หากในอนาคตมีการศึกษาที่ระบุประสิทธิภาพและความปลอดภัยเมื่อใช้กับคนโดยตรงได้อย่างชัดเจน ระหว่างนี้ ผู้ที่ต้องการทดสอบสรรพคุณนี้ของรางจืดควรใช้อย่างระมัดระวัง และไม่รับประทานต่อเนื่องนานเกินไป

สมานแผล นอกจากคุณประโยชน์ในด้านการขับสารพิษ ป้องกันมะเร็ง หรือบำบัดยาเสพติด รางจืดยังนำมาใช้กับผิวหนังเช่นกัน โดยเชื่อว่าช่วยบรรเทาอาการผื่นคันหรือรักษาโรคเริมได้ ซึ่งไม่มีการพิสูจน์ที่ชี้ให้เห็นว่าได้ผลจริงในปัจจุบัน มีเพียงการศึกษากับหนูทดลองชี้ว่าสารสกัดจากใบรางจืดอาจมีสรรพคุณช่วยเร่งการสมานตัวของแผลบริเวณผิวหนังด้วยการลดระยะการอักเสบของแผล รวมทั้งเสริมการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่ออ่อนในชั้นผิวหนังเพื่อทดแทนเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายไป ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้แผลหายเร็วขึ้น

ความปลอดภัยของการใช้รางจืด

รางจืดเป็นสมุนไพรที่เริ่มได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงหลังมานี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงได้ออกมาเตือนให้จำกัดการดื่มรางจืดในรูปแบบชงกับน้ำหรือรับประทานเป็นอาหารเสริม ตลอดจนการใช้เพื่อจุดประสงค์ในการรักษาโรครูปแบบใดก็ตามที่อาจส่งผลให้ได้รับสมุนไพรชนิดนี้ในปริมาณมากหรือเป็นเวลานาน เนื่องจากมีงานวิจัยที่ทดสอบความเป็นพิษของรางจืด โดยให้หนูทดลองได้รับน้ำสกัดใบรางจืดในปริมาณเทียบเท่ากับการดื่มทุกวันอย่างต่อเนื่องของคน ผลลัพธ์พบว่าการบริโภคน้ำรางจืดติดต่อกันเป็นเวลานานอาจส่งผลกระทบต่อตับ ไต และระบบเลือดได้

ดังนั้น ผู้ที่สนใจบริโภครางจืดในรูปแบบใดก็ตามควรคำนึงถึงความเหมาะสมและปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสุขภาพประจำตัว เนื่องจากไม่อาจรับรองได้ว่าจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหากบริโภคในปริมาณมากหรือเป็นเวลานาน อีกทั้งการระบุประสิทธิภาพ ปริมาณ และรูปแบบในการใช้เพื่อรักษาโรคยังคลุมเครืออยู่มากในปัจจุบัน


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
แปรรูปผลิตภัณฑ์กัญชาขาย​ ลดปัญหาผลผลิตล้นตลาด​
แปรรูปผลิตภัณฑ์กัญชาขาย​ ลดปัญหาผลผลิตล้นตลาด​
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรไทยโนนมาลัย จ.บุรีรัมย์ ต่อยอดแปรรูปผลิตภัณฑ์สมุนไพรกัญชาจำหน่ายสร้างรายได้ ลดผลกระทบปัญหาผลผลิตล้นตลาดหลังปลดล็อคให้ประชาชนปลูกดูแลสุขภาพตัวเองได้ในครัวเรือน ทั้งรองรับการเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพที่หลายภาคส่วนกำลังผลักดัน

(17 มิ.ย.65) กลุ่มวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรไทยโนนมาลัย อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านต้นแบบโครงการกัญชา 6 ต้น ได้ต่อยอดแปรรูปผลิตภัณฑ์กัญชาสมุนไพรไทย เช่น ยาดม ยาหม่อง น้ำมันกัญชา ยาสีฟัน และสบู่ จำหน่ายให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้เสริม ลดปัญหาผลผลิตล้นตลาดและราคาที่อาจจะต่ำลง หลังจากมีการปลดล็อคกัญชา กัญชง ออกจากบัญชียาเสพติด และให้ประชาชนสามารถปลูกในครัวเรือนเพื่อดูแลรักษาสุขภาพตัวเองได้ ซึ่งก็เป็นผลดีกับประชาชนสามารถเข้าถึงกัญชาได้ง่ายขึ้น แต่เชื่อว่าในอนาคตหากผลผลิตมีจำนวนมากก็จะไม่สามารถขายได้ หรือราคาก็จะลดลง จึงต้องวางแผนไว้รองรับด้วยการนำส่งต่างๆ ของกัญชาที่เหลือจะป้อนให้กับ รพ.สต. มาผลิตหรือแปรรูปเป็นผลผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อลดผลกระทบที่จะตามมาได้ อีกทั้งขณะนี้หลายภาคส่วนก็อยู่ระหว่างผลักดันให้เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวสายสุขภาพ และแหล่งเรียนรู้ ก็จะทำให้วิสาหกิจชุมชนสามารถขายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาได้

นายวิไล คำพิบูล หนึ่งในสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรไทยโนนมาลัย ยอมรับว่า การปลดล็อคกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดเป็นพืชสมุนไพร ก็เป็นสิ่งที่ดีต่อประชาชนจะได้เข้าถึงกัญชาในการดูแลสุขภาพตัวเองได้สะดวกมากขึ้น แต่ก็อาจจะมีผลกระทบกับวิสาหกิจชุมชนที่ขออนุญาตปลูกก่อนหน้านี้ เพราะช่วงนี้ราคาใบสดกัญชาก็เริ่มลดลงแล้ว จากช่วงแรกๆ ขายได้กิโลกรัมละ 15_500 บาท ลดเหลือกิโลกรัม 5_000 บาท ปัจจุบันเหลือประมาณกิโลกรัมละ 2_000 บาท จึงจำเป็นต้องวางแผนรองรับด้วยการนำมาแปรรูปจำหน่าย เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะสามารถสร้างรายได้จากกัญชาได้



ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
อยากเป็นเจ้าของแบรนด์ ยาดมสมุนไพร ไม่ยากอย่างที่คิด
อยากเป็นเจ้าของแบรนด์ ยาดมสมุนไพร ไม่ยากอย่างที่คิด
ยาดมสมุนไพรจัดอยู่ในประเภท ยาสมุนไพรประจำบ้าน ใช้สูดดมบรรเทาอาการวิงเวียน หน้ามืด ตาลาย เป็นหวัด คัดจมูก อ่อนเพลีย มีวิธีทำที่ง่าย หาสมุนไพรได้สะดวก สามารถทำเป็นรายได้เสริมได้ ยาดมสมุนไพรจะแตกต่างจากยาดมทั่วไป โดยเพิ่มเติมสมุนไพร เช่น กระวาน กานพลู พริกไทยดำ

ยาดมสมุนไพรมีแพร่หลายมาก มีผู้ประกอบการผลิตยาดมสมุนไพรมากขึ้นทั้งในรูปแบบของอุตสาหกรรม และธุรกิจ SME รายย่อย จากการที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีขั้นตอนการผลิตไม่ยุ่งยาก และมีต้นทุนที่ไม่สูง ประกอบกับความนิยมการใช้สมุนไพรเพื่อสุขภาพที่สูงขึ้นด้วย ซึ่งการใช้สมุนไพรเพื่อรักษาหรือบรรเทาอาการของโรคเป็น

