IS: สารต้านเชื้อราอินทรีย์ที่จัดการกับโรคราสีเทาในดอกกุหลาบ

กุหลาบถือเป็นตัวอย่างที่ดีเลิศของความงามและความสง่างามในโลกของดอกไม้มาช้านาน อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของโรคราสีเทาซึ่งเกิดจากเชื้อรา Botrytis cinerea สามารถสร้างความหายนะให้กับสุขภาพและความสวยงามของดอกไม้ที่บอบบางเหล่านี้ได้ โชคดีที่ผ่านการวิจัยและการพัฒนาอย่างครอบคลุม ความก้าวหน้าได้บรรลุผลในรูปแบบของ IS ซึ่งเป็นสารต้านเชื้อราอินทรีย์ที่สกัดจากส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด

IS เป็นผลมาจากความพยายามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการระบุและเลือกสารที่มีประสิทธิภาพสูงซึ่งควบคุมและยับยั้งเชื้อราในขณะที่มั่นใจในความปลอดภัยของผู้ใช้ เทคโนโลยีที่ใช้ในการสร้างนั้นหมุนรอบการจัดการสภาพแวดล้อมบนพื้นผิวของใบพืชเพื่อสร้างสภาวะที่ไม่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเชื้อรา นอกจากนี้ IS ยังเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการยึดติดกับผิวใบพืชได้ดีขึ้น ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของโรคราสีเทา

ข้อได้เปรียบหลักประการหนึ่งของ IS คือธรรมชาติอินทรีย์ สารต้านเชื้อรานี้มาจากส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด ปราศจากสารเคมีสังเคราะห์และสารพิษที่เป็นอันตรายซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสารฆ่าเชื้อราทั่วไป เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยสำหรับทั้งผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม จัดการกับข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้นจากสารเคมีต่อสุขภาพของมนุษย์และระบบนิเวศ

ประสิทธิภาพของ IS อยู่ที่ความสามารถในการทำลายวงจรชีวิตของเชื้อรา การสร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อ Botrytis cinerea ทำให้ IS ยับยั้งการงอกของสปอร์และป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ สูตรเฉพาะของมันให้แนวทางที่ตรงเป้าหมาย ซึ่งออกแบบมาเพื่อต่อสู้กับโรคราสีเทาในดอกกุหลาบโดยเฉพาะ โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อแมลงที่มีประโยชน์หรือพืชอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียง

นอกจากนี้ องค์ประกอบอินทรีย์ของ IS ยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายไว้บนพืชที่ผ่านการบำบัด นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับดอกกุหลาบ เนื่องจากมักใช้ในการจัดดอกไม้ ซึ่งการสัมผัสกับสารเคมีอาจเป็นปัญหาสำหรับทั้งผู้จัดดอกไม้และผู้บริโภค ด้วย IS คุณสามารถเพลิดเพลินกับความงามของดอกกุหลาบได้อย่างมั่นใจโดยไม่ต้องกังวลถึงผลเสียที่อาจเกิดขึ้น

นอกเหนือจากคุณสมบัติต้านเชื้อราแล้ว IS ยังมีประโยชน์เพิ่มเติมในการเสริมสร้างสุขภาพโดยรวมและความแข็งแรงของต้นกุหลาบ โดยการกำจัดการคุกคามของโรคราสีเทา พืชสามารถเปลี่ยนทิศทางพลังงานไปสู่การเจริญเติบโตและการพัฒนา ส่งผลให้ใบแข็งแรงขึ้น ดอกไม้บานสดใส และอายุยืนยาวสำหรับดอกไม้อันเป็นที่รักเหล่านี้

ในฐานะที่เป็นสารต้านเชื้อราอินทรีย์ IS แสดงถึงความก้าวหน้าที่สำคัญในการต่อสู้กับโรคราสีเทาในดอกกุหลาบ องค์ประกอบตามธรรมชาติ ควบคู่กับประสิทธิภาพสูงในการควบคุมและยับยั้งเชื้อรา ทำให้แตกต่างจากสารฆ่าเชื้อราที่ใช้สารเคมีแบบดั้งเดิม ด้วย IS ชาวสวน นักจัดดอกไม้ และผู้ที่ชื่นชอบดอกกุหลาบสามารถยอมรับวิธีแก้ปัญหาที่ปลอดภัยและยั่งยืนที่รักษาความงามและความมีชีวิตชีวาของดอกไม้ที่น่ารักเหล่านี้

โดยสรุป การพัฒนา IS เป็นสารต้านเชื้อราอินทรีย์ได้ปูทางสำหรับการควบคุมและป้องกันโรคราสีเทาในดอกกุหลาบอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้พลังของส่วนผสมจากธรรมชาติและเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ IS นำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับการต่อสู้กับการติดเชื้อรา ด้วยความสามารถในการสร้างสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของเชื้อราและเพิ่มการยึดเกาะกับพื้นผิวของพืช IS ไม่เพียงแต่ปกป้องดอกกุหลาบเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมสุขภาพและความงามโดยรวมอีกด้วย

