[sort by : last post | top views]..
+ โพสเรื่องใหม่ | ^ เลือกหน้า | ค้นคำว่า - ข้าวโพด
200 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 20 หน้า, หน้าที่ 21 มี 0 รายการ

โรคใบไหม้แผลเล็ก ในข้าวโพด ข้าวโพดใบไหม้ เกิดจากเชื้อรา Bipolaris maydis (Nisik.) Shoemaker. การป้องกันกำจัด
โรคใบไหม้แผลเล็ก ในข้าวโพด ข้าวโพดใบไหม้ เกิดจากเชื้อรา Bipolaris maydis (Nisik.) Shoemaker. การป้องกันกำจัด
โรคใบไหม้แผลเล็ก ในข้าวโพด ข้าวโพดใบไหม้ เกิดจากเชื้อรา Bipolaris maydis (Nisik.) Shoemaker. การป้องกันกำจัด
โรคข้าวโพดใบไหม้แผลเล็ก (Southern Corn Maydis Leaf Blight)
การระบาดของโรคนี้ในประเทศไทยมีเสมอทุกปีและระบาดเพิ่มมากขึ้นในหลายพื้นที่จนถึงปัจจุบัน โดยมีความรุนแรงกับข้าวโพดสายพันธุ์แท้ (Inbred line) บางสายพันธุ์ ข้าวโพดหวานข้าวโพดเทียน ข้าวโพดข้าวเหนียว เป็นต้น

ลักษณะอาการ โรคใบไหม้แผลเล็กในข้าวโพด
ระยะแรกจะเกิดจุดเล็ก ๆ สีเขียวอ่อนฉ่ำน้ำ ต่อมาจุดจะขยายออกตามความยาวของใบ โดยจำกัดด้านกว้างของแผลขนานไปตามเส้นใบตรงกลาง แผลจะมีสีเทา ขอบแผลมีสีเทาน้ำตาล ขนาดของแผลไม่แน่นอน แผลที่ขยายใหญ่เต็มที่มีขนาดกว้าง 6-12 มิลลิเมตร และยาว 6-27 มิลลิเมตร ในกรณีที่ใบข้าวโพดเป็นโรครุนแรง แผลจะ..

http://www.farmkaset..link..
อ่าน:3580
ขั้นตอนการปลูกข้าวโพดหวาน วิธีปลูกข้าวโพด การให้น้ำข้าวโพดหวาน
ขั้นตอนการปลูกข้าวโพดหวาน วิธีปลูกข้าวโพด การให้น้ำข้าวโพดหวาน
ขั้นตอนการปลูกข้าวโพดหวาน วิธีปลูกข้าวโพด การให้น้ำข้าวโพดหวาน
วิธีการปลูกและการให้น้ำข้าวโพดหวาน

แม้ว่าการปลูกข้าวโพดหวานสามารถทำได้ตลอดปีถ้ามีแหล่งน้ำเพียงพอ อย่างไรก็ตามผลผลิตและคุณภาพข้าวโพดหวานอาจจะแตกต่างไปตามฤดูกาล นอกจากนี้พันธุ์บางพันธุ์อาจตอบสนองต่อฤดูปลูกแตกต่างกัน โดยทั่วไปในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ จะให้ผลผลิตต่ำกว่าในช่วงอื่น ๆ เนื่องจากอากาศเย็น ขณะที่การปลูกในเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม จะได้ผลผลิตดีกว่าช่วงอื่น ๆ ไม่มีโรคราน้ำค้างระบาดและปัญหาวัชพืชซึ่งจะน้อยกว่าการปลูกในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม เพราะผลผลิตบางส่วนอาจเสียหายได้เนื่องจากช่วงดังกล่าวฝนตกชุก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมหรือน้ำขังในแปลงปลูกได้ง่าย โดยเฉพาะในแปลงที่มีระบบการระบายน้ำไม่ดี
การเตรียมดิน

ในการปลูกข้าวโพดหวานควรมีการเตรียมดินอย่างดี เพื่อช่วยกำจัดวัชพืชย่อยเศษซากพืชและคลุกเคล้าอินทรียวัตถุ อีกทั้งยังเป็นการทำลายโรคและแมลงบางชนิดที่เป็นศัตรูข้าวโพด โดยทั่วไปการเตรียมดินควรปฏิบัติ ดังนี้

1. ไถด้วยผาลสาม 1 ครั้ง ลึก 20-30 เซนติเมตร และตากดิน 7-10 วัน แล้วพรวนด้วยผาลเจ็ด 1 ครั้ง แล้วคราดเก็บเศษซาก ราก เหง้า หัว ไหล ของวัชพืชออกจากแปลงให้หมด

2. เก็บตัวอย่างดินเพื่อวิเคราะห์ ถ้าพบว่าดินมีความเป็นกรดต่ำกว่า 5.5 ให้หว่านปูนขาว อัตรา 100-200 กิโลกรัมต่อไร่แล้วพรวนกลบ จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 14 วัน ก่อนปลูกข้าวโพดหวาน

3. ถ้าดินมีอินทรียวัตถุต่ำกว่า 1.5 ให้ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกที่ย่อยสลายดีแล้ว อัตรา 500-1_000 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วพรวนดินกลบ

วิธีการปลูก

เมล็ดพันธุ์ที่นำมาปลูกควรมีความงอกสูงกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ หยอด 1 เมล็ดต่อหลุม โดยใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 1.0-1.2 กิโลกรัมต่อไร่ แต่ถ้าเมล็ดพันธุ์มีความงอกต่ำกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ ควรหยอดเมล็ด 1-2 เมล็ดต่อหลุม และหยอดลึกประมาณ 3-5 เซนติเมตร ซึ่งใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 1.5-2.0 กิโลกรัมต่อไร่ เนื่องจากพันธุ์ข้าวโพดหวานที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่ต้านทานต่อโรคราน้ำค้าง ดังนั้นก่อนปลูกทุกครั้งต้องคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารเมตาแลกซิล อัตรา 7 กรัมต่อเมล็ด 1 กิโลกรัม เพื่อป้องกันโรคราน้ำค้าง สำหรับอัตราปลูกที่เหมาะสมของข้าวโพดหวานเพื่ออุตสาหกรรมการแปรรูปควรอยู่ในช่วง 8_500-11_00 ต้นต่อไร่ ซึ่งการจัดระยะปลูกสามารถทำได้โดย

1. ใช้ระยะระหว่างแถว 75 เซนติเมตร และระยะระหว่างต้น 20-25 เซนติเมตร เมื่อข้าวโพดมีอายุประมาณ 10-14 วัน ถอนแยกให้เหลือ 1 ต้นต่อหลุม จะได้จำนวนต้นประมาณ 8_533-10_667 ต้นต่อไร่

2. ใช้ระยะระหว่างแถวและระยะระหว่างต้นเท่ากัน คือ ประมาณ 40 เซนติเมตร เมื่อข้าวโพดมีอายุประมาณ 10-14 วัน ถอนแยกให้เหลือ 1 ต้นต่อหลุม จะได้จำนวนต้นประมาณ 10_000 ต้นต่อไร่

การให้น้ำ

การขาดน้ำทุกระยะการเจริญเติบโตจะมีผลให้ผลผลิตและคุณภาพของข้าวโพดลดลง ก่อนการปลูกเกษตรกรต้องมีการวางแผนวิธีการให้น้ำที่เหมาะสมกับสภาพแปลงปลูก โดยทั่วไปการให้น้ำมีหลักปฏิบัติ ดังนี้

1. ให้น้ำทันทีหลังปลูกและหลังการใส่ปุ๋ยทุกครั้ง หลังจากนั้นให้น้ำทุก 7-12 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ วิธีการให้น้ำที่เกษตรกรปฏิบัติมีอยู่ 2 แบบ คือ ให้น้ำตามร่องคูและให้น้ำแบบพ่นฝอย (Sprinkler) ซึ่งการให้น้ำแบบพ่นฝอยควรให้น้ำแต่ละครั้งประมาณ 35-40 มิลลิลิตร ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศและชนิดของดิน เช่น ถ้าดินที่ใช้ปลูกเป็นดินทรายหรือดินร่วน ควรให้น้ำถี่กว่าดินเหนียวหรือดินร่วนเหนียว เพราะดินดังกล่าวมีความสามารถในการเก็บความชื้นไว้ นอกจากนี้ในช่วงการเจริญเติบโต หากสภาพอากาศมีอุณหภูมิสูงหรือมีลมแรงก็ควรมีการให้น้ำถี่ขึ้น

2. หากพบว่าใบข้าวโพดหวานเหี่ยวหรือม้วนในช่วงเช้าหรือเย็น แสดงว่าขาดน้ำต้องรีบให้น้ำทันที

3. หลังการให้น้ำต้องระวังไม่ให้น้ำท่วมขังในแปลงนานเกิน 24 ชั่วโมง เพราะข้าวโพดหวานจะชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลงหรืออาจตายได้

4. อย่าให้ข้าวโพดขาดน้ำในช่วงการเจริญเติบโต โดยเฉพาะในช่วงผสมเกสรและติดเมล็ด เพราะจะทำให้ผลผลิตและคุณภาพผลผลิตลดลงอย่างมาก ถึงแม้การขาดน้ำจะเป็นช่วงสั้น ๆ และไม่รุนแรง

5. หยุดให้น้ำก่อนเก็บเกี่ยวข้าวโพดหวานประมาณ 2-3 วัน

แหล่งข้อมูลอ้างอิง kubotasolutions.com/ knowledge/corn/detail/313
อ่าน:4175
แก้โรคใบไหม้ รักษาโรคใบไหม้ด้วยยาอินทรีย์ และปุ๋ยเคมีทางใบ (ปุ๋ยเคมี ไม่ได้อันตรายเหมือนยาเคมี)
แก้โรคใบไหม้ รักษาโรคใบไหม้ด้วยยาอินทรีย์ และปุ๋ยเคมีทางใบ (ปุ๋ยเคมี ไม่ได้อันตรายเหมือนยาเคมี)
แก้โรคใบไหม้ รักษาโรคใบไหม้ด้วยยาอินทรีย์ และปุ๋ยเคมีทางใบ (ปุ๋ยเคมี ไม่ได้อันตรายเหมือนยาเคมี)
ในปัจจุบัน การรักษาอาหารโรคใบไหม้ ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา ในพืชใบเขียวต่างๆทุกชนิด ประสิทธิภาพของยาอินทรีย์ในปัจจุบันนั้น ไม่ได้ด้อยกว่ายาเคมีเลย และที่สำคัญ ยาอินทรีนั้นปลอดภัยต่อทั้งผู้ใช้และผู้บริโภค ไม่มีสารตกค้างที่เป็นอันตราย