ความรู้ดั้งเดิมที่สืบทอดกันมานานจากรุ่นสู่รุ่น แต่เมื่อการแพทย์แผนปัจจุบันเริ่มเข้ามาในประเทศไทย การใช้ยาสมุนไพร และการแพทย์แผนไทยเริ่มลดน้อยลง แต่ในปัจจุบันแนวโน้มการใช้สมุนไพรเริ่มกลับมามีบทบาท เนื่องจากผู้คนเริ่มหันกลับมาสนใจสุขภาพกันมากขึ้น การใช้สมุนไพรมีผลข้างเคียงที่น้อยกว่ายาปฏิชีวนะ ไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย มีความปลอดภัยสูง สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องกังวลกับโอกาสที่จะเกิดความเป็นพิษ อาการ ไม่พึงประสงค์ หรือผลข้างเคียงต่าง ๆ โดยการใช้สมุนไพรยังมีข้อมูลพื้นฐาน อ้างอิงตามหลังข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ จึงต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับโรค อาการอย่างถูกต้อง และยังคงมีความเสี่ยงที่เกิดจากการใช้สมุนไพรที่ผิดประเภท ผิดอาการ ผิดขนาด และผิดวิธี ทำให้รักษาหรือบรรเทาอาการได้ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ และอาจนำไปสู่อาการไม่พึงประสงค์ และการแพ้ยา แต่ทั้งนี้ สมุนไพรก็ยังคงมีความน่าเชื่อถือและมั่นใจต่อการใช้มากกว่ายาแผนปัจจุบัน สมุนไพรมีความสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพ ประกอบด้วยสรรพคุณมากมายที่ช่วยในการดูแลสุขภาพ

ธุรกิจยาดมสมุนไพร เป็นธุรกิจที่ต้องการเจาะตลาดกลุ่มผู้รักสุขภาพทางเลือก ด้วยสมุนไพร การเข้าถึง
กลุ่มผู้บริโภค ผู้ผลิตต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับผลิตภัณฑ์ในทุก ๆ ด้าน เป็นธุรกิจที่กระบวนการทำงาน ไม่ซับซ้อน เริ่มต้นธุรกิจด้วยทุนที่น้อยและสามารถประกอบการเพียงคนเดียวได้ แต่ผู้ที่จะประกอบธุรกิจนี้
จำเป็นจะต้องมีความรู้เรื่องสมุนไพรและต้องใส่ใจทุกรายละเอียดในกระบวนการผลิต หนึ่งในปัญหาด้านการตลาดในการทำธุรกิจยาดมสมุนไพร คือ การปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้หลากหลายและเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคให้หลายกลุ่ม

สมุนไพรเป็นทั้งอาหารและยารักษาโรค สมุนไพรมีทั้งจากพืช สัตว์ และแร่ธาตุจากธรรมชาติ ที่ไม่มี
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสภาพภายใน ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นยารักษาโรคหรือบำรุงร่างกายได้ สมุนไพรที่ได้จากส่วนของพืชโดยตรง (พืชวัตถุ) โดยส่วนต่าง ๆ ที่นำมานั้นมีสารที่สามารถใช้เป็นยาได้ ได้แก่ ใบ ดอก ผลเปลือกผล เมล็ด เปลือกเมล็ด รากหรือหัว ต้น แก่น กระพี้ เนื้อไม้ เปลือกไม้ สมุนไพรที่ได้จากอวัยวะของสัตว์(สัตว์วัตถุ) ได้แก่ ตับ ดี นอ เขา เอ็น เลือด น้ำมัน มูล เป็นต้น เช่น ขี้ผึ้ง รังนก น้ำมันตับปลา
สมุนไพรที่ได้จากแร่โดยธรรมชาติหรือสิ่งที่ประกอบขึ้นจากแร่ธาตุต่าง ๆ ตามกรรมวิธี (ธาตุวัตถุ) นำมาใช้เป็นยา เช่น เกลือกำมะถัน น้ำประสานทอง ดีเกลือ สารส้ม เป็นต้น

“สมุนไพรไทย” เป็นเอกลักษณ์ที่สะท้อนวัฒนธรรมความเป็นชาติไทย มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอัน
ยาวนานควบคู่สังคมไทยนับตั้งแต่ สมัยกรุงสุโขทัยต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ดังจะเห็นเป็นส่วนประกอบในอาหาร คาว-หวาน เป็นยารักษาโรค ใช้ในการดูแลสุขภาพและยาอายุวัฒนะ กระทั่งการเสริมความงาม ภูมิปัญญา เหล่านี้ได้รับการสั่งสม สืบทอด และพัฒนาต่อเนื่อง สร้างคุณค่า และมูลค่าให้แก่สมุนไพรไทยจนถึงปัจจุบัน

ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทย คือ ที่สุดแห่งภูมิปัญญาไทย กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ส่งออกสำคัญของประเทศ
โดยในต้นปี 2556 มีมูลค่าส่งออกสมุนไพรส่งไปประเทศญี่ปุ่นกว่า 80 ล้านบาท (Department of the
Permanent Secretary_ Ministry of Commerce._ 2014) ด้วยความพร้อมทางด้านต้นทุนการผลิต อัน

ได้แก่ ภูมิประเทศ วัตถุดิบ กระบวนการผลิต รวมถึงความหลากหลายของรูปแบบผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยและช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคณะรัฐมนตรีของไทยปีพุทธศักราช 2558 เสนอให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาพืชสมุนไพรไทยให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์แปรรูปจาสมุนไพร

ปัจจุบันความต้องการใช้สมุนไพรในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะความสนใจในการดูแลรักษาสุขภาพด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ และ สมุนไพรสามารถเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยอุตสาหกรรมสมุนไพรได้รับการคาดการณ์ว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ และสามารถสร้างความยั่งยืนในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมเป้าหมาย ทั้งอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต นอกจากนี้ ยังเกิดจากการเปลี่ยนแปลงบริบทที่คาดการณ์ว่าจะส่งผลต่อความยั่งยืนของระบบเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต

ทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติของผู้บริโภค และแนวโน้มในการดูแลสุขภาพและความงามที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อุปสงค์ของผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์
สมุนไพรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตลาดสมุนไพรทั้งเวชสำอาง อาหารเสริม

ขั้นตอนการทำยาดมสมุนไพร
ขั้นที่ 1 ขั้นเตรียมพิมเสนน้ํา
1. นําส่วนผสมทั้ง 3 ชนิด คือ เมนทอล 3 ส่วน พิมเสน 1 ส่วน การบูร 1 ส่วน
เทผสมรวมกันในภาชนะสําหรับผสมสาร
2. ใช้ไม้พายเล็กคนให้ส่วนผสมทั้งหมดละลายเป็นของเหลว
3. นําพิมเสนที่ได้บรรจุขวดปากกว้างปิดฝาพักไว้
ขั้นที่ 2 ขั้นเตรียมสมุนไพร
1. นําสมุนไพรทั้ง 5 ชนิด ในที่นี้ประกอบด้วย กานพลู ดอกจันทน์เทศ พริกไทยดํา โกศหัวบัว กระวาน ใส่ภาชนะรวมกัน้สมคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน
2. น้ําสมุนไพรที่ได้ใส่ในขวดปากกว้างที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 1 ปิดฝาขวดให้สนิท
3. แช่สมุนไพรในพิมเสนน้ํา 1 คืน
4. นําส่วนผสมที่ได้บรรจุในขวดมีฝาปิดเพื่อนําไปใช้ประโยชน์ต่อไป
ขั้นที่ 3 ขั้นตอนบรรจุภัณฑ์
1. บรรจุสมุนไพรที่ได้นําใส่ขวด
2. ติดตราโลโก้บรรจุภัณฑ์

