data-ad-format="autorelaxed">
ชะอมไร้หนาม
ปัจจุบันกระแสพืชน้ำน้อยกำลังมาแรง เกษตรกรเริ่มหันไปสนใจและปลูกกันเพิ่มขึ้น จากทำไรไถนา ก็หันมาทำสวนปลูกผักกันเนื่องจากผักเป็นพืชอายุสั้น ทำกำไรได้ไว และไม่มีความเสี่ยงในเรื่องของการขาดน้ำจนมีผลกระทบเรื่องการขาดทุนตามมา เช่นเดียวกับเกษตรกรในจังหวัดพิจิตร ที่ทำอาชีพปลูกผักอย่าง “ชะอมไร้หนาม” มานานตั้งแต่สมัยคุณพ่อคุณแม่ ถือเป็นอาชีพตกทอดทำกำไรงาม ใช้น้ำน้อยอีกอาชีพหนึ่งที่น่าสนใจมาก สำหรับกระแสภัยแล้งแบบนี้
คุณสายยิน พรมชี หรือป้ายิน ลูกสาว “คุณป้าดอกไม้” เจ้าของ “ชะอมไร้หนามสวนป้าดอกไม้” บ้านเลขที่ 32/1 หมู่6 ตำบลไผ่หวาน อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร 66110 (โทร. 08-1740-0273) เล่าว่าทำชะอมพันธุ์ไร้หนามดั่งเดิมมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่ โดยป้ายินได้สืบทอดอาชีพนี้มานานกว่า 20 ปี ด้วยการทำพันธุ์เองไม่ได้ซื้อ ซึ่งปัจจุบันป้ายินมีพื้นที่ทำสวนชะอมทั้งหมดกว่า 6 ไร่ ซึ่งใช้การจัดการในครอบครัว พี่น้อง ลูกหลาน ญาติสนิท เป็นการปลูกพันธุ์ไร้หนามเพียงพันธุ์เดียวไม่มีชะอมพันธุ์หนามผสม
“ข้อแตกต่างของชะอมไร้หนามก็คือจะง่ายต่อการเก็บเกี่ยว สะดวกเวลามัดกำ ไม่มีหนามค่อยทิ่มรบกวน ลักษณะต้นชะอมหนามจะต้นทรงตรงพุ่งขึ้นด้านบน แต่ถ้าเป็นชะอมไร้หนามจะเป็นทรงพุ่มกว้าง ยอดดก ข้อถี่กว่า ด้านรสชาติจะไม่แตกต่างแต่กลิ่นจะน้อยกว่าชะอมหนาม แต่ตลาดจะต้องการ เหมือนทำอาหารชนิดเดียวกัน แตกต่างเพียงกลิ่นที่ฉุนน้อยกว่าและลักษณะต้นเท่านั้นเอง”
ป้ายินบอกว่าสาเหตุที่เลือกทำอาชีพชะอมไร้หนามเหมือนคุณพ่อคุณแม่ก็เพราะว่าเป็นอาชีพที่เงินได้ทุกวัน เหมือนมีธนาคารอยู่กับบ้าน มีเอทีเอ็มอยู่กับตัว มีรายได้รายวัน ไม่ต้องห่วงว่าวันไหนจะไม่มีกิน เช้ามาเข้าสวนตัดชะอมเราก็ได้เงินแล้ว
แม้ว่าจะทำชะอมเป็นอาชีพหลักแต่ก็ยังไม่ได้ทิ้งอาชีพทำนา แต่จะทำเฉพาะฤดูทำนาเท่านั้น หากหน้าไหนน้ำน้อย ก็ไม่ต้องกังวล หยุดทำนาได้ เนื่องจากมีชะอมที่ปลูกแล้วเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตลอดทั้งปี เป็นอาชีพหลักอยู่แล้ว ไม่ลำบาก ไม่กระทบ แถมชะอมยังขายได้ทั้งปีอีกด้วย