ไอเอส ขนาด 3 ลิตร
อัตรส่วนการใช้ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
1 แกลลอน ผสมน้ำได้ 1200 ลิตร ใช้ได้ 15 ไร่


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

ชมพู่ ผลดก ผลโต น้ำหนักดี ผิวสวย โตไว แตกใบสวย ออกผลดี แก้ปัญหาต้นแคระ โตช้า ใบเหลือง ขาดธาตุ ฉีดพ่น ปุ๋ย FK เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโต เพิ่มความสมบูรณ์ สังเคราะห์แสงได้ดี แตกยอดใบ ติดดอก ออกผล

ปลูกน้อย ใช้ FKธรรมชาตินิยม ปลูกเยอะ ใช้ FK-1

FKธรรมชาตินิยม และ FK-1 เป็นอาหารพืชทางใบ สำหรับเลี้ยง ดูแล พืชพันธุ์นานาชนิด ส่งเสริมการเจริญเติบโต เสริมสร้างความสมบูรณ์แข็งแรง ด้วย ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่ประกอบอยู่ในผลิตภัณฑ์

อัตราส่วนการใช้

FKธรรมชาตินิยม ผสม 1 ฝา ต่อน้ำ 1 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

FK-1 แกะกล่องออกมา มีสองถุง ต้องใช้พร้อมกัน ถุงแรก 50กรัม ถุงที่สอง 50กรัม ต่อน้ำ 20ลิตร คนให้แตกตัวละลายเข้ากับน้ำ ฉีดพ่นทางใบ (ถุงแรกเป็นธาตุหลัก ถุงที่สอง เป็นธาตุเสริม และสารจับใบ)

เคมีธาตุอาการพืช เป็น อาหารพืชโดยตรง ไม่ได้อันตรายเหมือน ยาเคมี ที่เป็นสารเคมีอันตราย ซึ่งหลายครั้งถูกเข้าใจผิดไปอย่างมาก เนื่องจาก เคมีธาตุอาหารพืชนั้น เป็นธาตุอาหารโดยตรง ที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตพืชได้ อย่างมีประสิทธิภาพสูง

ยกตัวอย่างเคมีธาตุอาหารพืช ที่จำเป็นอย่างมาก ต่อการเจริญเติบโตของพืช
ธาตุ N หรือ ไนโตรเจน
ธาตุ P หรือ ฟอสฟอรัส
ธาตุ K หรือ โพแตสเซียม
ธาตุ Mg หรือ แมกนีเซียม
ธาตุ Zn หรือ ซิงค์ หรือ สังกะสี
และยังมีอีกหลายธาตุ ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช

อาหารเสริมเพืชทางใบ ซึ่งประกอบด้วย ธาตุหลัก ธาตุรอง และธาตุเสริม จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช และถูกดึงออกจากดินในทุกๆรอบการปลูกพืช หากไม่เคยเติมธาตุเหล่านี้ ซึ่งธาตุรองธาตุเสริมที่ขาด จะกลายเป็นข้อจำกัดการเจริญเติบโตของพืช เนื่องจาก "พืชจะเจริญเติบโตได้มากที่สุด เท่ากับธาตุอาหารที่มีต่ำที่สุด" ตามกฎ Liebig s law of the minimum_ FKธรรมชาตินิยม ประกอบด้วย ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช จึงทำให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เกิดอาการขาดธาตุ ซึ่งบางอย่าง เป็นธาตุที่ปุ๋ยอินทรีย์ไม่สามารถให้ได้

เมื่อพืช ได้รับธาตุอาหารที่ขาดไป ธาตุอาหารพืชต่างๆ ที่มีอยู่แล้วในดิน ที่พืชไม่เคยดูดกินไปใช้ประโยชน์ได้ ก็สามารถนำไปใช้ได้ เนื่องจาก ธาตุบางตัว เป็นตัวนำพาธาตุอื่นๆ จึงทำให้พืช ใช้ประโยชน์ จากการปลดปล่อยธาตุอาหารเดิมที่มีอยู่ รวมกับธาตุอาหารที่ได้รับเข้าไปใหม่ ได้อย่างเต็มที่


การสั่งซื้อ

โทร 090-592-8614

ไลน์ไอดี http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ฟาร์มเกษตร http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ช้อปปี้ http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ลาซาด้า http://www.farmkaset..link..