โรคใบไหม้ เกิดได้กับพืชทั่วไป พืชใบเขียวทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น ไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชสวน พืชไร่ ก็เกิดอาการโรคใบไหม้ ที่มีสาเหตุจากเชื้อราได้ในทุกๆพืช ไม่ว่าจะเป็นไม้ผลอย่าง ทุเรียน เงาะ ลำไย มังคุด พืชเศรษฐกิจอย่างเช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน พืชไร่อย่างเช่น นาข้าว กาแฟ มันสำปะหลัง ข้าวโพด ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พืชผักสวนครัวต่างๆ เช่น พริก ก็เป็นได้ทั้งโรคกุ้งแห้ง แคงเกอร์ ใบไหม้ ใบเหี่ยว กะหล่ำ กวางตุ้ง พืชตระกูลแตงต่างๆ แตงกวา แตงโม แตงร้าน แตงไทย แคลตาลูป ฯลฯ อีกมากมายเลย ล้วนแล้วแต่มีปัญหาโรคใบไหม้ ได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงอาการร้อน ชื้น อบอ้าว โรคใบไหม้ มีสาเหตุจากเชื้อรา ซึ่งเชื้อรานี้ สามารถแพร่กระจายไปตามลมที่พัดพา ไปติดในพื้นที่ต่างๆ จึงลุกลามได้อย่างรวดเร็ว

การป้องกัน รักษาโรคใบไหม้ ในพืชที่ปลูก
- หากเป็นการเริ่มปลูกรอบใหม่ การไถพลิกดินตากแดดสองสัปดาห์ ช่วยฆ่าเชื้อราในดินได้เป็นอย่างดี

- หากเป็นพืชที่มีสายพันธุ์หลากหลาย เช่น มันสำปะหลัง หรือยางพารา สามารถศึกษา เลือกใช้พันธุ์ที่ต้านทานต่อโรคได้สูง

- การเว้นระยะห่างของการปลูกพืชอย่างเพียงพอ ให้แดดส่องถึง อาการถ่ายเทได้ดี เป็นการทำให้สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม ต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา

- การให้น้ำในเวลาเช้าตรู่ เพื่อให้พืชมีเวลาแห้งระหว่างวัน

- เมื่อพบ โรคใบไหม้ ใช้ ไอเอส สารอินทรีย์ป้องกันและยับยั้งโรคพืช ที่มีสาเหตุจากเชื้อ ผสมกับ FK-1 ฉีดพ่นให้ทั่วแปลงที่มีการระบาด ทุก 3-5 วัน ในช่วงของการรักษา ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง และหากพื้นที่รอบข้าง หรือแปลงข้างเคียงยังมีการระบาด ควรฉีดพ่นป้องกันอย่างต่อเนื้อง ทุกๆ 7 หรือ 15 หรือ 30 วัน ตามความรุนแรงของการระบาด

สั่งซื้อสินค้าได้ที่ http://www.farmkaset..link..
ดูโบรชัวร์ ข้อมูลรายะเอียดสินค้า คลิกที่นี่
หรือโทรสั่งซื้อได้ที่ 090-592-8614
หรือไลน์ไอดี FarmKaset
หรือสั่งซื้อที่เพจ ฟาร์มเกษตร http://www.farmkaset..link..
หรือที่ ช็อปปี้ http://www.farmkaset..link..
อ่าน:3695
เพิ่มผลผลิตข้าวโพด ข้าวโพดคุณภาพดี เมล็ดเต็ม ผลผลิตเพิ่มขึ้นเท่าตัว แค่เปลี่ยนวิธีคิด ปรับวิธีการเพียงเล็กน้อย
เพิ่มผลผลิตข้าวโพด ข้าวโพดคุณภาพดี เมล็ดเต็ม ผลผลิตเพิ่มขึ้นเท่าตัว แค่เปลี่ยนวิธีคิด ปรับวิธีการเพียงเล็กน้อย
เพิ่มผลผลิตข้าวโพด ข้าวโพดคุณภาพดี เมล็ดเต็ม ผลผลิตเพิ่มขึ้นเท่าตัว แค่เปลี่ยนวิธีคิด ปรับวิธีการเพียงเล็กน้อย
ปรับเปลี่ยนวิธีการและแนวคิดเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำให้ข้าวโพดที่ปลูกอยู่ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว

ขั้นตอนการปลูก

การเตรียมแถวปลูกโดยใช้รถไถเดินตาม เพราะจะได้แถวข้าวโพดที่สม่ำเสมอ โดยวางแนวปลูกให้หันไปตามทิศตะวันออก-ตะวันตกใช้ระยะระหว่างแถวและระหว่างต้น 50x50 เซนติเมตร และหยอดเมล็ด 3-4 เมล็ดต่อหลุม ให้เมล็ดกระจายออกจากกันเล็กน้อย โดยการหยอดเป็นแนวสลับฟันปลา อย่าหยอดวางกันเป็นกระจุกรวมกัน

เมื่อต้นมีความสูงประมาณ 30 เซนติเมตรหลังงอก ให้ถอนแยกเหลือหลุมละ 3 ต้น แต่ถ้าต้นสมบูรณ์ใกล้เคียงกันทั้งหมด 4 ต้นก็ให้เก็บไว้ทั้งหมดก็ได้ จากนั้นก็ให้ดูแลตามปกติ แต่ต้องมีการจัดการให้น้ำอย่างเพียงพอ เพราะการปลูกตามวิธีนี้จะทำให้มีจำนวนต้นต่อไร่เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าตัว เมื่อเทียบกับวิธีการปลูกตามปกติทั่วไป

ข้อดี : การปลูกด้วยวิธีนี้จะทำให้ได้ฟักที่สองสมบูรณ์เพิ่มขึ้นเกือบทุกต้น ช่วงความสูงของลำต้นจะลดลง แต่ความยาวของใบบนนั้นจะเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากมีการแก่งแย่งแสงแดดกันเอง จึงทำให้ใบยืดยาวขึ้น ลักษณะนี้ เป็นการเพิ่มความแข็งแรงให้กับต้นข้าวโพด เนื่องจากลำต้นสั้นเตี้ยลง และการปลูกหลุมละหลายต้นทำให้ระบบรากนั้นเกี่ยวสอดรัดพันกันหนาแน่น ทำให้ยึดเกาะติดกับผืนดินได้แข็งแรงขึ้นอีกมาก หมดปัญหาเรื่องต้นข้าวโพดล้มหรือหัก ส่วนการวางแนวปลูกให้หันไปตามทิศตะวันออก-ตะวันตกนั้น จะทำให้ต้นข้าวโพดได้รับแสงแดดสม่ำเสมอเท่ากันทุกต้น และการทำแปลงปลูกเป็นแนวรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส จะทำให้การผสมเกสรทั่วถึง ฝักข้าวโพดที่ได้จึงมีฝักสมบูรณ์ เมล็ดเต็มฝัก ทำให้น้ำหนักและผลผลิตเพิ่มขึ้นไปด้วย

ข้อแนะนำเพิ่มเติม

1. ก่อนหยอดเมล็ดพันธุ์ต้องหว่านปุ๋ยรองพื้นสูตร 15-15-15 หรือ 16-20-0 ไร่ละ 25-50 กิโลกรัม

2. เมื่อข้าวโพดอายุได้ 30 วัน ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ผสมยูเรีย หรือสูตร 25-7-7 อัตราไร่ละ 25-50 กิโลกรัม และไถดินกลบโคน

การดูแลรักษา :ใส่ปุ๋ยสูตร 46-0-0 ผสมสูตร 15-15-15 อัตราไร่ละ 20-30 กิโลกรัม ใส่ก่อนที่จะเก็บเกี่ยว
ข้าวโพดประมาณ 10-12 วัน

การให้น้ำ : ใช้น้ำตามร่องข้าวโพด ใส่ทุก 7-10 วัน หรือดูตามสภาพดิน สภาพอากาศ

การเก็บเกี่ยว: ช่วงระยะเวลาประมาณ 75 วันสามามารถหักขายได้เลย

แหล่งอ้างอิง
rakbankerd.com/agriculture/ page.php?id=5549&s=tblplant
อ่าน:3575
โรคราน้ำค้างข้าวโพด ข้าวโพดใบลาย โรคข้าวโพดจากเชื้อรา ใช้ ไอเอส 
โรคราน้ำค้างข้าวโพด ข้าวโพดใบลาย โรคข้าวโพดจากเชื้อรา ใช้ ไอเอส 
โรคราน้ำค้างข้าวโพด ข้าวโพดใบลาย โรคข้าวโพดจากเชื้อรา ใช้ ไอเอส 

โรคราน้ำค้างข้าวโพด หรือโรค ข้าวโพดใบลาย มีสาเหตุเกิดจากเชื้อรา Peronosclerospora sorghi เกิดโรคได้ตั้งแต่ข้าวโพดเริ่มงอก

.