การสร้างตลาดและการหาแหล่งตลาดใหม่
ปัจจุบันการหาตลาดเพื่อรองรับสินค้า 1 ตําบล 1 ผลิตภัณฑ์จากชุมชนสู่ผู้บริโภคทั่วไป จนเกิดเป็น
ผลิตภัณฑ์ยอดนิยมระดับประเทศนั้น สามารถหาช่องทางขายใหม่ได้13 ลักษณะ โดยแต่ละลักษณะมีความเหมาะสมแตกต่างกันไปตามประเภทผลิตภัณฑ์ ก่อนจะกําหนดลักษณะการขายต้องทราบสัดส่วนของตลาดหรือธรรมชาติขององค์ ประกอบภายในตลาดเสียก่อน ซึ่งโดยทั่วไประบบการซื้อขายจะแยกได้เป็น 3 ส่วนดังนี้
- ตลาดขายส่ง เน้นการขายผ่านตัวแทนค้าส่ง โดยตลาดนี้จะมีมูลค่าประมาณ 60-80% ของกําลังซื้อตลาดทั่ว
ประเทศ
- ตลาดขายปลีก เน้นการขายปลีก ผู้สนใจทั่วไปและสมาชิกตลาดส่วนนี้จะมีมูลค่าประมาณ20-40% ของกําลังซื้อทั่วประเทศ
- ตลาดขายตรง เป็นการขายด้วยวิธีการสื่อสารโดยตรงไปยังลูกค้าแต่ละคนหรือแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
เพื่อให้เกิดการตัดสินใจซื้อโดยตรง ได้แก่ การขายโดยการตั้งทีมขายตรงโทรศัพท์ไปหาลูกค้า_ ใช้ Fax_ จดหมายเชิญชวน_ ใช้ Catalogue รวมทั้งใช้สื่อวิทยุ_ หนังสือพิมพ์_ ทางอินเทอร์เน็ต โดยมีบริการเสริมพิเศษคือ การจัดส่ง
ถึงมือผู้ซื้อโดยตรง (Delivery Service) สําหรับตลาดขายตรง ปัจจุบันมีความสําคัญมากขึ้นเพราะเป็นวิธีสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้าโดยตรง ทําให้ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาของสินค้าให้ตรงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า

การยื่นขอจดทะเบียน ยาดม สมุนไพร
การขออนุญาตผลิต/ขายผลิตภัณ์ฑสมุนไพร
ผู้ขอรับอนุญาต (เจ้าของร้าน)
1. คำขออนุญาตผลิต นำเข้า หรือขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร(แบบ สมพ.1)
2. สัญญาระหว่างผู้รับอนุญาตกับผู้ที่มีหน้าที่ปฏิบัติการ
3. หนังสือมอบอำนาจให้ทำการแทน
4. หนังสือมอบอำนาจและแต่งตั้งผู้ดำเนินกิจการ (กรณีผู้ขออนุญาตเป็นนิติบุคคล)
5. รูปถ่าย ขนาด 1 นิ้ว จ านวน 3 ใบ (ไม่เกิน 6 เดือน)
6. สำเนาบัตรประชาชน
7. สำเนาทะเบียนบ้าน
8. ใบรับรองแพทย์
9. สำเนาใบทะเบียนพาณิชย์
10.สำเนาทะเบียนบ้านสถานที่ผลิต/ขาย สมุนไพร
11. สัญญาเช่า/หนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่ พร้อมสำเนาบัตรประชาชนผู้ให้เช่า/ผู้ให้ความยินยอม
12. สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน และผู้มีอำนาจลงชื่อแทนนิติบุคคลผู้ขออนุญาต (กรณีผู้ขอนุญาตเป็นนิติบุคคล)
13. แบบแปลนแผนผังภายในสถานที่ผลิต/ขาย สมุนไพร
14. แผนที่พร้อมพิกัดการเดินทางไปยังสถานประกอบการ

ขั้นตอนการดําเนินงาน
ผ่านแล้ว
1.จัดทําใบอนุญาต/พิจารณาลงนาม
2.แจ้งผู้ประกอบการรับใบอนุญาต
3.รับใบอนุญาต/ชําระค่าธรรมเนียม
4.ผู้ประกอบการยื่นคําขอพร้อมหลักฐาน
5.เจ้าหน้าที่รับคําขอ/ตรวจสอบ
6.ผู้ประกอบการจัดเตรียมสถานที่
7.ตรวจสถานที่
8.ผู้ประกอบการถ่ายรูปภายนอก ภายในร้านยา
9.ส่งให้เจ้าหน้าที่พิจารณาทาง E-mai

ตรวจสถานที่
1.จัดทําใบอนุญาต/พิจารณาลงนาม
2.แจ้งผู้ประกอบการรับใบอนุญาต
3.รับใบอนุญาต/ชําระค่าธรรมเนียม

ค่าธรรมเนียม
- ใบอนุญาตผลิตสมุนไพร 5000 บาท
- ใบอนุญาตนำเข้าสมุนไพร 20000 บาท
- ใบอนุญาตขายสมุนไพร 1500 บาท
- ใบอนุญาตโฆษณา 2500 บาท
- ใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับผลิตภัณฑ์สมุนไพร2500 บาท
- ใบรับแจ้งรายละเอียดผลิตภัณฑ์สมุนไพร2500 บาท
- ใบรับจดแจ้งผลิตภัณฑ์สมุนไพร 900 บาท
- ใบแทนใบอนุญาต ใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับใบรับแจ้งรายละเอียด ใบรับจดแจ้ง 200 บาท

ข้อมูลจาก http://ไปที่..link.. สำหรับผู้ผลิตสินค้ายาดมสมุนไพร สามารถส่งตัวอย่างเข้าตรวจวิเคราะห์กับ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CENTRAL LAB THAI ได้ที่ลิงค์นี้ http://ไปที่..link..
เพลี้ยอ่อน
เพลี้ยอ่อน
เพลี้ยอ่อน
เพลี้ยอ่อน หนึ่งในแมลงพาหะตัวร้ายที่แพร่กระจายเชื้อโรคไปสู่พืชผักและทำลายด้วยตัวมันเองได้ ซึ่งเพลี้ยอ่อนมีกระจายไปทั่วโลกมากกว่า 4_000 ชนิด และมีจำนวน 250 ชนิดที่คอยก่อกวนพืช โดยใช้ปากที่แหลมคมเจาะลำต้นอ่อนและโคนใบพืชเพื่อดูดอาหารจากเซลล์พืช จนทำให้ใบพืชผักโดนทำลายจนเสียหาย เพราะสามารถระบาดได้อย่างรวดเร็วและสร้างความเสียหายให้แก่พืชทั่วประเทศ

การระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืชนั้น เป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อการทำเกษตรกรรม จนพวกเราที่ประกอบอาชีพเกษตรกรต่างไม่อยากจะพบเจอ โดยเฉพาะกับแมลงศัตรูที่มีขนาดเล็กมากอย่างเพลี้ยอ่อนนี้ ถ้าเราไม่สังเกตอาจจะมองไม่เห็น ยิ่งเป็นเกษตรกรมือใหม่ด้วยแล้วอาจจะพลาดได้ เพราะแมลงขนาดที่เล็กและแพร่พันธุ์ได้เก่งชนิดนี้กลับสร้างความเสียหายแก่พืชผลเป็นอย่างมาก ทำให้การลงทุนทั้งเงินและแรงของเกษตรกรต้องขาดทุนไปทันที

เพลี้ยอ่อนเป็นแมลงตัวจิ๋ว ที่มีความยาวไม่เกิน 4 มิลลิเมตร หัวเล็กเท่าหัวเข็ม รูปร่างรีและโค้งมนป่องด้านท้าย สามารถออกลูกได้วันละ 10-11 ตัว สามารถออกลูกได้สูงสุดถึงตัวละ 450ตัว ทำให้มีการแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็วและเกิดความเสียหายลุกลามได้ เพลี้ยชนิดนี้จะสามารทำลายพืชได้ทุกระยะเน้นทำลายจุดสำคัญของพืช ทั้งลำต้น ใบ ดอก ผล โดยเจาะกินน้ำหวานที่ใต้ใบที่มันอาศัยอยู่ โดยทั่วไปเพลี้ยผัก จะมีจำนวนน้อยลงเมื่อเริ่มมีฝนเข้ามาชะล้างและมีภูมิอากาศมากขึ้น และจะมีจำนวนมากขึ้นในช่วงที่มีอากาศหนาวเย็น

