วิกฤตหรือโอกาศ ในยุคข้าวยากหมากแพง?

นั่งวิเคราะห์เล่นๆ ว่าทำไมเดี๋ยวนี้ข้าวของในตลาดถึงได้แพงนัก ผลไม้อย่างกล้วยน้ำหว้าในตลาดหวีละ 40 บาทขึ้นไป กล้วยไข่ 35 กล้วยหอมหวีละ 100 และวันก่อนซื้อส้มเขียวหวานสายน้ำผึ้งตกโลละ 106 บาท มาดูที่ข้าวหมกไก่กล่องละ 40-50 บาท

แต่ผักพื้นบ้านก็ยังมีราคากำละ 10 บาทอยู่นะค่ะ แต่ราคาโดยภาพรวมแล้ว ข้าวของแพงขึ้นอย่างมากเลย และหากราคาขนาดนี้เจ้าของสวนนี่รวยเลยนะคะ แต่คงไม่ใช่มาตั้งราคาแพงเวอร์ตรงพ่อค้าคนกลางนะคะ 

เพื่อนที่ทำธุรกิจด้านขนส่ง (ลอจิสติก) และลานมัน โทรมาถามข่าวคราวกันเล่นๆ ว่าปีนี้ขายรถสิบล้อและรถพ่วงออกไปหลายคันแล้ว งานหดเงินหาย ลานมันก็ต้องปิดก่อนไม่คุ้มทุน คนที่ขายของที่ตลาดนัดบอกปรากฎการณ์ ที่ตลาดคนเยอะมาก แต่มีแต่คนดูไม่มีคนซื้อ 

ทุกอย่างเหมือนกับไม่มีความสมดุลย์นะตอนนี้ ข้าวของราคาแพง แต่เงินในระบบไม่หมุนเวียน การใช้จ่ายไม่สะพัด พ่อค้าแม่ค้าขายของได้น้อยลงแต่กลับขายราคาแพงขึ้น เพียงเพื่อให้ได้เงินเพิ่มขึ้น 

อีกไม่นานคงเข้าสู่ยุค ของกินคุณภาพดีราคาแพง ขนส่งมวลชนของภาครัฐแพงโคตร ๆ (ได้ข่าวว่า ขสมก.จะขึ้นค่าบริการอีก 1 บาท) แต่ของเอกชนกลับราคาถูกมาก อย่างเครื่องบินโลว์คอสที่มีเอกชนบริหาร ถูกกว่ารถทัวร์ซะอีก สินค้าเกษตรที่เน้นคุณภาพและปลอดภัยหรือสินค้าเพื่อสุขภาพจะมีราคาแพงลิบลิ่ว

หรือนี่คือโอกาสของคนเกษตรที่จะเปลี่ยนจากการปลูกพืชที่เน้นแต่ปริมาณ มาเน้นที่คุณภาพและเน้นที่ความต้องการของตลาดก่อนที่จะทำตามความเคยชินนะ

จาก : เฟสบุ๊คกรุ๊ฟ FarmKaset.ORG

ส่งความคิดเห็น