โดยพบจุดเล็กๆ สีเขียวฉ่ำน้ำบนใบอ่อน ต่อมาใบข้าวโพดมีสีเหลืองซีดโดยเฉพาะใบยอด หรือ ใบลายเป็นทางสีเขียวอ่อนสลับสีเขียวแก่ ในเวลาเช้ามักพบส่วนของเชื้อรา ลักษณะเป็นผงสีขาวจำนวนมากบนใบ บางครั้งพบยอดข้าวโพดแตกเป็นพุ่ม ต้นแคระแกร็น เตี้ย ข้อถี่ ไม่มีฝัก หรือมีฝักที่ติดเมล็ดน้อยหรือไม่ติดเมล็ดเลย ก้านฝักมีความยาวมาก หรือมีจำนวนฝักมากกว่าปกติ ข้าวโพดอายุ 1-3 สัปดาห์ จะอ่อนแอต่อโรคมาก

.

แก้โรคต่างๆของข้าวโพด ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา ใช้ ไอเอส

.

ไอเอส เป็นสารอินทรีย์สำหรับป้องกันและยับยั้ง เชื้อรา ไวรัส แบคทีเรีย โรคใบไหม้ ใบแห้ง ใบจุดสีน้ำตาล ใบจุดตากบ แคงเกอร์ ไฟท็อปโธร่า และโรคต่างๆที่มีสาเหตุจากเชื้อรา สกัดจากพืช ปลอดภัยต่อทั้งผู้ใช้และผู้บริโภค ปลอดสารพิษ ไม่มีสารตกค้าง ใช้ฉีดพ่นเพื่อป้องกันและยับยั้งโรคพืชทุกชนิด ที่มีสาเหตุมากจากเชื้อรา

.

สนใจ โทรสั่งซื้อ 090-592-8614

ไลน์ไอดี FarmKaset หรือ ไอดี PrimPB

สั่งทางเฟสบุ๊คได้เช่นกัน https://www.facebook.com/farmkaset

หรือลาซาด้า https://www.lazada.co.th/products/fk-3-i388594842-s754764572.html

อ่าน:3812
เทคนิค การเก็บเมล็ดพันธุ์ พื้นบ้าน โดยเกษตรกร
เทคนิค การเก็บเมล็ดพันธุ์ พื้นบ้าน โดยเกษตรกร
เทคนิค การเก็บเมล็ดพันธุ์ พื้นบ้าน โดยเกษตรกร

ระบบการผลิตเกษตรในปัจจุบันเกษตรได้พยายามพึ่งตนเองด้านปัจจัยการผลิต โดยการผลิตใช้เองตามศักยภาพและทรัพยากรที่มีในชุมชน เช่น ปุ๋ยหมัก น้ำหมัก เป็นต้น เมล็ดพันธุ์พืช นับเป็นปัจจัยการผลิตสำคัญที่บริษัทขนาดใหญ่ ได้ใช้เป็นเครื่องมือในการยึดครองระบบผลิตอาหารของโลก

.

การพึ่งพาตนเองของเกษตรกรรายย่อยด้านการผลิตเมล็ดพันธุ์ใช้เอง จึงยังเป็นเรื่องยุ่งยาก เทคนิคการเก็บเมล็ดพันธุ์พื้นบ้านโดยเกษตรกรเป็นองค์ความรู้ที่รวบรวมโดยชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติ(กลุ่มเกษตรกรทำนา นาโส่)ตำบลนาโส่ อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร เพราะเป็นปัจจัยการผลิต ที่สำคัญที่นำไปสู่การพึ่งตนเอง และการผลิตในระบบเกษตรอินทรีย์

.

ประเภทของเมล็ดพันธุ์

.

การเก็บเมล็ดพันธุ์ให้ได้คุณภาพ ควรรู้จักประเภทของพืชผักพื้นบ้านเพื่อทำความเข้าใจกับธรรมชาติของพืชผัก ซึ่งแบ่งได้ ดังนี้

๑.ตระกูลมะเขือ ได้แก่ มะเขือเทศ มะเขือพวง มะอึก มะแว้ง เป็นต้น

๒.ตระกูลแตง ได้แก่ แตงโม แตงกวา แตงเทศ แตงไทย มะระ บวบหอม บวบเหลี่ยม ฟักเขียว ฯ

๓.ตระกูลกะหล่ำ ได้แก่ ผักกาดเขียวปลี กวางตุ้ง ผักกาดดอก คะน้า กะหล่ำปลี กวางตุ้ง ผักกาดดอก คะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดาว บรอคโคลี่ ผักกาดหัว เป็นต้น

๔.ตระกูลถั่ว ได้แก่ ถั่วลันเตา ถั่วปากอ้า ถั่วฝักยาว ถั่วพุ่ม ถั่วแขก ถั่วพู ถั่วมะแฮะ เป็นต้น

.

การจัดการเมล็ดพันธุ์ตามลักษณะการเก็บเมล็ดพันธุ์

๑.กลุ่มที่ต้องเก็บเมื่อผลแห้ง ได้แก่ กลุ่มบวบ โดยมีวิธีการเก็บ คือเก็บผลแก่จัดสีน้ำตาล นำมาผึ่งลมให้แห้งสนิท และตากแดดให้แห้งสนิท และตากแดดให้แห้งอีก ๓-๕ วัน หลังจากนั้นเทออกจากฝัก ทำความสะอาด บรรจุซองหรือขวด ปิดฝาให้สนิท บันทึกรายละเอียดของพันธุ์เก็บใส่ตู้ หรือ ตู้เย็น

๒.กลุ่มพืชที่ต้องเก็บเมล็ดพันธุ์ช่วงระยะเริ่มสุกแก่ ได้แก่ ถั่วฝักยาว ข้าวโพด ถั่วลันเตา โดยมีวิธีการเก็บคือ มัดรวมกัน ผึ่งลมให้แห้ง ๘-๑๐ วัน กะเทาะออกจากฝัก ทำความสะอาด บรรจุในถุง หรือขวด ปิดฝาให้สนิท บันทึกรายละเอียดของพันธุ์

๓.กลุ่มพืชที่ต้องการเก็บเมล็ดเมื่อผลสุกแก่ ได้แก่ พริก มะเขือ ฟักทอง มะระ แตงโม ฟักเขียว ซึ่งมีวิธีการคือ ฟักเขียว ฟักทอง แตงโม บ่มไว้ก่อน อย่างน้อย ๑๕ วัน เมล็ดจะดูดสารอาหารจากผลมาเก็บไว้ให้เมล็ดเต็ม ส่วนพริก มะเขือ มะระ ไม่ต้องบ่ม เก็บมาผ่าเอาเมล็ดทันที เก็บไว้นานสารอาหารจะถูกดูดออกจากเมล็ด จากนั้นทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาด นำไปตากแดดให้แห้ง ๒-๓ แดด ทำความสะอาดบรรจุในถุงกระดาษ บีบอากาศออกให้หมด ปิดปากถุงให้แน่น บันทึกรายละเอียดของพันธุ์

๔.กลุ่มพืชที่มีสารบางชนิดหุ้มห่อ เช่น มะเขือเทศ มะละกอ แตงกวา แตงร้าน เก็บพันธุ์โดยขูดเอาเมล็ดหมักไว้ ๑-๒ คืน ล้างด้วยน้ำเปล่าจนสะอาด แล้วนำเมล็ดไปตากแดด ๒-๓ แดด จนแห้งสนิท ทำความสะอาดอีกครั้ง จากนั้นบรรจุในซองกระดาษเขียนรายละเอียดของพันธ์ เก็บไว้ในตู้ หรือ ตู้เย็น

.

หมายเหตุ : เมล็ดพันธุ์ที่เก็บในช่องแช่แข็งของตู้เย็นสามารถเก็บได้นานถึง ๔ ปี แต่ถ้าเก็บในช่องธรรมดาเก็บไว้ได้นาน ๒ ปี

.

วิธีการปลูกผักเก็บเมล็ดพันธุ์

๑.พืชตระกูลเถา ปลูกหลุมละไม่เกิน ๒ เถา แต่ละเถาไม่ควรเกิน ๒ ลูก

๒.พริกมะเขือ ให้ปลูกห่างจากพันธุ์อื่นๆ เนื่องจากง่ายต่อการผสมพันธุ์ และ กลายพันธุ์

๓.ข้าวโพด ปลูกให้ห่างจากข้าวโพดพันธุ์อื่นๆ ประมาณ ๕๐๐ เมตร

.

ลักษณะการเก็บเมล็ดพันธุ์ผัก

๑.เก็บคาฝักหรือเก็บฝักแห้ง เช่น ข้าวโพด บวบ น้ำเต้า แตง แตงกวา แตงโม ผักกาด ผักชี กวางตุ้ง คะน้า สลัด

๒.เก็บสุกแก่ เช่น พริกมะเขือ พืชตระกูลถั่ว มะเขือเทศ ทานตะวัน มะรุม แมงลัก

๓.เก็บทั้งต้น เช่น สะระแหน่ ผักชีฝรั่ง กระเทียม หัวหอม

.

วิธีการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์บางชนิด

๑.มะละกอ เก็บผลสุกแก่ นำเมล็ดพันธุ์แช่น้ำเกลือ เหมือนกับการคัดข้าวพันธุ์ ตากในที่ร่ม บรรจุขวด

๒.สลัด เก็บเมื่อสุกจนแห้ง บรรจุขวดที่แห้งแล้วนำไปเก็บไว้ในร่ม

๓.พืชตระกูลถั่ว เก็บเมื่อแก่จัด แล้วแกะเมล็ดออก เก็บไว้ในขวดเพื่อป้องกันมอดหรือแมลง

๔.มะเขือ เก็บเมื่อผลสุกเต็มที่ บรรจุเมล็ดเก็บไว้ในขวด และนำไปเก็บไว้ในที่ร่ม

๕.หัวหอมกระเทียม ทิ้งไว้ให้แก่จัดจนคาแปลงเพื่อป้องกันหัวลีบแล้วนำมามัดรวมกันแขวนไว้ในที่ร่ม

.