การควบคุมและกำจัดเพลี้ยอ่อนนั้น เริ่มจากการหมั่นสำรวจพืชผลเพื่อจะได้สังเกตเห็นว่ามีเพลี้ยอ่อนเกาะติดพืชผลหรือไม่ และป้องกันด้วยการขยันรดน้ำ พ่นน้ำที่ยอดผัก เพื่อทำลายถิ่นที่อยู่ของเพลี้ยที่อาศัยใต้ใบ เป็นการชะล้างออกในระดับหนึ่ง และนำแมลงห้ำที่นักล่า อย่างตัวอ่อนแมลงช้างปีกใส ด้วงเต่าลายสมอ ด้วงเต่าลายหยัก และด้วงเต่าอื่นๆ รวมทั้ง ตัวอ่อนแมลงวันดอกไม้ มาปล่อยไว้ในแปลงเพาะปลูก เพื่อห้ำหั่นกับเพลี้ยตั้งแต่ต้น และนำแมลงเบยอย่างแตนเบียนดักแด้ มาปล่อยไว้ด้วย ก่อนที่จะมีการระบาด และหากมีการระบาดแล้ว ต้องใช้จุลินทรีย์จากเชื้อรา เช่น บิวเวอเรียหรือเม็ตตะไรเซี่ยม มาทำลายทันทีก่อนที่จะระบาดหนัก หรือจะนำสมุนไพรไทยเราอย่าง หางไหลสัดส่วน 1 กิโลกรัมผสมกับน้ำ 20 ลิตร เพื่อฉีดพ่นกำจัด หากมีความจำเป็นเร่งรีบอาจจะต้องใช้สารเคมีเข้าช่วย แต่อยากให้เลือกเป็นวิธีการสุดท้ายครับ โดยให้พ่นในสัดส่วนที่ข้างกระป๋องระบุไว้เท่านั้นนะครับ เพื่อไม่ให้เกิดความเป็นพิษต่อพืชผล ตัวเรา และสิ่งแวดล้อมครับ

อ้างอิง http://www.farmkaset..link..
6 สมุนไพรไทย สมุนไพรพื้นที่บ้านช่วยต้านโควิด 19
6 สมุนไพรไทย สมุนไพรพื้นที่บ้านช่วยต้านโควิด 19
ซึ่งจากการศึกษาวิจัย พบว่า ฟ้าทะลายโจร มีกลไกต้านไวรัส ป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าเซลล์_ ลดการแบ่งตัวไวรัสภายในเซลล์_ เพิ่มภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับไวรัส_ ลดการอักเสบที่ปอดจากการติดเชื้อไวรัส

กระชายขาว สมุนไพรต้านโควิด

สมุนไพรอย่างที่ 2 ที่แพทย์แนะนำคือ กระชายขาว โดยจากการศึกษาพบกว่า สาร panduratin ของกระชายขาวมีฤทธิ์ในการต้านไวรัสทั้งในระยะก่อนและหลังการติดเชื้อ และยังมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเชื้อเอดส์ ต้านไวรัสไข้เลือดออกในกลุ่ม Flaviviridae family และยับยั้งเชื้อไวรัส picornavirus ซึ่งก่อโรคมือเท้าปาก นอกจากนี้ยังพบว่า ช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อีกด้วย

ขิง สมุนไพรต้านโควิด

สมุนไพรตัวที่ 3 คือ ขิง ซึ่งมีรสเผ็ดร้อนเป็นสมุนไพรพื้นบ้านมักนำมารับประทานแก้หวัด แต่จากการศึกษาพลว่า สารสำคัญ Zingerol และ Gingerol สามารถแย่งจับกับตำแหน่ง main protease ที่ช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 ได้

มะขามป้อม สมุนไพรต้านโควิด

สมุนไพรตัวที่ 4 คือ มะขามป้อม ซึ่งเป็นยาแก้ไอ ละลายเสมหะ โดยพื้นบ้านใช้รักษาหลอดลมอักเสบ วัณโรคปอด หอบหืด ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน โดยสารสำคัญในมะขามป้อมสามารถจับกับขาโปรตีนของไวรัสโควิด-19 และตัวรับ ACE2 ซึ่งมีบทบาทการผ่านเข้าเซลล์ปอด และยังเข้าจับกับเชื้อในหลายตำแหน่งที่มีผลต่อการยับยั้งการสร้างและการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสได้

กระเทียม สมุนไพรต้านโควิด

สมุนไพรตัวที่ 5 คือ กระเทียม ซึ่งมีฤทธิ์ต่อระบบภูมิคุ้มกัน เพราะสาร allicin ในกระเทียม มีฤทธิ์ลดการอักเสบ ป้องกันการหลั่งสาร cytokine ที่ทำให้เกิดการอักเสบ นอกจากนี้ยังส่งเสริมการทำงานของเม็ดเลือดขาว และช่วยเพิ่มแอนติบอดี้ ชนิด immunoglobulin A (IgA) ซึ่งเป็นด่านแรกของภูมิคุ้มกันในร่างกาย อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการทำงานของ B-cell lymphocyte รวมทั้งกระตุ้นการหลั่งของสาร interferon ซึ่งเป็นสารที่สร้างในระบบภูมิคุ้มกันเพื่อต้านไวรัส

ขมิ้นชัน สมุนไพรต้านโควิด

สมุนไพรตัวที่ 6 คือ ขมิ้นชัน ซึ่งจากการศึกษาพบว่าสารสำคัญของขมิ้นชัน และdemethoxycurcumine สามารถแย่งจับกับตำแหน่งของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 ที่จะเข้าสู่เซลล์ปอด และตำแหน่งที่มีผลยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสได้

และนี่เป็นเพียงตัวอย่างสมุนไพรพื้นบ้านซึ่งเป็นภูมิปัญญารุ่นต่อรุ่นที่มีการส่งต่อมาถึงปัจจุบัน และยิ่งมีการศึกษาวิจัยก็ยิ่งทำให้เห็นชัดว่าสมุนไพรไทย ก็สามารถต่อยอดจนเป็นที่ยอมรับได้อย่างกว้างขวาง

อ้างอิง http://www.farmkaset..link..
ขิง สมุนไพรไทย บรรเทาอาการโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้
ขิง สมุนไพรไทย บรรเทาอาการโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นโรคที่มีการอักเสบของส่วนต่างๆในร่างกาย เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานผิดปกติและไปทำลายอวัยวะต่างๆ ในผู้ป่วยบางรายพบว่ามีภาวะที่มีผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่น ผิวหนัง ดวงตา ปอด หัวใจ และหลอดเลือด

ปัจจุบันโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ยังไม่มีการรักษาที่หายขาดได้ แต่มีความเป็นไปได้ที่จะบรรเทาโรคให้ดีขึ้น หากเริ่มต้นการรักษาอย่างทันท่วงทีและรักษาด้วยยาปรับเปลี่ยนการดำเนินโรค หากการรักษาด้วยยาไม่ได้ผลในการป้องกันและชะลอการถูกทำลายของข้อ แพทย์อาจพิจารณาให้ทำการผ่าตัดเพื่อรักษาข้อที่มีการเสื่อมหรือถูกทำลาย นอกจากนี้ยังมีการรักษาโดยใช้การแพทย์ทางเลือก เช่น สมุนไพร

จากการศึกษาวิจัยทางคลินิกล่าสุด พบว่า การรับประทานขิง (ในรูปผง) ปริมาณ 1_500 มก./วัน เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ ช่วยลดการดำเนินของโรค ในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้ โดยไปมีผลยับยั้งการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับภาวะการอักเสบ ดังนั้น ขิง จึงเป็นพืชสมุนไพรที่มีศักยภาพในการบรรเทาอาการของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้

เรียบเรียงโดย ผศ.ดร.เอกราช บำรุงพืชน์

เอกสารอ้างอิง

Aryaeian N_ Shahram F_ Mahmoudi M_ Tavakoli H_ Yousefi B_ Arablou T_ Jafari Karegar S. The effect of ginger supplementation on some immunity and inflammation intermediate genes expression in patients with active Rheumatoid Arthritis. Gene. 2019;698:179-185.

http://www.farmkaset..link..