FKธรรมชาตินิยม อาหารพืชทางใบ สำหรับเลี้ยง ดูแล พืชพันธุ์นานาชนิด ส่งเสริมการเจริญเติบโต เสริมสร้างความสมบูรณ์แข็งแรง ด้วย ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่ประกอบอยู่ใน FKธรรมชาตินิยม

ข้อมูล FKธรรมชาตินิยม

อาหารเสริมเพืชทางใบ ซึ่งประกอบด้วย ธาตุหลัก ธาตุรอง และธาตุเสริม จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช และถูกดึงออกจากดินในทุกๆรอบการปลูกพืช หากไม่เคยเติมธาตุเหล่านี้ ซึ่งธาตุรองธาตุเสริมที่ขาด จะกลายเป็นข้อจำกัดการเจริญเติบโตของพืช เนื่องจาก "พืชจะเจริญเติบโตได้มากที่สุด เท่ากับธาตุอาหารที่มีต่ำที่สุด" ตามกฎ Liebig s law of the minimum_ FKธรรมชาตินิยม ประกอบด้วย ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช จึงทำให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เกิดอาการขาดธาตุ ซึ่งบางอย่าง เป็นธาตุที่ปุ๋ยอินทรีย์ไม่สามารถให้ได้

เมื่อพืช ได้รับธาตุอาหารที่ขาดไป ธาตุอาหารพืชต่างๆ ที่มีอยู่แล้วในดิน ที่พืชไม่เคยดูดกินไปใช้ประโยชน์ได้ ก็สามารถนำไปใช้ได้ เนื่องจาก ธาตุบางตัว เป็นตัวนำพาธาตุอื่นๆ จึงทำให้พืช ใช้ประโยชน์ จากการปลดปล่อยธาตุอาหารเดิมที่มีอยู่ รวมกับธาตุอาหารที่ได้รับเข้าไปใหม่ ได้อย่างเต็มที่


การสั่งซื้อ

โทร 090-592-8614

ไลน์ไอดี http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ฟาร์มเกษตร http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ช้อปปี้ http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ลาซาด้า http://www.farmkaset..link..

ช่วงสภาพอากาศแห้งแล้ง หรือฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน เกษตรกรชาวไร่อ้อย ระวังการระบาดของไรแมงมุมอ้อย (Sugarcane spider mite : Oligonychus simus Baker and Pritchard)

ไรแมงมุมอ้อย มักจะระบาดทำความเสียหายแก่อ้อยในระยะเริ่มปลูกจนถึงอายุประมาณ 4-5 เดือน โดยจะพบระบาดมากในช่วงสภาพอากาศแห้งแล้ง หรือฝนทิ้งช่วงติดต่อกันเป็นเวลานาน การระบาดอาจเกิดขึ้นได้โดยลม การสัมผัสกันของใบอ้อยที่อยู่ติดกัน นก แมลง หรือมนุษย์พาไป

ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยของไรแมงมุม จะดูดกินน้ำเลี้ยงอยู่ที่บริเวณใต้ใบ และมักจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม สร้างเส้นใยเป็นเส้นบางๆ ขึ้นปกคลุมผิวใบบริเวณที่ไรดูดทำลายอยู่ ใบอ้อยที่ถูกทำลายในระยะแรกจะมีลักษณะเป็นจุดประสีขาวเล็กๆ กระจายอยู่ตามแนวเส้นกลางใบ ต่อมาแผลบริเวณดังกล่าวนี้จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง หากการทำลายยังคงดำเนินต่อไปอย่างรุนแรง และต่อเนื่อง รอยแผลก็จะขยายใหญ่ขึ้น และใบอ้อยจะมีอาการแห้งตลอดทั่วทั้งใบ ซึ่งอาจมีผลทำให้ต้นอ้อยชะงักการเจริญเติบโตได้

วงจรชีวิตของไรแมงมุมอ้อย

ไรแมงมุมอ้อยเพศเมียสามารถเจริญเติบโต จากระยะไข่จนถึงระยะตัวเต็มวัยได้ภายใน 7 วัน โดยมีระยะไข่ 3 วัน ตัวอ่อนเมื่อฝักออกจากไข่จะเจริญเติบโตโดยมีการลอกคราบ 3 ครั้ง ตัวอ่อนระยะที่ 1_ 2 และ 3 ใช้เวลาในการเจริญนาน 2_ 1.1 และ 1 วัน ตามลำดับ ตัวเต็มวัยเพศเมียมีชีวิตอยู่ได้นานประมาณ 14 วัน และสามารถวางไข่ได้ตลอดชั่วอายุขัย เฉลี่ยสูงถึง 55 ฟอง สำหรับไรตัวผู้สามารถเจริญเติบโตนับจากระยะไข่จนถึงตัวเต็มวัยได้ภายในเวลา 8 วัน โดยมีระยะไข่ 3 วัน ตัวอ่อนเมื่อฝักออกจากไข่ จะเจริญเติบโตโดยมีการลอกคราบ 3 ครั้ง เช่นเดียวกัน ตัวอ่อนระยะที่ 1_ 2 และ 3 ใช้เวลาในการเจริญนาน 1.7_ 1.4 และ 1.6 วัน ตามลำดับ ตัวเต็มวัยตัวผู้ มีชีวิตอยู่ได้นาน 18 วัน ตัวเมียสามารถแพร่ขยายพันธุ์ได้โดยไม่ต้องได้รับการผสมพันธุ์จากไรเพศผู้ แต่ลูกที่เกิดจากตัวเมียที่ไม่ได้รับการผสมพันธุ์จะเจริญเป็นไรเพศผู้ทั้งหมด ส่วนตัวเมียที่ได้รับการผสมพันธุ์จะได้ลูกทั้งเพศผู้และเพศเมียในอัตราส่วน 5 :1