เทคนิคการป้องกันแมลงทำลายเมล็ดพันธุ์

๑.เมล็ดถั่วพันธุ์ต่างๆ ๑ กิโลกรัม ใช้เมล็ดละหุ่ง บด ๔๐ กรัม น้ำมันพืช ๒ ช้อนชา คลุกเคล้าให้เข้ากัน

๒.เมล็ดพืชทั่วไป

สูตรที่ ๑ ใบยี่โถหั่นฝอยแห้ง ๔๐ กรัม ต่อเมล็ดพืช ๑ กิโลกรัม

สูตรที่ ๒ ขมิ้นชันป่นแห้ง ๕๐ กรัมต่อเมล็ดพืช ๑ กิโลกรัม

สูตรที่ ๓ ปูนขาว ๕๐ กรัม ต่อเมล็ดพืช ๑ กิโลกรัม

.

เทคนิคการป้องกันความชื้นเมื่อเก็บเมล็ดพันธุ์

๑.วิธีใช้ข้าวคั่วดูดความชื้น โดยการคั่วข้าวสารแห้ง ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็น แล้วใส่ก้นภาชนะ ประมาณ ๑ ใน ๔ วางกระดาษแข็งบนข้าวคั่ว จากนั้นใส่เมล็ดพันธุ์บนกระดาษปิดฝาให้สนิท

๒.วิธีใส่เศษถ่าน โดยวางเศษถ่านรองก้นภาชนะประมาณ ๑ ใน ๔ วางกระดาษแข็งใส่เมล็ดพันธุ์ปิดฝาให้สนิท

๓.วิธีใช้ขี้เถ้าใหม่ โดยการนำขี้เถ้าออกจากเตา(ขี้เถ้าที่เหลือจากการทำอาหารใหม่ๆ)นำไปร่อนให้เหลือ ขี้เถ้าสะอาดใส่ก้นภาชนะลักษณะเดียวกันกับเศษถ่าน ใส่เมล็ดและปิดฝาให้สนิท

.

อุปกรณ์เก็บ/ไล่/ดูดความชื้น

๑.ปูนปลาสเตอร์ /ถ่านหุงข้าว/ขี้เถ้า

๒.ปี๊บ

๓.เมล็ดพันธุ์

.

ภาชนะบรรจุเมล็ดพันธุ์

ภาชนะที่ใช้บรรจุเมล็ดพันธุ์มีหลายรูปแบบ แต่ที่นิยมทั่วไปมี ๑๔ ประเภทได้แก่

๑.ขวดโหล

๒.ขวดสีทึบ

๓.ปี๊บ

๔.ซองกระดาษ

๕.ถุงซิป

๖.กระบอกไม้แห้ง

๗.ซองอะลูมินั่ม

๘.โอ่ง

๙.กระป๋อง

๑๐.หม้อดิน

๑๑.ถุงตาข่าย

๑๒.ถุงผ้า

๑๓.ถุงกระดาษ

๑๔.ผลน้ำเต้าแห้ง

.

การเก็บเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสม

๑.บรรจุใส่ขวดแห้ง เช่น ถั่วพุ่ม ถั่วดำ สลัด ผักชี ผักกาด

๒.บรรจุขวดสีชา เช่น ฟักทอง น้ำเต้า พริก มะเขือ

๓.ตากไว้ในที่ร่ม เช่น หัวหอม กระเทียม ข้าวโพด

.

ข้อสังเกต

๑.ภาชนะบรรรจุเมล็ดพันธุ์ควรเก็บในพื้นที่ที่ไม่มีแดดส่องถึง

๒.ขวดเก็บเมล็ดพันธุ์ควรมีสีชา ดีที่สุด

๓.โอ่ง หรือ ไหดิน บรรจุเมล็ดพันธุ์ให้เก็บไว้ในที่แห้ง

๔.ภาชนะบรรจุเมล็ดพันธุ์ใส่ไว้ในตู้เย็น

.

ที่มาข้อมูลจาก

หนังสือเกษตรกรรมธรรมชาติ ฉบับที่ ๑๗/๒๕๕๕ หน้า ๗

อ่าน:4171
FK Talk: กำลังเข้าสู่ฤดูหนาว อย่าลืมใช้ปุ๋ยน้ำปลอดสารพิษจากเรา ดูแลพืชของคุณนะครับ

FK Talk 5 ตุลาคม 2557

สวัสดีครับ ฤดูหนาวใกล้เข้ามาแล้ว อากาศเริ่มเปลี่ยน เพื่อนพี่น้องฟาร์มเกษตรรักษาสุขภาพด้วยนะครับ (ถ้ามียาแก้หวัดจะรีบประกาศขายตอนนี้เลย ^^)

 

วันนี้ผมมาแนะนำปุ๋ยน้ำ หรือปุ๋ยอินทรีย์น้ำนาโนอะมิโน, นาโนคือผลิตด้วยนาโนเทคโนโลยี นาโนคืออะไรที่มันเล็กมากๆครับ ถ้านับนามวิชาคณิตศาสตร์เช่น 1 เซนติเมตร 1 มิลลิเมตร 1 ไมโคร และก็ 1 นาโนเมตร เซ็นติเมตร คือ 1, มิลลิคือ 1x10 ยกกำลัง -3 หรือพูดง่ายๆคือมีขนาดเท่ากับ 1ส่วนหนึ่งพันของ 1เซ็นติเมตรนั้นเอง, ส่วนไม่โคร คือ 1x10 ยกกำลัง -6 และนาโนนั้นขนาดเล็กเท่ากับ 1x10 ยกกำลัง -9, พูดให้งงน้อยกว่านี้อีกนิดนึงคือ ขนาดของเทคโนโลยีนาโน ถ้าเรามองเห็นได้ เราจะเห็นมันมีขนาดเท่ากับ 1ส่วนพันล้าน ของ 1เซ็นติเมตรนั้นเอง เห็นรึปล่าวครับ ว่ามันเล็กขนาดไหน (คงมองไม่เห็น ^^), เอาเป็นว่ามันเล็กมาาาาก ครับ

 

อมิโนล่ะ, อะมิโน หรือกรดอะมิโน คือโปรตีนแบบหนึ่ง ที่พืชนำไปใช้ในการเจริญเติบโตได้ทันที อย่างรวดเร็ว โดยลัดขั้นตอนบางอย่างของพืชไป ทำให้เราสังเกตุเห็นได้ชัดว่า หลังจากฉีดปุ๋ยอินทรีย์น้ำ นาโนอะมิโน ลงไป จะทำให้พืชเขียว ดูสดชื่นขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งสารเคมีเลย แต่มีกลิ่นเหม็นอยู่พอสมควรนะครับ แต่เป็นกลิ่นเหม็นที่ไม่มีอันตราย ต่างกับเคมี ที่มีอันตรายต่อสุขภาพ

 

ปุ๋ยน้ำ ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ

 

ขายของเลยแล้วกันครับ, ปุ๋ยอินทรีย์น้ำนาโนอะมิโนตัวนี้จากฟาร์มเกษตร มีลักษณะพิเศษคือ กลิ่นเหม็น สารภาพตรงๆว่า เรายังหาวิธีทำให้มันมีกลิ่นหอมดังเช่นน้ำหอมไม่ได้ โดยยังคงรักษาคุณภาพให้ได้เท่าเดิมอยู่

 

เหมาะสำหรับใช้ฉีดพ่นทางใบให้กับพืชได้เกือบทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงแล้ง ที่พืชต้องการความชื้นที่มากขึ้นกว่าฤดูอื่นๆ เพื่อให้พืชเจริญเติบโตได้สมบูรณ์อย่างต่อเนื่อง

 

นาข้าว, มันสำปะหลัง, ไร่อ้อย, ยางพารา, ปาล์มน้ำมัน, ข้าวโพด, ผักปลอดสารพิษ, ผักสวนครัว, ไม้ดอก ไม้ประดับ ก็สามารถใช้ปุ๋ยน้ำนาโนอะมิโนนี้ได้ แต่ไม่แนะนำให้ฉีดไม้ประดับที่เลี้ยงไว้ในบ้าน หรือบริเวณที่นั่งเล่นนะครับ เพราะกลิ่นเหม็นคล้ายมูลสัตว์ อาจจะทำให้ท่านอารมณ์ไม่ดีทั้งวันเลยก็ได้

 

ข้อมูลที่มากกว่านี้ อ่านด้านล้างนี้ครับ ขอบคุณครับผม สวัสดีครับ

อะมิโน [Amino Acids] มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช

ปุ๋ยน้ำ : นาโนอะมิโน : ให้ปุ๋ยน้ำอะมิโนผ่านระบบน้ำหยด หรือ ฉีดพ่นด้วยปุ๋ยน้ำอะมิโน เป็นการให้น้ำทางใบ ช่วยส่งเสริมให้พืช มีความอุดมสมบูรณ์ ตั้งแต่ลำต้นไปจนถึงใบ 

คุณสมบัติจำเพาะ : มีกรดอะมิโนมากกว่า 15 ชนิด ต้นอ้อยสามารถนำไปใช้ได้ทันที, ฉีดพ่นทางใบ ส่งเสริมการดูดซึมธาตุอาหาร, เพิ่มขนาดและความเขียวของใบ, ทำให้พืชเจริญเติบโต ผ่านระยะต่างๆได้อย่างสมบูรณ์ 

ส่วนประกอบของธาตุอาหาร : ประกอบด้วยธาตุอาหาร N (ไนโตรเจน) P (ฟอสฟอรัส) K (โพแทสเซียม) Ca (แคลเซียม) Mg (แมกนีเซียม) S (กำมะถัน) Zn (สังกะสี) Fe (เหล็ก) Cu (ทองแดง) Mn (แมงกานีส) Mo (โมลิบดีนัม) Cl (คลอรีน) B (โบรอน) NI (นิกเกิล) พร้อมจุลธาตุอาหารอื่นๆ รวมทั้งกรดอะมิโนครบถ้วนตามที่พืชต้องการ เลขที่วิเคราะห์ 248.435.5100 โดยสถาบันวิจัย Absolute Analytical Inc. รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา 

วิธีใช้ และอัตราส่วนการผสม ปุ๋ยน้ำอะมิโน 250 ซีซี ผสมน้ำ 100 ลิตร ให้ผ่านระบนน้ำหยด หรือ ฉีดพ่น 100 ลิตรต่อไร่ [ฉีดพ่นตอนไม่มีแดด ช่วงก่อนแดดออก 5:00 น. - 9:00 น. หรือ หลังแดดตก เวลา 16:00 น. - 20:00 น. ไม่ควรฉีดพ่นตอนแดดจัด] 