ที่มา http://www.farmkaset..link..
กนก แนะรัฐเร่งทบทวนนโยบายใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโควิด ครม.มติหนุนแต่สธ.ให้ใช้ Favipiravir
กนก แนะรัฐเร่งทบทวนนโยบายใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโควิด ครม.มติหนุนแต่สธ.ให้ใช้ Favipiravir
"กนก" แนะรัฐเร่งทบทวนนโยบายใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโควิด หลังครม.มติหนุน แต่สธ.ให้ใช้ Favipiravir ชี้โจทย์ใหญ่รัฐบาลต้องเร่งวิจัยศักยภาพ-ส่งเสริมการปลูก เชื่อช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้

เมื่อวันที่ 29 ก.ค.นายกนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาฟ้าทะลายโจรขาดแคลน เพราะความต้องการสูงในขณะนี้ว่า ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องทบทวนว่าจะกำหนดนโยบายและวางอนาคตของสมุนไพรไทยอย่างไร เพราะในขณะนี้ ฟ้าทะลายโจรมีผลการวิจัยโดยแพทย์แผนปัจจุบันยืนยันแล้วว่าสามารถช่วยรักษาโรคไวรัสโควิด 19 ได้ และสามารถบอกได้จากการทดลองเชิงปฏิบัติกับผู้ป่วยแล้วว่าจำนวนหรือปริมาณการรับประทาน สารออกฤทธิ์ในฟ้าทะลายโจร คือ แอนโดรกราฟโฟไลด์ (Andrographolide) ต่อวัน และสามารถเปรียบเทียบผลกับผู้ป่วยที่ไม่ได้ทานฟ้าทะลายโจร แล้วพบว่าฟ้าทะลายโจรมีความปลอดภัยสูงต่อผู้ป่วย มีสิทธิภาพ ต่อการรักษาดี อีกทั้งหาได้ง่ายและราคาถูกสำหรับคนไทย เพราะฟ้าทะลายโจรเป็นพืชที่ปลูกได้ในทุกพื้นที่ ของประเทศ การที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบการใช้ฟ้าทะลายโจร เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2564 เพื่อการรักษาผู้ป่วยโควิด 19 ที่ยังไม่มีอาการโรค โดยกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ยืนยันถึงประสิทธิภาพของการรักษาโรคโควิด 19 ของฟ้าทะลายโจร แต่ถ้าเข้าไปดูแนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษา และการป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เมื่อวันที่ 21 ก.ค.64 ของกระทรวงสาธารณสุข แนะนำเรื่องการรักษา Covid-19 กรณีผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ไม่มีปอดอักเสบ ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง ให้ใช้ยา Favipiravir เท่านั้น ไม่ปรากฏฟ้าทะลายโจรอยู่ในแนวเวชปฏิบัติของกระทรวง

นายกนก กล่าวด้วยว่า จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่ายังมีความย้อนแย้งอยู่ในส่วนนโยบายการรักษา จึงต้องเร่งทบทวนกำหนดนโยบายที่ชัดเจน ทำไมประกาศฉบับหลังสุดคือ 21 กรกฎาคม 2564 จึงไม่มีฟ้าทะลายโจรในประกาศของแนวทางเวชปฏิบัติ ซึ่งส่งผลให้แพทย์ในโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขและแพทย์ทั่วไปไม่กล้าที่จะใช้ฟ้าทะลายโจรกับผู้ป่วยโควิด 19 อีกทั้งสปสช.ก็ไม่อาจจะนำฟ้าทะลายโจรรวมเข้าเป็นค่าใช้จ่ายการรักษาตามระบบ ประกันสุขภาพด้วย ผลที่ตามมาคือการใช้ยา Favipiravir ราคาแพงกว่าฟ้าทะลายโจรเป็นร้อยเท่า จะทำให้ค่ายารักษาโรคโควิด 19 สูงขึ้นอย่างมาก และถ้าองค์การเภสัชกรรมผลิตยา Favipiravir ไม่ทันกับความต้องการ อาจต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศที่ทำให้เสียทั้งเงินและเวลามากขึ้น คำถามที่กระทรวงสาธารณสุขต้องตอบประชาชนคือ ทำไมจึงไม่บรรจุฟ้าทะลายโจรลงในแนวทางเวชปฏิบัติฯ เพื่อให้เกิดการใช้ฟ้าทะลายโจรอย่างถูกต้อง กว้างขวาง และเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยจำนวนมหาศาลที่กำลังรอเข้าโรงพยาบาลสนาม

“ฟ้าทะลายโจรมีสารออกฤทธิ์ที่มีประโยชน์ต่อการรักษาโรคโควิด 19 มาก แต่การจะนำ ฟ้าทะลายโจรมาเป็นยารักษาโรคที่ได้มาตรฐานอย.นั้น เกี่ยวข้องกับกระบวนการอื่น ๆ อีกมาก ตั้งแต่การปลูกฟ้าทะลายโจรที่ปลอดภัย การเก็บเกี่ยวที่รักษาคุณภาพสารออกฤทธิ์ การแปรรูปเป็นแคปซูลที่ได้มาตรฐานจนถึงการใช้ที่ถูกต้อง รวมไปถึงการทำให้ฟ้าทะลายโจรเกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศที่เกษตรกรได้รับส่วนแบ่งจากราคาปลีกของฟ้าทะลายโจรอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่มีเพียงบริษัทยาเท่านั้นที่ได้ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ และเกษตรกรได้เพียงราคาฟ้าทะลายโจรกิโลกรัมละ 100 บาทเท่านั้น ประเด็นเหล่านี้เกี่ยวข้องกับงานวิจัยหลายด้านที่ต้องทำเพิ่ม เกี่ยวข้องกับการวางโครงสร้างพื้นฐานของการผลิตและแปรรูปสมุนไพร ของประเทศ จนถึงเกี่ยวกับการยอมรับยาสมุนไพรของชาติและประชาชนโดยรวม โจทย์ใหญ่ของรัฐบาลที่ต้องคิดไปข้างหน้า เพื่อใช้ศักยภาพของฟ้าทะลายโจรให้เกิดประโยชน์ในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ในยุคโควิด-19 อย่างไร แต่ไม่ว่ารัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร โครงการสกลนครโมเดลที่ผมและทีมงานจะเดินหน้าขับเคลื่อน ฟ้าทะลายโจรเป็นหัวขบวนของการใช้สมุนไพรเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศต่อไป” นายกนก กล่าว