ศัตรูธรรมชาติ

ด้วงตัวห้ำ Stethorus pauperculus Weise เป็นตัวห้ำทั้งระยะตัวอ่อนและตัวเต็มวัย นอกจากนี้ยังพบไรตัวห้ำในวงศ์ Phytoseiidae ที่เป็นตัวห้ำของไรแมงมุมอ้อย

แหล่งข้อมูล : ไรศัตรูพืชและการป้องกันกำจัด กลุ่มงานวิจัยไรและแมงมุม กองกีฏและสัตววิทยา กรมวิชาการเกษตร. 2543.

ที่มา http://www.farmkaset..link..

ฉีดพ่น มาคา เพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช ฉีดพ่น FK-1 เพื่อฟื้นฟูบำรุง เสริมสร้างภูมิคุ้มกันจากโรคพืช และแมลงศัตรูพืช และส่งเสริมการเจริญเติบโต

กุยช่ายเป็นสมุนไพรที่นิยมนำมาใช้ประกอบอาหารหลายอย่าง อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับพืชอื่นๆ พวกมันมีความไวต่อโรคเชื้อราที่อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพของพวกมัน วิธีดั้งเดิมในการจัดการโรคเชื้อราในกุ้ยช่ายฝรั่งมักเกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ โชคดีที่มีวิธีแก้ปัญหาแบบออร์แกนิกที่สามารถป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในกุ้ยช่ายฝรั่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การป้องกัน:
การป้องกันโรคเชื้อราในกุยช่ายเริ่มต้นด้วยการรักษาพืชให้แข็งแรง สิ่งนี้สามารถทำได้โดยการระบายน้ำในดินอย่างเพียงพอ การชลประทานที่เหมาะสม และการใส่ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ การใช้สารละลายอินทรีย์เชิงป้องกัน เช่น IS สามารถช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคได้ IS เป็นส่วนผสมของกรดอินทรีย์และสารสกัดจากพืชที่ทำงานร่วมกันเพื่อเสริมสร้างการป้องกันตามธรรมชาติของพืชจากโรค หากต้องการใช้ IS ให้ผสม 50cc กับน้ำ 20 ลิตร แล้วทาที่ต้นกระเทียมเป็นระยะๆ

การกำจัด:
หากโรคเชื้อราเกิดขึ้นในต้นกุยช่าย สิ่งสำคัญคือต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค สารละลายอินทรีย์เช่น FK-1 สามารถกำจัดเชื้อราที่ก่อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่บำรุงพืชในเวลาเดียวกัน FK-1 เป็นส่วนผสมของไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิวที่ทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตและสุขภาพของพืช ในการใช้ FK-1 ให้ผสม 50 กรัมของถุงแรกและ 50 กรัมของถุงที่สองกับน้ำ 20 ลิตร แล้วนำไปใช้กับต้นกระเทียมเป็นระยะๆ

บทสรุป:
การใช้สารละลายอินทรีย์ เช่น IS และ FK-1 สามารถป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในต้นหอมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของพืช เมื่อใช้สารละลายอินทรีย์เหล่านี้ คุณจะมั่นใจได้ว่าต้นกุยช่ายของคุณยังคงแข็งแรงและให้ผลผลิตได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่เป็นอันตราย

Beauveria mix Methharicium เป็นสารกำจัดเชื้อราและแมลงตามธรรมชาติที่ใช้ในการควบคุมเพลี้ยไฟในกัญชา เพลี้ยไฟเป็นแมลงมีปีกขนาดเล็กที่กัดกินใบและดอกของพืชกัญชา ทำให้ใบเสียหาย ผลผลิตและคุณภาพของพืชลดลง Beauveria mix Methharicium ทำมาจากเชื้อรา Beauveria bassiana ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งติดเชื้อและฆ่าเพลี้ยไฟ

Methharicium ของบิวเวอเรียผสมบิวทาเร็กซ์เป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการป้องกันและกำจัดเพลี้ยไฟในกัญชา ผลิตภัณฑ์นี้ใช้งานง่ายเพียงผสมน้ำแล้วฉีดพ่นที่ใบของพืช เชื้อรา Beauveria bassiana ติดเชื้อเพลี้ยไฟ ฆ่าพวกมันและป้องกันความเสียหายต่อพืชผล