ปุ๋ยน้ำ นาโนอะมิโน ตรานกอินทรีคู่ ประกอบด้วย
- ธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และจุลธาตุอาหารที่พืชต้องการครบถ้วน
- มีกรดอะมิโนมากกว่า 15 ชนิด ซึ่งอยู่ในรูปที่พืชสามารถนำไปใช้ได้ทันที
- ไม่มีจุลินทรีย์และกากน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ ที่เป็นสาเหตุการเกิดโรคพืช
- สามารถใช้ร่วมกับปุ๋ยอื่น ๆ ได้ทุกชนิด
- ช่วยฟื้นฟูสภาพต้นหลังการเก็บเกี่ยว
- เร่งแตกใบอ่อน ใบเขียว ผลผลิตดีมีคุณภาพ
- กรดอะมิโน พร้อมด้วยธาตุอาหารพืชครบถ้วน สกัดจากธรรมชาติ 100%
- มีธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และจุลธาตุอาหารตามที่พืชต้องการ
- ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการสกัดธาตุอาหารที่พืชสามารถดูดซึมไปใช้ได้ทันที

สนใจผลิตภัณท์ติดต่อ
ฟาร์มเกษตร โทร 089-4599003

อ่าน:3587
ส่งออกข้าวโพดหวาน อนาคตรุ่ง
ส่งออกข้าวโพดหวาน อนาคตรุ่ง

 

ผู้ประกอบการข้าวโพดหวานกระป๋องลุ้นระทึกอียูยกเลิกมาตรการตอบโต้ทุ่มตลาดกลางปีนี้ เผยหากผู้ประกอบการฝรั่งเศส ฮังการี ไม่เสนอกรรมาธิการยุโรปทบทวน จะถูกยกเลิกโดยปริยายชี้หวังได้สูงเหตุหิมะถล่มสินค้าขาดตลาด ข้าวโพดฝักอ่อนไทยพลอยได้รับอานิสงส์ราคาแตะกก. 35 บาท 

 
นายพรชัย ปิ่นวิเศษ ประธานกลุ่มข้าวโพดหวาน สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงสถานการณ์ตลาดข้าวโพดหวานกระป๋องว่ามีแนวโน้มที่สดใสมาก เพราะเวลานี้ทุกตลาดหันมานำเข้าข้าวโพดหวานกระป๋องจากประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี แม้ว่าข้าวโพดหวานกระป๋องของไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี)จากสหภาพยุโรป(อียู) แต่ยังสามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพราะสหรัฐอเมริกาผลผลิตข้าวโพดหวานเริ่มลดลงหลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมปลูกพืชพลังงาน จึงหันมานำเข้าจากไทย ส่วนญี่ปุ่นก่อนหน้านี้เป็นผู้นำเข้าจากสหรัฐฯเมื่อผลผลิตสหรัฐฯลดลงสินค้าราคาแพงญี่ปุ่นจึงหันมานำเข้าจากไทยเช่นเดียวกัน

 
นอกจากมีตลาดใหม่เข้ามารองรับตลาดสหภาพยุโรปแล้ว ขณะนี้ผู้ประกอบการมีความหวังลึกๆ ว่ากลางปีนี้จะมีข่าวดีสำหรับตลาดสหภาพยุโรป เพราะว่าเดือนมิถุนายน 2555 จะครบ 5 ปีที่อียูเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดและจะมีการทบทวนเป็นครั้งแรก ซึ่งตามขั้นตอนนั้นผู้ประกอบการในยุโรปที่เป็นผู้ยื่นเรื่องต่อทางการของยุโรปให้ไต่สวนและเรียกเก็บภาษีเอดีผู้ส่งออกของไทยต้องเป็นผู้ยื่นให้มีการทบทวนจะยกเลิกหรือเรียกเก็บภาษีเอดีในอัตราเท่าใด หากผู้ประกอบยุโรปไม่ยื่นให้ทบทวนเท่ากับว่าการเรียกเก็บภาษีเอดีจากผู้ส่งออกไทยถูกยกเลิกไปโดยปริยาย

 
"เวลานี้หลายประเทศในสหภาพยุโรปประสบภัยธรรมชาติหิมะตกอย่างรุนแรง จนไม่สามารถปลูกพืชผลทางการเกษตรได้ สินค้าพืชผักต่างๆ ไม่เพียงพอบริโภค จะเห็นได้ว่าเวลานี้ยุโรปสั่งนำเข้าข้าวโพดฝักอ่อนสดจากประเทศไทยจนสินค้าไม่พอป้อน และดันราคาภายในประเทศสูงขึ้นจากเคยรับซื้อกก.ละ 20-21 บาท เวลานี้ข้าวโพดฝักอ่อนราคาสูงถึงกก.ละ 35 บาท จึงมีความหวังว่าผู้ประกอบการในประเทศฝรั่งเศส ฮังการี และอิตาลีที่ยื่นฟ้องกล่าวหาไทยทุ่มตลาดข้าวโพดหวานจะไม่ยื่นให้ทางการยุโรปทบทวน นั่นเท่ากับว่ามาตรการเรียกเก็บเอดีถูกยกเลิกไปโดยปริยาย ส่วนข้าวโพดหวานกระป๋องราคายังไม่เคลื่อนไหวสูงขึ้นเท่ากับข้าวโพดฝักอ่อนเพราะเป็นสินค้าอุตสาหกรรม"

 
นายพรชัย กล่าวว่าจากการที่อุตสาหกรรมข้าวโพดหวานกระป๋องมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงได้เสนอสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) บรรจุข้าวโพดหวานเป็นพืชเศรษฐกิจ มีนโยบายส่งเสริมปลูกอย่างชัดเจน เพราะเวลานี้ปัญหาของผู้ประกอบการคือวัตถุดิบไม่เพียงพอป้อนโรงงาน ทั้งที่ตลาดมีความต้องการ ขณะเดียวกันได้เสนอกระทรวงพาณิชย์เข้ามากำกับดูแลผู้ประกอบการไม่ให้ขายสินค้าตัดราคากันเอง เพราะสาเหตุถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดอยู่ ณ เวลานี้เป็นผลสืบเนื่องจากผู้ประกอบการขายตัดราคากันเอง ซึ่งไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใด เพราะข้าวโพดหวานกระป๋องตลาดมีความต้องการสูง ผู้ส่งออกของไทยสามารถกำหนดราคาขายได้โดยไม่ต้องไปกดราคาขายแข่งกันแต่อย่างใด
 
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
 
อ่าน:3987
ผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวาน ไทยส่งออกข้าวโพสหวาน อันดับ 3 ของโลก

 

ข้าวโพดหวานเป็นสินค้าผักประเภทหนึ่งที่น่าจับตามอง เนื่องจากในระยะ 5 ปีที่ผ่านมาการส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานของไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานของไทยสามารถแข่งขันได้ทั้งในด้านราคาและคุณภาพ โดยปัจจุบันไทยมีการส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานมากเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากฮังการี และสหรัฐฯ ทำให้การปลูกข้าวโพดหวานในประเทศมีการขยายตัวอย่างมาก รองรับกับความต้องการของผู้ผลิตและผู้ส่งออกที่มีการขยายการลงทุนในการผลิตผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวาน 
 
ตลาดผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานโลก…ฮังการีครองแชมป์ ไทยกำลังไล่ตามสหรัฐฯ 
 
ฮังการี สหรัฐฯและไทยเป็นประเทศที่มีการส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานมากที่สุดในโลก ปัจจุบันฮังการีมีสัดส่วนการส่งออกข้าวโพดหวานสดแช่เย็นและแช่แข็งร้อยละ 31.0 ของปริมาณการส่งออกในตลาดโลก และมีสัดส่วนร้อยละ 34.0 สำหรับข้าวโพดหวานแปรรูป โดยสามารถแย่งชิงตลาดผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานมาจากสหรัฐฯ โดยในช่วงระยะ 5 ปีที่ผ่านมากการส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานของสหรัฐฯในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง 
 
กล่าวคือ สัดส่วนการส่งออกข้าวโพดหวานสด แช่เย็นและแช่แข็งเหลือเพียงร้อยละ 30.0 เทียบกับสัดส่วนที่เคยสูงถึงร้อยละ 50.0 ในปี 2541 ขณะที่สัดส่วนการส่งออกข้าวโพดหวานแปรรูปเหลือเพียงร้อยละ 33.0 เทียบกับสัดส่วนที่เคยสูงถึงร้อยละ 70.0 ในปี 2541 ในทางตรงกันข้ามฮังการีและไทยมีสัดส่วนการส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานในตลาดโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันฮังการีนั้นสามารถแซงสหรัฐฯขึ้นเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานอันดับหนึ่งของโลก เนื่องจากสหรัฐฯประสบปัญหาที่ประเทศผู้นำเข้าไม่ไว้วางใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จีเอ็มโอ(Genetically Modified Organisms : GMOs) และสัดส่วนการส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานไปยังสหภาพยุโรปมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากสหภาพยุโรปมีมาตรการตรวจสอบย้อนกลับสำหรับสินค้าอาหาร และการติดฉลากแยกระหว่างสินค้าที่มีจีเอ็มโอและสินค้าที่ปลอดจีเอ็มโอ 
 
นอกจากนี้ในปัจจุบันฮังการีเข้าไปเป็นสมาชิกใหม่ของสหภาพยุโรป ทำให้ประเทศในสหภาพยุโรปหันไปนำเข้าจากฮังการีมากขึ้น ส่วนไทยนั้นแม้ว่าจะผลิตข้าวโพดหวานได้เป็นอันดับ 8 ของโลก แต่ก็สามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานได้มากเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากฮังการีและสหรัฐฯ และมีสัดส่วนตลาดประมาณร้อยละ 20.0 ของข้าวโพดหวานแปรรูปในตลาดโลก 
 
ผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานในไทย…หลากปัจจัยหนุน ผลผลิตเพิ่ม ส่งออกพุ่ง 
 
ปัจจุบันพื้นที่ปลูกข้าวโพดหวานในประเทศไทยมีประมาณ 737,500 ไร่ ผลผลิต(ทั้งเปลือก)ประมาณ 1.48 ล้านตัน จากในปี 2545 มีพื้นที่ปลูกประมาณ 200,000 ไร่ ผลผลิต(ทั้งเปลือก)ประมาณ 400,000 ตัน เนื่องจากหลากหลายปัจจัยหนุน กล่าวคือ การส่งออกที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรดาผู้ประกอบการในธุรกิจผักและผลไม้กระป๋องหันมาเพิ่มสายการผลิตผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวาน และจำนวนผู้ประกอบการที่ผลิตข้าวโพดหวานสด แช่เย็นและแช่แข็งก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยผู้ประกอบการเหล่านี้หันไปลงทุนส่งเสริมเกษตรกรให้ปลูกข้าวโพดหวานในลักษณะตลาดข้อตกลง โดยเฉพาะในเขตภาคเหนือ ซึ่งในระยะ 4 ปีที่ผ่านมาผลผลิตข้าวโพดหวานในภาคเหนือเพิ่มขึ้นกว่าหนึ่งเท่าตัวทุกปี ทำให้ในปัจจุบันแหล่งปลูกข้าวโพดหวานที่สำคัญของไทยอยู่ทางภาคเหนือ จากเดิมแหล่งปลูกจะอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยเฉพาะในจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ และมหาสารคาม และภาคตะวันตกในจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม เพชรบุรี และสมุทรสาคร ปัจจุบันจำนวนโรงงานอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานมีประมาณ 30 โรงงาน 
 
ข้าวโพดหวานที่จำหน่ายในตลาดแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ 
 
1.ผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูป ในช่วงระยะ 3 ปีที่ผ่านมาปริมาณการผลิตข้าวโพดหวานเพื่อนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ข้าวโพดแปรรูปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผลผลิตข้าวโพดหวานในประเทศร้อยละ 95 จะส่งเข้าโรงงานเพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ข้าวโพด และที่เหลืออีกร้อยละ 5 ส่งเข้าโรงงานผลิตข้าวโพดสดแช่เย็นแช่แข็ง คาดการณ์ว่าในปี 2548 ปริมาณการผลิตข้าวโพดหวานในส่วนนี้เท่ากับ 141,200 ตัน เมื่อเทียบกับในปี 2547 แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.7 ปริมาณข้าวโพดหวานที่ผลิตได้ในแต่ละปีประมาณร้อยละ 94 ส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 6 เป็นการบริโภคในประเทศ 
 
การส่งออกข้าวโพดหวานแปรรูปมีทั้งในรูปของเมล็ดข้าวโพดหวานในน้ำเกลือ(Whole Kernel Corn) และซุปข้าวโพด(Cream Style Corn) ซึ่งข้าวโพดหวานแปรรูปของไทยได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูปของไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าในปี 2548 มูลค่าการส่งออกเท่ากับ 3,500 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2547 แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.2 ตลาดส่งออกสำคัญคือ สหภาพยุโรปมีสัดส่วนตลาดประมาณร้อยละ 50.0 ส่วนตลาดที่มีความสำคัญรองลงมาและมีการขยายตัวอยู่ในเกณฑ์สูงคือ เกาหลีใต้ รัสเซีย ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ คาดว่าในอนาคตตลาดเหล่านี้จะเพิ่มความสำคัญมากขึ้นทดแทนการส่งออกไปยังสหภาพยุโรปที่เริ่มมีปัญหา โดยผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูปของไทยสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดบางส่วนจากสหรัฐฯมาได้ ทั้งนี้เนื่องจากราคาข้าวโพดหวานแปรรูปคุณภาพดีของไทยนั้นมีราคาถูกกว่าของสหรัฐฯประมาณร้อยละ 20 และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูปของไทยนั้นดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งขัน 
 
อย่างไรก็ตามสิ่งที่พึงระวังของการส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูป คือ 
 
1.การแข่งขันกันเองของผู้ส่งออกของไทยที่ผลิตข้าวโพดหวานคุณภาพปานกลางและต่ำ ซึ่งจะเป็นตัวดึงราคาข้าวโพดหวานแปรรูปของไทยในอนาคต และอาจจะส่งผลกระทบถึงภาพลักษณ์โดยรวมของผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูปส่งออกโดยรวมของไทย ถ้ามีการปฏิเสธการนำเข้าผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูปของไทย เนื่องจากสินค้าของผู้ผลิตบางรายคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานที่ประเทศนำเข้ากำหนดไว้ และผู้ส่งออกมีการตัดราคาจำหน่ายแข่งขันกันเอง ซึ่งอาจจะส่งผลเสียในระยะยาว โดยกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์รายงานว่ามีกระแสข่าวว่าผู้ผลิตข้าวโพดกระป๋องในสหภาพยุโรปเตรียมจะฟ้องร้องเพื่อให้เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าข้าวโพดกระป๋องที่ส่งออกจากไทย หลังพบว่าการส่งออกจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีราคาต่ำ ทำให้ผู้ผลิตภายในของสหภาพยุโรปได้รับผลกระทบ 
 
2.การส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูปไปยังสหภาพยุโรปลดลง อันเนื่องจากการที่ฮังการี ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูปอันดับหนึ่งของโลกเข้าไปเป็นสมาชิกใหม่ของสหภาพยุโรปในเดือนพฤษภาคม 2547 ทำให้สหภาพยุโรปหันไปนำเข้าจากฮังการีมากยิ่งขึ้น 
 
3.ข้าวโพดหวานสดแช่เย็นแช่แข็ง ในช่วงระยะ 3 ปีที่ผ่านมาปริมาณการผลิตข้าวโพดหวานเพื่อนำไปผลิตเป็นข้าวโพดหวานสด แช่เย็นและแช่แข็งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าในปี 2548 ปริมาณการผลิตข้าวโพดหวานในส่วนนี้เท่ากับ 6,145 ตัน เมื่อเทียบกับในปี 2547 แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.5 ปริมาณข้าวโพดหวานที่ผลิตได้ในแต่ละปีประมาณร้อยละ 90 ส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 10 เป็นการบริโภคในประเทศ 
 
การส่งออกข้าวโพดหวานสดแช่เย็นแช่แข็งของไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง คาดว่ามูลค่าการส่งออกข้าวโพดหวานสดแช่เย็นแช่แข็งในปี 2548 เท่ากับ 170.0 ล้านบาท เมื่อเทียบกับมูลค่าส่งออกในปี 2547 แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 50.6 ซึ่งข้าวโพดหวานสดแช่เย็นแช่แข็งกำลังเป็นที่นิยมบริโภคในตลาดต่างประเทศ ตลาดส่งออกที่สำคัญคือ ญี่ปุ่น โดยมีสัดส่วนร้อยละ 60.0 การส่งออกไปยังญี่ปุ่นมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องตลาดช่วงระยะ 5 ปีที่ผ่าน และในปี 2547 ขยายตัวถึง 4 เท่าตัว คาดว่าในปี 2548 มูลค่าการส่งออกข้าวโพดหวานสดแช่เย็นแช่แข็งไปยังญี่ปุ่นจะยังคงขยายตัวอีกประมาณ 1 เท่าตัว อย่างไรก็ตามไทยต้องเผชิญกับปัญหาความเข้มงวดในเรื่องมาตรฐานด้านสุขอนามัย และการแข่งขันกับจีน ซึ่งมีราคาถูกกว่า แต่ผู้ส่งออกไทยยังคงได้เปรียบในเรื่องคุณภาพของสินค้า สำหรับตลาดอื่นๆที่น่าสนใจคือ ไต้หวันและสหรัฐฯ ส่วนตลาดใหม่ที่เริ่มมีการส่งออกคือ คอสตาริกา สวีเดน เวียดนาม เรอูเนียง สิงคโปร์ และอิหร่าน 
 
บทสรุป 
 
ปัจจุบันไทยครองอันดับ 3 ในการส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานในตลาดโลกรองจากฮังการีและสหรัฐฯ โดยการส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานของไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะ 5 ปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานของไทยได้รับการยอมรับทั้งในด้านคุณภาพและราคา รวมทั้งยังเป็นที่นิยมบริโภคอย่างมากในตลาดต่างประเทศ ส่งผลให้ผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ผักหลายรายหันมาเพิ่มสายการผลิตผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานเพื่อการส่งออก ทำให้มีการเข้าไปลงทุนส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหวานในลักษณะตลาดข้อตกลงเพื่อควบคุมปริมาณและคุณภาพการผลิตให้ตรงตามความต้องการ อย่างไรก็ตามปัจจัยพึงระวังที่ต้องเร่งแก้ไขเพื่อให้การส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานของไทยยังจะเติบโตต่อเนื่องต่อไป ก็คือ การรักษาระดับมาตรฐานการผลิตและปัญหาการตัดราคากันเองของผู้ส่งออก ซึ่งอาจจะนำไปสู่ปัญหาการสอบสวนการทุ่มตลาดในประเทศนำเข้าสำคัญ โดยทั้งสองปัญหานี้จะส่งผลกระทบต่อทั้งภาพรวมการส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานของไทยในอนาคต 
 
 
ปริมาณการผลิตและความต้องการข้าวโพดหวานแช่แข็งของไทย 
: ตัน 
2545 2546 2547 2548* 
สต็อกต้นปี 130 126 360 390 
ปริมาณการผลิต 1,200 4,700 5,100 6,145 
ปริมาณการนำเข้า 18 17 15 15 
รวม 1,348 4,843 5,475 6,550 
ส่งออก 1,072 4,310 4,900 6,000 
บริโภคในประเทศ 150 173 185 200 
สต็อกปลายปี 126 360 390 350 
ที่มา : USDA. GAIN Report. Thailand Processed Sweet Corn Annual 2004. 
หมายเหตุ : *คาดการณ์ 
 