ที่มา http://www.farmkaset..link..
พช.โคราช นำร่อง “1 วัด 1 สวนสมุนไพร ต้านภัยโควิด – 19” เพิ่มพื้นที่ขยายผลการปลูกพืชสมุนไพรไทย
พช.โคราช นำร่อง “1 วัด 1 สวนสมุนไพร ต้านภัยโควิด – 19” เพิ่มพื้นที่ขยายผลการปลูกพืชสมุนไพรไทย
วันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 16.00 น. นางอรุณรัตน์ ชิงชนะ พัฒนาการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนายสิทธิชัย พรทิพย์พิทักษ์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน นางจำเรียง มณีพินิจ ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน นางสาวธัญลักษณ์ ชันไธสง ผู้อำนวยการกลุ่มงานประสานและสนับสนุนการบริหารงานพัฒนาชุมชน และนักวิชาการ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครราชสีมา ร่วมทำกิจกรรมศูนย์แบ่งปันขยายผลการปลูกพืชผักสวนครัว และพืชสมุนไพรไทย “1 วัด 1 สวนสมุนไพร ต้านภัยโควิด – 19” เพื่อเป็นคลังสมุนไพรแบบพึ่งพาตนเอง โดยใช้พื้นที่วัด เป็นพื้นที่แบ่งปันให้กับชุมชนสำหรับนำมาบริโภค และทำเป็นยาสมุนไพร เสริมหรือทดแทนการใช้ยาแผนปัจจุบันในการต้านเชื้อโควิด-19
โดยได้รับความเมตตาจาก พระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดบึง (พระอารามหลวง) อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา อนุญาตให้ใช้พื้นที่ว่างภายในบริเวณวัดบึง (พระอารามหลวง) เป็นจุดนำร่อง บูรณาการขับเคลื่อนขยายผลเพิ่มพื้นที่การปลูกพืชสมุนไพรไทย และช่วยรณรงค์ให้ทุกวัดใช้พื้นที่ในบริเวณวัดปลูกสมุนไพรแบ่งปัน ภายใต้โครงการเสริมสร้างและพัฒนาผู้นำการเปลี่ยนแปลง และโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๘ พรรษา
ท่านพระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดบึง (พระอารามหลวง) กล่าวปาฐกถาว่า “ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในทั่วประเทศ นับวันยิ่งทวีคูณขึ้น และในส่วนของจังหวัดนครราชสีมาเองนั้นก็เป็นพื้นที่ของการระบาดของโรคเป็นอย่างมาก คนป่วยมีจำนวนมาก ทำให้โรงพยาบาลที่รักษาไม่เพียงพอ ดังนั้นการดูแลตัวเอง การพึ่งตนเอง โดยการปลูกพืชสมุนไพรไว้เพื่อนำไปแปรรูปบริโภคในครัวเรือน เช่น ฟ้าทะลายโจร กระชาย และสมุนไพรไทยชนิดต่างๆ ซึ่งได้มีผลการวิจัยว่าสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต้านเชื้อโควิด-19 ได้ดี วันนี้อาตมาจึงมีความปรารถนา และยินดีอย่างยิ่งที่จะใช้พื้นที่ว่างภายในวัดได้ทำประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่พี่น้อง ญาติโยม ทั้งหลาย รวมถึงพระลูกวัดที่จะได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันจากสมุนไพรที่ปลูกในวันนี้ จากนั้นก็จะได้ขยายผลไปสู่วัดต่างๆ ในทุกระดับให้มีการปลูกสมุนไพรไว้ใช้ และแบ่งปันให้กับญาติโยม และพี่น้องประชาชนในชุมชนนำไปขยายผลกันต่อไปให้ทั่วถึง”
ด้าน นางอรุณรัตน์ ชิงชนะ พัฒนาการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ได้มีนโยบายในการขับเคลื่อนกิจกรรมโครงการเสริมสร้างและพัฒนาผู้นำการเปลี่ยนแปลง ศูนย์แบ่งปันพืชผักสวนครัว และรณรงค์ส่งเสริมให้ชุมชนปลูกพืชสมุนไพรไทยโดยผู้นำทำเป็นต้นแบบ “ผู้นำต้องทำก่อน” และเพิ่มพื้นที่การปลูกพืชสมุนไพร เช่น ฟ้าทะลายโจร กระชาย ชิง ข่า ตะไคร้ ฯลฯ ซึ่งถือเป็นพืชสมุนไพรไทยทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยป้องกัน และบรรเทายับยั้งการติดเชื้อไข้หวัด หรือ เสริมสร้างภูมิต้านทานในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้ สำหรับไว้ใช้เองในครัวเรือนและแบ่งปันกันในชุมชน ขณะที่นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ก็ได้จัดกิจกรรม Kick Off “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักแบ่งปัน” เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ (28 กรกฎาคม 2564) เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยจังหวัดได้กำหนดการจัดกิจกรรมศูนย์แบ่งปัน ไว้ 5 จุดดำเนินการ แบ่งตามกลุ่มโซนอำเภอ แต่ละกลุ่มโซนอำเภอจะได้รับการสนับสนุนพันธุ์พืชสมุนไพรสนับสนุนศูนย์แบ่งปันจังหวัด เพื่อนำไปจัดกิจกรรมในพื้นที่ต้นแบบที่ได้ขยายผลตามโครงการเสริมสร้างและพัฒนาผู้นำการเปลี่ยนแปลง ผลผลิตที่ได้นำไปแจก แบ่งปันให้ประชาชนในชุมชน ได้ขยายพันธุ์ปลูก และบริโภคให้ครบทุกครัวเรือน
อย่างไรก็ตาม กิจกรรมดังกล่าวข้างต้น จังหวัดนครราชสีมาได้มอบนโยบายให้ทุกอำเภอ บูรณาการส่วนราชการ องค์กร ภาคี เครือข่าย ร่วมกับผู้นำการเปลี่ยนแปลง และครัวเรือนจิตอาสา ร่วมใจกันรณรงค์ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดไปทั้งเดือนสิงหาคม 2564 เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2564 เพื่อให้เกิดความมั่นคงทั้งในด้านอาหารและด้านสมุนไพรไทย ควบคู่กันไป

ณ วัดบึง (พระอารามหลวง) ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา

#ChangeForGood
#CDD #กรมการพัฒนาชุมชน
#พช_นครราชสีมา #CNS
📸 ที่นี่โคราช สถานีข่าว พช. รายงาน

ที่มา http://www.farmkaset..link..
16 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 1 หน้า, หน้าที่ 2 มี 6 รายการ
|-Page 1 of 2-|
1 | 2 |


กลุ่มทางใบปุ๋ยประสิทธิภาพสูง
*โปรดอ่าน ใช้ FK-1 ในช่วงแรก เพื่อเร่งโต เร่งราก เร่งดอก จับคู่กับ FK-3 ในช่วงเร่งผลผลิต พืชออกผลทุกชนิด ใช้ FK-1 กับ FK-3, นาข้าว ใช้ FK-1 กับ FK-3R (Rice), ไร่อ้อย ใช้ FK-1 กับ FK-3S (Sugarcane), มันสำปะหลัง ใช้ FK-1 กับ FK-3C (Cassava)

FK-1
สั่ง FK-1 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3
สั่ง FK-3 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3S
สั่ง FK-3S กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3R
สั่ง FK-3R กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3C
สั่ง FK-3C กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มอินทรีย์ ปุ๋ย ยาปราบฯ
ที่ขายดีที่สุดบน ลาซาด้า

FKT250-IS250-499B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 1ลิตร
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 3ลิตร
สั่งไอเอส3ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
มาคา
สั่งมาคากับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอกี้-บีที
สั่งไอกี้-บีทีกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L
สั่ง FK-T 1ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK ธรรมชาตินิยม
สั่งFK-T 250ซีซี กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 250ซีซี
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-IS1L-970B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-MAKA-980B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-AiKi-990B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มเคมียาปราบฯประสิทธิภาพสูง

invet
สั่ง อินเวท กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
metalaxyl
สั่ง เมทาแลคซิล กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
carron
สั่ง คาร์รอน กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มปุ๋ยทางใบผสมสูตรเองได้
เว็บระบบคำนวณการผสมปุ๋ย


starfer 30-20-5
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 10-40-10
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 15-5-30
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
maxza
สั่ง แม็กซ่า กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้



บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
Central Laboratory (Thailand) Co.,Ltd.