นอกเหนือจากการควบคุมเพลี้ยไฟแล้ว Beauveria mix Methharicium ยังมีประโยชน์อีกมากมายสำหรับผู้ปลูกกัญชา ผลิตภัณฑ์นี้เป็นธรรมชาติและปลอดภัยต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นทางเลือกที่เหมาะสมแทนยาฆ่าแมลงสังเคราะห์ อีกทั้งยังไม่มีสารตกค้างที่เป็นอันตราย ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายจึงปลอดภัยสำหรับการบริโภค

ข้อดีอีกประการของบิวเวอเรียผสมเมธาริเซียมคือผลที่คงอยู่ได้นาน ผลิตภัณฑ์ยังคงใช้งานได้เป็นเวลาหลายสัปดาห์หลังจากการใช้งาน ช่วยป้องกันเพลี้ยไฟและแมลงศัตรูพืชอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหมายความว่าผู้ปลูกสามารถใช้เป็นมาตรการป้องกัน โดยนำไปใช้กับพืชผลของตนเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันศัตรูพืช

โดยสรุป ผลิตภัณฑ์บิวเวอเรียผสมบิวทาเร็กซ์ Methharicium เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นธรรมชาติในการควบคุมเพลี้ยไฟในกัญชา ใช้งานง่าย ปลอดภัยต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม และป้องกันสัตว์รบกวนได้ยาวนาน สำหรับผู้ปลูกกัญชาที่กำลังมองหาวิธีที่เป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพในการปกป้องพืชผลของพวกเขา Beauveria ผสม Methharicium เป็นทางเลือกที่ดี

เชื้อบิวเวอร์เรีย + เมธาไรเซียม
เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดสรรจุลินทรีย์ 2 ชนิดมี คุณสมบัติโดดเด่นมาผสมผสานใช้ในการป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ปลวก เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอน เป็นต้น

บิวทาเร็กซ์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณ กิ่ง ก้าน ใบ หรือบริเวณที่แมลงระบาด
2. ฉีดพ่นได้ทุก 7-10 วัน

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อไตรโคเดอร์มา และ ยากำจัดเชื้อรา หากต้องการใช้ร่วมควรเว้น ระยะฉีดพ่น 7-10 วัน *

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย บิวทาเร็กซ์..
ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช
เชื้อดีที่สุดสำหรับชาวเกษตรกร
ปริมาณเชื้อที่ดีและได้ผล
ให้อาหารเฉพาะของเชื้อแต่ละตัว

เชื้อจะไปเติบโตในแมลง ปกคลุมตัวแมลง ทำให้แมลงแห้งตายในที่สุด
ปลอดภัยไม่มีสารเคมี
แมลงดื้อยา ใช้ได้ต่อเนื่อง
เป็นยาเย็น ใช้ได้ทุกพืช และทุกช่วงอายุของพืช

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

การปลูกมันสำปะหลังให้ได้ผลผลิตสูงสุด: ความสำคัญของการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1

มันสำปะหลังเป็นพืชอเนกประสงค์ที่มีการปลูกกันอย่างแพร่หลายในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนหลายแห่งของโลก เป็นแหล่งอาหารและรายได้ที่สำคัญสำหรับผู้คนนับล้านโดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา อย่างไรก็ตาม ผลผลิตมันสำปะหลังอาจได้รับผลกระทบอย่างมากจากปัจจัยต่างๆ เช่น ศัตรูพืช โรค และสภาพดินที่ไม่ดี วิธีหนึ่งในการเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังคือการใช้ปุ๋ยที่เหมาะสม เช่น ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1

ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นปุ๋ยสูตรพิเศษที่มีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว ปุ๋ยนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ฉีดพ่นโดยตรงบนใบของมันสำปะหลัง พืชดูดซึมได้ง่ายและให้สารอาหารที่จำเป็นซึ่งสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ดีและให้ผลผลิตสูง

เมื่อใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างระมัดระวัง ปุ๋ยบรรจุ 2 ถุง ถุงละ 1 กิโลกรัม ต้องผสมถุงเหล่านี้เข้าด้วยกันก่อนใช้ ในการเตรียมปุ๋ย ให้ผสมถุงแรก 50 กรัมกับถุงที่สอง 50 กรัมในน้ำ 20 ลิตร จากนั้นฉีดพ่นส่วนผสมที่ใบของมันสำปะหลังโดยใช้เครื่องพ่นยาแบบปั๊มหรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่เหมาะสม

