“ลำไยอบแห้ง–ลำไยสดส่งออก” ตลาดจีนต้องการสูง! วิเคราะห์โอกาสสร้างรายได้หมื่นล้าน

บทนำ

“ลำไย” ถือเป็นผลไม้เศรษฐกิจสำคัญของภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดลำพูน เชียงใหม่ และเชียงราย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตลำไยที่มีคุณภาพสูงและเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะ **“ตลาดจีน”** ที่มีความต้องการลำไยสดและลำไยอบแห้งเพิ่มขึ้นทุกปี จากข้อมูลกรมส่งเสริมการเกษตร (2567) พบว่า ประเทศไทยส่งออกลำไยกว่า **1.3 ล้านตันต่อปี** คิดเป็นมูลค่ากว่า **4.5 หมื่นล้านบาท** โดยกว่า **90% ของการส่งออกทั้งหมดเป็นตลาดจีน** ทั้งในรูปแบบผลสดและอบแห้ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและโอกาสทางเศรษฐกิจของสินค้าเกษตรชนิดนี้

ความสำคัญของลำไยในเศรษฐกิจไทย

ลำไยเป็นพืชผลที่สร้างรายได้ให้เกษตรกรในภาคเหนือกว่า **200,000 ครัวเรือน** โดยเฉลี่ยรายได้ต่อครัวเรือนอยู่ที่ 150,000–300,000 บาทต่อปี (สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2567) นอกจากนี้ การแปรรูปเป็นลำไยอบแห้งยังเพิ่มมูลค่าได้มากกว่า **3 เท่าของราคาผลสด** ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้มั่นคงมากขึ้นและสามารถจำหน่ายได้ตลอดทั้งปี

ตลาดจีนให้ความสนใจลำไยอบแห้งของไทยมาก เนื่องจากรสชาติหอมหวานและคุณภาพเหนือกว่าประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนามและลาว อีกทั้งรัฐบาลไทยยังส่งเสริมระบบ **GAP (Good Agricultural Practices)** และ **มาตรฐาน GMP สำหรับโรงอบแห้ง** เพื่อยกระดับคุณภาพการผลิตให้ได้มาตรฐานส่งออก

สถานการณ์ตลาดลำไยส่งออก (Research-Based Analysis)

จากข้อมูลของ **กรมศุลกากร (2567)** พบว่า การส่งออกลำไยของไทยในปีล่าสุดมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า **12% จากปีก่อนหน้า** โดยมีสัดส่วนการส่งออกดังนี้

* ลำไยสด 55% (ตลาดหลัก: จีนตอนใต้–กวางตุ้ง–กวางซี)
* ลำไยอบแห้ง 40% (ตลาดหลัก: มณฑลยูนนานและเซี่ยงไฮ้)
* ผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่น ๆ เช่น ลำไยอบกรอบและน้ำลำไยเข้มข้น 5%

การเติบโตดังกล่าวมาจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่

1. **ความต้องการบริโภคลำไยในจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง** โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวที่นิยมบริโภคลำไยอบแห้งเพื่อบำรุงร่างกายตามหลักแพทย์แผนจีน
2. **ความร่วมมือด้านโลจิสติกส์และข้อตกลงการค้าเสรี (FTA)** ระหว่างไทย–จีน ที่ลดภาษีนำเข้าสินค้าเกษตร
3. **นโยบายรัฐบาลไทยด้านเกษตรมูลค่าสูง (High Value Crops)** ที่เน้นเพิ่มรายได้เกษตรกรผ่านการแปรรูปผลผลิต

โอกาสทางเศรษฐกิจและการสร้างรายได้หมื่นล้าน

คาดการณ์จากข้อมูลของ **สถาบันวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร (2568)** ระบุว่า หากไทยสามารถเพิ่มปริมาณลำไยอบแห้งส่งออกได้เพียง 10% จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นกว่า **8,000–10,000 ล้านบาทต่อปี** โดยเฉพาะหากมีการพัฒนาเทคโนโลยีอบแห้งสมัยใหม่ เช่น

* การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับระบบควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ
* การรับรองมาตรฐาน **Organic Longan** เพื่อเจาะตลาดพรีเมียมในจีน
* การใช้ **แพลตฟอร์ม e-commerce (Alibaba, JD.com)** ในการกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคโดยตรง

แนวทางดังกล่าวจะช่วยให้เกษตรกรไทยสามารถเข้าถึงตลาดได้โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง และสามารถสร้างแบรนด์สินค้าเกษตรไทยในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน

แนวทางพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน

1. การจัดการคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

* ส่งเสริมการใช้ระบบ GAP
* พัฒนาโรงอบแห้งให้ได้มาตรฐาน GMP/HACCP

2. การบริหารจัดการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ

* สร้างเครือข่ายผู้ส่งออกโดยตรง
* ใช้ Big Data วิเคราะห์ความต้องการตลาดจีน

3. การสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยนวัตกรรม

* ผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ชาลำไย–ขนมลำไยอบ–น้ำลำไยเข้มข้น

4. ส่งเสริมภาพลักษณ์ “Longan from Thailand”

* ทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียจีน เช่น WeChat, Douyin
* ใช้การรับรองแหล่งผลิต (GI) เช่น “ลำไยลำพูน GI” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพ

สรุป

**ลำไยไทย** ไม่เพียงเป็นผลไม้ที่สร้างรายได้ให้เกษตรกรเท่านั้น แต่ยังเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีศักยภาพสูงในตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดจีนที่มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาในด้านคุณภาพ มาตรฐาน และนวัตกรรมการแปรรูป จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ **“ลำไยไทย” ก้าวสู่สินค้าส่งออกมูลค่าหมื่นล้าน** ได้อย่างยั่งยืน

เอกสารอ้างอิง (References)

* กรมส่งเสริมการเกษตร. (2567). *รายงานสถานการณ์ผลไม้เศรษฐกิจของไทย*.
* สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร. (2567). *ข้อมูลการผลิตและการตลาดลำไยไทย ปี 2567*.
* กรมศุลกากร. (2567). *สถิติการส่งออกสินค้าประเภทลำไยของประเทศไทย*.
* สถาบันวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร. (2568). *แนวโน้มการส่งออกผลไม้ไทยในตลาดจีน*.
* FAO (2024). *Thailand Longan Production and Export Trends*.
* Ministry of Commerce, Thailand. (2024). *Thai Longan Export Report to China*.

#ลำไยอบแห้ง #ลำไยส่งออกจีน #ตลาดผลไม้จีน #เกษตรสร้างรายได้ #ผลไม้ไทยโกอินเตอร์ #ลำไยไทยคุณภาพ #เกษตรอินทรีย์ #ผลไม้เศรษฐกิจไทย #LonganThailand #ตลาดจีนต้องการสูง