ให้บริการตรวจวิเคราะห์
ตรวจฉลากโภชนาการ
ตรวจสารสำคัญกัญชา/กัญชง
ตรวจน้ำใช้ในกระบวนการผลิต
ฟอร์มขอใบเสนอราคา
สำหรับตรวจวิเคราะห์อื่นๆ ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร (ตรวจวิเคราะห์ได้ทุกอย่าง) โปรดกรอก ฟอร์มขอใบเสนอราคา
ตรวจขึ้นทะเบียนปุ๋ยเคมี
ตรวจสารพิษตกค้างเพื่อการส่งออก
ตรวจผักสดปลอดเชื้อจุลินทรีย์ E. coli, Salmonella spp.
ส่งตัวอย่างมะละกอ เพื่อการทดสอบการดัดแปลงพันธุกรรม
ส่งตัวอย่างเพื่อทดสอบ ปริมาณอะฟลาทอกซินในเมล็ดแมงลัก ลูกเดือย และพริกแห้ง เพื่อส่งออกนอกราชอาณาจักร
Hardline Test Application
ปุ๋ยคุณภาพสูง
พืชทุกชนิด | ปุ๋ยทุเรียน | ปุ๋ยมันสำปะหลัง | ปุ๋ยสำหรับไร่อ้อย | ปุ๋ยนาข้าว | ปุ๋ยยางพารา | ปุ๋ยมะพร้าว | ปุ๋ยข้าวโพด | ปุ๋ยปาล์ม | ปุ๋ยสับปะรด | ปุ๋ยถั่วเหลือง | ปุ๋ยพริกไทย | ปุ๋ยกาแฟ | ปุ๋ยมะนาว | ปุ๋ยส้ม | ปุ๋ยลำไย | ปุ๋ยลิ้นจี่ | ปุ๋ยหน่อไม้ฝรั่ง | ปุ๋ยกระเจี๊ยบเขียว | ปุ๋ยมังคุด | ปุ๋ยมันฝรั่ง | ปุ๋ยหอมหัวใหญ่ | ปุ๋ยกระเทียม | ปุ๋ยหอมแดง | ปุ๋ยมะเขือเทศ | ปุ๋ยกล้วยไม้ | ปุ๋ยอินทผลัม | ปุ๋ยน้อยหน่า | ปุ๋ยชมพู่ | ปุ๋ยเงาะ | ปุ๋ยมะม่วง | ปุ๋ยมะขาม | ปุ๋ยพริก
ยาอินทรีย์แก้โรคพืช
โรคใบไหม้ | ทุเรียนใบติด | มันสำปะหลังใบไหม้ | โรคอ้อยใบไหม้ | ข้าวใบไหม้ | ยางพาราใบไหม้ | โรคมะพร้าวใบไหม้ | โรคราน้ำค้างข้าวโพด | ปาล์มใบไหม้ | โรคสับปะรด | โรคราน้ำค้างถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟใบไหม้ | ราสนิมมะนาว | ส้มใบไหม้ | ลำไยใบไหม้ | ลิ้นจี่ใบไหม้ | หน่อไม้ฝรั่งลำต้นไหม้ | กระเจี๊ยบเขียวฝักลาย | โรคใบจุดมังคุด | มันฝรั่งใบใหม้ | โรคหอมเลื้อย | โรคใบจุดกระเทียม | โรคหอมแดง | ราแป้งมะเขือเทศ | โรคจุดสนิมกล้วยไม้ | อินทผลัมใบไหม้ | น้อยหน่าดอกร่วง | ชมพู่ใบไหม้ | เงาะใบไหม้ | มะม่วงใบไหม้ | ราแป้งมะขาม | โรคพริก
ยาเคมี กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยทุเรียน | เพลี้ยมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยข้าว | เพลี้ยยางพารา | เพลี้ยมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยสับปะรด | เพลี้ยถั่วเหลือง | เพลี้ยพริกไทย | เพลี้ยกาแฟ | เพลี้ยมะนาว | เพลี้ยส้ม | เพลี้ยลำไย | เพลี้ยลิ้นจี่ | เพลี้ยหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยมังคุด | เพลี้ยมันฝรั่ง | เพลี้ยหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยกระเทียม | เพลี้ยหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยกล้วยไม้ | เพลี้ยอินทผาลัม | เพลี้ยน้อยหน่า | เพลี้ยชมพู่ | เพลี้ยเงาะ | เพลี้ยมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยพริก
ยาเคมี กำจัดโรคพืช
โรคใบไหม้ | โรคทุเรียน | โรคมันสำปะหลัง | โรคอ้อย | โรคข้าว | โรคยางพารา | โรคมะพร้าว | โรคข้าวโพด | โรคปาล์ม | โรคสับปะรด | โรคถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟ | โรคมะนาว | โรคส้ม | โรคลำไย | โรคลิ้นจี่ | โรคหน่อไม้ฝรั่ง | โรคกระเจี๊ยบเขียว | โรคมังคุด | โรคมันฝรั่ง | โรคหอม | โรคกระเทียม | โรคหอมแดง | โรคมะเขือเทศ | โรคกล้วยไม้ | โรคอินทผาลัม | โรคน้อยหน่า | โรคชมพู่ | โรคเงาะ | โรคมะม่วง | โรคมะขาม | โรคพริก
ยาอินทรีย์ กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน | เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยศัตรูข้าว | เพลี้ยแป้งยางพารา | เพลี้ยศัตรูมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยอ่อนปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยแป้งสับปะรด | เพลี้ยอ่อนถั่วเหลือง | เพลี้ยแป้งพริกไทย | เพลี้ยแป้งกาแฟ | เพลี้ยไฟมะนาว | เพลี้ยไฟส้ม | เพลี้ยแป้งลำไย | เพลี้ยแป้งลิ้นจี่ | เพลี้ยไฟหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยจักจั่นฝ้ายกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยไฟมังคุด | เพลี้ยจักจั่นมันฝรั่ง | เพลี้ยไฟหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยไฟกระเทียม | เพลี้ยไฟหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยไฟกล้วยไม้ | เพลี้ยแป้งอินทผาลัม | เพลี้ยแป้งน้อยหน่า | เพลี้ยไฟชมพู่ | เพลี้ยแป้งเงาะ | เพลี้ยจักจั่นมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยไฟพริก
สารชีวินทรีย์ กำจัดหนอนต่างๆ
กำจัดหนอนศัตรูพืช | กำจัดหนอนทุเรียน | กำจัดหนอนมันสำปะหลัง | กำจัดหนอนกออ้อย | กำจัดหนอนในนาข้าว | กำจัดหนอนในสวนยางพารา | กำจัดหนอนมะพร้าว | กำจัดหนอนข้าวโพด | กำจัดหนอนปาล์มน้ำมัน | กำจัดหนอนสับปะรด | กำจัดหนอนถั่วเหลือง | กำจัดหนอนพริกไทย | กำจัดหนอนกาแฟ | กำจัดหนอนมะนาว | กำจัดหนอนส้ม | กำจัดหนอนลำไย | กำจัดหนอนลิ้นจี่ | กำจัดหนอนหน่อไม้ฝรั่ง | กำจัดหนอนกระเจี๊ยบเขียว | กำจัดหนอนมังคุด | กำจัดหนอนมันฝรั่ง | กำจัดหนอนหอมหัวใหญ่ | กำจัดหนอนกระเทียม | กำจัดหนอนหอมแดง | กำจัดหนอนมะเขือเทศ | กำจัดหนอนกล้วยไม้ | กำจัดหนอนอินทผาลัม | กำจัดหนอนน้อยหน่า | กำจัดหนอนชมพู่ | กำจัดหนอนเงาะ | กำจัดหนอนมะม่วง | กำจัดหนอนมะขาม | กำจัดหนอนพริก
โรงงานรับจ้างผลิตปุ๋ย OEM/ODM เป็นแบรนด์สินค้าของคุณ ปุ๋ยน้ำ ปุ๋ยเม็ด ไตรโคเดอร์มา บิวเวอร์เรีย เมธาไรเซียม จุลินทรีย์ย่อยสลาย ยาปราบฯ สารปรับสภาพดิน ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์เคมี ปุ๋ยเคมี ทำได้ทุกชนิด
เริ่มต้นเพียง 15,000 บาท
ปุ๋ยยาฯ จุลินทรีย์ต่างๆ ปุ๋ยน้ำต่างๆ ปุ๋ยน้ำอะมิโน ไตรโคฯ ประเภทน้ำ ประเภทผง บรรจุขวด บรรจุซอง ทุกชนิด ฯลฯ
เริ่มต้นเพียง 45,000 บาท
ปุ๋ยเม็ดทุกชนิด บรรจุกระสอบ 50 กิโลกรัม บิ๊กแบ็ค 1 ตันเพื่อส่งออก กระสอบ 25 กิโลกรัม ทำได้ทุกชนิด ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์เคมี สารปรับสภาพดิน อะมิโนเม็ดสกัด ฮิวมิค ฯลฯ
โทร 090-592-8614
iLab.work ผู้ใช้บริการตรวจวิเคราะห์ค่าธาตุอาหารใน ดิน น้ำ ปุ๋ย พืช กากอุตสาหกรรม มาตฐาน ISO/IEC 17025