ประโยชน์ของปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 สำหรับการปลูกมันสำปะหลังนั้นมีมากมาย ประการแรก ปุ๋ยให้การผสมผสานที่สมดุลของสารอาหารที่จำเป็นซึ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตที่ดีและให้ผลผลิตสูง ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมล้วนมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช ในขณะที่แมกนีเซียมและสังกะสีจำเป็นต่อการสังเคราะห์แสงและการทำงานของเอนไซม์ สารลดแรงตึงผิวในปุ๋ยช่วยให้พืชดูดซึมสารอาหารเหล่านี้ได้ดีขึ้น ทำให้มั่นใจได้ว่าสารอาหารเหล่านี้จะถูกนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ยังช่วยให้ต้นมันสำปะหลังต้านทานต่อโรคและแมลงต่างๆ ได้ดีขึ้น พืชที่แข็งแรงและได้รับการบำรุงเลี้ยงอย่างดีจะสามารถต้านทานการโจมตีจากแมลงศัตรูพืชและโรคต่างๆ ได้ดีกว่าพืชที่อ่อนแอหรือขาดสารอาหาร ซึ่งหมายความว่าการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 สามารถช่วยลดความจำเป็นในการใช้สารกำจัดศัตรูพืชและการใช้สารเคมีอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์

โดยรวมแล้ว การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปรับปรุงผลผลิตและความยั่งยืนของการปลูกมันสำปะหลัง ด้วยการให้สารอาหารที่จำเป็นอย่างสมดุลและปรับปรุงสุขภาพและความต้านทานของพืช ปุ๋ยนี้สามารถช่วยเกษตรกรให้ได้ผลผลิตและผลกำไรสูงสุดในขณะที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ดังนั้น หากคุณเป็นชาวไร่มันสำปะหลังที่ต้องการเพิ่มผลผลิตและปรับปรุงคุณภาพพืช ลองพิจารณาใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 วันนี้

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. ช้อปปี้ http://ไปที่..link.. และ ติ๊กต็อก ช็อป http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

เชื้อราไตรโคเดอร์มาคือเชื้อราชนิดหนึ่งที่ขึ้นชื่อในด้านความสามารถในการป้องกันและกำจัดโรคราดำในต้นลำไย ตรา Trichorex เป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะที่มีเชื้อรา Trichoderma และออกแบบมาสำหรับใช้กับต้นลำไยโดยเฉพาะ

โรคราดำ หรือที่เรียกว่า โรคจุดดำ เกิดจากเชื้อรา Colletotrichum gloeosporioides เป็นปัญหาทั่วไปในต้นลำไยและอาจนำไปสู่การสูญเสียผลผลิตอย่างมากหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแล อาการของโรคราดำ ได้แก่ จุดสีดำหรือสีน้ำตาลบนผล ลำต้น และใบของต้นลำไย จุดเหล่านี้เติบโตและแพร่กระจายในที่สุด นำไปสู่การตายของเนื้อเยื่อพืชที่ติดเชื้อ

เชื้อราไตรโคเดอร์มาสามารถป้องกันและกำจัดโรคราดำในต้นลำไยด้วยกระบวนการที่เรียกว่าไบโอคอนโทรล เมื่อนำไปใช้กับดินหรือใช้กับพืชโดยตรง เชื้อราไตรโคเดอร์มาจะขยายพันธุ์พืชและสร้างเกราะป้องกันรอบๆ อุปสรรคนี้ช่วยป้องกันการตั้งรกรากและการเจริญเติบโตของเชื้อราที่ทำให้เกิดโรค รวมทั้ง Colletotrichum gloeosporioides ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคราดำ

นอกจากความสามารถในการป้องกันและกำจัดโรคราดำแล้ว เชื้อราไตรโคเดอร์มายังมีประโยชน์อีกมากมายสำหรับต้นลำไย ซึ่งรวมถึงการเจริญเติบโตและความแข็งแรงของพืชที่เพิ่มขึ้น การพัฒนาของรากที่ดีขึ้น และเพิ่มความทนทานต่อความเครียด

โดยรวมแล้วเชื้อราไตรโคเดอร์มา ตรา Trichorex เป็นโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันและกำจัดโรคราดำในต้นลำไย การใช้งานสามารถช่วยเพิ่มผลผลิตและปรับปรุงสุขภาพโดยรวมของต้นลำไย

ไตรโคเร็กซ์ : เชื้อไตรโคเดอร์มา

ช่วยป้องกันและยับยั้งโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นใบเหลือง รากเน่า
โคนเน่า ไฟท้อปเธอร่าในทุเรียนโรคแคงเกอร์ในส้ม - มะนาว
โรคทลายปาล์มเน่าโรคแอนแทรกโนสใน มะละกอ แตงโม แตงกวาโรคใบจุด ใบแห้ง
โรคกาบใบเน่า โรคกาบใบแห้งโรคไหม้ในข้าว โรคกุ้งแห้งในพริก
โรคผลเน่า

ใช้อย่างไร

1. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณกิ่ง ก้าน ใบ หรือราดบริเวณโคนต้น

2. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อปุ๋ยอินทรีย์ 20 กก.ในการปลูกหรือรองก้นหลุมก่อนปลูก

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อบิวเวอร์เรียและเมธาไรเซียม ควรฉีดสลับกันทุก 7-10 วัน *

ผลิตภัณฑ์ของเราดีกว่าอย่างไร
1.มีห้องปฏิบัติการเพาะเชื้อจุลินทรีย์
- คัดสายพันธุ์เฉพาะ ผ่านการทดสอบ/วิจัย
- สายพันธุ์เชื้อผ่านการตรวจจาก วว.และ สวทช
2.เชื้อจุลินทรีย์เลี้ยงในอุณหภูมิที่เหมาะสม
- มีตู้บ่มเชื้อควบคุมอุณหภูมิ
- ได้เชื้อจุลินทรีย์สมบูรณ์ แข็งแรง
3.มีห้องสำหรับการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์
- เพื่อลดการปนเปื้อนระหว่างการเพาะเชื้อ
- ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น แสง
4.ควบคุมคุณภาพเชื้อจุลินทรีย์ตลอดการผลิต

ป้องกันกำจัดโรคพืช
-โรคใบเหลือง ใบเหี่ยว
-โรคใบจุด ราน้ำค้าง
-โรคราแป้ง
-โรคราสีชมพู กาบใบแห้ง
-โรคผลเน่า ในพริกทุเรียน
-โรคใบไหม้
-โรคเหี่ยวเขียว เหี่ยวเหลือง
-โรครากเน่าโคนเน่า
-โรคเมล็ดเน่า

กลไกการป้องกันโรคพืช
1.เจริญเติบโต แข่งขัน แย่งอาหาร น้ำ และที่อยู่กับเชื้อราสาเหตุโรคพืช
จึงทำให้เชื้อโรคลดปริมาณ ลงอย่างรวดเร็ว
2.การสร้างสารปฏิชีวนะ มาทำลายผนังเซลล์เชื้อราโรคพืช
ทำให้เส้นใยเชื้อราโรคพืชเกิดการไหม้ และตาย
3.เป็นปรสิต สร้างเส้นใยพันรัดน้ำเลี้ยงจากเชื้อโรคพืช
ทำให้เส้นใยสลายลดการขยาย เผ่าพันธุ์ลง


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

เชื้อราไตรโคเดอร์มาคือเชื้อราชนิดหนึ่งที่ทราบกันดีว่ามีความสามารถในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชและยับยั้งเชื้อโรคพืช เชื้อรา Trichoderma harzianum ชนิดหนึ่งในสกุลนี้มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคราสนิมในพืชโดยเฉพาะ สายพันธุ์นี้ขายภายใต้ชื่อ Trichorex

โรคราสนิมเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อราทั่วไปที่ส่งผลกระทบต่อพืชหลากหลายชนิด รวมถึงธัญพืช หญ้า และพืชอื่นๆ อีกมากมาย มันเกิดจากกลุ่มของเชื้อราที่เรียกว่า Pucciniales และมีลักษณะเฉพาะคือการก่อตัวของตุ่มหนองสีน้ำตาลแดงบนใบ ลำต้น และส่วนอื่นๆ ของพืช สนิมสามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืช ทำให้ผลผลิตและคุณภาพลดลง

Trichorex ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากเชื้อรา Trichoderma harzianum พบว่ามีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันและควบคุมโรคราสนิมในพืช เชื้อรานี้ตั้งรกรากอยู่ในรากของพืชและสร้างเกราะป้องกันรอบ ๆ พวกมันเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่พืช นอกจากนี้ยังผลิตสารประกอบที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราสนิม ซึ่งช่วยลดความรุนแรงของโรค

นอกจากความสามารถในการควบคุมการเกิดสนิมแล้ว Trichorex ยังมีประโยชน์อื่นๆ ต่อพืชอีกมากมาย ส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชโดยการเพิ่มปริมาณสารอาหารและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของพืช นอกจากนี้ยังปรับปรุงความทนทานของพืชต่อความแห้งแล้งและแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ

Trichorex สามารถนำมาใช้กับพืชเป็นดินเปียกหรือการรักษาเมล็ดพันธุ์ ปลอดภัยสำหรับใช้กับพืชทุกชนิดและสามารถใช้ร่วมกับสารกำจัดเชื้อราและยาฆ่าแมลงอื่นๆ นอกจากนี้ยังได้รับการอนุมัติสำหรับการทำเกษตรอินทรีย์