“ชะอมพอตั้งใบได้ประมาณ 10 ใบ ก็สามารถเล็มยอดได้แล้ว แต่ยอดชุดแรกจะได้น้อย จะต้องรอเวลาให้เป็นพุ่มใหญ่ก่อนจึงจะได้ผลผลิตมากขึ้น ยอดดกมาก ส่วนพันธุ์ชะอมจะใช้เป็นกิ่งตอน จะขยายพันธุ์โดยการตอนกิ่งรอให้มีรากแล้วจึงนำไปลงดิน ไม่ต้องไปเพาะชำเหมือนแต่ก่อน วิธีนี้ 10 กว่าวันชะอมก็แตกยอดแล้ว การตอนก็ไม่ยาก เพียงควันตรงใต้ตากิ่ง ทิ้งไว้ประมาณ 3 วัน จากนั้นห่อด้วยตุ้มตอนกากมะพร้าว รดน้ำรอจนรากขึ้น ประมาณ 1 เดือน แล้วจึงย้ายมาลงดินหรือตัดขายได้เลย”
การดูแลชะอมก็ทำได้ง่าย เพราะชะอมเป็นพืชที่ไม่มีศัตรูพืชรบกวน จะมีเพียงแค่หนอนเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้มีตลอด นาน ๆ จึงจะมีครั้ง ถ้าพบจำนวนไม่มาก จะใช้วิธีจับทำลาย แต่หากพบในจำนวนมากจำเป็นจะต้องฉีดพ่นสารฆ่าแมลง ที่ทำจากน้ำหมักสมุนไพร ฤดูแล้งยิ่งไม่ต้องห่วงไม่มีหนอนรบกวนแน่นอน จะต้องดูแลมากก็ช่วงฤดูฝน ที่จะมีแมลงรบกวนบ้าง แต่ก็ไม่มากเท่าพืชอื่น ๆ
“การใส่ปุ๋ยจะใส่ปุ๋ยคอก ปีละ 1 ครั้ง เพื่อบำรุงดิน และจะใช้ปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 ทุก ๆ 3 เดือน ซึ่งการใส่ปุ๋ยยูเรียนั้นจะช่วยบำรุงลำต้น และช่วยให้ชะอมแตกยอดได้ดีขึ้น หากต้นชะอมต้นไหนที่สูงเกินไป ต้นมีอายุมาก จะใช้การดูแลด้วยการตัดต้นให้เหลือแต่ตอ สูงเหนือพื้นประมาณ 10-20 เซนติเมตร เพื่อให้ชะอมแตกยอดขึ้นมาใหม่ ยอดที่แตกขึ้นจะเยอะขึ้น ต้นชะอมหนึ่งต้นที่คอยตกแต่งอยู่เรื่อย ๆ ต้นจะไม่สูงมาก เก็บเกี่ยวง่าย อย่างของที่สวนจะอยู่ที่พอดีเอว ปลูก 1 ต้นอยู่ได้เป็น 10-20 ปี หากไม่ตายไม่ต้องปลูกเรื่อย ๆ”
ส่วนในเรื่องของการเก็บเกี่ยวชะอมรุ่นแรกที่ลงดินปลูกใหม่ จะใช้ระยะเวลาการดูแลประมาณ 1 เดือนจึงสามารถให้ผลผลิตเต็มที่พอขาย แต่ชะอมสามารถเก็บยอดรุ่นแรกได้ตั้งแต่ 10 วันแรก แต่ผลผลิตจะน้อย ต้องคอยเล็มไปรับประทานก่อน เพื่อให้มันแตกยอดขยายพุ่มได้เร็ว ไม่เกิน 1 เดือนก็จะให้ผลผลิตมากพอที่จะเก็บขายได้ หลังจากครบ 1 เดือนหรือชะอมมียอดมากพอที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตขายได้แล้ว จะเก็บเว้นทุก ๆ 3 วัน ช่วงหน้าร้อนจะเป็นช่วงที่ยอดออกได้เร็วมาก 2 วันก็สามารถเก็บได้แล้ว แต่หลัก ๆ จะเก็บทุก ๆ 3 วัน เป็นการวนแปลงกันไปเพื่อให้มีผลผลิตออกขายได้ในทุก ๆ วัน