ตรวจง่ายนับ 1 2 3 มาตฐาน ISO/IEC 17025
1.เลือกและคำนวณค่าตรวจที่หน้าเว็บ คลิก
2.ส่งดินเข้าห้อง LAB (ไปรษณีย์,เคอรี่,แฟรช)
3.อ่านผลออนไลน์ (เราจัดส่งต้นฉบับผลวิเคราะห์ ไปตามที่อยู่ที่ให้ไว้เช่นกัน)
→เริ่มกันเลย เลือกค่าที่ต้องการวิเคราะห์
[มีชุดโปรฯแนะนำลดพิเศษ หรือเลือกเองได้]
โรคใบติดทุเรียน ราดำทุเรียน ทุเรียนโคนเน่า ป้องกันกำจัด ไม่ให้ลุกลาม บำรุงให้ฟื้นตัว
Update: 2567/03/12 10:41:21 - Views: 115
โรคราน้ำค้าง : DOWNY MILDEW DISEASE
Update: 2564/08/22 00:10:00 - Views: 3285
ถั่วเหลือง ใบไหม้ ใบเหลือง รากเน่า โคนเน่า ราสนิม โรคแอนแทรคโนส เชื้อราต่างๆป้องกันและกำจัดด้วย ไอเอส และปุ๋ย FK-T
Update: 2567/03/19 13:21:01 - Views: 98
การควบคุมโรคเชื้อราในองุ่นอย่างมีประสิทธิภาพ
Update: 2566/05/09 10:58:07 - Views: 3047
เตือน!! ระวังเพลี้ยแป้ง บุก สวนมะนาว สร้างเสียหายได้มาก จัดการได้อย่างไร?
Update: 2566/11/01 14:23:41 - Views: 460
แก้วมังกร ผลใหญ่ ผลดก ขยายขนาด เพิ่มน้ำหนัก เพิ่มคุณภาพ ผลผลิต ด้วย ปุ๋ยโพแทสเซี่ยมคลอไรด์ สตาร์เฟอร์ 0-0-60
Update: 2567/04/18 16:00:45 - Views: 66
เงาะ ผลใหญ่ ผลดก ขยายขนาด เพิ่มน้ำหนัก เพิ่มคุณภาพ ผลผลิต ด้วย ปุ๋ยโพแทสเซี่ยมคลอไรด์ สตาร์เฟอร์ 0-0-60
Update: 2567/04/12 11:49:44 - Views: 105
ปุ๋ยที่ออกแบบมาสำหรับ นาข้าว ไร่มันสำปะหลัง ไร่อ้อย โดยเฉพาะ
Update: 2567/05/16 09:03:11 - Views: 35
แตงโม ผลใหญ่ ผลดก ขยายขนาด เพิ่มน้ำหนัก เพิ่มคุณภาพ ผลผลิต ด้วย ปุ๋ยโพแทสเซี่ยมคลอไรด์ สตาร์เฟอร์ 0-0-60
Update: 2567/04/11 14:31:21 - Views: 115
ป้องกัน กำจัด เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยต่างๆ และ แมลงจำพวกปากดูดต่างๆ ใช้ได้กับพืชทุกชนิด (1ลิตร ผสมน้ำได้ 400ลิตร)
Update: 2564/08/16 01:33:07 - Views: 3001
ป้องกันและกำจัด โรคแอนแทรคโนส ที่เกิดกับมันสำปะหลัง
Update: 2564/01/19 20:46:13 - Views: 3037
กำจัดเชื้อรา สาเหตุของโรคใบจุด ในทุเรียน ไตรโคเดอร์มา ไตรโคเร็กซ์ ปลอดภัยต่อคนและสัตว์เลี้ยง 100%
Update: 2565/12/14 13:07:15 - Views: 3049
ข้าวโพด ฝักใหญ่ เมล็ดเต็ม ผลผลิตดี มีน้ำหนัก อะมิโนโปรตีนจำเป็นสำหรับพืช 18 ชนิด อะมิโนแรปเตอร์ โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/03/30 16:04:37 - Views: 3072
ปุ๋ยแตงโม ปุ๋ยน้ำสำหรับแตงโม FK ธรรมชาตินิยม เพิ่มผลผลิต ปลอดภัยไร้สารพิษ
Update: 2567/05/17 08:15:44 - Views: 25
กำจัดเพลี้ยถั่วลิสง เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยไฟ ด้วยมาคา หากปล่อยไว้ผลผลิตลดได้ถึง 50%
Update: 2562/08/10 09:34:19 - Views: 3840
มะนาว ผลใหญ่ ด้วย ปุ๋ย สตาร์เฟอร์ 0-0-60 โพแทสเซี่ยม สูตรเร่งผล เพิ่มผลผลิต ขยายขนาด เพิ่มน้ำหนัก และคุณภาพ
Update: 2567/04/26 10:42:47 - Views: 121
กำจัดเพลี้ย เพลี้ยแป้ง แมลงศัตรูพืช เชื้อบิวเวอร์เรีย ผสม เชื้อเมธาไรเซียม บิวทาเร็กซ์ ปลอดภัยเพาะเชื้อจาก Lab 100%
Update: 2566/07/18 12:45:56 - Views: 346
FK Park
Update: 2563/10/07 21:45:53 - Views: 3069
รับจ้างผลิต ปุ๋ย ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยเคมี ยาปราบฯ สารจับใบ ไตรโคเดอร์มา บิวเวอเรีย เมทาไรเซียม สารอินทรีย์ต่างๆ โรงงานมาตรฐาน ISO 9001
Update: 2566/03/17 18:57:05 - Views: 3735
ทำไม ชื่อสายพันธุ์ โควิด-19 จึงเป็น แอลฟ่า เบต้า เดลต้า แกมม่า
Update: 2564/08/15 07:21:45 - Views: 3653
GA4 © FarmKaset.ORG | สถาบันอนุญาโตตุลาการ : 2022