สรุปได้ว่า Trichoderma harzianum (Trichorex) เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและควบคุมโรคราสนิมในพืช เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพแทนการใช้สารเคมีกำจัดเชื้อรา และยังสามารถให้ประโยชน์เพิ่มเติมแก่พืช เช่น การส่งเสริมการเจริญเติบโตและความทนทานต่อปัจจัยกดดันจากสิ่งแวดล้อม การประยุกต์ใช้สามารถทำได้ทั้งการรดดินหรือการบำบัดเมล็ดพืช และได้รับการอนุมัติสำหรับการทำเกษตรอินทรีย์

ไตรโคเร็กซ์ : เชื้อไตรโคเดอร์มา

ช่วยป้องกันและยับยั้งโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นใบเหลือง รากเน่า
โคนเน่า ไฟท้อปเธอร่าในทุเรียนโรคแคงเกอร์ในส้ม - มะนาว
โรคทลายปาล์มเน่าโรคแอนแทรกโนสใน มะละกอ แตงโม แตงกวาโรคใบจุด ใบแห้ง
โรคกาบใบเน่า โรคกาบใบแห้งโรคไหม้ในข้าว โรคกุ้งแห้งในพริก
โรคผลเน่า

ใช้อย่างไร

1. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณกิ่ง ก้าน ใบ หรือราดบริเวณโคนต้น

2. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อปุ๋ยอินทรีย์ 20 กก.ในการปลูกหรือรองก้นหลุมก่อนปลูก

ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อบิวเวอร์เรียและเมธาไรเซียม ควรฉีดสลับกันทุก 7-10 วัน

ผลิตภัณฑ์ของเราดีกว่าอย่างไร
1.มีห้องปฏิบัติการเพาะเชื้อจุลินทรีย์
- คัดสายพันธุ์เฉพาะ ผ่านการทดสอบ/วิจัย
- สายพันธุ์เชื้อผ่านการตรวจจาก วว.และ สวทช
2.เชื้อจุลินทรีย์เลี้ยงในอุณหภูมิที่เหมาะสม
- มีตู้บ่มเชื้อควบคุมอุณหภูมิ
- ได้เชื้อจุลินทรีย์สมบูรณ์ แข็งแรง
3.มีห้องสำหรับการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์
- เพื่อลดการปนเปื้อนระหว่างการเพาะเชื้อ
- ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น แสง
4.ควบคุมคุณภาพเชื้อจุลินทรีย์ตลอดการผลิต

ป้องกันกำจัดโรคพืช
-โรคใบเหลือง ใบเหี่ยว
-โรคใบจุด ราน้ำค้าง
-โรคราแป้ง
-โรคราสีชมพู กาบใบแห้ง
-โรคผลเน่า ในพริกทุเรียน
-โรคใบไหม้
-โรคเหี่ยวเขียว เหี่ยวเหลือง
-โรครากเน่าโคนเน่า
-โรคเมล็ดเน่า

กลไกการป้องกันโรคพืช
1.เจริญเติบโต แข่งขัน แย่งอาหาร น้ำ และที่อยู่กับเชื้อราสาเหตุโรคพืช
จึงทำให้เชื้อโรคลดปริมาณ ลงอย่างรวดเร็ว
2.การสร้างสารปฏิชีวนะ มาทำลายผนังเซลล์เชื้อราโรคพืช
ทำให้เส้นใยเชื้อราโรคพืชเกิดการไหม้ และตาย
3.เป็นปรสิต สร้างเส้นใยพันรัดน้ำเลี้ยงจากเชื้อโรคพืช
ทำให้เส้นใยสลายลดการขยาย เผ่าพันธุ์ลง


สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link..

โรคเชื้อราเป็นปัญหาที่พบบ่อยในการปลูกผักกาดหอม ซึ่งมักนำไปสู่การสูญเสียผลผลิตอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ผู้ปลูกสามารถป้องกันและควบคุมโรคเหล่านี้ได้โดยใช้กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพร่วมกัน หนึ่งในกลยุทธ์ดังกล่าวคือการใช้สารฆ่าเชื้อราที่มีศักยภาพที่เรียกว่า IS ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันและควบคุมโรคจากเชื้อรา

เพื่อเสริมการใช้ IS ผู้ปลูกยังสามารถรวมสารประกอบอินทรีย์เข้ากับระบบการควบคุมโรคของพวกเขา สารประกอบอินทรีย์มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันและกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

อีกหนึ่งกลยุทธ์ในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในผักกาดหอมคือการใช้ FK-1 ซึ่งเป็นสารบำรุงพืชพร้อมใช้ FK-1 ประกอบด้วยสารอาหารที่จำเป็น เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี รวมทั้งสารลดแรงตึงผิว ซึ่งทั้งหมดนี้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชในขณะที่ยังช่วยป้องกันและควบคุมโรคเชื้อรา

เมื่อรวมกลยุทธ์เหล่านี้เข้าด้วยกัน ผู้ปลูกสามารถป้องกันและควบคุมโรคเชื้อราในผักกาดหอมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นและพืชผลมีคุณภาพสูงขึ้น