มูลค่าส่งออกข้าวโพดหวานสดแช่เย็นแช่แข็งของไทย 
: ล้านบาท 
ประเทศ 2545 2546 2547 มค.-มิย. 2548 
ญี่ปุ่น 4.4 9.9 52.5 52.6 
ไต้หวัน 1.9 2.6 25.3 7.2 
คอสตาริกา - - - 6.5 
สหภาพยุโรป 22.1 11.5 16.1 5.0 
เวียดนาม - - 2.1 2.7 
สหรัฐฯ 2.1 0.8 5.1 1.7 
อื่นๆ 21.3 19.5 12.5 10.0 
รวม 51.8 
(7.2) 44.3 
(-14.5) 113.6 
(156.4) 85.7 
(38.7) 
ที่มา : กระทรวงพาณิชย์ 
หมายเหตุ : ตัวเลขในวงเล็บหมายถึงการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา 
 
 
 
 
ปริมาณการผลิตและความต้องการข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋องของไทย 
: ตัน 
2545 2546 2547 2548* 
สต็อกต้นปี 6,521 5,605 6,500 6,300 
ปริมาณการผลิต 67,500 90,000 118,000 141,200 
ปริมาณการนำเข้า 5 5 5
รวม 74,026 95,610 124,505 147,505 
ส่งออก 66,321 86,264 115,000 138,000 
บริโภคในประเทศ 2,100 2,846 3,205 3,505 
สต็อกปลายปี 5,605 6,500 6,300 6,000 
ที่มา : USDA. GAIN Report. Thailand Processed Sweet Corn Annual 2004. 
หมายเหตุ : *คาดการณ์ 
มูลค่าส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูปของไทย 
: ล้านบาท 
ประเทศ 2545 2546 2547 มค.-มิย. 2548 
สหภาพยุโรป 647.1 984.4 1,409.1 691.0 
เกาหลีใต้ 193.1 225.6 184.9 105.1 
รัสเซีย 132.0 82.9 128.1 93.8 
ญี่ปุ่น 24.4 102.4 124.3 66.1 
ไต้หวัน 116.8 141.0 146.4 60.0 
สหรัฐฯ 24.6 67.6 94.0 50.5 
ฟิลิปปินส์ 35.0 38.6 57.0 47.6 
อื่นๆ 408.2 435.7 566.0 436.8 
รวม 1,581.2 
(61.6) 2,078.2 
(31.4) 2,709.8 
(30.4) 1,550.9 
(22.6) 
ที่มา : กระทรวงพาณิชย์
อ่าน:3637
ข้าวโพดนครสวรรค์3 พันธุ์ใหม่ผลผลิตสูงทนโรค 
นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 5 จังหวัดชัยนาท เปิดเผยว่า กรมวิชาการเกษตร โดยศูนย์วิจัยพืชไร่นครสรรค์ ประสบผลสำเร็จในการวิจัย และพัฒนาพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 ซึ่งเป็นข้าวโพดที่นอกจากจะให้ผลผลิตสูงแล้ว ยังทนต่อความแล้ง ทนต่อโรคราน้ำค้าง โรคราสนิม และยังหักฝักเก็บเกี่ยวด้วยมือง่าย รวมทั้งสีของข้าวโพดสวยเป็นที่ต้องการของเกษตรกรและตลาดอีกด้วย 

นายพิเชษฐ์ กรุดลอยมา นักวิชาการเกษตร 8 ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ กล่าวว่า เป็นผู้วิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมนครสวรรค์ 3 ขึ้นมา เป็นการวิจัยต่อยอดจากข้าวโพดลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 2 ที่มีคุณสมบัติทนต่อโรคราน้ำค้าง โรคราสนิม และเก็บเกี่ยวง่ายให้ผลผลิตสูงถึง 1,147 กิโลกรัมต่อไร่ และมีคุณสมบัติทนต่อความแห้งแล้ง เมื่อนำไปทดลองปลูกเกษตรกรจึงมีความต้องการสูง แต่ยังไม่สามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ให้พียงพอกับความต้องการ จึงจัดทำโครงการนำร่องกับกลุ่มเกษตรกรและภาคเอกชนรายย่อย นำไปผลิตเมล็ดพันธุ์ คาดว่าปี 2552 จะได้เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 3 ประมาณ 350 ตัน. 
อ่าน:3672
200 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 20 หน้า, หน้าที่ 21 มี 0 รายการ
|-Page 20 of 21-|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |


โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset

กลุ่มสินค้าขายดีมาก

ฮิวมิค FK
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
ไทอะมีทอกแซม
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
แพนน่อน
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ


กลุ่มทางใบปุ๋ยประสิทธิภาพสูง
*โปรดอ่าน ใช้ FK-1 ในช่วงแรก เพื่อเร่งโต เร่งราก เร่งดอก จับคู่กับ FK-3 ในช่วงเร่งผลผลิต พืชออกผลทุกชนิด ใช้ FK-1 กับ FK-3, นาข้าว ใช้ FK-1 กับ FK-3R (Rice), ไร่อ้อย ใช้ FK-1 กับ FK-3S (Sugarcane), มันสำปะหลัง ใช้ FK-1 กับ FK-3C (Cassava)

FK-1
สั่ง FK-1 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3
สั่ง FK-3 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3S
สั่ง FK-3S กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3R
สั่ง FK-3R กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3C
สั่ง FK-3C กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มอินทรีย์ ปุ๋ย ยาปราบฯ
ที่ขายดีที่สุดบน ลาซาด้า

FKT250-IS250-499B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 1ลิตร
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 3ลิตร
สั่งไอเอส3ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
มาคา
สั่งมาคากับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอกี้-บีที
สั่งไอกี้-บีทีกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L
สั่ง FK-T 1ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK ธรรมชาตินิยม
สั่งFK-T 250ซีซี กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 250ซีซี
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-IS1L-970B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-MAKA-980B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-AiKi-990B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มเคมียาปราบฯประสิทธิภาพสูง

invet
สั่ง อินเวท กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
metalaxyl
สั่ง เมทาแลคซิล กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
carron
สั่ง คาร์รอน กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มปุ๋ยทางใบผสมสูตรเองได้
เว็บระบบคำนวณการผสมปุ๋ย


starfer 30-20-5
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 10-40-10
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 15-5-30
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
maxza
สั่ง แม็กซ่า กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้



บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
Central Laboratory (Thailand) Co.,Ltd.