“ชะอมไร้หนามเป็นพืชที่ชอบอากาศร้อน อย่างฤดูแล้งยอดจะดกมาก การรดน้ำที่สวนป้า ใช้การรดน้ำแบบสปริงเกอร์ รดพอชุ่ม ทุก ๆ 10 วัน ครั้งในฤดูแล้ง และหยุดให้น้ำในฤดูฝน ชะอมถือเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อยมาก ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำมารบกวนเลย แต่ช่วงฤดูหนาวจะเก็บชะอมได้น้อยลงเพราะเป็นช่วงพัก ชะอมจะไม่แตกยอด แต่ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่ราคาชะอมแพงที่สุด ขายได้ราคาดีมาก”
การขายชะอมจะมีตลาดรองรับตลอดทั้งปี โดยจะมีแม่ค้ามารับตรงถึงบ้านเป็นประจำทุกวัน เป็นแม่ค้าตลาดใหญ่ที่จะนำไปส่งตลาด 4 มุมเมืองต่อ อีกทั้งแถวบ้านก็เป็นถิ่นชะอม จึงมีแม่ค้ามารับประจำ ตลาดไม่มีตาย ตัดขายได้ตลอด จะมีแค่ราคาที่จะถูกหรือแพงเท่านั้น ตรงนี้ขึ้นอยู่กับช่วงฤดูกาล และราคาตลาดด้วย การขายจะขายแบบเป็นกำ กำละ 2 ขีดใช้กาบกล้วยมัดเหมือนที่ขายตามตลาดทั่วไป เมื่อมัดเป็นกำเสร็จแล้วจะบรรจุลงแข้ง ส่งขาย ซึ่งแม่ค้าจะมารับทุกวันไม่เกิน 11.00 น.
“ราคาขายส่งราคาอยู่ที่ 3 -15 บาท แล้วแต่ช่วง อย่างช่วงนี้ฤดูฝนจะได้ราคาที่ 3 บาท เนื่องจากจะไปขายชนกับชะอมในตลาดที่มีเยอะในช่วงนี้ ส่วนหน้าแล้งที่ผ่านมาขายได้ราคาดีถึงกำละ 8 บาท และช่วงฤดูหนาวจะอยู่ที่ 15 บาทถือเป็นช่วงที่แพงมากเพราะชะอมในตลาดจะน้อย วันหนึ่งตีรายได้เป็นรายคน จะเก็บและมัดชะอมได้ประมาณคนละไม่ต่ำกว่า 50 กำ/คน ก็ตกประมาณคนละ 150-200 บาท ขึ้นอยู่กับกำลังของแต่ละคน อาจจะดูเป็นรายได้ที่ไม่มากนัก แต่ใช้เวลาทำงานเพียงช่วงเช้า ถ้าเทียบกับเวลาแล้ว ถือเป็นรายได้ที่ดีมาก”
ป้ายินยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่านอกจากจะขายยอดชะอมได้กำไรรายวันแล้ว ที่สวนยังขายกิ่งพันธุ์ชะอมไร้หนาม ซึ่งราคาก็ขึ้นอยู่ที่ตกลง ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้ามารับเองหรือต้องไปส่ง ราคาจะอยู่ที่ 6-8 บาท/กิ่ง ลูกค้าส่วนมากจะมาจากทางเฟสบุ๊ค และจะส่งด้วยการแพ็คจัดส่งไปรษณีย์ ซึ่งกระแสตอนนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีมาก เนื่องจากคนหันมาปลูกผักกันเยอะ ยอดขายกิ่งชะอมจึงเยอะตามไปด้วย หากเกษตรกรท่านใดสนใจจะปลูกชะอมไร้หนามเป็นอาชีพหรือปลูกไว้รับปรทานทานเอง สามารถติดต่อซื้อพันธุ์ชะอมไร้หนามได้ที่เฟสบุ๊ค : ชะอมไร้หนามสวนป้าดอกไม้ หรือติดต่อสอบถามได้ที่คุณสายยิน โทร. 08-1740-0273 ได้โดยตรง….
source: saraupdate.com/14184