ให้บริการตรวจวิเคราะห์
ตรวจฉลากโภชนาการ
ตรวจสารสำคัญกัญชา/กัญชง
ตรวจน้ำใช้ในกระบวนการผลิต
ฟอร์มขอใบเสนอราคา
สำหรับตรวจวิเคราะห์อื่นๆ ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร (ตรวจวิเคราะห์ได้ทุกอย่าง) โปรดกรอก ฟอร์มขอใบเสนอราคา
ตรวจขึ้นทะเบียนปุ๋ยเคมี
ตรวจสารพิษตกค้างเพื่อการส่งออก
ตรวจผักสดปลอดเชื้อจุลินทรีย์ E. coli, Salmonella spp.
ส่งตัวอย่างมะละกอ เพื่อการทดสอบการดัดแปลงพันธุกรรม
ส่งตัวอย่างเพื่อทดสอบ ปริมาณอะฟลาทอกซินในเมล็ดแมงลัก ลูกเดือย และพริกแห้ง เพื่อส่งออกนอกราชอาณาจักร
Hardline Test Application
ปุ๋ยคุณภาพสูง
พืชทุกชนิด | ปุ๋ยทุเรียน | ปุ๋ยมันสำปะหลัง | ปุ๋ยสำหรับไร่อ้อย | ปุ๋ยนาข้าว | ปุ๋ยยางพารา | ปุ๋ยมะพร้าว | ปุ๋ยข้าวโพด | ปุ๋ยปาล์ม | ปุ๋ยสับปะรด | ปุ๋ยถั่วเหลือง | ปุ๋ยพริกไทย | ปุ๋ยกาแฟ | ปุ๋ยมะนาว | ปุ๋ยส้ม | ปุ๋ยลำไย | ปุ๋ยลิ้นจี่ | ปุ๋ยหน่อไม้ฝรั่ง | ปุ๋ยกระเจี๊ยบเขียว | ปุ๋ยมังคุด | ปุ๋ยมันฝรั่ง | ปุ๋ยหอมหัวใหญ่ | ปุ๋ยกระเทียม | ปุ๋ยหอมแดง | ปุ๋ยมะเขือเทศ | ปุ๋ยกล้วยไม้ | ปุ๋ยอินทผลัม | ปุ๋ยน้อยหน่า | ปุ๋ยชมพู่ | ปุ๋ยเงาะ | ปุ๋ยมะม่วง | ปุ๋ยมะขาม | ปุ๋ยพริก
ยาอินทรีย์แก้โรคพืช
โรคใบไหม้ | ทุเรียนใบติด | มันสำปะหลังใบไหม้ | โรคอ้อยใบไหม้ | ข้าวใบไหม้ | ยางพาราใบไหม้ | โรคมะพร้าวใบไหม้ | โรคราน้ำค้างข้าวโพด | ปาล์มใบไหม้ | โรคสับปะรด | โรคราน้ำค้างถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟใบไหม้ | ราสนิมมะนาว | ส้มใบไหม้ | ลำไยใบไหม้ | ลิ้นจี่ใบไหม้ | หน่อไม้ฝรั่งลำต้นไหม้ | กระเจี๊ยบเขียวฝักลาย | โรคใบจุดมังคุด | มันฝรั่งใบใหม้ | โรคหอมเลื้อย | โรคใบจุดกระเทียม | โรคหอมแดง | ราแป้งมะเขือเทศ | โรคจุดสนิมกล้วยไม้ | อินทผลัมใบไหม้ | น้อยหน่าดอกร่วง | ชมพู่ใบไหม้ | เงาะใบไหม้ | มะม่วงใบไหม้ | ราแป้งมะขาม | โรคพริก
ยาเคมี กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยทุเรียน | เพลี้ยมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยข้าว | เพลี้ยยางพารา | เพลี้ยมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยสับปะรด | เพลี้ยถั่วเหลือง | เพลี้ยพริกไทย | เพลี้ยกาแฟ | เพลี้ยมะนาว | เพลี้ยส้ม | เพลี้ยลำไย | เพลี้ยลิ้นจี่ | เพลี้ยหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยมังคุด | เพลี้ยมันฝรั่ง | เพลี้ยหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยกระเทียม | เพลี้ยหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยกล้วยไม้ | เพลี้ยอินทผาลัม | เพลี้ยน้อยหน่า | เพลี้ยชมพู่ | เพลี้ยเงาะ | เพลี้ยมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยพริก
ยาเคมี กำจัดโรคพืช
โรคใบไหม้ | โรคทุเรียน | โรคมันสำปะหลัง | โรคอ้อย | โรคข้าว | โรคยางพารา | โรคมะพร้าว | โรคข้าวโพด | โรคปาล์ม | โรคสับปะรด | โรคถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟ | โรคมะนาว | โรคส้ม | โรคลำไย | โรคลิ้นจี่ | โรคหน่อไม้ฝรั่ง | โรคกระเจี๊ยบเขียว | โรคมังคุด | โรคมันฝรั่ง | โรคหอม | โรคกระเทียม | โรคหอมแดง | โรคมะเขือเทศ | โรคกล้วยไม้ | โรคอินทผาลัม | โรคน้อยหน่า | โรคชมพู่ | โรคเงาะ | โรคมะม่วง | โรคมะขาม | โรคพริก
ยาอินทรีย์ กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน | เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยศัตรูข้าว | เพลี้ยแป้งยางพารา | เพลี้ยศัตรูมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยอ่อนปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยแป้งสับปะรด | เพลี้ยอ่อนถั่วเหลือง | เพลี้ยแป้งพริกไทย | เพลี้ยแป้งกาแฟ | เพลี้ยไฟมะนาว | เพลี้ยไฟส้ม | เพลี้ยแป้งลำไย | เพลี้ยแป้งลิ้นจี่ | เพลี้ยไฟหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยจักจั่นฝ้ายกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยไฟมังคุด | เพลี้ยจักจั่นมันฝรั่ง | เพลี้ยไฟหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยไฟกระเทียม | เพลี้ยไฟหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยไฟกล้วยไม้ | เพลี้ยแป้งอินทผาลัม | เพลี้ยแป้งน้อยหน่า | เพลี้ยไฟชมพู่ | เพลี้ยแป้งเงาะ | เพลี้ยจักจั่นมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยไฟพริก
สารชีวินทรีย์ กำจัดหนอนต่างๆ
กำจัดหนอนศัตรูพืช | กำจัดหนอนทุเรียน | กำจัดหนอนมันสำปะหลัง | กำจัดหนอนกออ้อย | กำจัดหนอนในนาข้าว | กำจัดหนอนในสวนยางพารา | กำจัดหนอนมะพร้าว | กำจัดหนอนข้าวโพด | กำจัดหนอนปาล์มน้ำมัน | กำจัดหนอนสับปะรด | กำจัดหนอนถั่วเหลือง | กำจัดหนอนพริกไทย | กำจัดหนอนกาแฟ | กำจัดหนอนมะนาว | กำจัดหนอนส้ม | กำจัดหนอนลำไย | กำจัดหนอนลิ้นจี่ | กำจัดหนอนหน่อไม้ฝรั่ง | กำจัดหนอนกระเจี๊ยบเขียว | กำจัดหนอนมังคุด | กำจัดหนอนมันฝรั่ง | กำจัดหนอนหอมหัวใหญ่ | กำจัดหนอนกระเทียม | กำจัดหนอนหอมแดง | กำจัดหนอนมะเขือเทศ | กำจัดหนอนกล้วยไม้ | กำจัดหนอนอินทผาลัม | กำจัดหนอนน้อยหน่า | กำจัดหนอนชมพู่ | กำจัดหนอนเงาะ | กำจัดหนอนมะม่วง | กำจัดหนอนมะขาม | กำจัดหนอนพริก
iLab.work ผู้ใช้บริการตรวจวิเคราะห์ค่าธาตุอาหารใน ดิน น้ำ ปุ๋ย พืช กากอุตสาหกรรม มาตฐาน ISO/IEC 17025


ตรวจง่ายนับ 1 2 3 มาตฐาน ISO/IEC 17025
1.เลือกและคำนวณค่าตรวจที่หน้าเว็บ คลิก
2.ส่งดินเข้าห้อง LAB (ไปรษณีย์,เคอรี่,แฟรช)
3.อ่านผลออนไลน์ (เราจัดส่งต้นฉบับผลวิเคราะห์ ไปตามที่อยู่ที่ให้ไว้เช่นกัน)
→เริ่มกันเลย เลือกค่าที่ต้องการวิเคราะห์
[มีชุดโปรฯแนะนำลดพิเศษ หรือเลือกเองได้]
เผยปลูกกัญชง 4 เดือน ฟันกำไร 2 ล้าน ต้องรู้เทคนิค แนะจุดต่างกัญชา
Update: 2564/04/07 23:04:44 - Views: 3753
คำนิยม - ลูกค้าใช้ไอเอส แก้โรคใบติดในทุเรียน ตอนแรกซื้อขวดเล็ก และได้ผลจึงสั่งเพิ่มอีกแกลลอนใหญ่
Update: 2562/10/24 13:20:50 - Views: 3502
ปุ๋ยทางใบ FK-1: พลังแห่งธาตุอาหารที่เปลี่ยนการเติบโตของพืชของคุณ!
Update: 2568/04/29 21:37:11 - Views: 247
กัญชา-กัญชง ต่างกันอย่างไร กฎหมายอนุญาตใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง
Update: 2564/04/06 09:02:33 - Views: 3558
กำจัดเพลี้ย แมลศัตรูพืช ที่เกิดกับพืชต่างๆทุกชนิด ด้วย มาคา
Update: 2562/09/12 20:48:31 - Views: 3659
บีทรูท ต้นเน่า ใบไหม้ กำจัดโรคเชื้อราในบีทรูท ปลอดสารพิษ ไอเอส และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK สวน ปุ๋ย ศัตรูพืช
Update: 2565/11/15 09:11:12 - Views: 3492
ไอเอส สารอินทรีย์ ป้องกันและยับยั้งเชื้อรา ขนาด 3 ลิตร ปลอดภัย ใช้ดี
Update: 2562/08/30 11:47:08 - Views: 4010
การเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังด้วยปุ๋ยเคมีอินทรีย์: ปุ๋ยอินทรีย์เคมี ตรา นกอินทรีคู่ สูตร 16-3-3 บวก 10 เปอร์เซ็นต์ อินทรียวัตถุ (เพอร์เฟค เอส)
Update: 2565/12/31 05:55:42 - Views: 3538
กำจัดแมลงศัตรูพืช ยาฆ่าด้วงงวง ในมะม่วงหิมพานต์ และ พืชทุกชนิด บิวทาเร็กซ์ โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/02/16 14:55:15 - Views: 3598
โรคใบไหม้ในมันฝรั่ง มันฝรั่งใบไหม้ ป้องกันและกำจัดได้อย่างไร
Update: 2564/03/26 01:00:00 - Views: 3590
อัปเดตสถานการณ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 2568: ผลผลิตเพิ่ม มาตรการรัฐคุมราคา และแนวโน้มตลาดโลก
Update: 2568/03/20 09:26:21 - Views: 370
ปุ๋ย FK-1 ฉีดพ่น น้อยหน่า บำรุง ผลใหญ่ ผลผลิตดี ต้นทุนต่อไร่ถูกกว่าปุ๋ยเม็ด 4 เท่า เพิ่มผลผลิตสูงสุด 20 เปอร์เซ็นต์
Update: 2566/03/09 09:46:17 - Views: 3488
โรคมันสำปะหลังจากเชื้อ ใบไหม้ ใบจุด ใช้ไอเอส เร่งหัวมันสำปะหลังเร่งเปอร์เซ็นต์แป้ง ใช้ FK3C
Update: 2563/04/11 13:24:47 - Views: 3526
ยารักษาโรคพืช กำจัดโรคไหม้ ใน ต้นข้าว โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด(ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
Update: 2566/05/31 14:35:28 - Views: 3494
เกษตรกรหันมาใช้ ฮิวมิค จากคุณสมบัติพิเศษหลายประการ ช่วยให้พืชเจริญเติบโต แข็งแร็ง ได้ผลผลิต
Update: 2568/04/28 07:24:03 - Views: 59
เตือน!! ระวังหนอนกินใบ ทำลาย ต้นแตงกวา ของคุณ ... สร้างเสียหายได้มาก จัดการได้อย่างไร?
Update: 2566/11/02 14:59:49 - Views: 3506
ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ สูตร 15-5-30+3 MgO: เพิ่มขนาดและคุณภาพของผลผลิตมันสำปะหลัง
Update: 2567/02/13 10:53:04 - Views: 3618
การป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในว่านหางจระเข้
Update: 2566/05/13 10:33:55 - Views: 3511
“ราน้ำค้าง” โรคระบาดในพืชผักตระกูลแตงและพืชผักตระกูลกะหล่ำ
Update: 2564/08/12 00:10:34 - Views: 3567
ปุ๋ย FK-1 ฉีดพ่น มะม่วง ผลดก ผลใหญ่ น้ำหนักดี ต้นทุนต่อไร่ถูกกว่าปุ๋ยเม็ด 4 เท่า เพิ่มผลผลิตสูงสุด 20 เปอร์เซ็นต์
Update: 2566/02/28 14:30:10 - Views: 3547
GA4 © FarmKaset.ORG | สถาบันอนุญาโตตุลาการ : 2022